มีคนส่งลิงค์ที่ศิวลักษณ์ตอบพระมหาไพรวัลย์ ในกรณีที่พระมหาไพรวัลย์ได้สะกิดท่านศิวลักษณ์ไปเรื่องการวิจารณ์คุณยิ่งลักษณ์มาให้อ่าน อ่านแล้วก็เห็นควรจะเป็นหน้าที่ของท่านพระหมาไพรวัลย์ที่จะตอบหรือไม่ตอบศิวลักษณ์ไป แต่ก็มีบางประเด็นที่ศิวลักษณ์เปิดใจกว้างเชื้อเชิญอย่างไม่เจาะจงว่า “ผมอยากได้ความรู้ ใครจะช่วยบอกผได้ไหมว่าการใช้คำว่าเจ้าหล่อนเป็นคำผรุสวาสได้อย่างไร” ผมจึงขอลองทำความเข้าใจ
บอกตรงๆ นะท่านศิวลักษณ์.... ผมไม่มั่นใจว่าท่านอยากจะได้ความรู้จริงตามที่ได้อ้างไว้หรือเปล่า เพราะพฤติกรรมของท่านเท่าที่สังเกตุดูและสัมผัสมาด้วยตนเอง(ดังจะเล่าต่อไป)นั้น ท่านทำตัวประหนึ่งว่าเป็นน้ำที่เต็มแก้วมานานนับศตวรรษแล้ว ยิ่งกับคนทั่วๆ ไปอย่างผมแล้ว ไม่รู้ว่าท่านจะรับฟังไหม?? ในส่วนที่ผมสัมผัสพฤติกรรมของท่านมาด้วยตนเองนั้น ไม่รู้ท่านจะยังจำได้หรือเปล่าเพราะมันผ่านมาเลยมาตั้งแต่ปี 2527แล้ว แต่ผมยังจำได้ดีในงานบรรยายว่าด้วยเรื่องพระพุทธศาสนากับสันติวิธี ที่วัดโคนอน บางกรวย นนทบุรี ที่ทางวัดได้เชิญท่านไปบรรยาย และผม(ขณะนั้นเป็นสามเณร)ก็ได้รับเชิญไปบรรยายเพื่อคั่นเวลาก่อนที่ท่านจะขึ้นบรรยาย ผมบรรยายเรื่องบทบาทสามเณรในพระพุทธศาสนา ตอนที่ผมพูดคุยกับท่านนั้น ยอมรับว่าตื่นเต้นมาก เพราะเคยอ่านหนังสือท่านมาเยอะและเคยสนับสนุนไอเดียเปลี่ยนชื่อประเทศไทยกลับมาเป็นสยามของท่าน แต่ตอนนั้นดูเหมือนว่าท่านจะไม่ค่อยให้ความสำคัญหรือเคารพความเป็นสมณะสารูป(สามเณร)ของผมเท่าที่ควรจะเป็น ......ความรู้สึกดีๆ ที่เคยมีต่อท่านเริ่มเขวตั้งแต่ตอนนั้น ยิ่งตอนท่านทำหน้าที่บรรยาย.....ผมฟังแล้วแทบจะไม่ใช่คนๆ เดียวกันกับ ส.ศิวลักษณ์ คนเขียนหนังสือเลย ท่านโจมตีมหาจำลองอย่างเมามันว่าด้วยเรื่อง สีลพตปรามาสเอย เรื่องกินเจเอย....ทั้งๆ ที่พระมหาสมภาร (รองเจ้าอาวาสในขณะนั้น)เชิญท่านไปบรรยายว่าด้วยเรื่องชีวิตกับสันติวิธี บอกตรงๆ....ผิดหวัง! ยิ่งติดตามผลงานและพฤติกรรมท่านในระยะหลัง ความผิดหวังก็ขยับขึ้นเป็นความแขยง(ขอเว้ากันซื่อๆ อย่างนี้แหละ)
ขอต่อในคคหต่อไป เพื่อความสะดวกในการอ่านของเพื่อนๆ สมาชิก
ถึง ส.ศิวลักษณ์ / พระมหาไพรวัลย์.....ว่าด้วยคำผรุสวาท ที่คุณวิจารณ์ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
มีคนส่งลิงค์ที่ศิวลักษณ์ตอบพระมหาไพรวัลย์ ในกรณีที่พระมหาไพรวัลย์ได้สะกิดท่านศิวลักษณ์ไปเรื่องการวิจารณ์คุณยิ่งลักษณ์มาให้อ่าน อ่านแล้วก็เห็นควรจะเป็นหน้าที่ของท่านพระหมาไพรวัลย์ที่จะตอบหรือไม่ตอบศิวลักษณ์ไป แต่ก็มีบางประเด็นที่ศิวลักษณ์เปิดใจกว้างเชื้อเชิญอย่างไม่เจาะจงว่า “ผมอยากได้ความรู้ ใครจะช่วยบอกผได้ไหมว่าการใช้คำว่าเจ้าหล่อนเป็นคำผรุสวาสได้อย่างไร” ผมจึงขอลองทำความเข้าใจ
บอกตรงๆ นะท่านศิวลักษณ์.... ผมไม่มั่นใจว่าท่านอยากจะได้ความรู้จริงตามที่ได้อ้างไว้หรือเปล่า เพราะพฤติกรรมของท่านเท่าที่สังเกตุดูและสัมผัสมาด้วยตนเอง(ดังจะเล่าต่อไป)นั้น ท่านทำตัวประหนึ่งว่าเป็นน้ำที่เต็มแก้วมานานนับศตวรรษแล้ว ยิ่งกับคนทั่วๆ ไปอย่างผมแล้ว ไม่รู้ว่าท่านจะรับฟังไหม?? ในส่วนที่ผมสัมผัสพฤติกรรมของท่านมาด้วยตนเองนั้น ไม่รู้ท่านจะยังจำได้หรือเปล่าเพราะมันผ่านมาเลยมาตั้งแต่ปี 2527แล้ว แต่ผมยังจำได้ดีในงานบรรยายว่าด้วยเรื่องพระพุทธศาสนากับสันติวิธี ที่วัดโคนอน บางกรวย นนทบุรี ที่ทางวัดได้เชิญท่านไปบรรยาย และผม(ขณะนั้นเป็นสามเณร)ก็ได้รับเชิญไปบรรยายเพื่อคั่นเวลาก่อนที่ท่านจะขึ้นบรรยาย ผมบรรยายเรื่องบทบาทสามเณรในพระพุทธศาสนา ตอนที่ผมพูดคุยกับท่านนั้น ยอมรับว่าตื่นเต้นมาก เพราะเคยอ่านหนังสือท่านมาเยอะและเคยสนับสนุนไอเดียเปลี่ยนชื่อประเทศไทยกลับมาเป็นสยามของท่าน แต่ตอนนั้นดูเหมือนว่าท่านจะไม่ค่อยให้ความสำคัญหรือเคารพความเป็นสมณะสารูป(สามเณร)ของผมเท่าที่ควรจะเป็น ......ความรู้สึกดีๆ ที่เคยมีต่อท่านเริ่มเขวตั้งแต่ตอนนั้น ยิ่งตอนท่านทำหน้าที่บรรยาย.....ผมฟังแล้วแทบจะไม่ใช่คนๆ เดียวกันกับ ส.ศิวลักษณ์ คนเขียนหนังสือเลย ท่านโจมตีมหาจำลองอย่างเมามันว่าด้วยเรื่อง สีลพตปรามาสเอย เรื่องกินเจเอย....ทั้งๆ ที่พระมหาสมภาร (รองเจ้าอาวาสในขณะนั้น)เชิญท่านไปบรรยายว่าด้วยเรื่องชีวิตกับสันติวิธี บอกตรงๆ....ผิดหวัง! ยิ่งติดตามผลงานและพฤติกรรมท่านในระยะหลัง ความผิดหวังก็ขยับขึ้นเป็นความแขยง(ขอเว้ากันซื่อๆ อย่างนี้แหละ)
ขอต่อในคคหต่อไป เพื่อความสะดวกในการอ่านของเพื่อนๆ สมาชิก