ธุรกิจจ่ายบิล 6.9 ล้านล้านร้อนฉ่า แบงก์ใหญ่ดิ้นปรับกลยุทธ์สกัดค่ายมือถือแย่งเค้ก
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1430107517
updated: 28 เม.ย 2558 เวลา 08:01:46 น.
แบงก์เจอทุบหม้อข้าว ค่ายมือถือโดดร่วมธุรกิจจ่ายบิล-โอนเงิน ชูจุดขายไม่ต้องมีบัญชีแบงก์ "ผู้บริหารแบงก์" แก้เกมยกเครื่องทุกช่องทางรักษารายได้-รั้งฐานลูกค้าไว้ เผยมูลค่าธุรกรรม 6.9 ล้านล้านบาท ล่อใจผู้เล่นหน้าใหม่ "กสิกรไทย" ฟุ้งค่าฟีสูงลิ่วกว่าพันล้านบาท
แหล่งข่าวจากธนาคารพาณิชย์เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ปัจจุบันเริ่มเห็นผู้ให้บริการเครือข่ายสัญญาณโทรศัพท์ (ค่ายมือถือ) พยายามเข้ามาร่วมให้บริการทางการเงินในธุรกิจรับชำระผ่านโทรศัพท์มือถือมากขึ้น เสมือนหนึ่งเป็นสถาบันการเงินเอง เพราะไม่ต้องมีบัญชีธนาคาร จากเดิมที่เป็นแค่ตัวผ่านในการทำธุรกรรมทางการเงินเท่านั้น นับเป็นการเข้ามาร่วมชิงเค้กเพิ่มเติมของผู้ประกอบการหน้าใหม่ จากที่ผ่านมามีร้านสะดวกซื้อ ห้างสรรพสินค้า และไปรษณีย์ โดดเข้ามาร่วมให้บริการไปแล้ว
"เดิมทุกธุรกรรมจะผูกกับบัญชีแบงก์ ไม่ว่าจะเป็นการจ่ายบิล โอนเงินผ่านโมบายแบงกิ้ง แต่ตอนนี้ไม่ต้องมีบัญชีแบงก์ก็ทำได้ โดยโอนเงินจากมือถือแล้วให้ผู้รับบอกรหัสไปรับเงินสดได้ที่จุดให้บริการซึ่งในอนาคตจะเห็นการให้บริการรูปแบบใหม่ๆ เกิดขึ้นอีกมาก" แหล่งข่าวกล่าว
ขณะที่นายทวี ธีระสุนทรวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า จากข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) พบว่า ปริมาณการชำระเงินแทน (Bill Payment) ทั้งค่าสาธารณูปโภค ค่าสินค้าและบริการ ณ สิ้นปี 2557 มีจำนวน 428 ล้านรายการ แบ่งเป็นรายการที่มาจากธนาคารพาณิชย์ 94 ล้านรายการ และสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคารพาณิชย์ (น็อนแบงก์) 334 ล้านรายการ หรือคิดเป็นมูลค่ารวม 6.91 ล้านล้านบาท จำนวนนี้มาจากธนาคารพาณิชย์ 6.1 ล้านล้านบาท และน็อนแบงก์ 7.8 แสนล้านบาท ซึ่งเห็นได้ว่าจะมีผู้เล่นหน้าใหม่ ๆ เข้ามาชิงส่วนแบ่งทางการตลาด และการแข่งขันก็รุนแรงขึ้น เช่น คิดค่าธรรมเนียมชำระบิล 5-6 บาทต่อรายการ จาก 15-25 บาทต่อรายการ
"มองในแง่ดีคือผู้บริโภคเข้าถึงบริการได้มากขึ้น แต่อีกด้านก็เป็นความท้าทายที่แบงก์ต้องพัฒนาตัวเองไม่ให้น็อนแบงก์เข้ามามีส่วนแบ่งทางการตลาดมากเกินไป โดยในส่วนของกสิกรไทยยอมรับว่ารายได้จากค่าธรรมเนียมในธุรกิจรับชำระเติบโตค่อนข้างดีในแต่ละปี ทั้งจากการให้บริการผ่านตู้เอทีเอ็ม โมบายแบงกิ้ง อินเทอร์เน็ตแบงกิ้ง เคาน์เตอร์ ซึ่งปี 2557 มีรายได้ทะลุ 1,000 ล้านบาท และปีนี้ตั้งเป้าเพิ่มไม่น้อยกว่า 20%" นายทวีกล่าว
ด้านนายกฤษณ์ จันทโนทก ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานธุรกิจเงินฝาก การลงทุน ประกันภัย และธนบดี ธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า สิ่งที่ได้จากธุรกิจรับชำระไม่ใช่แค่รายได้ค่าธรรมเนียม แต่เป็นการขยายฐานลูกค้าได้มากขึ้น จึงทำให้การแข่งขันรุนแรงในทุกปี และธนาคารก็ต้องปรับตัว ให้มีการเชื่อมโยงกันมากขึ้น จากเดิมที่แยกการให้บริการเป็นรายโปรดักต์ ให้มาเป็นการให้บริการเป็นระบบนิเวศทางการเงิน เพราะอนาคตจะมีบริการแบบ e-Wallet (กระเป๋าตังค์อิเล็กทรอนิกส์) มากขึ้นเรื่อย ๆ
นายอดิศร เสริมชัยวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายธุรกิจรายย่อย ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย กล่าวว่า ธนาคารคิดค่าบริการชำระเงินต่อใบแจ้งยอด 5 บาทต่อรายการ และยังเปิดให้บริการธนาคารดิจิทัล บีต แบงกิ้ง (Beat Banking) เพื่อเพิ่มความสะดวกให้ลูกค้า ซึ่งสถิติการชำระบิลของลูกค้าในแต่ละเดือนเฉลี่ยอยู่ที่ 3-4 บิลต่อเดือน หรือประมาณ 50-100 บาท ขณะเดียวกันยังเตรียมขยายบริการไปยังบริการรับชำระอื่น ๆ เช่น รับชำระค่าบ้าน บัตรเครดิต ประกันภัย เป็นต้น
นางสาวมิ่งขวัญ พัฒนวงศ์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารส่งเสริมการตลาดลูกค้าบุคคล ธนาคารทหารไทย กล่าวว่า ล่าสุดเพิ่งมีบริการ "ทีเอ็มบี ออลล์ ฟรี"ให้ลูกค้ากดเงิน ถามยอด ได้ทุกตู้ทุกธนาคาร ไม่มีค่าธรรมเนียม ไม่จำกัดจำนวนครั้ง แถมโอนเงินข้ามเขต จ่ายบิลแบบไม่มีค่าธรรมเนียม โดยเก็บค่าบริการเปิดบัญชีที่ 500 บาทในปีแรก ต่อไปคิดปีละ350 บาท ตั้งเป้า 1.2 ล้านบัญชีภายในสิ้นปีนี้
นายรุ่งเรือง สุขเกิดกิจพิบูลย์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่อาวุโส ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า การแข่งขันถือเป็นเรื่องดีสำหรับผู้บริโภค แต่ควรอยู่บนพื้นฐานหรือกติกาเดียวกัน ดังนั้น น็อนแบงก์ก็ควรดูแลให้เป็นมาตรฐานเดียวกันเพราะเป็นการรับฝากเงินของประชาชนเช่นกัน แม้จะเพียง 1-2 นาที ระหว่างการโอนข้ามไปยังผู้รับก็ตาม
ธุรกิจจ่ายบิล 6.9 ล้านล้านร้อนฉ่า แบงก์ใหญ่ดิ้นปรับกลยุทธ์สกัดค่ายมือถือแย่งเค้ก
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1430107517
updated: 28 เม.ย 2558 เวลา 08:01:46 น.
แบงก์เจอทุบหม้อข้าว ค่ายมือถือโดดร่วมธุรกิจจ่ายบิล-โอนเงิน ชูจุดขายไม่ต้องมีบัญชีแบงก์ "ผู้บริหารแบงก์" แก้เกมยกเครื่องทุกช่องทางรักษารายได้-รั้งฐานลูกค้าไว้ เผยมูลค่าธุรกรรม 6.9 ล้านล้านบาท ล่อใจผู้เล่นหน้าใหม่ "กสิกรไทย" ฟุ้งค่าฟีสูงลิ่วกว่าพันล้านบาท
แหล่งข่าวจากธนาคารพาณิชย์เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ปัจจุบันเริ่มเห็นผู้ให้บริการเครือข่ายสัญญาณโทรศัพท์ (ค่ายมือถือ) พยายามเข้ามาร่วมให้บริการทางการเงินในธุรกิจรับชำระผ่านโทรศัพท์มือถือมากขึ้น เสมือนหนึ่งเป็นสถาบันการเงินเอง เพราะไม่ต้องมีบัญชีธนาคาร จากเดิมที่เป็นแค่ตัวผ่านในการทำธุรกรรมทางการเงินเท่านั้น นับเป็นการเข้ามาร่วมชิงเค้กเพิ่มเติมของผู้ประกอบการหน้าใหม่ จากที่ผ่านมามีร้านสะดวกซื้อ ห้างสรรพสินค้า และไปรษณีย์ โดดเข้ามาร่วมให้บริการไปแล้ว
"เดิมทุกธุรกรรมจะผูกกับบัญชีแบงก์ ไม่ว่าจะเป็นการจ่ายบิล โอนเงินผ่านโมบายแบงกิ้ง แต่ตอนนี้ไม่ต้องมีบัญชีแบงก์ก็ทำได้ โดยโอนเงินจากมือถือแล้วให้ผู้รับบอกรหัสไปรับเงินสดได้ที่จุดให้บริการซึ่งในอนาคตจะเห็นการให้บริการรูปแบบใหม่ๆ เกิดขึ้นอีกมาก" แหล่งข่าวกล่าว
ขณะที่นายทวี ธีระสุนทรวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า จากข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) พบว่า ปริมาณการชำระเงินแทน (Bill Payment) ทั้งค่าสาธารณูปโภค ค่าสินค้าและบริการ ณ สิ้นปี 2557 มีจำนวน 428 ล้านรายการ แบ่งเป็นรายการที่มาจากธนาคารพาณิชย์ 94 ล้านรายการ และสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคารพาณิชย์ (น็อนแบงก์) 334 ล้านรายการ หรือคิดเป็นมูลค่ารวม 6.91 ล้านล้านบาท จำนวนนี้มาจากธนาคารพาณิชย์ 6.1 ล้านล้านบาท และน็อนแบงก์ 7.8 แสนล้านบาท ซึ่งเห็นได้ว่าจะมีผู้เล่นหน้าใหม่ ๆ เข้ามาชิงส่วนแบ่งทางการตลาด และการแข่งขันก็รุนแรงขึ้น เช่น คิดค่าธรรมเนียมชำระบิล 5-6 บาทต่อรายการ จาก 15-25 บาทต่อรายการ
"มองในแง่ดีคือผู้บริโภคเข้าถึงบริการได้มากขึ้น แต่อีกด้านก็เป็นความท้าทายที่แบงก์ต้องพัฒนาตัวเองไม่ให้น็อนแบงก์เข้ามามีส่วนแบ่งทางการตลาดมากเกินไป โดยในส่วนของกสิกรไทยยอมรับว่ารายได้จากค่าธรรมเนียมในธุรกิจรับชำระเติบโตค่อนข้างดีในแต่ละปี ทั้งจากการให้บริการผ่านตู้เอทีเอ็ม โมบายแบงกิ้ง อินเทอร์เน็ตแบงกิ้ง เคาน์เตอร์ ซึ่งปี 2557 มีรายได้ทะลุ 1,000 ล้านบาท และปีนี้ตั้งเป้าเพิ่มไม่น้อยกว่า 20%" นายทวีกล่าว
ด้านนายกฤษณ์ จันทโนทก ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานธุรกิจเงินฝาก การลงทุน ประกันภัย และธนบดี ธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า สิ่งที่ได้จากธุรกิจรับชำระไม่ใช่แค่รายได้ค่าธรรมเนียม แต่เป็นการขยายฐานลูกค้าได้มากขึ้น จึงทำให้การแข่งขันรุนแรงในทุกปี และธนาคารก็ต้องปรับตัว ให้มีการเชื่อมโยงกันมากขึ้น จากเดิมที่แยกการให้บริการเป็นรายโปรดักต์ ให้มาเป็นการให้บริการเป็นระบบนิเวศทางการเงิน เพราะอนาคตจะมีบริการแบบ e-Wallet (กระเป๋าตังค์อิเล็กทรอนิกส์) มากขึ้นเรื่อย ๆ
นายอดิศร เสริมชัยวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายธุรกิจรายย่อย ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย กล่าวว่า ธนาคารคิดค่าบริการชำระเงินต่อใบแจ้งยอด 5 บาทต่อรายการ และยังเปิดให้บริการธนาคารดิจิทัล บีต แบงกิ้ง (Beat Banking) เพื่อเพิ่มความสะดวกให้ลูกค้า ซึ่งสถิติการชำระบิลของลูกค้าในแต่ละเดือนเฉลี่ยอยู่ที่ 3-4 บิลต่อเดือน หรือประมาณ 50-100 บาท ขณะเดียวกันยังเตรียมขยายบริการไปยังบริการรับชำระอื่น ๆ เช่น รับชำระค่าบ้าน บัตรเครดิต ประกันภัย เป็นต้น
นางสาวมิ่งขวัญ พัฒนวงศ์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารส่งเสริมการตลาดลูกค้าบุคคล ธนาคารทหารไทย กล่าวว่า ล่าสุดเพิ่งมีบริการ "ทีเอ็มบี ออลล์ ฟรี"ให้ลูกค้ากดเงิน ถามยอด ได้ทุกตู้ทุกธนาคาร ไม่มีค่าธรรมเนียม ไม่จำกัดจำนวนครั้ง แถมโอนเงินข้ามเขต จ่ายบิลแบบไม่มีค่าธรรมเนียม โดยเก็บค่าบริการเปิดบัญชีที่ 500 บาทในปีแรก ต่อไปคิดปีละ350 บาท ตั้งเป้า 1.2 ล้านบัญชีภายในสิ้นปีนี้
นายรุ่งเรือง สุขเกิดกิจพิบูลย์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่อาวุโส ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า การแข่งขันถือเป็นเรื่องดีสำหรับผู้บริโภค แต่ควรอยู่บนพื้นฐานหรือกติกาเดียวกัน ดังนั้น น็อนแบงก์ก็ควรดูแลให้เป็นมาตรฐานเดียวกันเพราะเป็นการรับฝากเงินของประชาชนเช่นกัน แม้จะเพียง 1-2 นาที ระหว่างการโอนข้ามไปยังผู้รับก็ตาม