ในช่วงเวลานี้ สภาพของตลาดภาพยนตร์ไทยก็ดูเหมือนว่าจะโล่ง เพราะภายหลังวิกฤติการณ์ผ่านไป ปีใหม่ 2558 เข้ามาสู่ไตรมาสที่สอง ก็มีหนังที่เข้าฉายน้อยลงในแต่ละเดือน เมื่อครบถึงปีก็คาดว่าจะมีหนังไทยน้อยลงกว่าปีก่อนๆ และหนังที่ได้รับคำชมว่าดีและมีโอกาสเข้าชิงรางวัลประจำปีนั้นอาจจะน้อยลงไปด้วย หากยังไม่เห็นมีอะไรเซอร์ไพรส์วงการ
เมื่อวงการหนังอยู่ในสภาพเช่นนี้ ประการหนึ่งที่มักจะพบการพูดถึงในทางติติงกันอยู่จนบ่อยก็คือ ปัญหาความคิดสร้างสรรค์ของการสร้างภาพยนตร์ที่นับวันจะยิ่งตีบตันเข้าทุกวัน คงเป็นเพราะยังหาหนังที่ดีกว่า หรือมีแนวทางการนำเสนอที่ดีกว่า ใหม่กว่า และเข้าถึงความต้องการของตลาดไม่ได้เลย ปรากฏว่าหนังไทยที่เข้ามาฉายหลายเรื่อง ส่วนมากก็ยังคล้ายกับแนวทางจากความสำเร็จที่มีอยู่แล้วในหลายๆ องค์ประกอบ ถึงหนังจะมีโอกาสส่งออกให้ชาวโลกชื่นชมสักเพียงใด แต่ที่บ้านเราก็เก็บเงินในระดับขาดทุนกันเป็นทิวแถว มักปิดที่หลักระดับล้านนิดๆ บ้างหลักแสน หลักหมื่น อย่างกับสมัยโรงหนังเฉลิมไทยโน่น จนผู้สร้างและผู้กำกับบางรายถึงกับท้อใจ และหาทางออกที่น่าจะสมเนื้อสมตัวที่สุด ทางหนึ่งที่น่าจะช่วยได้และจะทำให้วงการไม่เป็นที่ครหาไปมากกว่านี้ ก็คือ ลาวงการ หรือ.. ปิดค่ายหนัง
โดยบริษัทผู้สร้างหนังแถวหน้ารายหนึ่งที่ประกาศเฝดตัวเอง เหมือนจะบอกให้รู้ว่าปิดค่ายหนังไปแล้ว ซึ่งคงจะไม่มีหนังฉายภายในปีนี้แน่ ก็คือ "อาร์เอส" ซึ่งในอดีตถือเป็นบริษัทผู้สร้างภาพยนตร์ไทยระดับแถวหน้าที่มีผลงานผ่านสายตาของคอหนังมามากมาย จนบางเรื่องได้เงินอย่างมหาศาล บางเรื่องก็ได้กล่องหลายตัว ส่วนหนึ่งของความสำเร็จก็คือการดึงดารา ศิลปิน นักร้องในสังกัด มาเป็นตัวชูโรงในการแสดง ถึงแม้ว่าผลงานที่มีดาราอาร์เอสมีส่วนเบื้องหน้านั้นจะไม่ทั้งหมดนัก ก็แน่นอนว่ายิ่งผลงานมาก ยิ่งมีความหลากหลาย ทั้งคนทั้งงาน ประกันคุณภาพได้แน่นอน
เมื่อมากหลากหลาย ย่อมผ่านความสำเร็จและความล้มเหลวเป็นธรรมดา หรือได้ลองลิ้มมาทุกรสชาติแล้ว ไม่ว่างานจะเสร็จหรือไม่เสร็จ เมื่อหนังเสร็จแล้วฉายแล้ว เสียงตอบรับจากมวลชนจะดีมากหรือดีน้อย
วันนี้ ถ้า "อาร์เอส" เลิกทำหนังไปเลย ก็จะเป็นที่เสียดายของแฟนหนังจำนวนไม่น้อย หากแต่ต้องพักไว้เพียงชั่วคราว..เพื่อหวังว่าถ้าวงการหนังไทยเข้มแข็งกว่านี้ คึกคักกว่านี้ สดใสกว่านี้ อาร์เอสคงจะกลับมาพบกับแฟนหนังอีก อาจจะมีผลงานใหม่ๆ ที่เราเองไม่คาดคิดก็เป็นได้
เพราะจากช่วงเวลา 20 กว่าปืที่อาร์เอสจับธุรกิจหนังไทย จึงมีผลงานต่างๆ ที่เรียกความประทับใจของคนดูหรือคนที่เคยดู มากบ้างน้อยบ้างตามรสนิยม แต่ก็มีบางแง่บางมุมจากหนังที่หลายคนยังไม่รู้หรืออยากจะรู้ว่า หนังของอาร์เอส มีดีอะไร หรือยังมีอะไรน่าจดจำบ้าง ซึ่งสิ่งต่างๆ ที่จะกล่าวต่อไปนี้คงจะช่วยกลบเกลื่อนรอยเศร้าหมองที่มีต่อวงการหนังได้ นี่คือ..บทบันทึกตลอดการเดินทาง "24 ปี หนังอาร์เอส" ที่ได้รวบรวมมาให้พอเข้าใจ
เปิดบันทึก "24 ปี หนังอาร์เอส" .. หากหัวใจยังรักอยู่ (ฉบับปรับปรุง)
เมื่อวงการหนังอยู่ในสภาพเช่นนี้ ประการหนึ่งที่มักจะพบการพูดถึงในทางติติงกันอยู่จนบ่อยก็คือ ปัญหาความคิดสร้างสรรค์ของการสร้างภาพยนตร์ที่นับวันจะยิ่งตีบตันเข้าทุกวัน คงเป็นเพราะยังหาหนังที่ดีกว่า หรือมีแนวทางการนำเสนอที่ดีกว่า ใหม่กว่า และเข้าถึงความต้องการของตลาดไม่ได้เลย ปรากฏว่าหนังไทยที่เข้ามาฉายหลายเรื่อง ส่วนมากก็ยังคล้ายกับแนวทางจากความสำเร็จที่มีอยู่แล้วในหลายๆ องค์ประกอบ ถึงหนังจะมีโอกาสส่งออกให้ชาวโลกชื่นชมสักเพียงใด แต่ที่บ้านเราก็เก็บเงินในระดับขาดทุนกันเป็นทิวแถว มักปิดที่หลักระดับล้านนิดๆ บ้างหลักแสน หลักหมื่น อย่างกับสมัยโรงหนังเฉลิมไทยโน่น จนผู้สร้างและผู้กำกับบางรายถึงกับท้อใจ และหาทางออกที่น่าจะสมเนื้อสมตัวที่สุด ทางหนึ่งที่น่าจะช่วยได้และจะทำให้วงการไม่เป็นที่ครหาไปมากกว่านี้ ก็คือ ลาวงการ หรือ.. ปิดค่ายหนัง
โดยบริษัทผู้สร้างหนังแถวหน้ารายหนึ่งที่ประกาศเฝดตัวเอง เหมือนจะบอกให้รู้ว่าปิดค่ายหนังไปแล้ว ซึ่งคงจะไม่มีหนังฉายภายในปีนี้แน่ ก็คือ "อาร์เอส" ซึ่งในอดีตถือเป็นบริษัทผู้สร้างภาพยนตร์ไทยระดับแถวหน้าที่มีผลงานผ่านสายตาของคอหนังมามากมาย จนบางเรื่องได้เงินอย่างมหาศาล บางเรื่องก็ได้กล่องหลายตัว ส่วนหนึ่งของความสำเร็จก็คือการดึงดารา ศิลปิน นักร้องในสังกัด มาเป็นตัวชูโรงในการแสดง ถึงแม้ว่าผลงานที่มีดาราอาร์เอสมีส่วนเบื้องหน้านั้นจะไม่ทั้งหมดนัก ก็แน่นอนว่ายิ่งผลงานมาก ยิ่งมีความหลากหลาย ทั้งคนทั้งงาน ประกันคุณภาพได้แน่นอน
เมื่อมากหลากหลาย ย่อมผ่านความสำเร็จและความล้มเหลวเป็นธรรมดา หรือได้ลองลิ้มมาทุกรสชาติแล้ว ไม่ว่างานจะเสร็จหรือไม่เสร็จ เมื่อหนังเสร็จแล้วฉายแล้ว เสียงตอบรับจากมวลชนจะดีมากหรือดีน้อย
วันนี้ ถ้า "อาร์เอส" เลิกทำหนังไปเลย ก็จะเป็นที่เสียดายของแฟนหนังจำนวนไม่น้อย หากแต่ต้องพักไว้เพียงชั่วคราว..เพื่อหวังว่าถ้าวงการหนังไทยเข้มแข็งกว่านี้ คึกคักกว่านี้ สดใสกว่านี้ อาร์เอสคงจะกลับมาพบกับแฟนหนังอีก อาจจะมีผลงานใหม่ๆ ที่เราเองไม่คาดคิดก็เป็นได้
เพราะจากช่วงเวลา 20 กว่าปืที่อาร์เอสจับธุรกิจหนังไทย จึงมีผลงานต่างๆ ที่เรียกความประทับใจของคนดูหรือคนที่เคยดู มากบ้างน้อยบ้างตามรสนิยม แต่ก็มีบางแง่บางมุมจากหนังที่หลายคนยังไม่รู้หรืออยากจะรู้ว่า หนังของอาร์เอส มีดีอะไร หรือยังมีอะไรน่าจดจำบ้าง ซึ่งสิ่งต่างๆ ที่จะกล่าวต่อไปนี้คงจะช่วยกลบเกลื่อนรอยเศร้าหมองที่มีต่อวงการหนังได้ นี่คือ..บทบันทึกตลอดการเดินทาง "24 ปี หนังอาร์เอส" ที่ได้รวบรวมมาให้พอเข้าใจ