รถชื่อเรา แต่ผ่อนไม่ไหว แล้วตอนนี้รถก็ไม่ได้อยู่กับเราด้วย ทำไงดีคะ

เราซื้อรถ โดยให้พ่อเป็นคนค้ำประกัน ผ่อนรถมา 3 ปี
โดยพ่อเป็นคนชำระให้มาเกือบตลอด และหลังๆพ่อตกงาน
เราก็ต้องรับผิดชอบแบบถูๆไถๆ ไป ตอนนี้ค้างอยู่ 1 งวด และอีก 10 วันนี่ ก็จะกลายเป็น 2 งวด
เราได้วางแผนว่าจะปรับโคงสร้างหนี้ โดยจะเปลี่ยนชื่อผู้ค้ำเป็นแม่เราแทน
แต่ตอนนี้ก็เกิดเรื่อง คือ พ่อกับแม่เรา ทะเลาะกันจนพ่อย้ายของออกจากบ้านไปแล้ว
และก็เอารถเราไปด้วย T_T

ตอนนี้เรากับแม่เคลียดมาก
คือ เรากับแม่ไม่อยากผ่อนแล้ว ไม่อยากทำเรื่องปรับโครงสร้างแล้ว
เพราะพ่อก็เอารถไปซะแล้ว แล้วเราคิดว่า พ่อคงไม่มีตังผ่อนแน่นอน เพราะตอนนี้พ่อก็ไม่มีงาน ไม่มีเงินเลย
เรื่องที่พ่อทะเลาะกับแม่จนต้องขนของออกจากบ้าน มันทำให้เราและแม่ไม่อยากคุยกับพ่ออีกต่อไปแล้ว
(อันนี้เป็นเรื่องในครอบครัวที่บางคนคงไม่เข้าใจว่ามันจะหนักหนาแค่ไหน แต่สำหรับครอบครัวเรา มันร้ายแรงมาก จนไม่เสียใจเลยที่พ่อตัดสินใจแบบนั้น)

แม่บอกให้เราปล่อยให้รถโดนยึดไปเลย แต่เราก็กลัวผลเสียที่จะตามมา
ตอนนี้รถก็ไม่มีประกัน พรบ.ก็ขาด

จะไปขอรถคืนมา พ่อก็ต้องอ้างว่า เขาจ่ายค่างวดไปตั้งเกือบ 3 ปี
เขาคงไม่ให้แน่ๆ แต่เขาก็คงไม่มีเงินผ่อนต่อ เราก็คงไม่ผ่อนให้แน่นอนเพราะเดือนนึงต้อง 8,000 (ถ้าไม่ปรับโครงสร้างหนี้ใหม่)
ถึงปรับโครงสร้างใหม่เหลือเดือนละ 6,000 แม่กับเราก็ไม่อยากผ่อน เพราะเท่ากับผ่อนฟรีให้พ่อใช้
แล้วถ้าพ่อขับไปมีเรื่องมีปัญหาขึ้นมา  เราก็ต้องตามรับผิดชอบอีก (ซึ่งมีโอกาสจะเป็นแบบนั้นมาก เพราะพ่อขี้เมา ใจร้อน)

ตอนนี้ไม่รู้จะแก้ทางไหนดี มืดแปดด้านค่ะ

ใครมีความรู้รบกวนแนะนำหน่อยค่ะ
ขอบพระคุณล่วงหน้านะคะ
ไม่รู้จะปรึกษาใครจริงๆ อายมาก
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 12
อมยิ้ม14..เรื่องปัญหาความขัดแย้งในครอบครัว ..คนนอก..ไม่ใครช่วยแก้ไขอะไรให้ได้
เป็นสิ่งที่พวกคุณ พ่อแม่ลูก / สามีภรรยา ต้องไปหันหน้า จับเข่าคุยกันเอง
หรือจะไม่คุย จะ..ทางใคร ทางมัน..ก็เป็นเรื่องของพวกคุณ เช่นกัน

..แต่เมื่อมีปัญหาเรื่องหนี้สิน - ภาระในการจ่ายหนี้ มาเกี่ยวข้องด้วย
แต่ละคนก็โตๆ กันแล้ว ..ควรใช้เหตุผล มากกว่าอารมณ์นะ ..ในการหาทางออกของปัญหา

เรื่องที่เล่ามา ถ้ามองจากสายตาคนนอก ..เรื่องมันก็ไม่เห็นจะยากอะไรนี่
..รถ ใช้ชื่อลูกซื้อ  ..แสดงว่าลูก ก็อายุไม่น้อย 20 กลางๆ มั้ง..คิดว่านะ ..เรียนจบ มีงานทำ ถึงมีเครดิตพอจะกู้ซื้อรถได้
แต่เงินเดือนยังไม่มาก แถมดาวน์น้อย ผ่อนนาน แต่อยากได้รถไว้ขับ ..ก็ต้องมี "ผู้ค้ำ"
..พ่อ ค้ำให้ได้ ..แสดงว่าอายุก็ยังไม่มากเท่าไหร่
ณ เวลานั้น มีหน้าที่การงานมั่นคง เครดิตดีพอ ..แถมยังสามารถจ่ายค่างวดแทนลูกได้ มาตลอด 3 ปี

วันนี้ทะเลาะกัน บ้านแตกสาแหรกขาด ..ใครเป็นคนจุดชนวน ใครเป็นคนเติมน้ำมันลงไปบนกองไฟ ..ไม่รู้ ไม่ก้าวล่วง..เรื่องของพวกคุณ
..แต่ที่แน่ๆ คุณลูก ไม่มีมีความสามารถในการผ่อนรถมาแต่ไหนแต่ไร  พ่อดูแลมาตลอด..
พอพ่อตกงาน ก็ย่อมไม่มีความสามารถในการชำระหนี้เช่นกัน อันนี้แน่ยิ่งกว่าแช่แป้ง..
วันนี้เริ่มมีการค้างจ่าย ..กำลังจะเข้าเดือนที่ 2 แล้วด้วย

ทะเลาะกัน พ่อเก็บข้างของออกจากบ้าน ..พ่อเอารถไป ด้วยเหตุผลที่พ่อบอกมา ..มันก็ถูกของเค้า
แต่ถ้ามัวเครียด (เขียนแบบนี้นะ ไม่ใช่ "เคลียด" เห็นแล้วรำคาญตา ..ขออภัยที่ต้องบอก)
..แล้วไม่ทำอะไรเลย ..มีแต่จะเสียกับเสียค่ะ

ดังนั้น เรื่องของเรื่อง ไม่มีอะไรมาก ไม่ได้มืดมน ไป 8 ด้าน 16 ด้านสักหน่อย..
ก็แค่บอกพ่อ ให้ไปเจอกันที่เต๊นท์รถมือสอง ..คุณลูก มีชื่อเป็นคนซื้อ ..จึงต้องไปดำเนินการ
..ขายทิ้งซะให้ไวค่ะ ..

รถผ่อนมา 3 ปี ..ก็ไม่แน่ว่าราคารถตอนนี้ อาจพอปิดหนี้ไฟแนนซ์ได้ หรืออาจต้องเติมนิดหน่อย
หรือถ้าโชคดี อาจมีเงินเหลือนิดหน่อย ..อันนี้คุณต้องไปดูเอง ..หาข้อมูลจากเว็บไซต์รถมือสองก่อนก็ได้
ลองเช็คราคากลางดู ว่ารถคุณ ณ ตอนนี้ถ้าขาย จะได้ราคาเท่าไหร่ ..เหลือหนี้เท่าไหร่ .. เดี๋ยวก็รู้ผลลัพธ์

เรื่องเปลี่ยนสัญญา คหสต. ..พ่อยังมีสภาพเป็นคนตกงาน จะเอาเครดิตอะไรไปเป็นผู้กู้ซะเอง
แล้วรุ่นนี้ จะหาใครมาค้ำประกันให้ .. จะให้ไปเที่ยวลากคนอื่น มาพัวพันด้วยทำไมให้วุ่นวาย ?

แค่ตัดใจขายรถ ..และจะไม่มีรถใช้แล้ว ก็เท่านั้น..
แต่ที่แน่ๆ ..ทุกอย่างจบ ..ไม่มีหนี้สิน ไม่เสียเครดิต ทั้งคุณลูก คุณพ่อ
..เพราะถ้ายังมัวงงกับชีวิต แล้วไม่จ่ายค่างวดรถต่อไป คราวนี้กระบวนการตามทวงหนี้ จะมากันแบบจัดเต็ม
ดอกเบี้ยก็ถูกปรับ rate เป็นกรณีผิดนัด มีค่าปรับ ค่าทวงถาม ค่าโน่นนี่นั่นเยอะแยะ
..เข้าเดือนที่ 3 เมื่อไหร่ ..จะมาหนักกว่านี้อีก ..
และถ้าถึงขั้นเค้าจะมายึดรถ แล้วคุณไม่มีรถให้เค้ายึด ..ก็งานงอกอีก
หรือต่อให้พ่อเอารถมาคืน ..ไฟแนนซ์ยึดรถไป ..เอาไปขายทอดตลาดในราคาโคตรถูก
คุณก็จะเหลือส่วนต่าง ที่ยังต้องจ่ายอีกแบะแบน ..
..เรื่องพวกนี้ หาอ่านดูค่ะ เฉพาะในพันทิปนี่ก็ถามกันแทบจะวันเว้นวันอยู่แล้ว ..

ดังนั้น เรื่องมันไม่ยาก คุยกันดีๆ ด้วยเหตุด้วยผล แล้วเคลียร์ให้จบ
..แล้วจะแยกย้ายกันไปยังไง ก็ตามสบาย ..set Zero ก่อน ..ไม่ดีกว่าเหรอคะ ??

..ชีวิตข้างหน้ายังอีกยาวไกลนะคุณน้อง ..อย่าก้าวพลาดด้วยการทำลายเครดิตตัวเอง ตั้งแต่อายุยังน้อยๆ
การมีประวัติเสียในเรื่องเงินๆ ทองๆ ที่ไปจารึกอยู่ใน "เครดิตบูโร" นั้น ..ไม่ใช่เรื่องน่าพิสมัย
น้าน่าจะเกิดก่อนคุณ 2 ทศวรรษ +/- นิดหน่อย ..ทุกวันนี้ ก็ยังต้องเพียรรักษาเครดิตไว้อยู่เลย

แล้วจำไว้เลยค่ะ ว่าคิดจะเป็นหนี้ - ก่อหนี้น่ะ มันไม่ยากหรอก
..แต่อิตอนใช้หนี้ ให้ได้ตลอดรอดฝั่งนี่สิ ยากกว่า
คิดอะไร คิดให้มันกว้าง และลึกค่ะ  ..อย่าคิดตื้นๆ สั้นๆ แก้ปัญหาเฉพาะหน้า หรือแก้ที่ปลายเหตุ แบบขอไปที
แล้วต้องมาตามแก้ปัญหาไม่รู้จักจบจักสิ้น

ด้วยความปรารถนาดีค่ะ ดอกไม้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่