การช๊อปออนไลน์แม้เราจะระมัดระวังตัวเป็นอย่างดีแล้วก็ตาม เนื่องจากการจ่ายเงินก่อนได้รับสินค้า เป็นช่องทางที่ทำให้เกิดการฉ้อโกงได้ง่าย สำหรับผู้ที่สั่งซื้อสินค้าแล้วถูกโกง หรือโดนหลอกโอนเงินแล้วไม่ส่งของให้ ก็สามารถแก้เผ็ดคนขายกำมะลอได้อย่างง่าย ๆ ด้วยการอายัดบัญชีที่เราโอนเงินไปให้ โดยเจ้าหน้าที่ของธนาคาร ได้แนะนำวิธีการดำเนินการอายัดบัญชีของคนร้ายเมื่อถูกฉ้อโกงจากการซื้อของออนไลน์ดังนี้
1. ติดต่อสอบถามไปยัง Call Center ของธนาคารที่ท่านโอนเงินไปให้กับผู้ขาย ว่ามีวิธีการอย่างไรในบ้างสำหรับธนาคารนั้น ๆ ในการอายัด
บัญชีที่มีพฤติกรรมฉ้อโกง
2. รวมรวมหลักฐานทั้งหมดเช่น ปริ้นรายละเอียดหน้าเวปที่ประกาศขายสินค้า หลักฐานการโอนเงิน และสำเนาบัตรประชาชนไว้ให้พร้อม
จำนวน 2 ชุด สำหรับมอบให้กับตำรวจและทางธนาคาร
3. เดินทางไปแจ้งความที่สถานีตำรวจ มอบเอกสารหลักฐานพร้อมกับเล่ารายละเอียดให้ร้อยเวรให้ครบถ้วน เพื่อบันทึกประจำวัน และขอ
หนังสือสั่งอายัดบัญชี
4. ในบางกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเป็นผู้ติดต่อกับทางธนาคารเพื่อดำเนินการอายัดบัญชีคนร้ายเอง ส่วนกรณีที่เราเดินทางไปติดต่อธนาคารเอก
นั้น ให้ เตรียมเอกสารสำเนาการโอนเงิน สำเนาบัตรประชาชน และหนังสือสั่งอายัดบัญชี ให้เจ้าหน้าที่ธนาคาร เพื่ออายัดบัญชีของคนร้าย
ทั้งนี้ ผลจากการถูกอายัดบัญชีนั้น จะทำให้เจ้าของบัญชีจะไม่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้ แต่ยังคงสามารถโอนเงินเข้าได้ตามปกติ จะสามารถถอนเงินได้ก็ต่อเมื่อ ผู้ที่ทำเรื่องอายัดบัญชีแจ้งยกเลิกการอายัดบัญชี จึงสามารถใช้เป็นข้อต่อรองให้ผู้ขายโอนเงินคืนมาได้ หรือในกรณีที่ไม่ยอมคืนก็อาจจะต้องรอจนกระทั้งกระบวนการทางกฏหมายสิ้นสุดหากศาลพิจารณาว่าเจ้าของบัญชีที่ถูกอายัดไว้ผิดจริง ศาลก็จะมีคำสั่งให้ทางธนาคารคืนเงินที่อยู่ในบัญชีดังกล่าวคืนแก่ผู้เสียหาย นอกจากนี้อีกช่องทางหนึ่งที่สามารถใช้ในการดำเนินการเอาผิดคนร้ายในกรณีที่ถูกฉ้อโกงโดยการ
1. บันทึกรายละเอียดของประกาศนั้น ไว้เป็นหลักฐาน โดยเซฟหน้าประกาศนั้นและ print ออกมาเป็นเอกสาร
2. เตรียมหลักฐานการโอนเงิน , เลขที่บัญชีธนาคาร , หลักฐานการติดต่อระหว่างคุณกับมิจฉาชีพ เช่น e-mail , เบอร์โทรศัพท์ หรือหมายเลขพัสดุ
3. แจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ สน.ท้องที่ที่คุณไปโอนเงิน ว่า “ถูกฉ้อโกง” เพื่อลงบันทึกประจำวัน และออกใบแจ้งความเพื่อดำเนินคดี
4. นำใบแจ้งความ ส่งให้ผู้ดูแลเว็บไซต์ เพื่อขอหมายเลข IP ของมิจฉาชีพ (หมายเลข IP สามารถใช้แกะร่องรอยและขยายผลในการจับกุมได้)
5. นำเอกสารข้อ 1-4 ส่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ท้องที่ที่แจ้งความ เพื่อออกหมายจับ และพาไปจับกุมตัว หรือ ส่งให้กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เบอร์โทร 02-142 2555-60
ที่สำคัญ จะต้องแจ้งกับเจ้าหน้าที่ว่า "ขอให้เจ้าหน้าที่ดำเนินคดีจนกว่าคดีจะถึงที่สุด" อย่าแจ้งเพียงว่า แจ้งความไว้เป็นหลักฐาน เพราะถ้าแจ้งความไว้เป็นหลักฐานเฉยๆ เจ้าหน้าที่ตำรวจอาจเพิกเฉย เพราะถือว่าการแจ้งแบบนี้แปลว่าเจ้าทุกข์จะดำเนินการทางศาลด้วยตนเอง
สำหรับวิธีการตรวจสอบข้อมูลคนขาย และการดำเนินการเมื่อถูกฉ้อโกงที่นำเสนอไปนั้น หวังว่าจะทำให้ขาช็อปออนไลน์ที่นิยมสั่งซื้อของทางอินเตอร์เน็ตทุกคน จะไม่พลาดท่าเสียทีเหล่ามิจฉาชีพที่แฟงตัวมาในคราบของคนขาย
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่จะสามารถป้องกันการถูกหลอกได้ดีที่สุดก็คือ การดำเนินชีวิตอยู่บนความไม่ประมาท เพราะเหล่ามิจฉาชีพเองก็มีการพัฒนาปรับเปลี่ยนวิธีการในการหลอกลวงไปเรื่อยๆ หากเราประมาทก็อาจตกเป็นเหยื่อได้ในที่สุด
ขอบคุณ cr.
http://money.kapook.com/view117897.html
แก้ปัญหา ช๊อปออนไลน์แล้วไม่ได้ของ
1. ติดต่อสอบถามไปยัง Call Center ของธนาคารที่ท่านโอนเงินไปให้กับผู้ขาย ว่ามีวิธีการอย่างไรในบ้างสำหรับธนาคารนั้น ๆ ในการอายัด
บัญชีที่มีพฤติกรรมฉ้อโกง
2. รวมรวมหลักฐานทั้งหมดเช่น ปริ้นรายละเอียดหน้าเวปที่ประกาศขายสินค้า หลักฐานการโอนเงิน และสำเนาบัตรประชาชนไว้ให้พร้อม
จำนวน 2 ชุด สำหรับมอบให้กับตำรวจและทางธนาคาร
3. เดินทางไปแจ้งความที่สถานีตำรวจ มอบเอกสารหลักฐานพร้อมกับเล่ารายละเอียดให้ร้อยเวรให้ครบถ้วน เพื่อบันทึกประจำวัน และขอ
หนังสือสั่งอายัดบัญชี
4. ในบางกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเป็นผู้ติดต่อกับทางธนาคารเพื่อดำเนินการอายัดบัญชีคนร้ายเอง ส่วนกรณีที่เราเดินทางไปติดต่อธนาคารเอก
นั้น ให้ เตรียมเอกสารสำเนาการโอนเงิน สำเนาบัตรประชาชน และหนังสือสั่งอายัดบัญชี ให้เจ้าหน้าที่ธนาคาร เพื่ออายัดบัญชีของคนร้าย
ทั้งนี้ ผลจากการถูกอายัดบัญชีนั้น จะทำให้เจ้าของบัญชีจะไม่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้ แต่ยังคงสามารถโอนเงินเข้าได้ตามปกติ จะสามารถถอนเงินได้ก็ต่อเมื่อ ผู้ที่ทำเรื่องอายัดบัญชีแจ้งยกเลิกการอายัดบัญชี จึงสามารถใช้เป็นข้อต่อรองให้ผู้ขายโอนเงินคืนมาได้ หรือในกรณีที่ไม่ยอมคืนก็อาจจะต้องรอจนกระทั้งกระบวนการทางกฏหมายสิ้นสุดหากศาลพิจารณาว่าเจ้าของบัญชีที่ถูกอายัดไว้ผิดจริง ศาลก็จะมีคำสั่งให้ทางธนาคารคืนเงินที่อยู่ในบัญชีดังกล่าวคืนแก่ผู้เสียหาย นอกจากนี้อีกช่องทางหนึ่งที่สามารถใช้ในการดำเนินการเอาผิดคนร้ายในกรณีที่ถูกฉ้อโกงโดยการ
1. บันทึกรายละเอียดของประกาศนั้น ไว้เป็นหลักฐาน โดยเซฟหน้าประกาศนั้นและ print ออกมาเป็นเอกสาร
2. เตรียมหลักฐานการโอนเงิน , เลขที่บัญชีธนาคาร , หลักฐานการติดต่อระหว่างคุณกับมิจฉาชีพ เช่น e-mail , เบอร์โทรศัพท์ หรือหมายเลขพัสดุ
3. แจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ สน.ท้องที่ที่คุณไปโอนเงิน ว่า “ถูกฉ้อโกง” เพื่อลงบันทึกประจำวัน และออกใบแจ้งความเพื่อดำเนินคดี
4. นำใบแจ้งความ ส่งให้ผู้ดูแลเว็บไซต์ เพื่อขอหมายเลข IP ของมิจฉาชีพ (หมายเลข IP สามารถใช้แกะร่องรอยและขยายผลในการจับกุมได้)
5. นำเอกสารข้อ 1-4 ส่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ท้องที่ที่แจ้งความ เพื่อออกหมายจับ และพาไปจับกุมตัว หรือ ส่งให้กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เบอร์โทร 02-142 2555-60
ที่สำคัญ จะต้องแจ้งกับเจ้าหน้าที่ว่า "ขอให้เจ้าหน้าที่ดำเนินคดีจนกว่าคดีจะถึงที่สุด" อย่าแจ้งเพียงว่า แจ้งความไว้เป็นหลักฐาน เพราะถ้าแจ้งความไว้เป็นหลักฐานเฉยๆ เจ้าหน้าที่ตำรวจอาจเพิกเฉย เพราะถือว่าการแจ้งแบบนี้แปลว่าเจ้าทุกข์จะดำเนินการทางศาลด้วยตนเอง
สำหรับวิธีการตรวจสอบข้อมูลคนขาย และการดำเนินการเมื่อถูกฉ้อโกงที่นำเสนอไปนั้น หวังว่าจะทำให้ขาช็อปออนไลน์ที่นิยมสั่งซื้อของทางอินเตอร์เน็ตทุกคน จะไม่พลาดท่าเสียทีเหล่ามิจฉาชีพที่แฟงตัวมาในคราบของคนขาย
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่จะสามารถป้องกันการถูกหลอกได้ดีที่สุดก็คือ การดำเนินชีวิตอยู่บนความไม่ประมาท เพราะเหล่ามิจฉาชีพเองก็มีการพัฒนาปรับเปลี่ยนวิธีการในการหลอกลวงไปเรื่อยๆ หากเราประมาทก็อาจตกเป็นเหยื่อได้ในที่สุด
ขอบคุณ cr.http://money.kapook.com/view117897.html