พ่อแม่ใครเคยเป็นแบบนี้บ้าง ชอบประหยัดไม่เข้าเรื่องและชอบทำเรื่องให้เป็นห่วงอยู่เรื่อย

แม่เราอายุประมาณ 66 ปี อายุก็เยอะ สุขภาพร่างกายก็ไม่ค่อยจะดี แล้วชอบทำอะไรให้เราเป็นห่วงอยู่เรื่อยเลย
เช่น
- แม่เราจะชอบตื่นเช้าประมาณตีสามครึ่ง - ตีสี่ จะลุกมาทำกับข้าว หุงข้าว ทำงานบ้านตามประสาของแก
แต่แกไม่ชอบเปิดไฟ ชอบทำอะไรมืด ๆ ดำ ๆ สรุปคือ ตอนนี้กระจกตาเสื่อม ส่วนพ่อก็เป็นต้อหินกับต้อกระจกและกระจกตาก็เสื่อมเหมือนกันทั้งคู่
เราก็ถามว่าทำไมไม่เปิดไฟ ทำแบบนี้มันเสียสายตานะ แกก็บอกว่า เปลืองไฟ
พอเรามาเปิดให้ แกก็แอบไปปิด เป็นแบบนี้อยู่ทุกครั้ง

- ตอนนี้แกป่วยมาก เป็นไข้ เป็นโรคหอบ ตาก็ไม่ค่อยจะดี ไขมันในเลือดก็สูงปรี๊ด กินข้าวไม่ได้เลย ต้องต้มน้ำอุ่น ๆ กิน
เราก็บอกแกว่า เสียบกระติกน้ำร้อนไฟฟ้าต้มเอาเลย สะดวกดี ไม่ต้องไปก่อไฟเตาถ่าน
สรุปว่า เราเลิกงานกลับมา ก็เห็นแกไปหาฟืนไฟ มาก่อไฟเตาถ่านเพื่อต้มน้ำอุ่นกิน
แล้วแกก็มาบอกว่า วันนี้ก่อไฟ เกือบเป็นลมหงายหลังเลย แล้วหายใจก็ไม่ค่อยสะดวก เพราะว่าเป็นโรคหอบ
เราก็บ่นแกว่า ทำไมไม่เสียบกาน้ำร้อนต้ม แกก็บอกว่า มันเปลืองไฟ
คือเราก็บอกแกละนะ ว่าค่าไฟอะไรอ่ะ เดี๋ยวเราออกให้ แกก็เป็นแบบนี้ทุกที
เราไปทำงาน ใจไม่เคยเป็นสุข ต้องคอยห่วงหน้าพะวงหลัง
หมอก็บอกว่าให้แกนอนพักเยอะ ๆ วันก่อนแกก็แอบลุกมาพยายามจะทำงานบ้าน สรุปว่าเป็นลม สลบไปครึ่งชั่วโมง
ดีที่พี่สาวเราไปเจอ

- แล้วมีอยู่ครั้งนึง พี่สาวเราซื้อขนมหวานแตงไทยมา มีกะทิน้ำตาลเยอะ ๆ เราก็บอกแกว่า ถ้ามันเสียแล้วก็ทิ้งไปได้เลย
อย่าไปกินนะ แช่ไว้ในตู้เย็นนาน สรุปว่า แกทนกินจนหมดหม้อ จากนั้นโรคไขมัน โรคความดันก็ขึ้น
เราก็บ่นแกไปว่า ไปกินทำไม เฮ้ออออ แกก็บอกว่า เสียดายของ

เราไม่เข้าใจเลยค่ะ ว่าทำไมแม่เราถึงเป็นแบบนี้ ชอบทำให้เป็นห่วง บางครั้งเราบอกอะไรแกก็ไม่ฟังเลย
เราทั้งเป็นห่วง ทั้งโมโห
บางทีแกก็ชอบเสียดายของที่มันบูดมันเสียไปแล้ว แล้วไปฝืนกิน ทั้งที่ตัวเองไม่หิว
แล้วก็มาป่วย ความดันก็ขึ้น
บอกก็แล้ว อะไรก็แล้ว ก็ยังเป็นเหมือนเดิม
บางทีเราจะเป็นโรคประสาท เพราะเป็นห่วง กลัวแกเป็นอะไรขึ้นมา เพราะเรารักแกมาก
ทุกวันนี้ นั่งทำงานไป อมทุกข์ไป ไม่มีความสุขเลยซักวัน

เราควรทำยังไงดีคะ จิตใจเป็นทุกข์เพราะห่วง ทุกวันเลยค่ะ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 4
ดูแล้ว ทั้งคุณและพ่อแม่ มีพื้นฐานจิตใจที่ดีนะ ต่างก็ดีในแบบของตัวเพื่ออีกฝ่าย .. แต่ดีของคุณกับของพ่อแม่อาจมีมุมมองไม่เหมือนกัน
เอาจุดเด่นเรื่องใจตรงนี้มาเป็นอุบายสิ
...........
อย่างเราซื้อของบำรุงให้แม่ พอซื้อมาเพิ่มอีกก็เห็นว่าของเก่ายังถูกกินไปนิดเดียวเอง ..
แม่ : มันแพงกลัวเปลือง ..
เรา : ตอนแม่ใส่บาตรน่ะ แม่ว่าเราได้บุญหรือยัง
แม่ : ได้แล้วสิ
เรา : แล้วถ้าของแม่ที่ใส่บาตร พระท่านฉันด้วย แม่จะรู้สึกยังไง
แม่ : ก็ชื่นใจ ทำแล้วท่านชอบท่านฉันได้
เรา : ก็นี่ผมมาใส่บาตรแม่ จะเป็นไปได้ไหม ที่แม่จะช่วยสงเคราะห์ ให้ผมได้ชื่นใจ .. แล้วความชื่นใจนี้มันจะกลายเป็นกุศล แล้วกุศลที่เกิดขึ้นมันก็จะแสดงออกมาในหน้าที่การงานที่ดีขึ้นของผมเอง .. ขอแม่ช่วยสงเคราะห์ให้กุศลเกิดกับผมอย่างเต็มใบด้วยเถอะนะ
----------------------------------------------------------------------
เชื่อไหมพอแม่เข้าใจว่ากินแล้วเราจะได้กุศลเป็นเหตุให้หน้าที่การงานดีขึ้น .. แกขยันกินใหญ่เลย

ปล. นี่เป็นแค่อุบายที่เราเคยทำนะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่