ผิดไหม ? ที่คิดถึงใครคนหนึ่งเรื่อยมา แม้มีคนข้างกายก็ไม่อาจห้ามใจได้ . . .

เม่าเหม่อ...เริ่มเรื่องเลยก็คือ ย้อนไปเมื่อวันวานสมัย ม.ปลาย ก็หลายปีอยู่ อาจบิดเบือนนิดหนึ่ง แต่เหตุการณ์สำคัญยังจำได้ดี แต่ไม่ถึง 10 ปีหรอกนะ เมื่อตอนนั้น ผมก็ชอบคน ๆ หนึ่งอยู่ แต่ความรักครั้งนั้นไม่เป็นใจเลย เพราะเขามีแฟนเป็นตัวเป็นตน แถมก็อย่างว่า ผมสู้ไม่ได้ในทุกๆด้านเลย (มั้ง) อีกอย่างเพื่อนของเขาผมก็รู้จัก ถือว่าเป็นรุ่นพี่ที่ค่อนข้างคุ้นเคยเลยก็ว่าได้ มาวันหนึ่ง เมื่อผมเล่นบาสกับเพื่อน ก็รู้สึกแปลก ๆ เหมือนเรารู้มีใครมองแบบนั้นแหละครับ พอหันไปมองด้านบนอาคาร อ่อลืม สนามบาสจะติดกับอาคารเรียน 2 ชั้นที่ผมเรียนอยู่ในสมัยนั้น และพอมองขึ้นไป ก็เห็นแค่ข้าง ๆ ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งแอบอยู่ แต่ผมก็ยังเห็นเพื่อนเขาชัดเลย แถมยังยิ้ม แฮ่ ๆ ให้อีก จากวันนั้นก็เป็นงี้เรื่อยมา อ้ออีกอย่าง สมัยนั้น M.. ยังดังอยู่ เราก็ได้แชทกับพี่คนนั้น จนเขาบอกว่า เพื่อนเราชอบนาย แต่เขาไม่บอกชื่อ ผมก็พอๆเดาได้แหละ จากนั้นเป็นต้นมา เรื่องทุกอย่างก็เด่นชัดขึ้นเรื่อย ๆ จนผมกับผู้หญิงตัวน้อยคนนั้นก็ได้คุยกันทุกวัน แต่ไม่ได้ขึ้นสถานะแฟน แค่คนคุยกัน พอวันหนึ่ง รร. มีงานไปแข่งทักษะวิชาการที่ต่างอำเภอ บังเอิญวันนั้นผมเล่นเกมกับเพื่อน จนตี 2 ละต้องไปขึ้นรถเพื่อนไปงาน ตอนตี 5 เนื่องด้วยเส้นทางอยู่ไกลกันมาก เป็นเหตุให้ตื่นสาย เพื่อนผมนี่ ซิ่งมอไซต์ไป รร. อย่างไว ในเวลาแค่ 5-10 นาทีก็ถึง รถที่ รร. จัดไว้ให้ พอขึ้นไป เอาเรื่องสิครับ ที่นั่งเต็ม แต่พอดีเหลือบไปเห็นมือหนึ่งกวักอยู่ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ผมก็ได้นั่งกับผู้หญิงตัวน้อยน่ารักคนนั้น แถมเธอยังเอาหมอนพกพามาด้วยสิ มีหรือผมจะไม่อ้อน แถมก่อนจะอ้อนผมยังถามว่าจองให้เหรอ เขาบอกว่าเปล่า แต่ใคร ๆ ก็รู้แหละครับ จนผมอ้อนนอนบนหมอนที่วางตักเธอ เธอก็บอกว่าหนัก แต่การแสดงออกไม่ต่อต้านเลย ผมหมั่นใส้เลยหยิกแก้มไป 1 ที เขารีบปัดมือเลยครับ บอกว่า เดี๋ยวสิวขึ้น ผมนี่เสียฟอร์มไป 1 วิ ละกลับไปอ้อนต่อ อมยิ้ม02 พอถึงที่แข่ง และแข่งเสร็จ ผมก็ไปเห็นของจุ๊กจิ๊กน่ารักๆร้านหนึ่ง พอนึกขึ้นได้เธอชอบหมีพู เลยเหมาทั้งร้านเท่าที่จะมีตังซื้อได้ไปให้เธอ แต่อย่างว่าตอนนั้นยังเด็กอยู่ คงซื้อไรได้ไม่มาก ก็เท่าที่ได้ละนะ และตอนเอาไปให้เพื่อนเขานี่แซวกันใหญ่ แต่ถ้ามองไม่ผิดเขาแอบหน้าแดงด้วย น่ารักสะไม่มี ปอกส้ม เราก็คุยกันเรื่อยมา ๆ แต่ก็ไม่ได้ขึ้นสถานะเป็นแฟน และเวลาผ่านไป จนผมกล้าที่จะขอเธอเป็นแฟน พอรวบรวมความกล้าเสร็จ ผมก็บอกไปว่า พี่...เรามาเป็นแฟนกันไหม ตอนนั้นนี่อย่างกับเวลาหมุนฃ้าลง จนเธอพิมว่า จะดีเหรอ รู้สึกมันง่ายไป ... เหมือนฟ้าผ่าลงมากลางใจ เม่าฝนตก ผมทำได้เพียงตอบแบบสุภาพละก็กลับไปนอน หวังว่าเรื่องนี้เป็นเพียงความฝัน จนผมเริ่มปิดกั้นตัวเอง จนเวลาผ่านไปสักพัก เมื่อมีรุ่นน้องมาปลื้มผม และทำทุกอย่างเหมือนเขามีใจให้ ผมก็เริ่มโอนเอียง แต่กับรุ่นพี่คนนั้นผมก็คุยเรื่อยๆ แต่ไม่มากเหมือนแต่ก่อน ทุกครั้งที่คุยก็เจ็บแปล๊บ ๆ ตลอด อธิบายไม่ถูกเหมือนกัน พอวันหนึ่ง รุ่นน้องเอาไอติมมาให้ ผมก็รับไว้ แต่พอขึ้นอาคารมาเรียนก็โดนเพื่อนรุ่นพี่แซว แล้วรุ่นพี่ตัวน้อยก็ทำท่างอลใส่อีก ผมก็ไม่เข้าใจอารมณ์เขาตอนนั้นหรอก จนเมื่อผมกับรุ่นน้องเป็นแฟนกัน อาการของพี่เขาก็รุนแรงขึ้น ผมก็ยอมรับสภาพละนะ แต่ผมเป็นฝ่ายเลือกเอง โดนเท่าไหร่ก็ไม่กล้าโต้ตอบหรอก เพราะยังไงผมก็ยังรักรุ่นพี่คนนั้น เพี้ยนเพลีย จนดูทุกอย่างเหมือนเราทะเลาะและไม่ลงลอยกันโดยปริยายเลยละ  เวลาผ่านไปไม่นาน ผมกับรุ่นน้องคนนั้นก็เลิกกัน เนื่องด้วยเขามีคนใหม่ละนะ คงดีกว่าผมแหละ แฮ่ ๆ แต่ผมกับรุ่นพี่ตัวน้อยก็ไม่ได้คุยกันนะ อาจจะมีบ้าง แต่แค่ประโยค สอง ประโยคเท่านั้น พอพี่เขาจบ ผมก็พยายามหนี การบูม ด้วยการไปเล่นดนตรีแทน คือบูมนี่จะบูมให้รุ่นพี่ที่จบไปนะครับ เพราะไม่อยากเห็นเขาอึดอัดและไม่อยากเห็นเขาจากไปเลย ไม่อยากรับความจริงละมั้งผมเลยทำแบบนั้น จนวันสุดท้ายจริง ๆ พี่เขาก็เอาเฟรนซิฟเดินมาทางผม ผมก็แอบดีใจในใจ แต่ทุกอย่างเหมือนผมคิดไปเอง เพราะพี่เขาเอาไปให้เพื่อนของผม ก็นะเพื่อนผมดังๆหล่อๆทั้งนั้น ผมนี่ลูกแกะดำคนเดียว ฮ่า ๆ ขนาดสายตายังไม่มองมาเสียดเงาผมเลย อะไรจะรังเกียจขนาดนั้น ผมก็ได้แต่มองภาพข้างหลังเธอเดินออกไป พร้อมเสียงเพื่อนพูดออกมาว่า อูวหู้ว ! . ดูหุ่นเธอสิ ผมนี่ป๊าบเข้ากระบาลมันไปทีหนึ่ง และเรื่อยราว ก็ผ่านไป จนผมจบ ม.ปลาย เป้าหมายผมก็ไม่ชัดเจน แม่ก็เลยเอาไปอยู่เมื่องนอกด้วย เวลาก็ล่วงเลยผ่านไป ผมก็เฝ้ารอคอยการกลับมา จนทุกอย่างในเมืองนอกถึงทางตัน ผมไม่มีความสุขกับที่นั่น จนครบ 1 ปี ผมก็เลยกลับมาเรียนต่อมหาลัยฯ ใน จ. เดียวกับเธอ อ้อ ลืมไป ผมเฝ้าติดตามเธอใน เว็บไซต์ดัง F ละนะ พอทุกอย่างเป็นอย่างนั้นเรื่อย ๆ ซึ่งผมแอดเธอหรือเธอแอดมาก็ไม่ทราบ ก็ก่อนผมไปเมืองนอก หรือ ประมานตอนพี่เขาจบ ม.ปลาย ๆ ใหม่ ๆ เนี้ยแหละ แต่ก็อาจเป็นผมแหละนะ ก็คนมันคิดถึง ผมกล้าพูดเต็มปากเลยคำนี้ ก็คืนดีกันจนพูดคุยกันเหมือนปกติ แต่ผมก็โดนเผาเรื่อยๆ แหละ คนมันมีความผิดติดตัวละนะ แฮ่ ๆ และเวลาผ่านไปเพียงแค่ 1 ปี เขาก็มีแฟนที่คบกันมาถึงปัจจุบัน ไม่ให้โอกาสผมเลย ดูสิ T^T จะรักกันไปถึงไหน ... ล้อเล่นครับ เห็นเขามีความสุขขนาดนั้นผมก็ดีใจด้วยแหละ อ่า พอผมกลับมาจากเมืองนอก ผมก็ได้อยู่ใน จ. เดียวกับเธอแหละ จนทุกวันนี้ ยังไม่เคยเจอกันเลย จำได้เพียงสัญญาจะไปดูหนัง ตอนเธอไปลำปางครั้งยังคุยกันได้เพียงเท่านั้น ซึ่งอยู่กันคนละมหาลัยฯ ผมอยู่เอกชน เขาอยู่รัฐบาล เพราะผมเรียนช้าไป 1 ปี แถมยังขี้เกียจไปสอบรายงานตัวไรเยอะแย่ะเลยตัดปัญหามาเรียน เอกชน แทน พอเวลาผ่านไป 1 ปี ทุกอย่างในชีวิตผมเริ่มลงตัว ผมก็มีแฟนน่ารักๆ 1 คน ซึ่งก็น่ารักจริงๆนั้นแหละครับ ช่วยนั้นช่วยนี่ตลอด แถมยังดูแลผมอย่างกับแม่คนที่ 3 เลยก็ว่าได้ ทำไมถึงที่ 3 นะเหรอ เพราะผมมี ยาย เป็นที่ 1 แม่เป็นที่ 2 เธอเลยลำดับลงมา แฮ่ ๆ เข้าเรื่อง ๆ พอผ่านมาสักพัก เธอมาทักครับ ก็ตามปกติ จนเธอถามว่า ไปรับปริญเค้าด้วยนะ พ่วงมาด้วยขอช่อแบงค์พัน ฮ่า ๆ ผมก็ถามว่าเร็ว ๆ นี้เหรอ เธอบอกว่า เปล่า เดี๋ยวถึงจะบอก จองตัว ๆ เหมือนหัวใจพองโตเลย แต่ก็เท่านั้นแหละครับ ผมไม่อยากเกินเลยถึงแหมจะอยาก เพราะเราต่างมีคนข้างกาย แถมก่อนหน้านั้น ตอนโน้น .... เธอยังส่งเพลง ขอบคุณที่ทิ้งกันมาให้ อีก เจ็บไม่รู้จะเจ็บยังไง เรื่องราวลึกสั้นหนางบาง ก็เป็นแบบนี้แหละครับ ฮ่า ๆ คิดถึงก็ทำได้แต่คิดถึง หากขออะไรได้สักอย่างผมก็อยากกลับไปแก้ไขเวลานั้น และเลือกที่ใจผมเรียกร้องมากกว่านี้ เพราะไม่อยากมานั่งเศร้า นั่งเหมอ คิดถึงใครมากกว่าแฟนตัวเองแล้วละ แค่อยากให้รู้ว่า ถึงเธอไม่เคยรับรู้หรือไม่เคยอยากจะรับรู้ว่า คน ๆ นี้ยังคง รักและคิดถึงเธอเสมอ จากวันนั้นถึงวันนี้ มันยังคงไม่เปลี่ยนไป ทุกความทรงจำมันสวยงามตลอดมา ขอบคุณสำหรับช่วงเวลาดี ๆ ที่คน ๆ นี้มองข้ามไป ขอให้มีความสุขและโชคดีในทุกวัน คน ๆ นี้จะเฝ้ามองเธอจากอีกมุม ๆ หนึ่งของโลกนี้ อัญมณีสีเขียว . . . หมีพูหว่ะ !!! ใจร้าวพระจันทร์เม่าตาสว่างคิดถึงนะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่