เรามาทำความรู้จักกับคำศัพท์ ที่สาววายชอบผู้ติดปากกันดีกว่า

เรามาทำความรู้จักกับคำศัพท์ ที่สาววายชอบผู้ติดปากกันดีกว่า
+ คู่จิ้น / จิ้น / ฟิน / มโน
+ คู่ Y / สาว Y
+ เคะและเมะ
[ มาดูคำว่า คู่จิ้น / จิ้น / ฟิน / มโน กันดีกว่า ]
เริ่มกันที่คำแรก.. ‘ คู่จิ้น ’ เป็นคำศัพท์ใหม่ และเป็นคำศัพท์แสลงที่รู้กัน
เฉพาะกลุ่ม
ต่อมา.. คำว่าจิ้นนั้น มาจาก ‘ imagination ’ หรือก็คือ ‘ จินตนาการ ’ นั่นเอง ดังนั้น คำว่า คู่จิ้น อาจเกิดจากการที่คนสองคนสนิทกันมากๆ อยู่ด้วยกันบ่อยๆ จนคนรอบข้างรู้สึกว่า.. ‘ เหมือนเค้าจะรักกันนะ / เหมือนแฟนกันเลย / ดูน่ารักจัง ’ เป็นต้น
ดังนั้นจึงเกิดคำว่าคู่จิ้นขึ้นมา และคำคำนี้ สามารถใช้ได้ทั้งคู่จิ้นที่เป็น ชายกับชาย ชายกับหญิง และหญิงกับหญิง
ในวงการบันเทิงไทยนั้นเองก็มีคู่จิ้นอยู่มากมาย
~ ยกตัวอย่างฝั่ง ‘ ชายกับชาย ’ อาทิเช่น
- โตโน่กับริท
- เต๋ากับคชา
- นัทกับซิน
- ฮั่นกับแกงส้ม
~ มาดูฝั่ง ‘ ชายกับหญิง ’ กันดีกว่า เช่น
ณเดชญ์กับญาญ่า
บอยกับมาร์กี้
พอร์ชกับฉัตร
กันต์กับเชียร์
ต่อมาคือ ‘ หญิงกับหญิง ’ เช่น
นทกับแอปเปิ้ล
สต็อปกับสมายล์
คู่แต่ละคู่ที่กล่าวมาข้างต้นนั้น เกิดจาก ‘ ฟิน ’ และ ‘ มโน ’ กันเองของแฟนคลับล้วนๆ
urple">คำว่า ‘ ฟิน ’ นั้น มาจาก ‘ ฟินแลนด์ ’ และ ‘ ฟินเนเร่ ’ ซึ่งหมายถึงอะไรที่สุดยอด
เป็นแสลงที่ใช้บอกอารมณ์ความรู้สึกว่ามัน ‘ สุดยอดมาก ’ อะไรประมาณนั้น
ส่วนคำว่า ‘ มโน ’ มาจาก มโนภาพ ก็คือการจินตนาการอะไรต่างๆ ไปเอง
เช่น มโนว่าคู่จิ้นเขารักกัน แต่ความเป็นจริงอาจตรงข้ามก็ได้.. หรืออาจจะเป็น
การมโนไปเองว่าฉันได้กอดณเดชญ์ ทั้งๆที่ความจริงอาจจะไม่ใช่
[ และต่อมาคือคำว่า คู่ Y(วาย) และ สาว Y(วาย) ]
คำว่า ‘ คู่ Y ’ นั้นก็เหมือนกับคู่จิ้น เพียงแต่อาจจะมีปลีกย่อยออกมาอีกเล็กน้อย
‘ Y(วาย) ’ มาจากภาษาญี่ปุ่นคำว่า ‘ Yaoi ’(ยาโออิ) และ ‘ Yuri ’(ยูริ)
*Yaoi หมายถึง คู่รักชายกับชาย หรือ Boy’s Love
*Yuri หมายถึง คู่รักหญิงกับหญิง หรือ Girl’s Love
ดังนั้นคำว่าคู่ Y จึงสามารถใช้ได้ทั้งกับคู่จิ้นชายชายและหญิงหญิง
แต่ยกเว้นชายหญิง
ต่อมาคือคำว่า ‘ สาว Y ’ คำคำนี้ใช้เรียกผู้หญิงที่ชื่นชอบ Y มากๆ
ก็คือชื่นชอบคู่จิ้นชายกับชายหรือหญิงกับหญิง เราจะเรียกว่าสาว Y
อาการของพวกเขาคืออาจจะไม่ได้ชอบเพศเดียวกัน แต่การที่ได้เห็น
ชายหนุ่มที่ปิ๊งรักกันเองแล้วรู้สึกกระชุ่มกระชวย ใจบิดไปบิดมาจนจะละลาย
(ความจริงก็ไม่ค่อยเข้าใจน่ะนะ ว่าทำไมผู้หญิงถึงชอบอะไรแบบนี้
มันเป็นเรื่องที่ซับซ้อนน่ะ อืม..เราก็ไม่เข้าใจตัวเองด้วย เพราะเราก็เป็นสาว Y)
ในไทยเองก็มีเด็กสาวประเภทนี้เกลื่อนกลาดไปหมด
ลองกลับไปเช็คคนใกล้ตัวคุณดีๆ ว่ามีบ้างมั้ย ..
[ ต่อมาคือคำว่า เคะ และ เมะ ]
สองคำนี้อาจทำให้หลายๆคนงง และอาจจำสลับกันในตอนแรก
คำว่า ‘ เคะ ’ มาจากภาษาญี่ปุ่นคำว่า ‘ อุเคะ ’ ที่แปลว่าฝ่ายรับ
ง่ายๆ ก็เกย์ควีนที่เรารู้ๆ กันนี่แหละ
ส่วนคำว่า ‘ เมะ ’ มาจาก ‘ เซเมะ ’ ที่แปลว่าฝ่ายรุก
เอาง่ายๆ อีกก็เกย์คิงนั่นเอง
แล้วยังไงล่ะ ตัดสินได้ยังไงว่าใครเคะใครเมะ???
อธิบายง่ายๆ
ฝ่ายเคะ คือฝ่ายรับ ดังนั้นจึงมีวิธีสังเกตอยู่ ดังนี้
1.ใบหน้าหวาน บางทีอาจจะดูไม่คล้ายผู้หญิงแต่ดูแล้วน่ารัก
2.รูปร่างบอบบาง ตัวเล็ก อาจจะไม่ได้เล็กเท่าผู้หญิงแต่ก็บางๆ อะนะ
3.นิสัยการแสดงออกน่ารักโมเอะ และมีบางอย่างที่คล้ายผู้หญิงนั่นเอง
หมายเหตุ : แต่สำหรับบางคนที่มีคู่จิ้นเป็นของตัวเอง เช่น นาย A กับนาย B เป็นคู่จิ้นกัน B อาจจะดูไม่เคะเลย แต่บังเอิญว่านาย A ดูเมะกว่า B จึงจำใจต้องเคะไปตามระเบียบ ถึงแม้ B จะดูไม่เคะ แต่ถ้าคู่จิ้นของเขาดูเมะกว่า ก็ต้องยอมเคะนะ ^^ (เข้าใจป่ะเนี่ย= อีโมติคอน smile
ฝ่ายเมะ คือฝ่ายรุก มีวิธีสังเกต คือ
1.ตัวสูงใหญ่ ดูมาดแมนแฮนด์ซั่มมากๆ ดูแล้วสามารถปกป้องเคะได้
2.ใบหน้าที่ดูยังไงก็ไม่มีทางแต่งหญิงขึ้น
3.นิสัยแมนๆ ติดหื่นเล็กน้อย อาจจะไม่ได้ตั้งใจ(FC มโนเอง) ดูออกเจ้าชู้ๆ สายตาการกระทำที่บ่งบอกถึงความเป็นชายและโชกโชนพอสมควรนั่นเอง *0*
เพิ่มเติม : และอยากจะเสริมอีกซักหน่อย คู่จิ้น นั้นมักจะมีชื่อที่
FC เรียกกันเป็นชื่อคู่ เช่น
+ โน่ริท
+ เต๋าคชา
+ นัทซิน
+ ฮั่นส้ม
แล้วคุณเคยสงสัยมั้ย ว่าทำไมชื่อของ โตโน่ เต๋า นัท ฮั่น ต้องอยู่ข้างหน้า??
คือมันเป็นกฎบังคับนะ เพราะถ้าสลับที่ปุ๊บความหมายเปลี่ยนทันที
แล้วก็ทำให้สาว Y แทบกระอักเมื่อพิธีกรบางรายการเรียกผิด - -
การเรียกชื่อคู่ Y มีกฎอยู่ว่า ‘ชื่อของเมะต้องนำหน้าเคะ’
ดังนั้น โตโน่ เต๋า นัท ฮั่น พวกเขาเป็นเซเมะ...
แต่ ริท คชา ซิน แกงส้ม พวกเขาเป็นอุเคะ...
เข้าใจกันมั้ย?? ดังนั้นเวลาเรียกกันก็เรียกตามนี้ด้วยนะจ๊ะ ^^
+ โน่ริท / เต๋าคชา / นัทซิน / ฮั่นส้ม
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่