เราเคยมาตั้งกระทู้ระบายอยู่ 2-3 ครั้ง ถ้าทุกคนพอมีเวลาสามารถกดเข้าไปดูได้ในประวัติการตั้งกระทู้เก่าๆ
สรุปคร่าวๆ คือเราไม่ค่อยพอใจกับพฤติกรรมของน้องชายแฟนซักเท่าไร? (ทั้งเรื่องไม่ช่วยงานบ้าน ไม่ช่วยค่าใช้จ่าย)
จนกระทั่งเมื่อต้นปี เราฝากแฟนเป็นกระบอกเสียง ไปเตือนแล้ว สุดท้ายไม่ดีขึ้น ประจวบเหมาะกับเราก็พูดกลายๆว่าให้เราไม่โอเคกับสิ่งนั้นสิ่งนี้ที่เค้าทำ
เค้าก็ดราม่า และพาลจะย้ายออก ไม่พอใจเรา หาว่าเราจุกจิกเรื่องมาก แต่สุดท้ายไม่ได้ย้าย เหตุผลเนื่องจากพ่อแฟนขอไว้ >>>> อันนี้ไม่ทราบข้อเท็จจริงว่าพ่อแฟนบอกไว้จริงไหม และถ้าพ่อแฟนบอกหรือรู้เรื่อง น้องชายแฟนจะพูดเชิง fact หรือ ใส่อารมณ์เข้าไป เราไม่รู้ว่าเค้าบอกกันยังไงนะคะ
ก็อยู่กันไปตึงๆแบบนั้น เรื่อง คชจ แฟนไปบอกน้องแฟนเลย...ว่าให้ช่วย น้องก็คงไปบอกพ่อ จนพ่อโทรมาตำหนิแฟนว่าเลี้ยงน้องไม่ได้หรอ??? เงินแค่นี้ทำไมต้องทวง...น้องมีค่าใช้จ่ายเยอะ (ซึ่งมองตามมุมเรา เราว่าไม่เยอะเลย เพราะน้องเค้าไม่มีภาระอะไรๆ รถก็เอาของที่บ้านมาให้ ภาระก็คงจะมีแต่ค่าน้ำมัน กับค่ากิน) ส่วนฝ่ายเรารับทั้งค่าไฟ ค่าน้ำ ค่ากินในบ้าน ค่าผ่อนบ้าน ค่าเน็ต ค่าส่วนกลาง ค่าผงซักฟอก ค่าอาหารที่ต้องซื้อเข้าตู้เย็น ฯลฯ
สุดท้ายมาเมื่อซักอาทิตย์ก่อน
เราเรียนโทและทำวิจัยไปกับอาจารย์ด้วย....ได้เงินเป็นก้อนและเป็นรายเดือน นอกนั้นยอมรับมีแม่ช่วยบ้าง ไม่ให้เดือดร้อนแฟนเลย บางทีแม่เราก็ฝากเงินทีละ 1000 -2000 ให้แฟนเราบ้าง
เรากับแฟนนั่งทานข้าวกันที่โต๊ะอาหาร
น้องชายแฟนเพิ่งจะเรียนโทเสาร์อาทิตย์ เค้าก็เปิดประเด็นคุยกับพ่อ... สรุปคร่าวๆว่าเรียนทำไมภาคปกติ ไม่มีเงิน ไม่ได้เงิน ใบปริญญาบัตรไม่ได้ระบุไว้ซะหน่อย ว่าใครจบอะไรมา ทำไมต้องเรียนแบบนั้น...คนที่เลือกแบบนั้นนี่ไม่ไหวเลย (เค้าใช้คำแรงกว่านั้น พูดยาวกว่านี้นะคะ) และพูดกันต่อว่า คนเรียนภาคปกติเนี่ยสบายเนอะ ว่างทั้งวัน เงินก็ไม่ต้องหา เค้า(ตัวน้องชายแฟน)เรียนหนัก ไม่มีเวลาเลย น่าอิจฉาจัง พ่อเค้าก็สำทับว่าอย่าเลยลูก เราเรียนแบบนี้น่ะดีแล้ว...เพราะได้ความรู้ด้วย ได้เงินด้วย คนที่เรียนแบบนั้นน่ะ เค้าไม่ต้องคิดหาเงินอะไร สบายอย่างเดียว ต่อไปลำบากแน่ๆ
ซึ่งคือเรานั่งตรงนั้น เค้าพูดกันนานนะคะ ประมาณ 2 ชม. วนไปวนมา เราลุกไปห้องน้ำ ไปคุยโทรศัพท์กับเพื่อน ดูทีวี กลับมาที่ตรงแถวนั้นยังคุยไม่จบ
เราเลยไม่ไหวจริงๆ เพราะเค้าพูดแรงอะค่ะ ....เลยขึ้นไปร้องไห้ข้างบน เราคงมีปฏิกิริยาที่ไม่ค่อยดี ซึ่งตอนนั้นจำไม่ได้จริง เราอาจจะหน้าบึ้ง หงุดหงิด มั้งคะ จนน้องแฟนพูดทีหลังทำนองว่า "ทำไมต้องคิดแง่ร้าย ไม่ได้พูดถึงคุณซะหน่อย ก็แค่พูดโดยรวม" เราก็เข้าใจนะคะ ว่าเค้าไม่ได้เอ่ยปากถึงเราพูดเหมารวม แต่เราอยู่ในกลุ่มเหมารวมกลุ่มนั้น เรา sensitive กับเรื่องนี้อยู่ด้วย เพราะเครียดเป็นทุนเดิม พอเค้าพูดแบบนี้ เราก็คิดว่า เค้าน่าจะเห็นอกเห็นใจคนอื่นบ้าง เคารพในการตัดสินใจของเราบ้างก็ดี เคารพในความคิดของคนอื่น เพราะเค้าก็รู้ว่าเราน่ะได้ยิน.... แต่ก็ไม่ได้อะไร...

แต่ก็คิดแบบไม่ดีในใจว่าทำไมต้องว่าเรา น้องเค้าแบเงินขอพ่อแม่อยู่เลยทั้งๆที่ทำงาน สบายทุกอย่าง เรากะแฟนเก็บตังซื้อทุกอย่างด้วยตัวเอง บ้านก็ซื้อเอง มือถือ คอมพิวเตอร์ไม่เคยพึ่งที่บ้านเลย แล้วเค้ามีสิทธิ์อะไรมาว่าถ้าเค้ายังดูแลตัวเองไม่ได้ (เพราะในสนทนาพ่อเค้าบอกว่า คนที่เรียนแบบเรา ทักษะชีวิตในการชีวิตต่ำ เพราะยังดูแลตัวเองไม่ได้ ต้องพึ่งพาคนอื่น ส่วนที่เรียนแบบลูกน่ะ โตแล้วดูแลตัวเองได้ มีเงิน มีการมีงานทำ ) แต่มันไม่ใช่ไงคะ เค้ายังแบเงินขอพ่อแม่เค้าอยู่เลย ส่วนเราน่ะได้ทุนเรียน ทุกอย่างอดออม หาอาชีพเสริมทำช่วยแฟนผ่อนบ้าน เค้าไม่ควรว่าเราแบบนั้นทั้งๆท่ีตัวเค้ายังทำไม่ได้แบบที่เค้าพูด
จนมาเรื่องแฟนอีก แฟนจะต่อเอก โดยทุนรัฐบาลกำลังจะได้ไป พ่อเค้าก็พูดทำนองว่าไปทำไม อยู่นี่หาเงินดีกว่าไหม แฟนก็อธิบายว่า เรียนน่ะ ได้เงิน 2 ต่อ ทั้งที่ทำงานด้วย และที่ ตปท ด้วย ค่าเรียนฟรี ค่าอยู่ฟรี แต่พ่อแฟนก็เถียง...ประมาณว่าแก่แล้วค่อยเรียนก็ได้ หรือไปเรียนที่ไทย แฟนก็อธิบายเพิ่มเติมว่า เราเป็นสายนักวิชาการ ไปเรียนแบบที่เค้าเปิดกันเกร่อๆ ไม่ได้ คนละแบบ ก็เถียงกันใหญ่โต
จนคุยถึงเรื่องว่าถ้าไปเรียนจะทำยังไง เราจะอยู่ยังไง น้องหล่ะ ถ้างั้นก็ให้น้องมาอยู่ที่บ้านนี้ต่อ เพราะน้องยังดูแลตัวเองไม่ได้ ก็ให้เรากะแฟนดูแลเค้าต่อไปก่อน ให้ตั้งตัวได้ก่อน (น้องเค้าแก่กว่าเรา 1 ปี) เราก็อึ้งๆ เพราะ...เราไม่ได้อยากเลี้ยงดูเค้าอีกแล้ว น้องชายแฟนก็เอาเราไปเมาท์ในเฟสบุค บอกว่าเราน่ะ negative thinking ตอนนี้เรามั่นใจว่าพ่อแฟน คงฟังอะไรบางอย่างจากน้องแฟนมา เพราะพฤติกรรมปฏิบัติต่อเราและแฟนเปลี่ยนแปลงไป แต่กับน้องยังเหมือนเดิม...
เราเลยมาขอระบาย..และขอกำลังใจ เราควรคิดยังไงดีคะ มีวิธีฝึกคิดดี ต่อคนที่มีทัศนคติที่ไม่ดีต่อเราไหม?? ถ้าน้องชายแฟนอยู่ต่อกะเราอีก....เราควรทำยังไง??? เพราะตอนนี้เหมือนสงครามเย็น
น้องเค้าเอาขวดพลาสติกใส่น้ำมาแช่ตู้เย็นไว้ เป็นขวดของตัวเองเลย ขวดเดียว เค้าบอกว่าไม่กินขวดอื่นหรอก เพราะน้ำขวดอื่นๆ มันไม่ใช่น้ำของลูก เดี๋ยวเจ้าของว่าเอา (ซึ่งประเด็นเราไม่ได้หวง แต่แค่อยากให้เค้าช่วยซื้อมาบ้าง บอกไปแล้วนะคะ แต่ผลที่ได้คือแบบนี้)
เรากวาดบ้านซ้ำอีกรอบ เนื่องจากมีเศษดินเข้ามา เค้าก็พูดลอยๆ บอกว่า คนอื่นอย่าทำเปื้อนนะ เจ้าของบ้านเค้าจะว่าเอา..
มันกลายเป็นซะแบบนี้ไปได้ เฮ้ออ เหนื่อยใจจังค่ะ
ขอวิธีปรับที่จิตใจตัวเองได้ไหมคะ ขอบพระคุณค่ะ
ขอกำลังใจและขอระบายหน่อยค่ะ>>>> เรื่องมีปัญหากับครอบครัวแฟน
สรุปคร่าวๆ คือเราไม่ค่อยพอใจกับพฤติกรรมของน้องชายแฟนซักเท่าไร? (ทั้งเรื่องไม่ช่วยงานบ้าน ไม่ช่วยค่าใช้จ่าย)
จนกระทั่งเมื่อต้นปี เราฝากแฟนเป็นกระบอกเสียง ไปเตือนแล้ว สุดท้ายไม่ดีขึ้น ประจวบเหมาะกับเราก็พูดกลายๆว่าให้เราไม่โอเคกับสิ่งนั้นสิ่งนี้ที่เค้าทำ
เค้าก็ดราม่า และพาลจะย้ายออก ไม่พอใจเรา หาว่าเราจุกจิกเรื่องมาก แต่สุดท้ายไม่ได้ย้าย เหตุผลเนื่องจากพ่อแฟนขอไว้ >>>> อันนี้ไม่ทราบข้อเท็จจริงว่าพ่อแฟนบอกไว้จริงไหม และถ้าพ่อแฟนบอกหรือรู้เรื่อง น้องชายแฟนจะพูดเชิง fact หรือ ใส่อารมณ์เข้าไป เราไม่รู้ว่าเค้าบอกกันยังไงนะคะ
ก็อยู่กันไปตึงๆแบบนั้น เรื่อง คชจ แฟนไปบอกน้องแฟนเลย...ว่าให้ช่วย น้องก็คงไปบอกพ่อ จนพ่อโทรมาตำหนิแฟนว่าเลี้ยงน้องไม่ได้หรอ??? เงินแค่นี้ทำไมต้องทวง...น้องมีค่าใช้จ่ายเยอะ (ซึ่งมองตามมุมเรา เราว่าไม่เยอะเลย เพราะน้องเค้าไม่มีภาระอะไรๆ รถก็เอาของที่บ้านมาให้ ภาระก็คงจะมีแต่ค่าน้ำมัน กับค่ากิน) ส่วนฝ่ายเรารับทั้งค่าไฟ ค่าน้ำ ค่ากินในบ้าน ค่าผ่อนบ้าน ค่าเน็ต ค่าส่วนกลาง ค่าผงซักฟอก ค่าอาหารที่ต้องซื้อเข้าตู้เย็น ฯลฯ
สุดท้ายมาเมื่อซักอาทิตย์ก่อน
เราเรียนโทและทำวิจัยไปกับอาจารย์ด้วย....ได้เงินเป็นก้อนและเป็นรายเดือน นอกนั้นยอมรับมีแม่ช่วยบ้าง ไม่ให้เดือดร้อนแฟนเลย บางทีแม่เราก็ฝากเงินทีละ 1000 -2000 ให้แฟนเราบ้าง
เรากับแฟนนั่งทานข้าวกันที่โต๊ะอาหาร
น้องชายแฟนเพิ่งจะเรียนโทเสาร์อาทิตย์ เค้าก็เปิดประเด็นคุยกับพ่อ... สรุปคร่าวๆว่าเรียนทำไมภาคปกติ ไม่มีเงิน ไม่ได้เงิน ใบปริญญาบัตรไม่ได้ระบุไว้ซะหน่อย ว่าใครจบอะไรมา ทำไมต้องเรียนแบบนั้น...คนที่เลือกแบบนั้นนี่ไม่ไหวเลย (เค้าใช้คำแรงกว่านั้น พูดยาวกว่านี้นะคะ) และพูดกันต่อว่า คนเรียนภาคปกติเนี่ยสบายเนอะ ว่างทั้งวัน เงินก็ไม่ต้องหา เค้า(ตัวน้องชายแฟน)เรียนหนัก ไม่มีเวลาเลย น่าอิจฉาจัง พ่อเค้าก็สำทับว่าอย่าเลยลูก เราเรียนแบบนี้น่ะดีแล้ว...เพราะได้ความรู้ด้วย ได้เงินด้วย คนที่เรียนแบบนั้นน่ะ เค้าไม่ต้องคิดหาเงินอะไร สบายอย่างเดียว ต่อไปลำบากแน่ๆ
ซึ่งคือเรานั่งตรงนั้น เค้าพูดกันนานนะคะ ประมาณ 2 ชม. วนไปวนมา เราลุกไปห้องน้ำ ไปคุยโทรศัพท์กับเพื่อน ดูทีวี กลับมาที่ตรงแถวนั้นยังคุยไม่จบ
เราเลยไม่ไหวจริงๆ เพราะเค้าพูดแรงอะค่ะ ....เลยขึ้นไปร้องไห้ข้างบน เราคงมีปฏิกิริยาที่ไม่ค่อยดี ซึ่งตอนนั้นจำไม่ได้จริง เราอาจจะหน้าบึ้ง หงุดหงิด มั้งคะ จนน้องแฟนพูดทีหลังทำนองว่า "ทำไมต้องคิดแง่ร้าย ไม่ได้พูดถึงคุณซะหน่อย ก็แค่พูดโดยรวม" เราก็เข้าใจนะคะ ว่าเค้าไม่ได้เอ่ยปากถึงเราพูดเหมารวม แต่เราอยู่ในกลุ่มเหมารวมกลุ่มนั้น เรา sensitive กับเรื่องนี้อยู่ด้วย เพราะเครียดเป็นทุนเดิม พอเค้าพูดแบบนี้ เราก็คิดว่า เค้าน่าจะเห็นอกเห็นใจคนอื่นบ้าง เคารพในการตัดสินใจของเราบ้างก็ดี เคารพในความคิดของคนอื่น เพราะเค้าก็รู้ว่าเราน่ะได้ยิน.... แต่ก็ไม่ได้อะไร...
จนมาเรื่องแฟนอีก แฟนจะต่อเอก โดยทุนรัฐบาลกำลังจะได้ไป พ่อเค้าก็พูดทำนองว่าไปทำไม อยู่นี่หาเงินดีกว่าไหม แฟนก็อธิบายว่า เรียนน่ะ ได้เงิน 2 ต่อ ทั้งที่ทำงานด้วย และที่ ตปท ด้วย ค่าเรียนฟรี ค่าอยู่ฟรี แต่พ่อแฟนก็เถียง...ประมาณว่าแก่แล้วค่อยเรียนก็ได้ หรือไปเรียนที่ไทย แฟนก็อธิบายเพิ่มเติมว่า เราเป็นสายนักวิชาการ ไปเรียนแบบที่เค้าเปิดกันเกร่อๆ ไม่ได้ คนละแบบ ก็เถียงกันใหญ่โต
จนคุยถึงเรื่องว่าถ้าไปเรียนจะทำยังไง เราจะอยู่ยังไง น้องหล่ะ ถ้างั้นก็ให้น้องมาอยู่ที่บ้านนี้ต่อ เพราะน้องยังดูแลตัวเองไม่ได้ ก็ให้เรากะแฟนดูแลเค้าต่อไปก่อน ให้ตั้งตัวได้ก่อน (น้องเค้าแก่กว่าเรา 1 ปี) เราก็อึ้งๆ เพราะ...เราไม่ได้อยากเลี้ยงดูเค้าอีกแล้ว น้องชายแฟนก็เอาเราไปเมาท์ในเฟสบุค บอกว่าเราน่ะ negative thinking ตอนนี้เรามั่นใจว่าพ่อแฟน คงฟังอะไรบางอย่างจากน้องแฟนมา เพราะพฤติกรรมปฏิบัติต่อเราและแฟนเปลี่ยนแปลงไป แต่กับน้องยังเหมือนเดิม...
เราเลยมาขอระบาย..และขอกำลังใจ เราควรคิดยังไงดีคะ มีวิธีฝึกคิดดี ต่อคนที่มีทัศนคติที่ไม่ดีต่อเราไหม?? ถ้าน้องชายแฟนอยู่ต่อกะเราอีก....เราควรทำยังไง??? เพราะตอนนี้เหมือนสงครามเย็น
น้องเค้าเอาขวดพลาสติกใส่น้ำมาแช่ตู้เย็นไว้ เป็นขวดของตัวเองเลย ขวดเดียว เค้าบอกว่าไม่กินขวดอื่นหรอก เพราะน้ำขวดอื่นๆ มันไม่ใช่น้ำของลูก เดี๋ยวเจ้าของว่าเอา (ซึ่งประเด็นเราไม่ได้หวง แต่แค่อยากให้เค้าช่วยซื้อมาบ้าง บอกไปแล้วนะคะ แต่ผลที่ได้คือแบบนี้)
เรากวาดบ้านซ้ำอีกรอบ เนื่องจากมีเศษดินเข้ามา เค้าก็พูดลอยๆ บอกว่า คนอื่นอย่าทำเปื้อนนะ เจ้าของบ้านเค้าจะว่าเอา..
มันกลายเป็นซะแบบนี้ไปได้ เฮ้ออ เหนื่อยใจจังค่ะ
ขอวิธีปรับที่จิตใจตัวเองได้ไหมคะ ขอบพระคุณค่ะ