จากชีวิตเด็กที่ไม่มีแม้แต่ข้าวจะกิน กลายเป็นางซินชั่วข้ามคืน และตกจากฟ้ามาสู่ถนนคนเดินดิน

ที่คิดจะเขียนกระทู้นี้ขึ้นมาเพราะว่าอารมณ์ตอนนี้มันหวนกลับไปคิดถึงเรื่องราวต่างๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตและทุกสิ่งที่ทำให้เรา เป็นตัวเราในวันนี้ เราผ่านจุดที่ต่ำที่สุด และสูงที่สุดมาแล้ว เลยอยากแบ่งปันให้คนที่กำลังท้อแท้ และเบื่อหน่ายกับชีวิต มาแบ่งปันเรื่องราวคิดว่าอ่านแก้เหงาแล้วกันเนอะ ( โฆษณานิดนึง จขกท อยากเขียนอ่า ไม่มีคนอ่านไม่เป็นไร ไม่เสียใจ แต่จะร้องให้หนักมากกกก ฮ่าๆๆ ) ยาวมากๆนะ เตือนไว้เลย เจ้าเริงร่า


*****ปล. เรายังไม่ได้ตรวจอักษรนะจ๊ะ พิมพ์ผิดขอประทานอภัยเป็นอย่างสูง
ที่แท็กปัญหาครอบครัวเพราะ จุดเริ่มต้นของทุกชีวิตคือครอบครัวค่ะ
ปัญหาความรักเพราะ จขกท จะแบ่งปันประสบการณ์ความรักด้วยเนาะ
ศาลาคนเศร้า เพราะ จขกท ก็มีเรื่องเศร้าๆ เหมือนกันน้า สุขยิ้มได้ตลอดเวลาก็เป็นบ้าแล้ววว
ปัญหาสังคม เพราะมันเป็นเรื่องเกี่ยวกับสังคมจริงๆ นะเออ ลองอ่านดูนะ
การเรียน เพราะอยากให้น้องๆ วัยเรียนได้อ่านโดยเฉพาะเด็กๆ ที่อาจจะท้อแท้อยู่ พี่เชื่อว่าเราจะได้ข้อคิดจากชีวิตพี่ไม่มากก็น้อยนะคะ


ชีวิตที่ไม่เคยพบเจอกับคำว่า “ ง่าย “ และ “ สบาย “
               จขกท เป็นคนที่ทำงานหาเงินใช้เองตั้งแต่ประมาณ 9  หรือ 10 ขวบนี่เหละ ประมาณนี้นะเออ ชีวิตวัยเด็กก็ไม่มีอะไรมาก รับจ้างเก็บพริกตามสวน ( ขอบอกว่า มันร้อนและแสบมากๆ คร่า อิมเมจิน เวลาเด็ดพริกทำกับข้าวทีละเยอะๆ แล้วเดินตากแดดกลางถนนไปด้วยสักห้าชั่วโมง คุณจะรู้สึกยังไง ) จำไม่ได้ว่ากิโลละกี่บาท แต่เดินเก็บไปเรื่อยๆ ร้อนก็เดินไปใต้ต้นไม้ พักหายเหนื่อยก็เดินต่อ ได้วันละไม่เกินยี่สิบบาท ( ได้แค่สิบบาทก็ดีใจแล้วคู้นนน กว่าจะได้นี่ตัวดำมิดหมี ) เพี้ยนไฟลุก

               
                 งานต่อไปนี้เด็กๆ รับจ้างเตาะหอมค่ะ งง อ่ะดิ ว่ามันคืออะไร พี่จะอธิบายแบบง่ายๆ นะ ตอนที่เค้าขุดต้นหอมออกมาและทำการล้างเรียบร้อยแล้ว เราจะต้องจัดการตกแต่งให้มันสวยงามโดยการเด็ดเอาเศษที่อยู่ตรงโคนต้นหอมออกจนมันเหลือแต่สีขาววิ้งๆ เท่านั้น และทำการเด็ดใบที่ไม่สวยออก ก็คือใบที่สีเหลืองๆ และเน่านั่นเหละ เป็นอันเสร็จเรียบร้อย สงนราคาอยู่ที่กิโลละไม่ถึงบาท อยู่ที่ประมาณไม่กี่สตางค์ ดี้ดี ไม่ร้อนนะเออ เพี้ยนเพลีย

               
                    อาชีพเสริม หั่นกระชายค่ะ ทำตอนกลางคืน แบ่งบ้านข้างๆ มาหั่น หั่นให้มันเป็นเส้นเล็กๆ แบบที่ใส่อยู่ในผัดฉ่านั่นเหละค่ะ แต่อันนี้ทรมานมาก เป็นอะไรที่ไม่ชอบมากกว่าเก็บพริกอีก เพราะมีดมันบาด บาดจนป็นแผลหลายต่อหลายครั้งจนเจ้เพลียที่จะนับ บาดทีก็นั่งกระซิกๆมองดูเลีอดใหล ขนาดเอาพลาสเตอร์ยาพันนิ้วมันยังบาดได้ ( บอกเทคนิคนิดนุง การหั่นกระชายจะต้องใช้มีดที่บาง และคม และเล่มใหญ่พอประมาณ แต่อีโต้ใช้ไม่ได้เด้อ เดี๋ยวนิ้วขาดสิหาว่าไม่เตือน ) หั่นเสร็จต้องเอามันไปล้างน้ำ และเอาสารส้มไปละลายน้ำ ใส่กระชายลงไปโลด เค้าบอกว่าจะทำให้มันสะอาด ไม่ดำ และกรอบ สงนราคาอยู่ที่กิโลละเป็นบาทนะตัวเธออ เอาซี้ รายได้ดีใหมล่ะ ฮึๆๆ เม่าเหม่อ

            
                     มีรายได้ดีอยู่ช่วงนึงที่ทางบ้านกำนันเปิดโรงรถทำเป็นสถานที่ให้เหล่าแม่บ้านที่มีลูกเล็กๆ ต้องดูแลหารายได้เสริมด้วยการติดต่อโรงงานผลิตผลไม้กระป๋องอะไรเทือกนั้นแล แล้วเอาผลไม้มาลง อาทิเช่น มะละกอ มะม่วง สัปประรด และเงาะเป็นต้น เรามีหน้าที่ปอกและหั่นมันเป็นชิ้นๆ ค่ะ แต่เจ้ปอกเป็นแต่มะม่วงนะคะ สัปประรดนี่ไม่ต้องพูดถึง ขืนปอกก็และค่ะ ( ความจริงเค้าก็ไม่ให้ปอกด้วย กลัวทำเสียของ ) งานนี้ทำได้เฉพาะเสาร์อาทิตย์เท่านั้น และต้องไปตั้งแต่ตีห้าเพื่อแย่งชิงมะม่วง เพราะมีแต่คนอยากจะปอกอันนี้อ่ะ มันง่ายสุด แค่ปอกๆ แล้วก็เฉือนๆ เป็นชิ้นๆ โยนเม็ดทิ้งก็เสร็จละ ราคาค่าปอกก็ต่างกันไปตามความยากง่าย ถ้าเราจำไม่ผิดสงนราคาอยู่ที่กิโลละ 60 สตางค์ รายได้วันๆ นึงถ้าทำทั้งวันนี่ถึงห้า หกสิบบาทนะตัวเทอ เจ้นั้งปอกตั้งแต่เช้าจรดค่ำอ่ะค่า ทุ่มเทฝุดๆ เพื่อเงิน เก็บตังได้ก็เพราะที่นี่เหละ นี่ช่วงวัยเตาะเตะนะคะ ทำแบบนี้มาเรื่อยๆ ค่ะ


                 วันใหนไม่มีข้าวกินก็ปั่นจักรยานเศษเหล็กไปช่วยร้านก๋วยเตี๋ยว ซึ่งต้องใช้เวลาปั่นเป็นครึ่งชั่วโมงกว่าจะถึง แต่เจ้ก็ยอมเพราะท้องมันหิว ไปช่วยป้าเค้าเสิร์ฟก๋วยเตี๋ยว เก็บจาน เช็ดโต๊ะ และมีออฟชั่นการเก็บลูกสนุ๊กเป็นบริการเสริมให้ พอช่วงบ่ายหนุ่มๆ สาวๆ โรงงานกลับเข้าไปทำงานป้าก็จะเรียกให้มารับค่าจ้าง เป็นก๋วยเตี๋ยวน้ำตกหนึ่งชามไม่ใส่ผักกับลูกชิ้นสามลูก กินเสร็จก็ไปล้างจาน เสร็จแล้วพอบ่ายสามตลาดนัดข้างวัดกำลังตั้ง เจ้ก็ซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ป้าเป็นเด็กแว้นไปจ่ายตลาด ช่วยถือของ ป้าจะซื้อขนมให้ทานอีกเป็นรางวัล ประมาณสี่โมงเย็นกลับถึงร้านก็ปั่นจักรยานกลับบ้านคร้า ท้องอิ่มสบายใจ  


                   พอเข้า ม. 1 นี่พอดีมีโรงงานเย็บมุ้งเปิดให้ พ่อ แม่ พี่ น้อง ใครมีลูกหลานอยากให้ทำงานเสริมหลังเลิกเรียนก็พามากันโลด ทำอะไรน่ะหรอ ง๊ายง่าย แค่นั่งจับมุ้งใส่ถุง แล้วก็จับตะปูกับเชือกใส่ถุง แค่เนี้ย ทำตั้งแต่ห้าโมงเย็นถึงสองทุ่ม ได้หกสิบบาท จ่ายสดหลังเลิกงาน คือดี๊ดี มีตังทุกวัน กระชงกระชายพี่เลิกไปหั่นเลย แต่ยังคงปอกมะม่วงวันเสาร์อาทิตย์อยู่นะคร้า ( ก็คนมันงกอ่ะ เก็บตังไว้เรียนหนังสือ ) ไปทำมันทุกวันคร้า เลิกเรียนกลับถึงบ้านบ่ายสามโมงครึ่ง รีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าปั่นจักรยานไปทำงาน ปั่นจักยานกลับบ้านเป๋าตุงมีตังหกสิบบาท คือดีงาม อยากจะกราบเจ้าของโรงงานสักพันรอบ ขอบคุณพันครั้งยังไม่พอ นานาขอบคุณนานาขอบคุณนานาขอบคุณนานาขอบคุณนานาขอบคุณนานาขอบคุณนานาขอบคุณนานาขอบคุณนานาขอบคุณนานาขอบคุณ


                 *****ขอเพิ่มเติมนิดนึงนะคะ โรงงานนี้ไม่ใช่โรงงานนรก ไม่ได้ทรมานเด็ก เค้าทำแบบนี้ก็เพราะเห็นเด็กอดอยาก ไม่มีข้าวจะกินเพราะพ่อแม่ไม่มีปัญญาจะเลี้ยงลูก เด็กมาทำงานอย่างน้อยๆ ได้เงินวันละหกสิบบาท บอกเลยว่ามันเยอะมากในสายตาดิชั้น หกสิบบาทนี่ซื้อกับข้าวกินได้ทั้งครอบครัว คืออยู่รอดไปอีกหนึ่งวันแบบสบายๆ แกงตลาดนัดถุงละสิบบาท คุณคิดดูมันซื้อได้หกถุง แค่นี้ก็เกินจะบรรยายค่ะ แล้วงานก็แสนสบาย ง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วย ไม่มีการดุด่า ว่ากล่าว หรือใช้ความรุนแรง สำหรับชั้นมันคือสวรรค์ถ้าเทียบกับงานอื่นๆ ที่ผ่านมา งานสบายรายได้ดี
                 วันเสาร์อาทิตย์ป้าแกจะเจียดเวลาทำงานหนึ่งชั่วโมง พาเด็กๆ อย่างเราไปนั่งฟังธรรมมะ โดยมีพระอาจารย์จี้กง  คือไม่รู้จะเรียกอะไรดีให้เห็นภาพ เพราะป้าเป็นคนจีน เลยนำพระจีนมาสอน ก็นั่งร้องเพลงจีน ยืนคำนับฟ้าดิน ฟังแกสอนไปตามระเบียบ เสร็จแล้วถึงจะกลับมาทำงาน แกจะพยายามสอนให้ขยัน และเป็นเด็กดี ไม่ย่อท้อ ส่วนมากประมาณนี้ ทำอยู่ได้ประมาณสองปีก็ต้องเลิกจ้างเพราะมีคนไปแจ้งตำรวจ ตอนนั้นเราร้องให้เลย นั่นคือเงิน บางทีกฎหมายก็ทำร้ายประชาชนนะ
                 เด็กอีกหลายชีวิตที่ต้องกลับไปลำบากและอดอยากเพราะขาดรายได้จากงานที่แสนสบายไป บางทีคนถือกฎหมายน่าจะเห็นใจและใช้ตามองความเป็นจริงว่าประเทศเรามันเป็นแบบใหน บางอย่างคุณคิดว่ามันผิด มันไม่ดี แต่มันไม่ได้เป็นแบบนั้นเสมอไป คือรู้เลยว่าป้าเค้าทำแบบนี้เพราะเค้าอยากช่วยจริงๆ เพราะพูดตรงๆค่าแรงพนักงงานเต็มวันเค้าตอนนั้นได้คนละ 150 บาทเองนะคะ นี่เค้าให้เด็กชั่วโมงละ 20 บาท ทั้งที่ทำงานแค่หยิบของใส่ถุง ผิด หรือ ไม่ผิด มันวัดจาก เจตนาค่ะ ไม่ใช่การกระทำ*****


                   
                     หลังจากโรงงานเลิกจ้างเราก็กลับมาใช้ชีวิตกลางแดดเหมือนเดิมค่ะ และก็หั่นกระชายหลังกลับมาจากโรงเรียนเช่นเดิม วันหยุดเสาร์อาทิตย์ก็ปอกมะม่วง บางทีมีงานจ้างรายวันเข้ามาบ้างยามเค้าขาดแคลนคน ทำอะไรน่ะหรอ ถอนขนเป็ด ขนไก่ค่ะ ได้วันละ 120 บาท ดีกว่าปอกมะม่วงเห็นๆ แต่ร้อนเพราะข้างๆ มีเตา เป็นกระทะใบใหญ่ยังกับกระทะทองแดงเอาไว้ลวกเป็ด
                     เสียงเป็ดล้องก๊าบๆอยู่ในกรง โดนคนเชือดโยนลงพื้นดิ้นพล่านๆ เลือดเต็มพื้นไปหมด แต่ต้องทนค่ะ ถึงจะไม่อยากทำเลยเพราะเห็นแล้วหดหู่แต่เงินมันดีกว่าก็ต้องทำ อุปกรณ์ไม่มีอะไรมาก มีแค่มือ กับแหนบ ถอนเสร็จเค้าจะเอาเป็ดไปจุ่มน้ำอะไรก็ไม่รู้สีดำๆ ที่อยู่ในกระทะ มันเหมือนกาว เราต้องมานั่งลอกไอ้กาวสีดำๆ ออกอีกทีถึงจะเอาไปล้างน้ำ แล้วก็ส่งขายได้แล้วค่ะ ก็หาโน่น หานี่ทำได้ทุกวันหยุด



                       ถามว่า จขกท มีเพื่อนบ้างมั้ย มีค่ะ แต่น้อยมาก เพราะวันๆ เราสิงอยู่แต่ในห้องสมุด เลิกเรียนก็ทำงาน ตอนประถมก็อ่านหนังสือเกี่ยวกับประวัติพระพุทธเจ้า เล่มที่มีรูปเยอะๆ อ่ะค่ะ ชอบมาก พอกลับบ้านไม่เคยได้เล่น ทำงานทุกวัน เสาร์อาทิตย์ก็เหมือนกัน การบ้านบางทีต้องไปทำเอาตอนเช้า เป็นแบบนี้มาตลอด ถามเหนื่อยใหม ตอบเลยว่ามากค่ะ ถามว่าท้อมั้ย ตอบเลยแบบไม่อายว่าท้อ ร้องให้บ่อยมาก บางทีทำงานไปร้องให้ไปก็มี แต่ต้องทำค่ะ เพราะไม่ทำท้องก็หิว ไม่มีอะไรกิน ไม่มีเงินไปโรงเรียน ไม่มีเงินซื้อดินสอ ยางลบ เพราะฉะนั้นต้องทำค่ะ ในสมองคิดอย่างเดียวว่าต้องเรียนให้สูงๆ คิดแบบนี้ตั้งแต่เด็กๆ อ่านหนังสือให้เยอะๆ ทำงานเก็บเงินให้ได้เยอะๆ คิดว่าสิ่งที่ต้องทำคือแค่นี้ค่ะ อดทนแล้วจะได้สบายกว่านี้ในวันหน้า เพี้ยนสู้สู้เพี้ยนสู้สู้เพี้ยนสู้สู้


ขอพักแปปนะคะ เดี๋ยวมาต่อพรุ่งนี้นะเออ ชีวิตยังมีอีกเยอะ อย่าเพิ่งเบื่อน๊า เดี๋ยวเรื่องแซ่บๆ มาเม้าท์ตอนกลางๆ ตอนนี้แค่เกริ่นเอาดราม่าไปก่อน อิอิ เจ้าเริงร่าเจ้าเริงร่าเจ้าเริงร่าเจ้าเริงร่า
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่