ถ้ามีพวกคุณคนใดที่เคยฝึกจนได้เห็นนิมิตขั้นสุดท้ายชัดแจ๋ว(ตามหลักการวิชาธรรมกายของคุณ) ...แล้วคุณกล้าจะทำต่อไปอีกขั้นไหม? คือ เพิกนิมิตนั่นให้หายไป ..โดยการเพ่งย้อนมาที่ตัวรู้ซึ่งเป็นตัวเห็นนิมิตนั่นแหละ ... แน่นอนว่า ถ้าคุณเพ่งย้อนถูกจังหวะ นิมิตธรรมกาย หรือจะเป็นนิมิตอะไรทุกๆอย่าง ต่อให้สวยงามวิเศษวิโสปานใดก็ตาม จะหายแว๊บไปทันที แล้วคุณจะพบสิ่งมหัศจรรย์ยิ่งกว่า....เพราะความจริงคือ นิมิตที่คุณเห็นทุกๆระดับนั่น เป็นอาการของจิตของคุณนั่นเอง เกิดจากการเอาสัญญามาปรุงแต่ง จนเมื่อจิตสงบสัญญานั่นก็กลายเป็นภาพนิมิตสดใสสวยงาม ก็แค่นั้นเอง...
ผมท้าทายพวกคุณ ไม่ใช่จะหวังร้ายอะไร แต่เป็นความหวังดีอย่างสุดๆ ยังไงก็ในฐานนะชาวพุทธด้วยกัน อยากให้พวกคุณหลุดพ้นจากความงมงาย ได้เจอแสงสว่างในธรรมที่แท้จริงซะที อย่าไปหลงติดจมมืดบอดกับวิชาธรรมกายนั่นอีกเลย ...
ถ้าคุณทำได้อย่างที่ว่า รับรองว่าคุณจะพบกับความจริงอีกระดับหนึ่งของสมาธิ และจะเปิดกว้างไปสู่หนทางที่จะเจอสัจธรรมแท้ๆขององค์พระบรมศาสดาในอนาคต แล้วคุณจะรู้ด้วยตนเองว่า หลักวิชาธรรมกายที่คุณฝึกๆอยู่นั้น เป็นเพียงการหลงติดนิมิตขั้นต้น ขั้นอนุบาลแค่นั้นเอง ยังต้องเรียนกันอีกมากมาย ..ยังมีกิเลสอีกมากมาย ธรรมะอีกมากมาย ซับซ้อนยิ่งกว่าดงดิบป่าอะเมซอนที่ซ่อนเร้นอยู่ในตัวรู้ ที่ต้องชำระสะสางกัน ซึ่งต้องฝึกกันอีกมากมายอย่างเอาเป็นเอาตาย จึงจะค่อยๆกระจ่างชัดขึ้นมา
ถามย้ำอีกที ..พวกคุณกล้าจะเพิกนิมิตธรรมกาย นั่นไหม ???
หรือจะกอดจมปลักลงเหวไปด้วยกันก็ตามใจพวกคุณละ ...
{ ป.ล. ...สมัยวัยรุ่น ตอนที่สำนักธรรมกายยังมีแค่กระต๊อบกลางทุ่ง ๒-๓ หลัง ผมเองก็เคยลองฝึกแบบธรรมกาย เพ่งลูกแก้วจนเห็นนิมิตลูกแก้ว ชัดเจนสดใสสวยงามมากๆ ทั้งลืมตา ทั้งหลับตา ..แต่รู้ทันมาตั้งแต่แรกว่า นั่นเป็นภาพที่จิตเรานั่นเองปรุงแต่งสร้างไปเอง จึงรีบหาทางแก้นิมิตลูกแก้วนั่นออกไป กลัวจะยิ่งเตลิดเปิดเปิงไปใหญ่ไปโต เข้ารกเข้าป่าแบบพวกคุณ เพื่อจะมาพิจารณากายตามหลักกายคตาสติ ตามหลักคำสอนของพระบรมศาสดาของพวกเราซึ่งถูกต้องแท้จริง แต่ปรากฏว่า นิมิตลูกแก้วสัปปะรังเคนั่นมันมาขัดวางไว้ตลอด พอจะเพ่งกายก็เห็นเป็นลูกแก้วไปซะ รำคาญมากๆๆๆ รำคาญสุดๆๆๆ เลยละ แทบบ้าตาย..กว่าจะเอามันออกได้ ก็หลายวัน ประมาณกว่าครึ่งเดือน ..ยอมรับว่าการเพิกนิมิต ไม่ง่าย ไม่ง่ายจริงๆ ก็เห็นใจพวกคุณในแง่นี้ ..แต่อยากให้พวกคุณลองฝึกทำดู ถ้าพวกคุณเห็นว่า เพิกนิมิตไปแล้ว ไม่มีผลดีอะไรๆตามมา คุณก็ไปเพ่งนิมิตธรรมกายของคุณกลับคืนมาใหม่ ซึ่งเป็นเรื่องง่ายๆ อย่าไปกลัวว่าจะทำคืนไม่ได้ ....
ไม่คิดจะลองทำหรือ ??? }
?????ถึงเหล่าสาวกสำนักจานบิน,อยากถามว่าพวกคุณคนใดที่เคยได้เห็นนิมิตธรรมกายมาแล้ว มีความกล้าพอจะเพิกนิมิตธรรมกายนั่นไหม??
ผมท้าทายพวกคุณ ไม่ใช่จะหวังร้ายอะไร แต่เป็นความหวังดีอย่างสุดๆ ยังไงก็ในฐานนะชาวพุทธด้วยกัน อยากให้พวกคุณหลุดพ้นจากความงมงาย ได้เจอแสงสว่างในธรรมที่แท้จริงซะที อย่าไปหลงติดจมมืดบอดกับวิชาธรรมกายนั่นอีกเลย ...
ถ้าคุณทำได้อย่างที่ว่า รับรองว่าคุณจะพบกับความจริงอีกระดับหนึ่งของสมาธิ และจะเปิดกว้างไปสู่หนทางที่จะเจอสัจธรรมแท้ๆขององค์พระบรมศาสดาในอนาคต แล้วคุณจะรู้ด้วยตนเองว่า หลักวิชาธรรมกายที่คุณฝึกๆอยู่นั้น เป็นเพียงการหลงติดนิมิตขั้นต้น ขั้นอนุบาลแค่นั้นเอง ยังต้องเรียนกันอีกมากมาย ..ยังมีกิเลสอีกมากมาย ธรรมะอีกมากมาย ซับซ้อนยิ่งกว่าดงดิบป่าอะเมซอนที่ซ่อนเร้นอยู่ในตัวรู้ ที่ต้องชำระสะสางกัน ซึ่งต้องฝึกกันอีกมากมายอย่างเอาเป็นเอาตาย จึงจะค่อยๆกระจ่างชัดขึ้นมา
ถามย้ำอีกที ..พวกคุณกล้าจะเพิกนิมิตธรรมกาย นั่นไหม ???
หรือจะกอดจมปลักลงเหวไปด้วยกันก็ตามใจพวกคุณละ ...
{ ป.ล. ...สมัยวัยรุ่น ตอนที่สำนักธรรมกายยังมีแค่กระต๊อบกลางทุ่ง ๒-๓ หลัง ผมเองก็เคยลองฝึกแบบธรรมกาย เพ่งลูกแก้วจนเห็นนิมิตลูกแก้ว ชัดเจนสดใสสวยงามมากๆ ทั้งลืมตา ทั้งหลับตา ..แต่รู้ทันมาตั้งแต่แรกว่า นั่นเป็นภาพที่จิตเรานั่นเองปรุงแต่งสร้างไปเอง จึงรีบหาทางแก้นิมิตลูกแก้วนั่นออกไป กลัวจะยิ่งเตลิดเปิดเปิงไปใหญ่ไปโต เข้ารกเข้าป่าแบบพวกคุณ เพื่อจะมาพิจารณากายตามหลักกายคตาสติ ตามหลักคำสอนของพระบรมศาสดาของพวกเราซึ่งถูกต้องแท้จริง แต่ปรากฏว่า นิมิตลูกแก้วสัปปะรังเคนั่นมันมาขัดวางไว้ตลอด พอจะเพ่งกายก็เห็นเป็นลูกแก้วไปซะ รำคาญมากๆๆๆ รำคาญสุดๆๆๆ เลยละ แทบบ้าตาย..กว่าจะเอามันออกได้ ก็หลายวัน ประมาณกว่าครึ่งเดือน ..ยอมรับว่าการเพิกนิมิต ไม่ง่าย ไม่ง่ายจริงๆ ก็เห็นใจพวกคุณในแง่นี้ ..แต่อยากให้พวกคุณลองฝึกทำดู ถ้าพวกคุณเห็นว่า เพิกนิมิตไปแล้ว ไม่มีผลดีอะไรๆตามมา คุณก็ไปเพ่งนิมิตธรรมกายของคุณกลับคืนมาใหม่ ซึ่งเป็นเรื่องง่ายๆ อย่าไปกลัวว่าจะทำคืนไม่ได้ .... ไม่คิดจะลองทำหรือ ??? }