.....ปาฏิหาริย์การปรากฏของ วงกลมบนผืนแผ่นดินสยาม (ชื่อในเวลานั้น) คือ การประทับทาบตราแห่งชัยชนะของการอภิวัฒน์สังคมไทย โดยคณะราษฎรอย่างสมบูรณ์
วงกลมนี้ เมื่อปักฝังลงบนแผ่นดิน ก็ประดุจดังหมุดลิ่มตอกลึกลง ที่ใจกลางจุดรวมศูนย์ของบรรดาพลังทางสัญลักษณ์แห่งสมบูรณาญาสิทธิราชย์สยาม
วงกลมนี้ เป็นเสมือน หมุดหมายแห่งความทรงจำ ที่เป็นภาพตัวแทนแห่งช่วงเวลา ของการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในสยาม
วงกลมทองเหลืองนี้ สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึง เช้าวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475
เสาหมุดประชาธิปไตย ฝังปักลงอย่างตั้งใจบนจุดที่ พระยาพหลพลพยุหเสนา แกนนำคนสำคัญของคณะราษฎร อ่านคำประกาศคณะราษฎร ฉบับที่ 1 อาจเรียกสั้นๆ แบบคุ้นปากว่า หมุดประชาธิปไตย เป็น ศิลปกรรมชิ้นแรก ของยุคที่บุคคลต่างๆในคณะราษฎร ต่างผลัดกันขึ้นมีอำนาจตลอดช่วงเวลา 15 ปี (พ.ศ. 2475 – 2490)
เสาหมุดประชาธิปไตย หล่อด้วยทองเหลือง มีคำว่า “เวลาย่ำรุ่ง” อยู่ตรงกลางระหว่างกระจังสามเหลี่ยมด้านบนและล่าง ที่ลดทอนรายละเอียดจากแบบประเพณี จนเหลือให้เห็นเค้าลางภายใต้ขอบของสามเหลี่ยม มีคำว่า ”
ณ ที่นี้ 24 มิถุนายน 2475 คณะราษฎรได้ก่อกำเนิดรัฐธรรมนูญเพื่อความเจริญของชาติ” จะวนอยู่ตามขอบวงกลมโดยรอบ
เสาหมุดประชาธิปไตย คือสัญลักษณ์ที่บ่งบอกว่า “
อำนาจนั้นไม่ได้เป็นของใครหรือกลุ่มใด” หมุดนี้จึงเป็นเสมือนการฝังตรึงเจตนารมณ์ทางอุดมการณ์ประชาธิปไตย หรือ เจตนารมณ์ตามมาตรา 1 ของธรรมนูญการปกครองชั่วคราว ที่เขียนไว้ด้วยข้อความสั้นๆว่า
อำนาจสูงสุดของประเทศนั้นเป็นของราษฎรทั้งหลาย ซึ่งบ่งบรรยายพื้นฐานของความเป็นมนุษย์ที่ต้องมีสิทธิเสรีภาพและความเท่าเทียมบนผืนแผ่นดินไทยสยามแห่งนี้
และสอดรับกับพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวที่ให้ไว้ในวันพระราชทานรัฐธรรมนูญว่า “
ข้าพเจ้ามีความเต็มใจที่จะสละอำนาจอันเป็นของข้าพเจ้าอยู่แต่เดิมให้แก่ราษฎรโดยทั่วไป แต่ข้าพเจ้าไม่ยินยอมยกอำนาจทั้งหลายของข้าพเจ้าให้แก่ผู้ใด คณะใด โดยเฉพาะเพื่อใช้อำนาจนั้นโดยสิทธิขาด และโดยไม่ฟังเสียงอันแท้จริงของประชาราษฎร”
หยิบเกร็ดประวัติศาสตร์ของเป็นระบอบการปกครอง เพื่อใครบางคนได้อ่านจะได้รู้สึกตัวว่า สิ่งที่กำลังทำกันอยู่นั้นสอดคล้องกับจุดมุ่งหมายในการเริ่มต้นใช้ระบอบประชาธิปไตยของชาติเราหรือไม่ ใช่อยากจะเขียนอะไรก็เขียนๆลงไปในรัฐธรรมนูญ ทั้งๆสิ่งที่กำลังเขียนกันอยู่นั้น ขัดแย้งกับเจตจำนงของระบอบประชาธิปไตยของชาติเราอย่างสิ้นเชิง
หลายท่านในคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญและ สนช. ได้รับการยกย่องจากคนรอบข้างว่าเป็นปราชญ์ผู้มีความรู้ เนื้อหาข้อความของผมก็ตั้งใจบรรจงเขียนขึ้นและเรียบเรียงตามสติปัญญาด้วยความรู้ที่ครูบาอาจารย์ของผมได้ประสิทธิประสาทวิชาไว้ให้ แน่นอนระดับดีกรีการันตรีทางด้านความรู้ผมอาจสู้ท่านไม่ได้ แต่ก็มิได้หมายความว่าการรับรู้ถึงเจตจำนงการเริ่มต้นใช้ระบอบการปกครองของผมจะด้อยกว่าท่าน
เพราะทุกถ้อยคำที่สลักไว้บนหมุดประชาธิปไตยอันนั้น ล้วนมีความหมาย ซึ่งสามัญสำนึกของผู้ที่เจริญแล้วล้วนรับรู้ได้ ผมจึงส่งข้อความอย่างผู้ที่เจริญแล้วมาตักเตือนท่าน ว่าที่พวกท่านกำลังทำอยู่นั้นใช่เป็นการทำลายระบอบประชาธิปไตยที่เหล่าวีรชนทั้งหลายสร้างไว้ให้เราหรือไม่
ท่านอย่าได้เพียงเห็นว่าหมุดประชาธิปไตยอันนี้อยู่ราบเสมอพื้น แล้วจะใช้เป็นแท่นยืนบันไดเหยียบเท้าก้าวเข้าสู่อำนาจตามใจชอบ
ป.ล.เนื้อหาในกะทู้ของผมหากหลายๆท่านตามอ่านดูจะเห็นว่า ผมพยายามสอดแทรกสาระ เกร็ดประวัติศาสตร์หรือข้อมมูลใดๆที่เป็นประโยชน์ลงไปด้วย เพราะผมเห็นว่า การแสดงความเห็นทางการเมืองสมควรตั้งอยู่บนพื้นฐานการใช้ข้อมูลเหตุผลเป็นที่ตั้ง มิใช่ใช้อคติความเชื่อหรืออารมณ์ดังที่คนบางคนใช้กันอยู่ในขณะนี้ ซึ่งถ้าใช้ข้อมูลเหตุผลมาเสวนากันอย่างน้อยที่สุด แม้จะมีบางฝ่ายไม่เห็นด้วยหรือคล้อยตามข้อมูลที่ได้ค้นคว้านำมาเสนอ แต่อย่างน้อยที่สุดข้อมูลที่มีประโยชน์บางส่วนก็ได้ผ่านหูผ่านตาผู้ที่เข้ามาอ่านไปบ้าง และก็คงมีส่วนช่วยประเทืองปัญญาไม่มากก็น้อย หรือบางทีอาจมีปารชญ์ผู้รู้ลึกรู้จริงในเรื่องนั้นๆเข้ามาเสริมเติมต่อ ให้สาระข้อมูลที่มีรายละเอียดมากยิ่งขึ้น เช่นนั้นก็ยิ่งเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ได้เข้าร่วมเสวนาแสดงความคิดเห็นภายในกะทู้ ซึ่งครั้งหนึ่งห้องราชดำเนินแห่งนี้มีบรรยากาศเช่นนั้น และเป็นบรรยากาศที่ควรค่าแก่การนำกลับคืนมาอีกครั้ง
ผมเริ่มในส่วนของผมแล้ว และอยากขอเชิญชวนปราชญ์ผู้ทรงภูมิทั้งหลาย มาร่วมกันแสดงพลังแห่งความรู้ ให้สมกับระดับสติปัญญาความสามารถ ดีกว่าปล่อยให้อคติความเชื่อสร้างความแตกแยกกันไปไม่รู้จบอย่างทุกวันนี้
ขอบคุณครับ
หมุดประชาธิปไตย วงกลมบนผืนแผ่นดินสยาม ให้ข้อคิดเตือนใจกับใครบ้าง
วงกลมนี้ เมื่อปักฝังลงบนแผ่นดิน ก็ประดุจดังหมุดลิ่มตอกลึกลง ที่ใจกลางจุดรวมศูนย์ของบรรดาพลังทางสัญลักษณ์แห่งสมบูรณาญาสิทธิราชย์สยาม
วงกลมนี้ เป็นเสมือน หมุดหมายแห่งความทรงจำ ที่เป็นภาพตัวแทนแห่งช่วงเวลา ของการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในสยาม
วงกลมทองเหลืองนี้ สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึง เช้าวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475
เสาหมุดประชาธิปไตย ฝังปักลงอย่างตั้งใจบนจุดที่ พระยาพหลพลพยุหเสนา แกนนำคนสำคัญของคณะราษฎร อ่านคำประกาศคณะราษฎร ฉบับที่ 1 อาจเรียกสั้นๆ แบบคุ้นปากว่า หมุดประชาธิปไตย เป็น ศิลปกรรมชิ้นแรก ของยุคที่บุคคลต่างๆในคณะราษฎร ต่างผลัดกันขึ้นมีอำนาจตลอดช่วงเวลา 15 ปี (พ.ศ. 2475 – 2490)
เสาหมุดประชาธิปไตย หล่อด้วยทองเหลือง มีคำว่า “เวลาย่ำรุ่ง” อยู่ตรงกลางระหว่างกระจังสามเหลี่ยมด้านบนและล่าง ที่ลดทอนรายละเอียดจากแบบประเพณี จนเหลือให้เห็นเค้าลางภายใต้ขอบของสามเหลี่ยม มีคำว่า ”ณ ที่นี้ 24 มิถุนายน 2475 คณะราษฎรได้ก่อกำเนิดรัฐธรรมนูญเพื่อความเจริญของชาติ” จะวนอยู่ตามขอบวงกลมโดยรอบ
เสาหมุดประชาธิปไตย คือสัญลักษณ์ที่บ่งบอกว่า “อำนาจนั้นไม่ได้เป็นของใครหรือกลุ่มใด” หมุดนี้จึงเป็นเสมือนการฝังตรึงเจตนารมณ์ทางอุดมการณ์ประชาธิปไตย หรือ เจตนารมณ์ตามมาตรา 1 ของธรรมนูญการปกครองชั่วคราว ที่เขียนไว้ด้วยข้อความสั้นๆว่า อำนาจสูงสุดของประเทศนั้นเป็นของราษฎรทั้งหลาย ซึ่งบ่งบรรยายพื้นฐานของความเป็นมนุษย์ที่ต้องมีสิทธิเสรีภาพและความเท่าเทียมบนผืนแผ่นดินไทยสยามแห่งนี้
และสอดรับกับพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวที่ให้ไว้ในวันพระราชทานรัฐธรรมนูญว่า “ข้าพเจ้ามีความเต็มใจที่จะสละอำนาจอันเป็นของข้าพเจ้าอยู่แต่เดิมให้แก่ราษฎรโดยทั่วไป แต่ข้าพเจ้าไม่ยินยอมยกอำนาจทั้งหลายของข้าพเจ้าให้แก่ผู้ใด คณะใด โดยเฉพาะเพื่อใช้อำนาจนั้นโดยสิทธิขาด และโดยไม่ฟังเสียงอันแท้จริงของประชาราษฎร”
หยิบเกร็ดประวัติศาสตร์ของเป็นระบอบการปกครอง เพื่อใครบางคนได้อ่านจะได้รู้สึกตัวว่า สิ่งที่กำลังทำกันอยู่นั้นสอดคล้องกับจุดมุ่งหมายในการเริ่มต้นใช้ระบอบประชาธิปไตยของชาติเราหรือไม่ ใช่อยากจะเขียนอะไรก็เขียนๆลงไปในรัฐธรรมนูญ ทั้งๆสิ่งที่กำลังเขียนกันอยู่นั้น ขัดแย้งกับเจตจำนงของระบอบประชาธิปไตยของชาติเราอย่างสิ้นเชิง
หลายท่านในคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญและ สนช. ได้รับการยกย่องจากคนรอบข้างว่าเป็นปราชญ์ผู้มีความรู้ เนื้อหาข้อความของผมก็ตั้งใจบรรจงเขียนขึ้นและเรียบเรียงตามสติปัญญาด้วยความรู้ที่ครูบาอาจารย์ของผมได้ประสิทธิประสาทวิชาไว้ให้ แน่นอนระดับดีกรีการันตรีทางด้านความรู้ผมอาจสู้ท่านไม่ได้ แต่ก็มิได้หมายความว่าการรับรู้ถึงเจตจำนงการเริ่มต้นใช้ระบอบการปกครองของผมจะด้อยกว่าท่าน
เพราะทุกถ้อยคำที่สลักไว้บนหมุดประชาธิปไตยอันนั้น ล้วนมีความหมาย ซึ่งสามัญสำนึกของผู้ที่เจริญแล้วล้วนรับรู้ได้ ผมจึงส่งข้อความอย่างผู้ที่เจริญแล้วมาตักเตือนท่าน ว่าที่พวกท่านกำลังทำอยู่นั้นใช่เป็นการทำลายระบอบประชาธิปไตยที่เหล่าวีรชนทั้งหลายสร้างไว้ให้เราหรือไม่ ท่านอย่าได้เพียงเห็นว่าหมุดประชาธิปไตยอันนี้อยู่ราบเสมอพื้น แล้วจะใช้เป็นแท่นยืนบันไดเหยียบเท้าก้าวเข้าสู่อำนาจตามใจชอบ
ป.ล.เนื้อหาในกะทู้ของผมหากหลายๆท่านตามอ่านดูจะเห็นว่า ผมพยายามสอดแทรกสาระ เกร็ดประวัติศาสตร์หรือข้อมมูลใดๆที่เป็นประโยชน์ลงไปด้วย เพราะผมเห็นว่า การแสดงความเห็นทางการเมืองสมควรตั้งอยู่บนพื้นฐานการใช้ข้อมูลเหตุผลเป็นที่ตั้ง มิใช่ใช้อคติความเชื่อหรืออารมณ์ดังที่คนบางคนใช้กันอยู่ในขณะนี้ ซึ่งถ้าใช้ข้อมูลเหตุผลมาเสวนากันอย่างน้อยที่สุด แม้จะมีบางฝ่ายไม่เห็นด้วยหรือคล้อยตามข้อมูลที่ได้ค้นคว้านำมาเสนอ แต่อย่างน้อยที่สุดข้อมูลที่มีประโยชน์บางส่วนก็ได้ผ่านหูผ่านตาผู้ที่เข้ามาอ่านไปบ้าง และก็คงมีส่วนช่วยประเทืองปัญญาไม่มากก็น้อย หรือบางทีอาจมีปารชญ์ผู้รู้ลึกรู้จริงในเรื่องนั้นๆเข้ามาเสริมเติมต่อ ให้สาระข้อมูลที่มีรายละเอียดมากยิ่งขึ้น เช่นนั้นก็ยิ่งเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ได้เข้าร่วมเสวนาแสดงความคิดเห็นภายในกะทู้ ซึ่งครั้งหนึ่งห้องราชดำเนินแห่งนี้มีบรรยากาศเช่นนั้น และเป็นบรรยากาศที่ควรค่าแก่การนำกลับคืนมาอีกครั้ง
ผมเริ่มในส่วนของผมแล้ว และอยากขอเชิญชวนปราชญ์ผู้ทรงภูมิทั้งหลาย มาร่วมกันแสดงพลังแห่งความรู้ ให้สมกับระดับสติปัญญาความสามารถ ดีกว่าปล่อยให้อคติความเชื่อสร้างความแตกแยกกันไปไม่รู้จบอย่างทุกวันนี้