ถึงคนปากพล่อย พวกที่ทำสิ่งที่คนตัวเองไม่ชอบกับคนอื่น และคนที่ไม่มีทางสู้

ผมเจอคนแบบนี้มาเยอะมาก พวกที่ชอบว่าให้คนอื่น แกล้งคนอื่นแบบเอาจริงเอาจังมาก เล่นไม่ดูคน พอเราโกรธก็หาว่าเราคิดมาก คือเราผิดว่างั้นล่ะครับที่คิดมากกับการถูกแกล้งถูกต่อว่า ก็อยากจะบอกเค้าเหมือนกันนะว่า เราก็แค่อ่อนไหวเมื่อถูกกระทำ ถ้าไม่มาทำอะไรเราก็ไม่คิดมาก แต่ตัวเมิงยังระงับความอยากที่จะทำสิ่งแย่ๆกับคนอื่นไม่ได้เลย เมิงจะมาว่าเราอ่อนแอเหรอ แต่ด้วยความที่กลุ่มเพื่อนผม นิสัยแบบเค้าเป็นคนส่วนใหญ่ ไม่ว่าเค้าจะทำอะไรกับผมจึงถูกต้องหมด ก็มีหลายทีที่ผมแค้น แต่พอผมเจอหน้าเค้าผมกลับด่าเค้าไม่ลง หลายครั้งเค้าหาเรื่องแกล้งผมทั้งที่รู้ว่าผมไม่ชอบ ผมไม่เข้าใจว่าเค้าทำลงไปได้ยังไงในหลายๆการกระทำ จนกระทั่งผมรู้สึกว่าตัวเองเปลี่ยนไป อารมณ์ผมมันรุนแรงมากขึ้น แต่ผมไม่รู้จะระบายกับใคร ผมจึงรู้สึกว่าคนที่มีนิสัยพวกนี้มันเป็นคนที่ทำร้ายสังคมมากโดยเฉพาะกับคนที่ไม่ค่อยสู้คนแบบผม และในหนังสือจิตวิทยา ประวัติของฆาตกรต่างประเทศหลายๆคนมีต้นตอมาจากถูกคนรอบข้างกระทำ ทั้งครอบครัว พ่อแม่ เพื่อน ครู ที่ไทยเองก็มีมาแล้วถ้าใครยังจำข่าวที่วินมอไซชักลูกซองยิงเพื่อนได้ ก็สาเหตุเพราะเพื่อนคนนั้นพูดจาเสียดสีดูถูกมานาน จากที่รู้มาอาการทางจิตเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ แต่ใช้เวลาและจำนวนครั้งที่มากเป็นตัวกระตุ้น ผมก็รู้สึกว่าผมโดนมานานพอสมควร อยากจะเลิกคบเหมือนกัน จริงๆไม่ใช่ว่าไม่กล้าหรอก ผมแค่ไม่อยากมีโมเมนต์ร่วมงานกับคนที่เป็นคู่อริกัน มันคงลำบากกว่าเป็นแบบนี้มาก ไม่ได้กลัวเสียเพื่อนด้วยล่ะ เพราะการมีเพื่อนแบบนี้นี่ทำให้ชีวิตผมแย่ไปมาก ยอมรับว่ากลายเป็นคนเก็บกด รู้สึกว่าตัวเองโง่มากที่ทนอยู่กับคนแบบนี้นานหลายปี จนวันนึงผมก็ทดสอบดูว่าไอ้ที่มันแกล้งผมแล้วมันมองว่าเป็นเรื่องไม่น่าคิดมาก ถ้าผมทำกับมันบ้างมันจะทำยังไง ปรากฏว่า มันพยายามเอาคืนผมให้จนได้ คือมันก็โกรธแหล่ะครับ แถมไม่ระงับความโกรธซะด้วย เอาง่ายๆว่าสิ่งที่มันเคยว่าให้ผมมาทั้งหมดมันก็เป็นเองหมด ติดแค่ว่ามันไม่ถูกกระทำมากแบบผม ผมไม่อยากเล่าว่าทำอะไรบ้าง เดี๋ยวจะรู้ว่าเป็นใคร ผมก็อยากจะบอกว่าคนที่ทำแบบนี้ให้เลิกทำซะ อย่าหลงตัวเองว่าตัวเองรับได้ จริงๆแล้วคุณก็รับไม่ได้เหมือนกัน หรือถึงคุณจะรับสิ่งนั้นได้ ก็จงเข้าใจว่าคุณก็มีสิ่งที่คุณรับไม่ได้แต่ว่าเขาคนนั้นรับได้เหมือนกัน คนทุกคนมีข้อจำกัดของตนเอง ส่วนคนที่เป็นแบบผมตอนนี้ก็อย่านิ่งนอนใจว่าคนพวกนั้นจะเปลี่ยนนิสัยแย่ๆตัวเองได้หมด ผมก็หาหนังสือเชิงจิตวิทยาอ่าน ได้ข้อคิดดีๆมากมาย ได้รู้ความคิดของนักจิตวิทยาที่โด่งดังหลายคนว่าเขารับมือกับปัญหาอย่างไร
และสุดท้ายผมอยากบอกว่าคนที่กำลังเป็นแบบผมว่าเราเปลี่ยนโลกไม่ได้ เราต้องเปลี่ยนที่ตัวเรา เหมือนที่พระพุทธเจ้ากลัวความตาย แต่ท่านเปลี่ยนอะไรไม่ได้ ก็ทำความเข้าใจกับมัน ยอมรับมัน และรู้สึกกับมันให้น้อยที่สุด หากเราอ่อนแอและยังอ่อนไหวต่อมัน เราคือผู้แพ้ แพ้ทั้งในเชิงเหตุผลและแพ้ในโลกความจริง ผมเสียเกิดที่ตัวเราทั้งนั้น แต่หากเรายับยั้งไม่ให้มีความโกรธและไม่มีความสนใจกับสิ่งที่เขาทำต่อเราได้ เราก็คือผู้ชนะ มีคำคมของใครสักคนผมจำชื่อไม่ได้บอกว่า "เราคงประสบความสำเร็จไม่ได้ ถ้าเรามัวแต่หยุดแล้วปาหินใส่สุนัขทุกตัวที่เห่าใส่เรา" นี่คือตัวอย่างของการคิดบวกอันหนึ่ง เพราะการสนใจคนพวกนั้นเป็นอุปสรรคมากๆในการที่เราจะลงมือทำ เราอาจเสียโอกาสดีๆไปได้ เราจึงต้องเด็ดเดี่ยวถึงแม้จะล้มเหลวเราก็ยังลุกขึ้นสู้ได้ ถึงแม้เราจะโดนด่าโดนติ แต่สุดท้ายเราได้ทำและมันสำเร็จ ใครจะว่าอะไรเราได้ เราต้องคิดถึงคนข้างหลังเราก็คือครอบครัวก่อนที่จะคิดถึงคนจำพวกนั้น จริงไหม? อย่าให้คนพวกนั้นมาทำให้เราเสีย และอีกคติหนึ่งที่ผมถือคือ ถ้าเกลียดเขาก็ไม่ต้องไปด่าให้เขารู้ว่าเขาทำผิด แต่ถ้ารักเขาจงเตือนเขาเมื่อเขาทำผิด เตือนกับด่านี่ต่างกันนะครับ ก็มองได้ว่าคนที่มีนิสัยแย่อีกหน่อยก็คงไม่มีใครคบนอกจากคนนิสัยคล้ายๆกัน ทั้งหมดนี่ก็เป็นประสบการณ์อันเลวร้ายที่เจออันหนึ่งสำหรับผม ก็แค่อยากจะฝากบอกทั้งผู้กระทำและถูกกระทำดังที่กล่าวมานี้ ผมอาจเล่าเรื่องไม่เก่ง แต่ก็หวังว่ามันน่าช่วยเสนอมุมมองของคนเงียบคนหนึ่ง ที่มีปัญหากับคนที่เห็นคนอื่นเป็นที่รองรับอารมณ์ ที่เขียนมาก็ถือว่าช่วยคนผิดให้กลับใจก็คือการช่วยคนดีให้พ้นภัยล่ะนะครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่