สัปดาห์ที่แล้ว จขกท.ได้มีโอกาสไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่นและลองเข้าไปชมภาพยนต์ในโรงหนังที่นู่นมาครับเลยมาเล่าประสบการณ์ให้ฟังซักเล็กน้อย ภาพยนต์ที่ผมเข้าไปดูก็คือการ์ตูนเรื่องดราก้อนบอล Z ภาคการกลับมาของฟรีสเซอร์ (復活の「F」) ที่เข้าฉายในโรงที่ญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 18 เมษาที่ผ่านมา วันที่ผมไปดูคือวันที่ 25 ครับ ช่วงนั้นนอกจากดราก้อนบอลแล้วยังมีโคนันอีกเรื่องนึงที่เข้าฉายพร้อมกันแต่ที่เลือกดูดราก้อนบอลก็เพราะว่ามันน่าจะเข้าใจง่ายกว่าเพราะต่อยกันอย่างเดียว โคนันเป็นแนวสืบสวนคงมีศัพท์เฉพาะทางมากมายซึ่งดูยังไงก็คงไม่รู้เรื่องแน่ๆ (แถมยังจะรู้ว่าใครคือคนร้ายซะด้วยจะมาดูพากย์ไทยอีกทีก็คงจะไม่สนุกแล้วจึงไม่ดูดีกว่า)
ทีแรกผมก็กังวลอยู่เล็กน้อยเรื่องการจองตั๋วเพราะตาม lawson บางที่ก็มีตู้ให้จองตั๋วหนังก่อนซึ่งแน่นอนว่าผมจองไม่เป็นแน่ๆ แต่เคราะห์ดีที่ก่อนหน้าวันที่จะไปดูผมเห็นว่าโรงหนังแถวโรงแรมที่ผมนอนก็มีคนยืนต่อแถวซื้อตั๋วกันอยู่แสดงว่าเราไปซื้อตั๋วหน้าโรงหนังได้แน่ๆ ละแวกที่ผมพักมีโรงหนังอยู่สองแห่ง (เท่าที่สังเกตนะครับอาจมีมากกว่านั้น) ความอลังการงานสร้างของตัวอาคารเทียบไม่ได้กับพวกเมเจอร์บ้านเราหรอกคือถ้าไม่สังเกตก็จะไม่รู้เลยว่าที่นี่เป็นโรงหนัง คือที่นี่เขาจะใช้สอยประโยชน์ทุกอณูบนอาคาร ตัวโรงฉายอาจจะอยู่ชั้น 7,8 แต่ชั้นล่างๆจะเป็นร้านอาหาร (ทั้งชั้น) คาราโอเกะ (ทั้งชั้น) มีความเป็นเอกเทศซึ่งกันและกันเวลาจะไปโรงหนังให้ขึ้นลิฟท์ตรงไปเลย
โรงหนังที่ผมไปดูนั้นชื่อว่าโรงหนัง toei อยู่ที่ชิบูย่า (ย่านวัยรุ่นนิด) ดูรอบ 10:10 นาฬิกาซึ่งเป็นรอบฉายรอบแรกของวัน รอบฉายนี้ผมเช็คเอาทางเว็บของโรงหนัง โรงนี้คนมาดูไม่เยอะอันนี้ไม่รู้ว่าเพราะเป็นโรงที่แบรนด์ไม่ดีสำหรับที่นี่รึเปล่า (มันมีอีกโรงนึงคนละแบรนด์คนต่อคิวซื้อตั๋วกันเต็มเลย) หรือเป็นเพราะว่าดราก้อนบอลมันกระแสตกไปแล้ว ?? ก็ไม่ทราบผมไม่ต้องยืนเข้าแถวอะไรเลยสามารถซื้อตั๋วได้ทันทีที่ไปถึงที่ซื้อตั๋ว ภาษาญี่ปุ่นพอจะพูดได้งูๆปลาๆ บอกหน้าเคาน์เตอร์ว่า "โดราก้อบอรุ (ใส่สำเนียงเต็มที่ อิอิ แต่บอกแค่นี้แหล่ะ ตัวฟุคาสึ 復活 อะไรนี่ไม่ได้บอกไปด้วย" พนักงานก็จะถามว่ารอบ 10:10 ใช่ไหม ก็ตอบไปว่าใช่ แล้วเขาก็ถามต่อว่าจะดูแบบ 2D หรือ 3D โรงหนังที่นี่จะมีแบบ 2D กับ 3D แบบ 3D จะแพงกว่า 300 เยน อ้อ ค่าตั๋วที่นี่คือ 1800 เยนสำหรับ 2D และ 2100 เยนสำหรับ 3D คิดเป็นเงินไทยก็ประมาณ 500 กว่าบาท
หลังจาก 2D,3D เสร็จ (ซึ่งผมดูแบบ 2D เพราะเป็นคนเมาง่ายถ้าดู 3D แล้วก็จะเมา) พนักงานก็จะให้เลือกที่นั่งว่าจะนั่งตรงไหนโดยเขาให้ดูตารางที่นั่งแล้วให้เราเลือกเมื่อตัดสินใจได้ก็บอกเขาไปแสดงว่าการดูหนังที่นี่สามารถเลือกที่นั่งได้ ซึ่งผมเลือกที่นั่ง L1 ริมขอบทางเดินเผื่อจะเข้าห้องน้ำได้สะดวกไม่ต้องไปไล่กล่าวขอทางคนอื่นที่กำลังดูอยู่ เสร็จสรรพแล้วก็จ่ายเงินแล้วก็จะได้ตั๋วมา จากนั้นก็ขึ้นลิฟท์ไปที่โรงภาพยนต์กันเลย
พอลิฟท์เปิดก้าวเท้าออกมาก็จะเจอกับพนักงานของโรงหนังทันทีไม่มีพื้นที่ให้เดินเล่นอะไรก่อนเลย ด้านซ้ายเป็นห้องน้ำด้านขวาเป็นโรงฉาย พอฉีกตั๋วเสร็จก็พร้อมเข้าโรงฉายได้ทันที ดูเรื่องนี้ได้ของแถมมาด้วย (ซื้อการ์ตูนที่นี่บางครั้งก็จะได้ของแถม) เป็นสมุดเล่มเล็กๆกับโปสการ์ดหนึ่งใบ โซนใกล้ๆกันมีมุมขายสินค้าที่ระลึกของหนังเรื่องนี้
อันนี้เป็นสมุดข้างใน เป็นการเล่าประวัติความแค้นระหว่างฟรีสเซอร์กับโกคู
เข้าโรงกันเลยก็แล้วกัน โรงที่นี่ไม่ใหญ่เท่าไหร่มีเก้าอี้ให้นั่งราวๆสองร้อยนิดๆ ขนาดเก้าอี้พอๆกับเก้าอี้บ้านเราแต่ความต่างของเขาคือระยะห่างจากเก้าอี้แถวหน้าที่กว้างมากจนสามารถยืดขาได้สบาย กว้างดีจริงๆ
หน้าจอในโรงจะเป็นป้ายบอกมารยาทการดูหนังและคำแนะนำต่างๆเช่นพวกห้ามพูด,ห้ามสูบบุหรี่,ห้ามใส่หมวกทรงสูง,หากเกิดเหตุฉุกเฉินให้ทำตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่,ห้ามใช้โทรศัพท์
ที่นี่มีฉายโฆษณาเช่นกันแต่ไม่ได้ฉายชนิดบ้าระห่ำแบบที่บ้านเรา รวมเวลาโฆษณากับตัวอย่างหนังแค่ราวๆ 7 นาทีเท่านั้น ที่นี่ก็มีโฆษณารณรงค์ให้คนใช้ของถูกลิขสิทธ์เช่นกัน อย่าสูบอย่าโหลดจากอินเตอร์เน็ตหลังจากนั้นหนังก็ฉาย (อ้อก่อนฉายมีอะนิเมชั่นเตือนมารยาทอีกรอบพวกห้ามพากย์,ห้ามส่งเสียง แต่มีอันนึงไม่ค่อยเข้าใจคือเป็นตัวคนที่กำลังซึ้งกับหนังแล้วร้องห่มร้องไห้เขาก็มีเครื่องหมายห้ามเหมือนกัน สงสัยห้ามร้องแบบฟูมฟายล่ะมั้งถ้าหนังมันซึ้งชวนร้องแล้วจะไม่ให้ร้องได้อย่างไร (เนอะ)
ที่นี่เมื่อหนังจบคนจะยังไม่ลุก ต้องรอให้ end เครดิตจบลงก่อนแล้วจึงต่างคนต่างแยกย้ายเพราะเขาถือว่าเป็นการให้เกียรติคนทำหนัง บรรยากาศการชมนะครับ ผู้ชมที่มาดูมีตั้งแต่เด็กยันผู้ใหญ่ คิดว่าฐานแฟนดราก้อนบอลน่าจะกว้างอยู่อย่างผมอายุ 34 ก็อยู่ในยุคที่ดูดราก้อนบอลตอนแรกเริ่มพอดี แต่ในโรงคนไม่เต็มนะครับออกไปในทางโหรงเหรงซะด้วยซ้ำทั้งที่เป็นวันเสาร์ ระหว่างชมภาพยนต์แทบไม่ได้ยินเสียงความมีอารมณ์ร่วมอะไรของคนดูเลยทั้งที่บางฉากมันก็ตลกนะครับแต่ไม่มีเสียงคนหัวเราะอะไรเลย เสียงฮือฮาอะไรก็ไม่มีคือเงียบมากๆ ดูกันสงบมากๆ เด็กเล็กดูก็หลายคนนะครับแต่ก็ไม่มีเสียงจากพวกเขา สรุปก็คือบรรยากาศในโรงเงียบสงบครับไม่รู้ว่าเขารักษามารยาทกันหรือว่าตัวหนังไม่สามารถดึงอารมณ์ของคนดูที่นี่ได้นะครับ
ปล.๑ : มีพนักงานถือไฟฉายนำทางสำหรับคนที่เข้าโรงสายด้วยแต่เขาพาเดินลงบันไดมาด้วยกันไม่ได้ยืนฉายจากหน้าประตูทางเข้า
ปล.๒ : ดราก้อนบอลตอนนี้ไม่ค่อยสนุกเท่าไหร่ ไม่มีจุดพีคเลย

แต่หากใครอยากดูผู้เฒ่าเต่าบู๊ก็ลองไปหาซื้อได้ตอนที่เข้าเมืองไทย และใครเป็นแฟนหยำฉาจะต้องร้องไห้หนักมากเพราะไม่มีโผล่ออกมาให้แฟนคลับได้หายคิดถึงเลยแม้แต่ซีนเดียว คือหากซื้อมาเพื่ออยากเห็นนักสู้หน้าบากคนนี้จะผิดหวังมากเพราะเขาไม่โผล่มาแม้แต่เงาเสียง T T
จบการรีวิวแต่เพียงเท่านี้ล่ะครับ
รีวิวการดูหนังในโรงภาพยนต์ที่ประเทศญี่ปุ่นครับ
ทีแรกผมก็กังวลอยู่เล็กน้อยเรื่องการจองตั๋วเพราะตาม lawson บางที่ก็มีตู้ให้จองตั๋วหนังก่อนซึ่งแน่นอนว่าผมจองไม่เป็นแน่ๆ แต่เคราะห์ดีที่ก่อนหน้าวันที่จะไปดูผมเห็นว่าโรงหนังแถวโรงแรมที่ผมนอนก็มีคนยืนต่อแถวซื้อตั๋วกันอยู่แสดงว่าเราไปซื้อตั๋วหน้าโรงหนังได้แน่ๆ ละแวกที่ผมพักมีโรงหนังอยู่สองแห่ง (เท่าที่สังเกตนะครับอาจมีมากกว่านั้น) ความอลังการงานสร้างของตัวอาคารเทียบไม่ได้กับพวกเมเจอร์บ้านเราหรอกคือถ้าไม่สังเกตก็จะไม่รู้เลยว่าที่นี่เป็นโรงหนัง คือที่นี่เขาจะใช้สอยประโยชน์ทุกอณูบนอาคาร ตัวโรงฉายอาจจะอยู่ชั้น 7,8 แต่ชั้นล่างๆจะเป็นร้านอาหาร (ทั้งชั้น) คาราโอเกะ (ทั้งชั้น) มีความเป็นเอกเทศซึ่งกันและกันเวลาจะไปโรงหนังให้ขึ้นลิฟท์ตรงไปเลย
โรงหนังที่ผมไปดูนั้นชื่อว่าโรงหนัง toei อยู่ที่ชิบูย่า (ย่านวัยรุ่นนิด) ดูรอบ 10:10 นาฬิกาซึ่งเป็นรอบฉายรอบแรกของวัน รอบฉายนี้ผมเช็คเอาทางเว็บของโรงหนัง โรงนี้คนมาดูไม่เยอะอันนี้ไม่รู้ว่าเพราะเป็นโรงที่แบรนด์ไม่ดีสำหรับที่นี่รึเปล่า (มันมีอีกโรงนึงคนละแบรนด์คนต่อคิวซื้อตั๋วกันเต็มเลย) หรือเป็นเพราะว่าดราก้อนบอลมันกระแสตกไปแล้ว ?? ก็ไม่ทราบผมไม่ต้องยืนเข้าแถวอะไรเลยสามารถซื้อตั๋วได้ทันทีที่ไปถึงที่ซื้อตั๋ว ภาษาญี่ปุ่นพอจะพูดได้งูๆปลาๆ บอกหน้าเคาน์เตอร์ว่า "โดราก้อบอรุ (ใส่สำเนียงเต็มที่ อิอิ แต่บอกแค่นี้แหล่ะ ตัวฟุคาสึ 復活 อะไรนี่ไม่ได้บอกไปด้วย" พนักงานก็จะถามว่ารอบ 10:10 ใช่ไหม ก็ตอบไปว่าใช่ แล้วเขาก็ถามต่อว่าจะดูแบบ 2D หรือ 3D โรงหนังที่นี่จะมีแบบ 2D กับ 3D แบบ 3D จะแพงกว่า 300 เยน อ้อ ค่าตั๋วที่นี่คือ 1800 เยนสำหรับ 2D และ 2100 เยนสำหรับ 3D คิดเป็นเงินไทยก็ประมาณ 500 กว่าบาท
หลังจาก 2D,3D เสร็จ (ซึ่งผมดูแบบ 2D เพราะเป็นคนเมาง่ายถ้าดู 3D แล้วก็จะเมา) พนักงานก็จะให้เลือกที่นั่งว่าจะนั่งตรงไหนโดยเขาให้ดูตารางที่นั่งแล้วให้เราเลือกเมื่อตัดสินใจได้ก็บอกเขาไปแสดงว่าการดูหนังที่นี่สามารถเลือกที่นั่งได้ ซึ่งผมเลือกที่นั่ง L1 ริมขอบทางเดินเผื่อจะเข้าห้องน้ำได้สะดวกไม่ต้องไปไล่กล่าวขอทางคนอื่นที่กำลังดูอยู่ เสร็จสรรพแล้วก็จ่ายเงินแล้วก็จะได้ตั๋วมา จากนั้นก็ขึ้นลิฟท์ไปที่โรงภาพยนต์กันเลย
พอลิฟท์เปิดก้าวเท้าออกมาก็จะเจอกับพนักงานของโรงหนังทันทีไม่มีพื้นที่ให้เดินเล่นอะไรก่อนเลย ด้านซ้ายเป็นห้องน้ำด้านขวาเป็นโรงฉาย พอฉีกตั๋วเสร็จก็พร้อมเข้าโรงฉายได้ทันที ดูเรื่องนี้ได้ของแถมมาด้วย (ซื้อการ์ตูนที่นี่บางครั้งก็จะได้ของแถม) เป็นสมุดเล่มเล็กๆกับโปสการ์ดหนึ่งใบ โซนใกล้ๆกันมีมุมขายสินค้าที่ระลึกของหนังเรื่องนี้
อันนี้เป็นสมุดข้างใน เป็นการเล่าประวัติความแค้นระหว่างฟรีสเซอร์กับโกคู
เข้าโรงกันเลยก็แล้วกัน โรงที่นี่ไม่ใหญ่เท่าไหร่มีเก้าอี้ให้นั่งราวๆสองร้อยนิดๆ ขนาดเก้าอี้พอๆกับเก้าอี้บ้านเราแต่ความต่างของเขาคือระยะห่างจากเก้าอี้แถวหน้าที่กว้างมากจนสามารถยืดขาได้สบาย กว้างดีจริงๆ
หน้าจอในโรงจะเป็นป้ายบอกมารยาทการดูหนังและคำแนะนำต่างๆเช่นพวกห้ามพูด,ห้ามสูบบุหรี่,ห้ามใส่หมวกทรงสูง,หากเกิดเหตุฉุกเฉินให้ทำตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่,ห้ามใช้โทรศัพท์
ที่นี่มีฉายโฆษณาเช่นกันแต่ไม่ได้ฉายชนิดบ้าระห่ำแบบที่บ้านเรา รวมเวลาโฆษณากับตัวอย่างหนังแค่ราวๆ 7 นาทีเท่านั้น ที่นี่ก็มีโฆษณารณรงค์ให้คนใช้ของถูกลิขสิทธ์เช่นกัน อย่าสูบอย่าโหลดจากอินเตอร์เน็ตหลังจากนั้นหนังก็ฉาย (อ้อก่อนฉายมีอะนิเมชั่นเตือนมารยาทอีกรอบพวกห้ามพากย์,ห้ามส่งเสียง แต่มีอันนึงไม่ค่อยเข้าใจคือเป็นตัวคนที่กำลังซึ้งกับหนังแล้วร้องห่มร้องไห้เขาก็มีเครื่องหมายห้ามเหมือนกัน สงสัยห้ามร้องแบบฟูมฟายล่ะมั้งถ้าหนังมันซึ้งชวนร้องแล้วจะไม่ให้ร้องได้อย่างไร (เนอะ)
ที่นี่เมื่อหนังจบคนจะยังไม่ลุก ต้องรอให้ end เครดิตจบลงก่อนแล้วจึงต่างคนต่างแยกย้ายเพราะเขาถือว่าเป็นการให้เกียรติคนทำหนัง บรรยากาศการชมนะครับ ผู้ชมที่มาดูมีตั้งแต่เด็กยันผู้ใหญ่ คิดว่าฐานแฟนดราก้อนบอลน่าจะกว้างอยู่อย่างผมอายุ 34 ก็อยู่ในยุคที่ดูดราก้อนบอลตอนแรกเริ่มพอดี แต่ในโรงคนไม่เต็มนะครับออกไปในทางโหรงเหรงซะด้วยซ้ำทั้งที่เป็นวันเสาร์ ระหว่างชมภาพยนต์แทบไม่ได้ยินเสียงความมีอารมณ์ร่วมอะไรของคนดูเลยทั้งที่บางฉากมันก็ตลกนะครับแต่ไม่มีเสียงคนหัวเราะอะไรเลย เสียงฮือฮาอะไรก็ไม่มีคือเงียบมากๆ ดูกันสงบมากๆ เด็กเล็กดูก็หลายคนนะครับแต่ก็ไม่มีเสียงจากพวกเขา สรุปก็คือบรรยากาศในโรงเงียบสงบครับไม่รู้ว่าเขารักษามารยาทกันหรือว่าตัวหนังไม่สามารถดึงอารมณ์ของคนดูที่นี่ได้นะครับ
ปล.๑ : มีพนักงานถือไฟฉายนำทางสำหรับคนที่เข้าโรงสายด้วยแต่เขาพาเดินลงบันไดมาด้วยกันไม่ได้ยืนฉายจากหน้าประตูทางเข้า
ปล.๒ : ดราก้อนบอลตอนนี้ไม่ค่อยสนุกเท่าไหร่ ไม่มีจุดพีคเลย
จบการรีวิวแต่เพียงเท่านี้ล่ะครับ