สวัสดีค่ะ
เนื่องจากช่วงนี้ทำรายงานเรื่องเกี่ยวกับสภาพสังคมญี่ปุ่นในเรื่องของผู้หญิงอยู่ ก็เลยเจอข้อมูลหลายๆอย่างที่น่าสนใจมาแชร์ให้ได้อ่านกัน โดยตัวจขกท.เองไม่เคยมีประสบการณ์ตรงไปเป็นแม่บ้านของใครนะคะ 555 ข้อมูลส่วนใหญ่เป็นข้อมูลที่ได้จากการค้นคว้าค่ะ
ถ้าใครเคยดูโฆษณา OOtoya ร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดังที่เคลมว่าเป็นรสมือแบบ "คุณแม่ชาวญี่ปุ่น" เราคงจะได้เห็นภาพลักษณ์ของผู้หญิงญี่ปุ่นที่แสนจะเรียบร้อย เก่งงานบ้านการเรือนและแสนจะชะมดชม้อยใช่มั้ยคะ ความจริงนั้นสังคมญี่ปุ่นอาจจะไม่ต่างจากนั้นมากค่ะ เรียกได้ว่าคุณแม่แบบโอโตยะคือคุณแม่แบบที่เป็นคุณแม่ในอุดมคติของคนญี่ปุ่นเลยก็ไม่ผิดนัก
แต่จริงๆ แล้ว คุณแม่ญี่ปุ่นจริงๆเป็นอย่างไร... เรามาดูกัน!!
1. จริงๆ สมัยโบราณกาลก่อนที่ญี่ปุ่นจะมีการติดต่อจากชาติใด สังคมญี่ปุ่นเป็นแบบผู้ชายแต่งงานเข้าบ้านนะคะ > < แต่หลังๆ เริ่มหายไปเพราะความคิดแบบพุทธ ความคิดแบบขงจื๊อ และระบบโชกุน
2. ในสังคมสมัยก่อน การแต่งงานเหมือนเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของผู้หญิงเลยค่ะ แม้ในสมัยเอโดะจะมีการหย่าขึ้นมา แต่ก็ไม่เป็นที่ฮิตนักเหมือนสมัยนี้ ผู้ชายญี่ปุ่นที่จะหย่าจะเขียนหนังสือที่มีชื่อเรียกเล่นๆ ว่า "มิคุดาริฮัง" ซึ่งแปลตรงตัวว่าเป็นจดหมายความยาวสามบรรทัดครึ่ง บรรยายถึงเหตุผลว่าทำไมถึงอยากหย่า ส่วนใหญ่จะเป็นว่า วาสนาที่มีต่อกันมันหมดไปแล้ว บลาๆๆๆ อะไรทำนองนี้
3. สมัยเอโดะเช่นกัน ถ้าผู้หญิงจะหย่าจะต้องไปบวชค่ะ และต้องเป็นวัดที่ได้รับการรับรองเท่านั้น บวชครบ 3 ปีทางวัดจะออกใบมาว่าคุณสามารถหย่ากับสามีผู้นี้ได้แล้ว ส่วนจะไปทำอะไรต่อนั้น สุดแท้แต่จะรู้ได้จริงๆค่ะ
4. ปัจจุบันการแต่งงานก็ยังมีบทบาทสำคัญอยู่ แต่น้อยลงเยอะ และการแต่งงานก็ยังเป็นทั้งชีวิตของผู้หญิงคนนั้นอยู่
5. ผู้หญิงญี่ปุ่นส่วนใหญ่ เมื่อแต่งงานและมีลูก จะลาออกจากงานค่ะ (มีจำนวนมากถึง 70% เลยทีเดียว) และในจำนวนเหล่านั้น น้อยคนนักที่จะกลับไปทำอีก หรือถึงจะทำก็เป็นงานสัญญาจ้างชั่วคราว หรืองานพาร์ทไทม์เท่านั้นค่ะ
6. แต่ปัจจุบันญี่ปุ่นก็มีจำนวนพ่อบ้านเยอะขึ้นนะคะ คือผู้ชายที่ปล่อยให้ผู้หญิงได้ทำงานนอกบ้าน ส่วนตัวเองเลี้ยงลูกให้ที่บ้าน โดยพ่อบ้านเหล่านั้นมีจำนวนมากถึง 20,000 คนเลยล่ะค่ะ! (แต่แม่บ้านมีเยอะกว่าประมาณ 700 กว่าเท่าได้...)
7. และน่าแปลกคือ ไม่ค่อยมีบ้านไหนที่ทั้งสองฝ่ายต่างทำงานเพราะสองสาเหตุย่อยคือ
7.1 ภาษีโหดมาก ยิ่งรายได้เยอะยิ่งโหด เลยเอาเป็นรายได้กลางๆ แต่มีคนเลี้ยงลูกอยู่บ้านดีกว่า
7.2 ที่ญี่ปุ่นยังขาดเนอซเซอรี่และศูนย์ดูแลเด็กเล็กอยู่มาก ทำให้คุณแม่ต้องดูแลลูกตลอดเวลาค่ะ อีกทั้งผู้ชายญี่ปุ่นส่วนมากก็ทำงานบ้านไม่ค่อยจะเป็นเสียด้วย...
8. นายกอาเบะของญี่ปุ่นก็เลยผลักดันนโยบายต่างๆ ออกมา ทั้งการสร้างศูนย์ดูแลเด็กเพิ่ม การให้เงินเพิ่ม บลาๆ เพื่อดึงกลุ่มแม่บ้านออกมาทำงาน โดยเฉพาะในตำแหน่งระดับผู้จัดการขึ้นไปที่มีผู้หญิงเพียง 1% เท่านั้น โดยที่อาเบะตั้งเป้าไว้ 30% เลยเชียวค่ะ! (ยาราไนก๊ะ: อาเบะไม่ได้กล่าว) เพราะปัจจุบันญี่ปุ่นขาดแคลนแรงงานอยู่มาก และแม่บ้านจำนวนไม่น้อยที่มีการศึกษาสูงค่ะ บางคนจบปริญญา จบนิติ จบหมอ พูดภาษาอังกฤษเก่ง ฯลฯ ก็มาเป็นแม่บ้าน เลยต้องดันคนกลุ่มนี้กลับไปพยุงประเทศชาติที่ขาดแคลนทรัพยากรมนุษย์ค่ะ
9. แต่ก็มีแม่บ้านจำนวนไม่น้อยที่ออกมาด่าอาเบะเช่นกัน ประมาณว่า นี่แกจะดิฉันมีลูก ให้ดิฉันเลี้ยงลูก ทำกับข้าว แล้วยังจะให้ดิฉันทำงานอีกเหรอก๊ะ?! ตั้งหน่วยอะเวนเจอร์มั้ยยย แม่บ้านจะได้ช่วยกู้โลกด้วย (คุณแม่ชาวญี่ปุ่นในโฆษณาโอโตยะไม่ได้กล่าว) แต่คนที่เห็นด้วยก็มีนะ
10. ที่จริงแล้ว แม่บ้านญี่ปุ่นก็เป็นกลุ่มคนที่ช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจญี่ปุ่นอยู่ลับๆ เหมือนกันนะ ก็จากเงินที่ฮุบมาจากคุณสามีไงล่ะคะ โฮะ โฮะ (หัวเราะแบบมิซาเอะ) สถิติรายงานว่าผู้ชายญี่ปุ่นได้เงินไปทำงานเฉลี่ยเพียงวันละ 500 เยนเท่านั้น! ส่วนที่เหลือแม่บ้านจะนำไปบริหาร หรือจับจ่ายใช้สอยชอปปิ้งตามแต่เหมาะสม มีจำนวนไม่น้อยที่นำไปใช้จ่ายของสวยๆงามๆ และมีบางพวกที่นำเงินนั้นไปลงทุนด้วย! O_O โดยแม่บ้านนักลงทุนของญี่ปุ่นมีชื่อเรียกเก๋ๆว่าคุณนายวาตานาเบ้ค่ะ (แต่อีตาวาตานาเบ้นี่เป็นใครไม่มีใครทราบ...) ซึ่งกลุ่มคุณนายวาตานาเบ้นั้นมีชื่อเสียงอย่างมากในการลงทุนแลกเปลี่ยนสกุลเงินหรือ forex ค่ะ
ครบแล้ว 10 ข้อ เป็นยังไงบ้างคะ ตรงกับที่รู้มาบ้างหรือเปล่า ยังไงก็มาแสดงความคิดเห็นกันได้นะคะ
ก่อนจากกัน รบกวนทำแบบสอบถามให้เล็กน้อยค่ะ จำเป็นต่อรายงานจริงๆ น้า m(_ _)m ขอกราบรบกวนทุกท่านด้วยนะคะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://goo.gl/forms/8uWLOy6uZj
และขอแถมด้วยหนังสั้นที่สะท้อนสังคมญี่ปุ่นในเรื่องนี้...
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ขอบคุณทุกท่านมากค่ะ ย้ำอีกครั้ง รบกวนทำแบบสอบถามทีนะคะ m(_ _)m
10 ข้อที่ช่วยยืนยันว่าประเทศญี่ปุ่นนั้นคือ "ประเทศแห่งแม่บ้าน" อย่างแท้จริง!
เนื่องจากช่วงนี้ทำรายงานเรื่องเกี่ยวกับสภาพสังคมญี่ปุ่นในเรื่องของผู้หญิงอยู่ ก็เลยเจอข้อมูลหลายๆอย่างที่น่าสนใจมาแชร์ให้ได้อ่านกัน โดยตัวจขกท.เองไม่เคยมีประสบการณ์ตรงไปเป็นแม่บ้านของใครนะคะ 555 ข้อมูลส่วนใหญ่เป็นข้อมูลที่ได้จากการค้นคว้าค่ะ
ถ้าใครเคยดูโฆษณา OOtoya ร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดังที่เคลมว่าเป็นรสมือแบบ "คุณแม่ชาวญี่ปุ่น" เราคงจะได้เห็นภาพลักษณ์ของผู้หญิงญี่ปุ่นที่แสนจะเรียบร้อย เก่งงานบ้านการเรือนและแสนจะชะมดชม้อยใช่มั้ยคะ ความจริงนั้นสังคมญี่ปุ่นอาจจะไม่ต่างจากนั้นมากค่ะ เรียกได้ว่าคุณแม่แบบโอโตยะคือคุณแม่แบบที่เป็นคุณแม่ในอุดมคติของคนญี่ปุ่นเลยก็ไม่ผิดนัก
แต่จริงๆ แล้ว คุณแม่ญี่ปุ่นจริงๆเป็นอย่างไร... เรามาดูกัน!!
1. จริงๆ สมัยโบราณกาลก่อนที่ญี่ปุ่นจะมีการติดต่อจากชาติใด สังคมญี่ปุ่นเป็นแบบผู้ชายแต่งงานเข้าบ้านนะคะ > < แต่หลังๆ เริ่มหายไปเพราะความคิดแบบพุทธ ความคิดแบบขงจื๊อ และระบบโชกุน
2. ในสังคมสมัยก่อน การแต่งงานเหมือนเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของผู้หญิงเลยค่ะ แม้ในสมัยเอโดะจะมีการหย่าขึ้นมา แต่ก็ไม่เป็นที่ฮิตนักเหมือนสมัยนี้ ผู้ชายญี่ปุ่นที่จะหย่าจะเขียนหนังสือที่มีชื่อเรียกเล่นๆ ว่า "มิคุดาริฮัง" ซึ่งแปลตรงตัวว่าเป็นจดหมายความยาวสามบรรทัดครึ่ง บรรยายถึงเหตุผลว่าทำไมถึงอยากหย่า ส่วนใหญ่จะเป็นว่า วาสนาที่มีต่อกันมันหมดไปแล้ว บลาๆๆๆ อะไรทำนองนี้
3. สมัยเอโดะเช่นกัน ถ้าผู้หญิงจะหย่าจะต้องไปบวชค่ะ และต้องเป็นวัดที่ได้รับการรับรองเท่านั้น บวชครบ 3 ปีทางวัดจะออกใบมาว่าคุณสามารถหย่ากับสามีผู้นี้ได้แล้ว ส่วนจะไปทำอะไรต่อนั้น สุดแท้แต่จะรู้ได้จริงๆค่ะ
4. ปัจจุบันการแต่งงานก็ยังมีบทบาทสำคัญอยู่ แต่น้อยลงเยอะ และการแต่งงานก็ยังเป็นทั้งชีวิตของผู้หญิงคนนั้นอยู่
5. ผู้หญิงญี่ปุ่นส่วนใหญ่ เมื่อแต่งงานและมีลูก จะลาออกจากงานค่ะ (มีจำนวนมากถึง 70% เลยทีเดียว) และในจำนวนเหล่านั้น น้อยคนนักที่จะกลับไปทำอีก หรือถึงจะทำก็เป็นงานสัญญาจ้างชั่วคราว หรืองานพาร์ทไทม์เท่านั้นค่ะ
6. แต่ปัจจุบันญี่ปุ่นก็มีจำนวนพ่อบ้านเยอะขึ้นนะคะ คือผู้ชายที่ปล่อยให้ผู้หญิงได้ทำงานนอกบ้าน ส่วนตัวเองเลี้ยงลูกให้ที่บ้าน โดยพ่อบ้านเหล่านั้นมีจำนวนมากถึง 20,000 คนเลยล่ะค่ะ! (แต่แม่บ้านมีเยอะกว่าประมาณ 700 กว่าเท่าได้...)
7. และน่าแปลกคือ ไม่ค่อยมีบ้านไหนที่ทั้งสองฝ่ายต่างทำงานเพราะสองสาเหตุย่อยคือ
7.1 ภาษีโหดมาก ยิ่งรายได้เยอะยิ่งโหด เลยเอาเป็นรายได้กลางๆ แต่มีคนเลี้ยงลูกอยู่บ้านดีกว่า
7.2 ที่ญี่ปุ่นยังขาดเนอซเซอรี่และศูนย์ดูแลเด็กเล็กอยู่มาก ทำให้คุณแม่ต้องดูแลลูกตลอดเวลาค่ะ อีกทั้งผู้ชายญี่ปุ่นส่วนมากก็ทำงานบ้านไม่ค่อยจะเป็นเสียด้วย...
8. นายกอาเบะของญี่ปุ่นก็เลยผลักดันนโยบายต่างๆ ออกมา ทั้งการสร้างศูนย์ดูแลเด็กเพิ่ม การให้เงินเพิ่ม บลาๆ เพื่อดึงกลุ่มแม่บ้านออกมาทำงาน โดยเฉพาะในตำแหน่งระดับผู้จัดการขึ้นไปที่มีผู้หญิงเพียง 1% เท่านั้น โดยที่อาเบะตั้งเป้าไว้ 30% เลยเชียวค่ะ! (ยาราไนก๊ะ: อาเบะไม่ได้กล่าว) เพราะปัจจุบันญี่ปุ่นขาดแคลนแรงงานอยู่มาก และแม่บ้านจำนวนไม่น้อยที่มีการศึกษาสูงค่ะ บางคนจบปริญญา จบนิติ จบหมอ พูดภาษาอังกฤษเก่ง ฯลฯ ก็มาเป็นแม่บ้าน เลยต้องดันคนกลุ่มนี้กลับไปพยุงประเทศชาติที่ขาดแคลนทรัพยากรมนุษย์ค่ะ
9. แต่ก็มีแม่บ้านจำนวนไม่น้อยที่ออกมาด่าอาเบะเช่นกัน ประมาณว่า นี่แกจะดิฉันมีลูก ให้ดิฉันเลี้ยงลูก ทำกับข้าว แล้วยังจะให้ดิฉันทำงานอีกเหรอก๊ะ?! ตั้งหน่วยอะเวนเจอร์มั้ยยย แม่บ้านจะได้ช่วยกู้โลกด้วย (คุณแม่ชาวญี่ปุ่นในโฆษณาโอโตยะไม่ได้กล่าว) แต่คนที่เห็นด้วยก็มีนะ
10. ที่จริงแล้ว แม่บ้านญี่ปุ่นก็เป็นกลุ่มคนที่ช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจญี่ปุ่นอยู่ลับๆ เหมือนกันนะ ก็จากเงินที่ฮุบมาจากคุณสามีไงล่ะคะ โฮะ โฮะ (หัวเราะแบบมิซาเอะ) สถิติรายงานว่าผู้ชายญี่ปุ่นได้เงินไปทำงานเฉลี่ยเพียงวันละ 500 เยนเท่านั้น! ส่วนที่เหลือแม่บ้านจะนำไปบริหาร หรือจับจ่ายใช้สอยชอปปิ้งตามแต่เหมาะสม มีจำนวนไม่น้อยที่นำไปใช้จ่ายของสวยๆงามๆ และมีบางพวกที่นำเงินนั้นไปลงทุนด้วย! O_O โดยแม่บ้านนักลงทุนของญี่ปุ่นมีชื่อเรียกเก๋ๆว่าคุณนายวาตานาเบ้ค่ะ (แต่อีตาวาตานาเบ้นี่เป็นใครไม่มีใครทราบ...) ซึ่งกลุ่มคุณนายวาตานาเบ้นั้นมีชื่อเสียงอย่างมากในการลงทุนแลกเปลี่ยนสกุลเงินหรือ forex ค่ะ
ครบแล้ว 10 ข้อ เป็นยังไงบ้างคะ ตรงกับที่รู้มาบ้างหรือเปล่า ยังไงก็มาแสดงความคิดเห็นกันได้นะคะ
ก่อนจากกัน รบกวนทำแบบสอบถามให้เล็กน้อยค่ะ จำเป็นต่อรายงานจริงๆ น้า m(_ _)m ขอกราบรบกวนทุกท่านด้วยนะคะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
และขอแถมด้วยหนังสั้นที่สะท้อนสังคมญี่ปุ่นในเรื่องนี้...
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้