จัดว่าเป็นนักแสดงระดับตำนานของไทยไปแล้วสำหรับ จา พนม นักแสดงจอมบู๊ชื่อดัง ที่พามวยไทย และชื่อเสียงของตัวเองให้โด่งดังไปไกลถึงฮอลลีวูด กับผลงานล่าสุด Furious 7 ที่กวาดรายได้ถล่มทลายไปทั่วโลก การปรากฎตัวของ จา พนม ในหนังฟอร์มยักษ์ระดับโลกในครั้งนี้ มีหลายเสียงบ่นว่ายังไม่จุใจเอาเสียเลย มาไวไปไวเหลือเกิน ตอนนี้แฟนๆไม่ต้องห่วงแล้วครับ มีหนังที่พี่จาของเราได้เป็นพระเอกเต็มๆตัวออกมาแล้ว นั่นก็คือ Skin Trade คู่ซัดอันตราย ที่กำลังเข้าฉายอยู่ตอนนี้
Skin Trade ไม่ใช่หนังฮอลลีวูดอย่างที่หลายคนเข้าใจ เพียงแค่ได้ดาราที่อยู่ในฮอลลีวูดมาแสดงเท่านั้น ที่บ้านเราพอคุ้นหูก็มี Dolph Lundgren ที่กลับมาดังใน The Expendables และ Ron Perlman ที่ดังสุดๆในการเล่นเป็น Hell Boy และบทตัวประกอบในหลายเรื่อง อาทิ Pacific Rim, Drive ส่วนผู้กำกับก็ได้ เอกชัย เอื้อครองธรรม จาก บิวตี้ฟูล บ๊อกเซอร์ ที่เป็นอีกหนึ่งตัวแทนจากไทยในหนังเรื่องนี้
Skin Trade เป็นเรื่องราวของ 2 ตำรวจ จาก 2 ซีกโลก ที่ได้โคจรมาพบกัน เนื่องจากมีเป้าหมายเดียวกันที่ต้องการกำจัด ตัวหนังมีประเด็นที่ดูน่าสนใจอย่างเรื่องการค้ามนุษย์ แต่เมื่อมันมาอยู่ในหนังแอ๊คชั่นที่มีตัวเอกเป็นดีกรีนักบู๊ถึง 2 คน จาก 2 ซีกโลก ประเด็นที่ว่านี้จึงถูกกลืนหายไป กลายเป็นเพียงพื้นหลังของหนังเรื่องนี้เท่านั้น
ว่าด้วยหนังที่ได้นักบู๊ 2 คน จาก 2 ซีกโลก มาเจอกันมันต้องมีอะไรที่แปลกใหม่ และน่าสนใจแน่ๆ แต่ไม่เลยต่างคนต่างบู๊ในแบบเดิมๆของตัวเอง Dolph Lundgren ก็ตามฟอร์มทั่วไปของแกที่เตะต่อยพอได้ แล้วก็สาดกระสุน ส่วนโท นี่จา ก็ใช้แม่ไม้มวยไทยท่าเดิมๆ ที่เราเห็นมาจนช้ำ ยิ่งมาเจอการถ่ายทำของหนังก็ยิ่งช้ำเข้าไปอีก ไม่มีความน่าตื่นเต้นแม้แต่น้อยเลยกับแอ๊คชั่นของหนังเรื่องนี้ มันช่างจืดชืดและธรรมดามาก ไม่ต่างจากแกงจืดต้มฟักเสียเท่าไหร่เลย
ด้วยหน้าหนังที่ออกเป็นแอ๊คชั่น ดราม่า ทริลเลอร์ อีกทั้งยังได้ผู้กำกับที่ไม่ได้ถนัดแอ๊คชั่นมาก่อนมาคุม เรื่องฉากบู๊เลยอาจจะทำไม่ถึงนักอันนี้พอเข้าใจ แต่ทั้งในพาร์ทดราม่า และระทึกขวัญ ก็กลับจืดชืดไม่ต่างกันเลยนี่สิ มันช่างเกินความคาดหมายของเราจริงๆ ตลอดเวลาที่ดูหนังเรื่องนี้เรานั่งรอเวลาปล่อยของตลอดเลยว่ามันจะมาตอนไหน จะพีคตอนไหน ดูไปแบบเรื่อยๆมาก แล้วก็จบไปแบบเรื่อยๆ ไร้อารมณ์ร่วมกับหนังแทบจะทุกด้าน จะสะเทือนอารมณ์ที่สุดก็ข้อความเรื่องการค้ามนุษย์ในฉากจบของหนังเพียงเท่านั้น
องค์ประกอบต่างๆของหนังทั้งการตัดต่อ และการใช้เสียงประกอบก็ย่ำแย่กว่าที่คิด ไม่สามารถเร้าหรือกระตุ้นอารมณ์ใดๆในฉากนั้นๆได้เลย อีกทั้งยังมีคำพูดที่ดูประดักประเดิด การยัดเยียดความเป็นไทยที่แสนดีลงไป บทหนังที่เข้าขั้นอ่อน และไร้ซึ่งชั้นเชิงในการเล่าเรื่องจนพาเราแทบจะหลับอยู่หลายรอบ ดูๆไปเหมือนเป็นโฆษณาโปรโมทต่อต้านการค้ามนุษย์เสียด้วยซ้ำ แม้หนังเรื่องนี้จะมีข้อดีในการถ่ายภาพที่ดูสวยในบางฉาก แต่มันก็เป็นข้อดีเพียงเล็กน้อยที่ไม่สามารถกลบความบกพร่องต่างๆของหนังเรื่องนี้ไปได้เลย
เราก็เป็นคนหนึ่งที่ชื่นชอบในความสามารถของคุณ จา พนม ตามดูมาทุกเรื่องที่แกเล่น ส่วนตัวขอสวนกระแสยกให้หนังเรื่องนี้เป็นเรื่องที่แย่ที่สุดของจาเลย ไม่ใช่ว่าจาไม่ดี แต่องค์ประกอบต่างๆของหนังมันพาจาลงเหวไปด้วยกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ถึงอย่างไรก็ยังขอเป็นกำลังใจ และรอสนับสนุนผลงานเรื่องต่อๆไปของคุณจา พนม หรือ โทนี่ จา แน่นอน และขออวยพรให้คุณจา ซัดให้ไกล ไปให้ถึงฝันที่คุณจาได้หวังไว้นะครับ
SPL 2 เดี๋ยวเจอกัน
#คุยเรื่องหนัง #SkinTrade
Skin Trade ซัดไม่ไกล ไปไม่ถึง (ไม่สปอย)
จัดว่าเป็นนักแสดงระดับตำนานของไทยไปแล้วสำหรับ จา พนม นักแสดงจอมบู๊ชื่อดัง ที่พามวยไทย และชื่อเสียงของตัวเองให้โด่งดังไปไกลถึงฮอลลีวูด กับผลงานล่าสุด Furious 7 ที่กวาดรายได้ถล่มทลายไปทั่วโลก การปรากฎตัวของ จา พนม ในหนังฟอร์มยักษ์ระดับโลกในครั้งนี้ มีหลายเสียงบ่นว่ายังไม่จุใจเอาเสียเลย มาไวไปไวเหลือเกิน ตอนนี้แฟนๆไม่ต้องห่วงแล้วครับ มีหนังที่พี่จาของเราได้เป็นพระเอกเต็มๆตัวออกมาแล้ว นั่นก็คือ Skin Trade คู่ซัดอันตราย ที่กำลังเข้าฉายอยู่ตอนนี้
Skin Trade ไม่ใช่หนังฮอลลีวูดอย่างที่หลายคนเข้าใจ เพียงแค่ได้ดาราที่อยู่ในฮอลลีวูดมาแสดงเท่านั้น ที่บ้านเราพอคุ้นหูก็มี Dolph Lundgren ที่กลับมาดังใน The Expendables และ Ron Perlman ที่ดังสุดๆในการเล่นเป็น Hell Boy และบทตัวประกอบในหลายเรื่อง อาทิ Pacific Rim, Drive ส่วนผู้กำกับก็ได้ เอกชัย เอื้อครองธรรม จาก บิวตี้ฟูล บ๊อกเซอร์ ที่เป็นอีกหนึ่งตัวแทนจากไทยในหนังเรื่องนี้
Skin Trade เป็นเรื่องราวของ 2 ตำรวจ จาก 2 ซีกโลก ที่ได้โคจรมาพบกัน เนื่องจากมีเป้าหมายเดียวกันที่ต้องการกำจัด ตัวหนังมีประเด็นที่ดูน่าสนใจอย่างเรื่องการค้ามนุษย์ แต่เมื่อมันมาอยู่ในหนังแอ๊คชั่นที่มีตัวเอกเป็นดีกรีนักบู๊ถึง 2 คน จาก 2 ซีกโลก ประเด็นที่ว่านี้จึงถูกกลืนหายไป กลายเป็นเพียงพื้นหลังของหนังเรื่องนี้เท่านั้น
ว่าด้วยหนังที่ได้นักบู๊ 2 คน จาก 2 ซีกโลก มาเจอกันมันต้องมีอะไรที่แปลกใหม่ และน่าสนใจแน่ๆ แต่ไม่เลยต่างคนต่างบู๊ในแบบเดิมๆของตัวเอง Dolph Lundgren ก็ตามฟอร์มทั่วไปของแกที่เตะต่อยพอได้ แล้วก็สาดกระสุน ส่วนโท นี่จา ก็ใช้แม่ไม้มวยไทยท่าเดิมๆ ที่เราเห็นมาจนช้ำ ยิ่งมาเจอการถ่ายทำของหนังก็ยิ่งช้ำเข้าไปอีก ไม่มีความน่าตื่นเต้นแม้แต่น้อยเลยกับแอ๊คชั่นของหนังเรื่องนี้ มันช่างจืดชืดและธรรมดามาก ไม่ต่างจากแกงจืดต้มฟักเสียเท่าไหร่เลย
ด้วยหน้าหนังที่ออกเป็นแอ๊คชั่น ดราม่า ทริลเลอร์ อีกทั้งยังได้ผู้กำกับที่ไม่ได้ถนัดแอ๊คชั่นมาก่อนมาคุม เรื่องฉากบู๊เลยอาจจะทำไม่ถึงนักอันนี้พอเข้าใจ แต่ทั้งในพาร์ทดราม่า และระทึกขวัญ ก็กลับจืดชืดไม่ต่างกันเลยนี่สิ มันช่างเกินความคาดหมายของเราจริงๆ ตลอดเวลาที่ดูหนังเรื่องนี้เรานั่งรอเวลาปล่อยของตลอดเลยว่ามันจะมาตอนไหน จะพีคตอนไหน ดูไปแบบเรื่อยๆมาก แล้วก็จบไปแบบเรื่อยๆ ไร้อารมณ์ร่วมกับหนังแทบจะทุกด้าน จะสะเทือนอารมณ์ที่สุดก็ข้อความเรื่องการค้ามนุษย์ในฉากจบของหนังเพียงเท่านั้น
องค์ประกอบต่างๆของหนังทั้งการตัดต่อ และการใช้เสียงประกอบก็ย่ำแย่กว่าที่คิด ไม่สามารถเร้าหรือกระตุ้นอารมณ์ใดๆในฉากนั้นๆได้เลย อีกทั้งยังมีคำพูดที่ดูประดักประเดิด การยัดเยียดความเป็นไทยที่แสนดีลงไป บทหนังที่เข้าขั้นอ่อน และไร้ซึ่งชั้นเชิงในการเล่าเรื่องจนพาเราแทบจะหลับอยู่หลายรอบ ดูๆไปเหมือนเป็นโฆษณาโปรโมทต่อต้านการค้ามนุษย์เสียด้วยซ้ำ แม้หนังเรื่องนี้จะมีข้อดีในการถ่ายภาพที่ดูสวยในบางฉาก แต่มันก็เป็นข้อดีเพียงเล็กน้อยที่ไม่สามารถกลบความบกพร่องต่างๆของหนังเรื่องนี้ไปได้เลย
เราก็เป็นคนหนึ่งที่ชื่นชอบในความสามารถของคุณ จา พนม ตามดูมาทุกเรื่องที่แกเล่น ส่วนตัวขอสวนกระแสยกให้หนังเรื่องนี้เป็นเรื่องที่แย่ที่สุดของจาเลย ไม่ใช่ว่าจาไม่ดี แต่องค์ประกอบต่างๆของหนังมันพาจาลงเหวไปด้วยกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ถึงอย่างไรก็ยังขอเป็นกำลังใจ และรอสนับสนุนผลงานเรื่องต่อๆไปของคุณจา พนม หรือ โทนี่ จา แน่นอน และขออวยพรให้คุณจา ซัดให้ไกล ไปให้ถึงฝันที่คุณจาได้หวังไว้นะครับ
SPL 2 เดี๋ยวเจอกัน
#คุยเรื่องหนัง #SkinTrade