ผมไม่เคยมีประสบการณ์ด้านการขอวีซ่ามาก่อนนะครับ กว่าจะทำได้แต่ละขั้นตอนก็ลำบากซะเหลือเกินครับหาแล้วหาอีกเพื่อความชัวร์ 55555
ข้อมูลคร่าวๆของผมคือเป็นนักศึกษารอรับปริญญาครับ จะไปเที่ยวโดยพี่ที่ไปแต่งงานกับคนที่นู้นและได้สัญชาติอเมริกันเรียบร้อยแล้วเป็น Sponsor ให้ ฉะนั้นเอกสารที่ผมเตรียมไปจึงมีดังนี้ครับ
1. ใบ CONFIRMATION ของ DS-160 ที่มีรูปเราอะครับ (***ใบนี้สำคัญมาก)
2. ใบนัดสัมภาษณ์ครับ อันนี้ปริ้นจากเมล์ครับ
3. Passport ทั้งเก่าและปัจจุบันครับ
4. ทะเบียนบ้าน
5. บัตรประชาชน
6. ใบรับรองการศึกษา
7. จดหมายเชิญจากพี่ผม
8. Statement ของพี่ผม
9. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของพี่ผมครับ
10. ใบเสร็จจ่ายค่าวีซ่า
11. รูปถ่าย 2*2 นิ้วครับ
เตรียมเอกสารครบผมก็เดินทางจากรังสิตโดยรถเมล์ครับยาวไปถึงอนุสาวรีย์ (ผ่านช่อง5เจอรถถังไทยติดไฟฟรุ้งฟริ้ง น่ารักมากครับ555555) ถึงอนุสาวรีย์ชัยผมก็ต่อแท็กซี่ ไปจนถึงสถานทูตก็ 60 บาทนิดๆครับ
ไปถึงตี5นิดๆ เจอคนมาเข้าคิวอยู่แล้ว (ผมรอบ7.30) ถึงแล้วก็ยินรอเรื่อยๆๆๆ เปื่อยมากครับเพราะไม่ได้เอา Power Bank กับ Ipad มา เขาไม่รับฝากนะครับ อันนี้เตือนเลยว่าเป็นไปได้เอามาติดตัวแค่มือถือเครื่องเดียว เอกสาร และกระเป๋าเงินพอครับ เขารับฝากแค่มือถือเครื่องเดียวจริงๆครับ (หูฟังเล็กๆแบบ earpod พันรอบมือถือและฝากไว้ได้ครับ แต่หูฟังครอบใหญ่ๆฝากไม่ได้ ถ้าเอาของติดตัวมานอกเหนือจากที่กล่าวมาต้องฝากข้างนอกอย่างเดียวครับ ผมไม่กล้าเอามาฝากเพราะกลัวอะครับคนแปลกหน้าไม่กล้าฝาก ยอมเบื่อครับ55555 ระกว่างยืนรอก็มีป้าข้างหลังเมาส์แตกมากครับ จะต้องทำงั้น ทำงี้นะ ไม่งั้นเค้าไม่ให้ผ่าน ฟังก็มีประโยชน์ดีครับแต่เชื่อไม่ได้ 100% ทุกอย่างขึ้นกับตัวเราครับ จนกระทั้ง 6.30 จะมีเจ้าหน้าทีมาขอตรวจเอกสาร DS-160 และ Passport ครับ ตรวจเสร็จเค้าจะเขียนเลขเวลาที่เรานัดไปครับ เช่นของผม 730
เสร็จแล้วก็เข้าไปข้างในป้อมยามข้างหน้าเพื่อฝากของครับ จะต้องใช้บัตรประชาชนในการฝากของด้วยนะครับ และอย่างที่บอกครับ ฝากได้แค่มือถือ 1 เครื่อง หลังจากฝากเสร็จก็ Scan ตัวเราแล้วก็เข้าไปนั่งรอข้างในครับ นั่งสักพักพี่เค้าก็ประกาศเรียกรอบ 7.00 กับ 7.15 เข้าไปต่อคิวเพื่อรับเลข EMS ที่จะส่ง Passport คืนให้เรา กรณีที่เราผ่านวีซ่านะครับ นั่งรอนานมากครับ เพราะเค้าจะให้พระทำเรื่องก่อนครับ และบังเอิญพระเยอะมาก 20-30 รูป
นั่งรอไปจนถึงคิวเรา ก็ไม่มีอะไรมากครับ เค้าจะเอา DS-160 ใบแรก กับ Passport เรา ถามว่าเคยมีวีซ่าไปอเมริกามั๊ย เสร็จแล้วก็ให้เลข EMS มา ซึ่งเราต้องจดไว้นะครับ ไว้ตามของเผื่อช้าหรือเกิดอะไรขึ้น
เข้าไปข้างในต่อคิวอีกละครับ ต่อๆไปช่องพวก 11 ขึ้นไปน่าจะถึง 14 นะครับ จะเป็นคนไทยครับ ก็ถามทั่วไป ไปทำอะไร ยังไง และสแกนนิ้วมือซึ่งติดยากมากด้วยครับ ประมาณนี้ครับ
แต่!!! ผมเจอคำถามที่ถามว่าขอเบอร์โทรพ่อกับแม่ด้วย ผมจุกเลย จำไม่ได้ (***แนะนำให้จดไปครับ เบอร์พ่อแม่หรือญาติเราก็ได้ครับ) ผมจำได้แค่เบอร์บ้าน ก็เลยบอกเบอร์บ้านไป ทำหน้าตาเหวี่ยงใส่ผมด้วย (ก็คนมันจำไม่ได้ป่ะว่ะ = =) เสร็จแล้วเค้าจะเขียนเลขอะไรไม่รู้ครับ 3-4 ตัว แล้วให้เราไปต่อแถว เพื่อเข้าช่องที่ 10 เพื่อที่จะโชว์ตัวเลขให้เขาดูและสแกนนิ้วมืออีกทีครับ
หลังจากนั้น มาละครับวินาทีลุ้นระทึก ต่อไปนี้คือสัมภาษณ์จริงๆแล้ว มีช่อง 7-9 ครับที่เปิด ตอนที่ผมไปนะ ผมเคยได้ยินเพื่อนบอกมาว่า 8 ให้ยาก ใจเต้นตุบๆ จนมาจะถึงคิวผมครับ คนที่อยู่ตุ้ 8 พูดขึ้นว่า เสียใจด้วยนะครับ แล้วเค้าก็คืน Passport ไปและเดินออกไป ผมนี่หน้าซีดเลยเพราะต้องต่อช่อง8!!! หายใจเข้าลึกๆแล้วเดินไปครับ เอาวะ เป็นไงเป็นกัน คำแรกที่เขาทักทาย สวัสดีครับ คุณ.....ใช่มั๊ยครับ (ฝรั่งถามนะครับ พูดไทยชัดมาก) และเขาก็พูดประโยคประโยคนึงมาครับ ผมนี่ฮาก๊ากเลย "Your duties is study hard for ur dream job at AOT right?" ผมนี่ฮาเลยครับ ไม่คิดว่าเค้าจะเอามาพูด มันคือข้อความที่ให้ใส่ตอนทำ DS-160 ครับ ตอนนั้นเบื่อๆครับกะลังหงุดหงิดว่า DS-160 จะถามอะไรนักหนาเลยเขียนไปขำ ทั้งเขาทั้งผมฮากันทั้ง 2 เลยครับ ค่อยลดความเตรียดลงไปหน่อย ต่อไป
"อยากทำงานที่สนามบินไหนครับ" > ที่สุวรรณภูมิครับ
"ไปอเมริกาทำอะไรครับ" > ไปเที่ยวและไปเยี่ยมพี่สาวครับ
"ไปที่ไหนครับ" > Florida ครับ
"พี่สาวทำอะไรที่นู้นครับครับ" > ทำงานที่บริษัท บลาๆ
------ ข้อมูลพี่สาวล้วนๆเลยครับ -------
"แล้วคุณเรียนจบยังครับ" > จบแล้วครับ รอรับปริญญาครับ
"เรียนสาขาอะไรครับ" > ภาษาอังกฤษครับ
"ขอดู Transcript หน่อยครับ" > (ซวยแล้วไม่ได้เตรียมมา จะผ่านมั๊ย T T) ขอโทษนะครับ พอดีผมไม่ได้เตรียมมาอะครับ เตรียมมาแต่ใบรับรองการศึกษาอะครับ
"อ่อ ไม่เป็นอะไรครับ จะไปนานแค่ไหนครับ" > 3 อาทิตย์ครับ
"โอเคครับ วีซ่าของคุณผ่านแล้ว เดี๋ยวจะส่ง Passport ไปตามที่อยู่นี่นะครับ" > O___o!!! ขอบคุณครับ ขอบคุณมากๆครับ (แล้วก็รีบวิ่งเลยกลัวเขาเปลี่ยนใจ)
เดินออกมาแบบหวิวๆ เลยไปถามพี่ที่ฝากกระเป๋าตอนแรกอะครับว่า
"พี่ครับหลังจากที่เขาบอกว่าวีซ่าผ่านต้องทำอะไรมั๊ยครับ" > ไม่ต้องแล้วครับ มาเอาของคืนแล้วกลับได้เลย ยินดีด้วยนะครับ
ผมนี่แทบจะโดด อยากจะจ้างแตรวงมาเล่นที่หน้าสถานทูตมากครับ ผ่านแล้ว ทำเองหมด ครั้งแรกแล้วผ่าน จะได้ไปเมืองนอกครั้งแรกด้วย ดีใจอธิบายไม่ถูก T T
ก็ไม่มีอะไรมากครับ แค่อยากมาเล่าประสบการณ์วีซ่าครั้งแรกให้ฟังเฉยๆครับ อยากบอกว่ามันไม่ยากครับ แต่มันเยอะแค่นั้นเองครับ
**และก็อยากฝากถึงคนที่จะไปขอวีซ่านะครับ เอกสารเป็นอะไรที่สำคัญมากต้องเตรียมให้ครบนะครับ ถึงแม้เค้าแทบจะไม่ถามเอาอะไรจากเราเลยก็เถอะครับ แต่เตรียมไว้ก่อนดีกว่า ผมนี่โชคดีมากที่ผ่านมาได้โดยที่ไม่มีเอกสารที่เขาอยากจะดู บางคนขาดเอกสารเล็กๆน้อยๆเค้าก็ไม่ให้นะครับ รอบที่ผมไปมาก็มี 2 คนครับที่มีปัญหาเรื่องเอกสาร ส่วนการสัมภาษณ์ก็ให้ตอบไปตามความจริงครับ อย่าสคริป คนที่เขาสัมภาษณ์เค้ารู้ครับ เค้าทำมาหลายปี เอาสบายๆตามความจริงดีที่สุดครับ ไงก็ขอให้คนที่จะไปสัมภาษณ์ให้ผ่านและเป็นตามที่หวังไว้นะครับ :]
มาเล่าเรื่องการขอวีซ่าไปอเมริกา แบบท่องเที่ยวครั้งแรกครับผม
ข้อมูลคร่าวๆของผมคือเป็นนักศึกษารอรับปริญญาครับ จะไปเที่ยวโดยพี่ที่ไปแต่งงานกับคนที่นู้นและได้สัญชาติอเมริกันเรียบร้อยแล้วเป็น Sponsor ให้ ฉะนั้นเอกสารที่ผมเตรียมไปจึงมีดังนี้ครับ
1. ใบ CONFIRMATION ของ DS-160 ที่มีรูปเราอะครับ (***ใบนี้สำคัญมาก)
2. ใบนัดสัมภาษณ์ครับ อันนี้ปริ้นจากเมล์ครับ
3. Passport ทั้งเก่าและปัจจุบันครับ
4. ทะเบียนบ้าน
5. บัตรประชาชน
6. ใบรับรองการศึกษา
7. จดหมายเชิญจากพี่ผม
8. Statement ของพี่ผม
9. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของพี่ผมครับ
10. ใบเสร็จจ่ายค่าวีซ่า
11. รูปถ่าย 2*2 นิ้วครับ
เตรียมเอกสารครบผมก็เดินทางจากรังสิตโดยรถเมล์ครับยาวไปถึงอนุสาวรีย์ (ผ่านช่อง5เจอรถถังไทยติดไฟฟรุ้งฟริ้ง น่ารักมากครับ555555) ถึงอนุสาวรีย์ชัยผมก็ต่อแท็กซี่ ไปจนถึงสถานทูตก็ 60 บาทนิดๆครับ
ไปถึงตี5นิดๆ เจอคนมาเข้าคิวอยู่แล้ว (ผมรอบ7.30) ถึงแล้วก็ยินรอเรื่อยๆๆๆ เปื่อยมากครับเพราะไม่ได้เอา Power Bank กับ Ipad มา เขาไม่รับฝากนะครับ อันนี้เตือนเลยว่าเป็นไปได้เอามาติดตัวแค่มือถือเครื่องเดียว เอกสาร และกระเป๋าเงินพอครับ เขารับฝากแค่มือถือเครื่องเดียวจริงๆครับ (หูฟังเล็กๆแบบ earpod พันรอบมือถือและฝากไว้ได้ครับ แต่หูฟังครอบใหญ่ๆฝากไม่ได้ ถ้าเอาของติดตัวมานอกเหนือจากที่กล่าวมาต้องฝากข้างนอกอย่างเดียวครับ ผมไม่กล้าเอามาฝากเพราะกลัวอะครับคนแปลกหน้าไม่กล้าฝาก ยอมเบื่อครับ55555 ระกว่างยืนรอก็มีป้าข้างหลังเมาส์แตกมากครับ จะต้องทำงั้น ทำงี้นะ ไม่งั้นเค้าไม่ให้ผ่าน ฟังก็มีประโยชน์ดีครับแต่เชื่อไม่ได้ 100% ทุกอย่างขึ้นกับตัวเราครับ จนกระทั้ง 6.30 จะมีเจ้าหน้าทีมาขอตรวจเอกสาร DS-160 และ Passport ครับ ตรวจเสร็จเค้าจะเขียนเลขเวลาที่เรานัดไปครับ เช่นของผม 730
เสร็จแล้วก็เข้าไปข้างในป้อมยามข้างหน้าเพื่อฝากของครับ จะต้องใช้บัตรประชาชนในการฝากของด้วยนะครับ และอย่างที่บอกครับ ฝากได้แค่มือถือ 1 เครื่อง หลังจากฝากเสร็จก็ Scan ตัวเราแล้วก็เข้าไปนั่งรอข้างในครับ นั่งสักพักพี่เค้าก็ประกาศเรียกรอบ 7.00 กับ 7.15 เข้าไปต่อคิวเพื่อรับเลข EMS ที่จะส่ง Passport คืนให้เรา กรณีที่เราผ่านวีซ่านะครับ นั่งรอนานมากครับ เพราะเค้าจะให้พระทำเรื่องก่อนครับ และบังเอิญพระเยอะมาก 20-30 รูป
นั่งรอไปจนถึงคิวเรา ก็ไม่มีอะไรมากครับ เค้าจะเอา DS-160 ใบแรก กับ Passport เรา ถามว่าเคยมีวีซ่าไปอเมริกามั๊ย เสร็จแล้วก็ให้เลข EMS มา ซึ่งเราต้องจดไว้นะครับ ไว้ตามของเผื่อช้าหรือเกิดอะไรขึ้น
เข้าไปข้างในต่อคิวอีกละครับ ต่อๆไปช่องพวก 11 ขึ้นไปน่าจะถึง 14 นะครับ จะเป็นคนไทยครับ ก็ถามทั่วไป ไปทำอะไร ยังไง และสแกนนิ้วมือซึ่งติดยากมากด้วยครับ ประมาณนี้ครับ
แต่!!! ผมเจอคำถามที่ถามว่าขอเบอร์โทรพ่อกับแม่ด้วย ผมจุกเลย จำไม่ได้ (***แนะนำให้จดไปครับ เบอร์พ่อแม่หรือญาติเราก็ได้ครับ) ผมจำได้แค่เบอร์บ้าน ก็เลยบอกเบอร์บ้านไป ทำหน้าตาเหวี่ยงใส่ผมด้วย (ก็คนมันจำไม่ได้ป่ะว่ะ = =) เสร็จแล้วเค้าจะเขียนเลขอะไรไม่รู้ครับ 3-4 ตัว แล้วให้เราไปต่อแถว เพื่อเข้าช่องที่ 10 เพื่อที่จะโชว์ตัวเลขให้เขาดูและสแกนนิ้วมืออีกทีครับ
หลังจากนั้น มาละครับวินาทีลุ้นระทึก ต่อไปนี้คือสัมภาษณ์จริงๆแล้ว มีช่อง 7-9 ครับที่เปิด ตอนที่ผมไปนะ ผมเคยได้ยินเพื่อนบอกมาว่า 8 ให้ยาก ใจเต้นตุบๆ จนมาจะถึงคิวผมครับ คนที่อยู่ตุ้ 8 พูดขึ้นว่า เสียใจด้วยนะครับ แล้วเค้าก็คืน Passport ไปและเดินออกไป ผมนี่หน้าซีดเลยเพราะต้องต่อช่อง8!!! หายใจเข้าลึกๆแล้วเดินไปครับ เอาวะ เป็นไงเป็นกัน คำแรกที่เขาทักทาย สวัสดีครับ คุณ.....ใช่มั๊ยครับ (ฝรั่งถามนะครับ พูดไทยชัดมาก) และเขาก็พูดประโยคประโยคนึงมาครับ ผมนี่ฮาก๊ากเลย "Your duties is study hard for ur dream job at AOT right?" ผมนี่ฮาเลยครับ ไม่คิดว่าเค้าจะเอามาพูด มันคือข้อความที่ให้ใส่ตอนทำ DS-160 ครับ ตอนนั้นเบื่อๆครับกะลังหงุดหงิดว่า DS-160 จะถามอะไรนักหนาเลยเขียนไปขำ ทั้งเขาทั้งผมฮากันทั้ง 2 เลยครับ ค่อยลดความเตรียดลงไปหน่อย ต่อไป
"อยากทำงานที่สนามบินไหนครับ" > ที่สุวรรณภูมิครับ
"ไปอเมริกาทำอะไรครับ" > ไปเที่ยวและไปเยี่ยมพี่สาวครับ
"ไปที่ไหนครับ" > Florida ครับ
"พี่สาวทำอะไรที่นู้นครับครับ" > ทำงานที่บริษัท บลาๆ
------ ข้อมูลพี่สาวล้วนๆเลยครับ -------
"แล้วคุณเรียนจบยังครับ" > จบแล้วครับ รอรับปริญญาครับ
"เรียนสาขาอะไรครับ" > ภาษาอังกฤษครับ
"ขอดู Transcript หน่อยครับ" > (ซวยแล้วไม่ได้เตรียมมา จะผ่านมั๊ย T T) ขอโทษนะครับ พอดีผมไม่ได้เตรียมมาอะครับ เตรียมมาแต่ใบรับรองการศึกษาอะครับ
"อ่อ ไม่เป็นอะไรครับ จะไปนานแค่ไหนครับ" > 3 อาทิตย์ครับ
"โอเคครับ วีซ่าของคุณผ่านแล้ว เดี๋ยวจะส่ง Passport ไปตามที่อยู่นี่นะครับ" > O___o!!! ขอบคุณครับ ขอบคุณมากๆครับ (แล้วก็รีบวิ่งเลยกลัวเขาเปลี่ยนใจ)
เดินออกมาแบบหวิวๆ เลยไปถามพี่ที่ฝากกระเป๋าตอนแรกอะครับว่า
"พี่ครับหลังจากที่เขาบอกว่าวีซ่าผ่านต้องทำอะไรมั๊ยครับ" > ไม่ต้องแล้วครับ มาเอาของคืนแล้วกลับได้เลย ยินดีด้วยนะครับ
ผมนี่แทบจะโดด อยากจะจ้างแตรวงมาเล่นที่หน้าสถานทูตมากครับ ผ่านแล้ว ทำเองหมด ครั้งแรกแล้วผ่าน จะได้ไปเมืองนอกครั้งแรกด้วย ดีใจอธิบายไม่ถูก T T
ก็ไม่มีอะไรมากครับ แค่อยากมาเล่าประสบการณ์วีซ่าครั้งแรกให้ฟังเฉยๆครับ อยากบอกว่ามันไม่ยากครับ แต่มันเยอะแค่นั้นเองครับ
**และก็อยากฝากถึงคนที่จะไปขอวีซ่านะครับ เอกสารเป็นอะไรที่สำคัญมากต้องเตรียมให้ครบนะครับ ถึงแม้เค้าแทบจะไม่ถามเอาอะไรจากเราเลยก็เถอะครับ แต่เตรียมไว้ก่อนดีกว่า ผมนี่โชคดีมากที่ผ่านมาได้โดยที่ไม่มีเอกสารที่เขาอยากจะดู บางคนขาดเอกสารเล็กๆน้อยๆเค้าก็ไม่ให้นะครับ รอบที่ผมไปมาก็มี 2 คนครับที่มีปัญหาเรื่องเอกสาร ส่วนการสัมภาษณ์ก็ให้ตอบไปตามความจริงครับ อย่าสคริป คนที่เขาสัมภาษณ์เค้ารู้ครับ เค้าทำมาหลายปี เอาสบายๆตามความจริงดีที่สุดครับ ไงก็ขอให้คนที่จะไปสัมภาษณ์ให้ผ่านและเป็นตามที่หวังไว้นะครับ :]