สิ่งที่ได้เรียนรู้จากทริปญี่ปุ่นด้วยตัวเอง ♡
#ออกตัวก่อนว่าเราไปครั้งแรก แถมภูมิภาคเดียว ดังนั้นสิ่งที่เจอจึงเป็นแค่เสี้ยวเดียวนะคะ ยังเป็นเด็กน้อยนัก 555 ชวนพี่ๆ มาแชร์กันค่ะ ✌🏽️
1. คนญี่ปุ่นมีวินัยสูงมาก แต่ไม่ใช่ 100%
ในทริปเราเจอคนญี่ปุ่นข้ามถนนทั้งๆ ไฟข้ามเป็นสีแดงหลายคน ตีไป 10% ของทั้งหมด
2. รถไฟควรเงียบ .. แต่คุยกันได้
คนญี่ปุ่นก็คุยค่ะ แต่คุยเบาๆ ประเภทไพเรทคิง ไลน์เรนเจอร์ตึ้งๆๆ นี่ไม่มี ปิดเสียงโทรศัพท์กันหมดนะคะ
3. คนญี่ปุ่นพูดอังกฤษน้อยกว่าที่คิด
คิดว่าเค้าเจริญแล้ว น่าจะพูดเยอะนะเหย เปล่าเลย นี่เมื่อยมือและปวดหัวมาเยอะแล้วเพราะคาดหวังจะใช้ english ถามหาของ .. ถ้าเตรียมคำพูดพื้นฐานสั้นๆ เป็นคำๆ เป็นภาษาญี่ปุ่นไปก็ดี ชีวิตจะง่ายขึ้น
4. จากข้อข้างบน การพุ่งเข้าใส่แล้ว excuse me ทำให้เค้าตกใจกว่าการพูดว่า sumimasen (ขอโทษนะคะ) แล้วตามด้วยคำถามภาษาอังกฤษ .. จำไว้ sumimasen แล้วชีวิตจะง่ายขึ้น
5. อย่าอินดี้มาก
ประเภทที่ว่า ไปท่องเที่ยวจะตัดขาดโลกภายนอก ซึมซับบรรยากาศเต็มที่ ไม่พก internet ไปด้วยหรอก .. อย่าค่ะอย่า ถ้าไม่ได้เกิดและโตที่นั่น เอา internet ติดตัวไว้ไม่เสียหาย ส่วนจะใช้มากหรือน้อยนั่นขึ้นอยู่กับมือคุณ
6. ถ้าไม่ได้ออกกำลังกายเป็นประจำ พกยาคลายกล้ามเนื้อไปด้วย
เนื่องจากเมืองเค้าเดินเยอะกว่าบ้านเรามาก สามวันแรกที่ไปนี่รวดร้าวไปทั้งตัว หลังแข็งจนจี๊ดๆ ไปหมด กินยาจะช่วยให้วันต่อๆ ไปเที่ยวได้สบายขึ้น .. ผ่านสองสามวันแรกไปร่างกายจะชินเอง ไม่ปวดแล้ว
6.1 หากปวดหลัง ปวดขามาก ไปซื้อแผ่นคลายปวดจากร้านดองกี้ drugstore มาบรรเทาได้ค่ะ ใช้ร่วมกับยาแก้ปวดนี่โอเคเลย
7. เวลาของรถไฟในตาราง
เวลาที่โชว์อยู่ ไม่ใช่รถมาถึง ในหลายๆ ขบวนแปลว่ารถออกจากชานชาลาในเวลานั้นด้วย เพราะฉะนั้นกรุณาเผื่อเวลาสี่ห้านาทีหน่อยก็ดีจ้ะ
8. Google map ใช้ง่ายและใช้บ่อยกว่า Hyperdia
ใครๆ ก็แนะนำ hyperdia แต่ในความเป็นจริงที่ใช้งานมา ใช้แต่ google map ง่ะ ... ส่วน hyperdia มีไว้ดูรอบรถ เที่ยวรถเท่านั้นเอง
Ex. ใน gg map มันบอกละเอียดเลย ดูง่ายและคุ้นตากว่ามาก ว่าไปได้กี่ทาง ใส่เป็นสถานที่ก็ได้ ทำให้เรามองภาพรวมๆ ออกว่านั่งอะไรดี เดินไกลมั้ย ส่วน hpd มันทำไม่ได้แบบนี้ แถมต้องใส่ชื่อสถานีเป๊ะๆ ด้วย
#ระวัง: gg map ไม่ฉลาดพอจะรู้ว่ารถเที่ยวสุดท้ายคือกี่โมง สมมติรถมาทุก 15 min. gg map พี่จะไล่ไปทุก 15 min ตลอด ตีสองตีสามยังมีแสดง 555555 ถ้าขึ้นเที่ยวแรก เที่ยวสุดท้าย กรุณาเช็คกับ hpd อีกทีเพื่อความชัวร์ แต่ถ้าระหว่างวันปกติใช้ google map คือชีวิตก็ดีงามพอแล้ว
9. เดินตอนกลางคืนไม่ต้องกลัวหมากัด
อันนี้ลืมไป ตอนตีสามตีสี่มีเหตุต้องเดิน นี่ไม่กล้าเดินไป กลัวหมาไล่ฟัด เพิ่งนึกได้ว่าบ้านเค้าไม่มีหมาจรจัด
10. ของกินใน super มีเริ่ดๆ ซ่อนอยู่เยอะ
ถ้าระหว่างวันกินแพงๆ ไปหลายมื้อ ไม่ซีเรียสมื้อเยน ลองเข้าซุปเปอร์บ้านเค้าสักสองสามทุ่มสิ .. จะพบว่าของดีๆ ลดราคาเยอะแยะอยู่นะ นี่ได้ปลาดิบลดราคาแถวเบ่อเร้อมาในราคาราวๆ 50 บาทไทย ฟินลื้มมมม!
11. อย่าเผลอซื้ออุปกรณ์ไฟฟ้าบ้านเค้า
เพราะที่นั่นใช้ไฟ 110 v ซึ่งบ้านเรา 220 v ก่อนซื้อดูดีๆ ด้วย
12. ปลั๊กต่อ อย่าลืมเอาไป
โรงแรมมีปลั๊กเสียบน้อยมาก ยิ่งไปสองสามคนในห้องเดียวแทบตบตีแย่งปลั๊ก .. ไหนจะกล้อง มือถือ แบตสำรอง พ็อกเกตไวไฟอีก .. เอาติดไปด้วยชีวิตจะดี
13. ถ้าไม่มั่นใจในแผนเที่ยวว่าจะเป๊ะ 100% อย่าซื้อตั๋วรถไฟรวดเดียวในวันแรกจนครบทริป
ให้ทยอยซื้อ เผื่อปรับเปลี่ยนค่ะ อย่างเราตอนแรกจะซื้อ JR kansai wide pass 3 days แต่ตอนหลังปรับแผนเนื่องจากร่างกายไม่ไหวแล้ว .. เลยจ่ายเป็นเที่ยวๆ คุ้มกว่า ประหยัดกว่าค่ะ
14. บิลในประเทศญี่ปุ่น 99% เป็นภาษาญี่ปุ่นล้วน
เพราะฉะนั้นเวลาช็อปปิ้ง ซื้ออะไรให้ถ่ายรูปสินค้าบนชั้นวางขายเก็บไว้ด้วยเลยค่ะ อย่าหวังจะอ่านจากบิลเด็ดขาด ยิ่งช็อปหลายๆ ที่ บิลหลายๆ วัน กลับไทยก็ลืมหมดแล้วค่ะ
เพื่อนๆ พี่ๆ ลองมาแชร์กันดีกว่าค่ะ ^^ อยากฟังมุมมองของแต่ละท่านด้วย เผื่อเป็นประโยชน์แก่หลายๆ ท่านที่กำลังจะไปอีก แฮ่ 😘
สิ่งที่ได้เรียนรู้จากทริปญี่ปุ่นด้วยตัวเอง ♡
#ออกตัวก่อนว่าเราไปครั้งแรก แถมภูมิภาคเดียว ดังนั้นสิ่งที่เจอจึงเป็นแค่เสี้ยวเดียวนะคะ ยังเป็นเด็กน้อยนัก 555 ชวนพี่ๆ มาแชร์กันค่ะ ✌🏽️
1. คนญี่ปุ่นมีวินัยสูงมาก แต่ไม่ใช่ 100%
ในทริปเราเจอคนญี่ปุ่นข้ามถนนทั้งๆ ไฟข้ามเป็นสีแดงหลายคน ตีไป 10% ของทั้งหมด
2. รถไฟควรเงียบ .. แต่คุยกันได้
คนญี่ปุ่นก็คุยค่ะ แต่คุยเบาๆ ประเภทไพเรทคิง ไลน์เรนเจอร์ตึ้งๆๆ นี่ไม่มี ปิดเสียงโทรศัพท์กันหมดนะคะ
3. คนญี่ปุ่นพูดอังกฤษน้อยกว่าที่คิด
คิดว่าเค้าเจริญแล้ว น่าจะพูดเยอะนะเหย เปล่าเลย นี่เมื่อยมือและปวดหัวมาเยอะแล้วเพราะคาดหวังจะใช้ english ถามหาของ .. ถ้าเตรียมคำพูดพื้นฐานสั้นๆ เป็นคำๆ เป็นภาษาญี่ปุ่นไปก็ดี ชีวิตจะง่ายขึ้น
4. จากข้อข้างบน การพุ่งเข้าใส่แล้ว excuse me ทำให้เค้าตกใจกว่าการพูดว่า sumimasen (ขอโทษนะคะ) แล้วตามด้วยคำถามภาษาอังกฤษ .. จำไว้ sumimasen แล้วชีวิตจะง่ายขึ้น
5. อย่าอินดี้มาก
ประเภทที่ว่า ไปท่องเที่ยวจะตัดขาดโลกภายนอก ซึมซับบรรยากาศเต็มที่ ไม่พก internet ไปด้วยหรอก .. อย่าค่ะอย่า ถ้าไม่ได้เกิดและโตที่นั่น เอา internet ติดตัวไว้ไม่เสียหาย ส่วนจะใช้มากหรือน้อยนั่นขึ้นอยู่กับมือคุณ
6. ถ้าไม่ได้ออกกำลังกายเป็นประจำ พกยาคลายกล้ามเนื้อไปด้วย
เนื่องจากเมืองเค้าเดินเยอะกว่าบ้านเรามาก สามวันแรกที่ไปนี่รวดร้าวไปทั้งตัว หลังแข็งจนจี๊ดๆ ไปหมด กินยาจะช่วยให้วันต่อๆ ไปเที่ยวได้สบายขึ้น .. ผ่านสองสามวันแรกไปร่างกายจะชินเอง ไม่ปวดแล้ว
6.1 หากปวดหลัง ปวดขามาก ไปซื้อแผ่นคลายปวดจากร้านดองกี้ drugstore มาบรรเทาได้ค่ะ ใช้ร่วมกับยาแก้ปวดนี่โอเคเลย
7. เวลาของรถไฟในตาราง
เวลาที่โชว์อยู่ ไม่ใช่รถมาถึง ในหลายๆ ขบวนแปลว่ารถออกจากชานชาลาในเวลานั้นด้วย เพราะฉะนั้นกรุณาเผื่อเวลาสี่ห้านาทีหน่อยก็ดีจ้ะ
8. Google map ใช้ง่ายและใช้บ่อยกว่า Hyperdia
ใครๆ ก็แนะนำ hyperdia แต่ในความเป็นจริงที่ใช้งานมา ใช้แต่ google map ง่ะ ... ส่วน hyperdia มีไว้ดูรอบรถ เที่ยวรถเท่านั้นเอง
Ex. ใน gg map มันบอกละเอียดเลย ดูง่ายและคุ้นตากว่ามาก ว่าไปได้กี่ทาง ใส่เป็นสถานที่ก็ได้ ทำให้เรามองภาพรวมๆ ออกว่านั่งอะไรดี เดินไกลมั้ย ส่วน hpd มันทำไม่ได้แบบนี้ แถมต้องใส่ชื่อสถานีเป๊ะๆ ด้วย
#ระวัง: gg map ไม่ฉลาดพอจะรู้ว่ารถเที่ยวสุดท้ายคือกี่โมง สมมติรถมาทุก 15 min. gg map พี่จะไล่ไปทุก 15 min ตลอด ตีสองตีสามยังมีแสดง 555555 ถ้าขึ้นเที่ยวแรก เที่ยวสุดท้าย กรุณาเช็คกับ hpd อีกทีเพื่อความชัวร์ แต่ถ้าระหว่างวันปกติใช้ google map คือชีวิตก็ดีงามพอแล้ว
9. เดินตอนกลางคืนไม่ต้องกลัวหมากัด
อันนี้ลืมไป ตอนตีสามตีสี่มีเหตุต้องเดิน นี่ไม่กล้าเดินไป กลัวหมาไล่ฟัด เพิ่งนึกได้ว่าบ้านเค้าไม่มีหมาจรจัด
10. ของกินใน super มีเริ่ดๆ ซ่อนอยู่เยอะ
ถ้าระหว่างวันกินแพงๆ ไปหลายมื้อ ไม่ซีเรียสมื้อเยน ลองเข้าซุปเปอร์บ้านเค้าสักสองสามทุ่มสิ .. จะพบว่าของดีๆ ลดราคาเยอะแยะอยู่นะ นี่ได้ปลาดิบลดราคาแถวเบ่อเร้อมาในราคาราวๆ 50 บาทไทย ฟินลื้มมมม!
11. อย่าเผลอซื้ออุปกรณ์ไฟฟ้าบ้านเค้า
เพราะที่นั่นใช้ไฟ 110 v ซึ่งบ้านเรา 220 v ก่อนซื้อดูดีๆ ด้วย
12. ปลั๊กต่อ อย่าลืมเอาไป
โรงแรมมีปลั๊กเสียบน้อยมาก ยิ่งไปสองสามคนในห้องเดียวแทบตบตีแย่งปลั๊ก .. ไหนจะกล้อง มือถือ แบตสำรอง พ็อกเกตไวไฟอีก .. เอาติดไปด้วยชีวิตจะดี
13. ถ้าไม่มั่นใจในแผนเที่ยวว่าจะเป๊ะ 100% อย่าซื้อตั๋วรถไฟรวดเดียวในวันแรกจนครบทริป
ให้ทยอยซื้อ เผื่อปรับเปลี่ยนค่ะ อย่างเราตอนแรกจะซื้อ JR kansai wide pass 3 days แต่ตอนหลังปรับแผนเนื่องจากร่างกายไม่ไหวแล้ว .. เลยจ่ายเป็นเที่ยวๆ คุ้มกว่า ประหยัดกว่าค่ะ
14. บิลในประเทศญี่ปุ่น 99% เป็นภาษาญี่ปุ่นล้วน
เพราะฉะนั้นเวลาช็อปปิ้ง ซื้ออะไรให้ถ่ายรูปสินค้าบนชั้นวางขายเก็บไว้ด้วยเลยค่ะ อย่าหวังจะอ่านจากบิลเด็ดขาด ยิ่งช็อปหลายๆ ที่ บิลหลายๆ วัน กลับไทยก็ลืมหมดแล้วค่ะ
เพื่อนๆ พี่ๆ ลองมาแชร์กันดีกว่าค่ะ ^^ อยากฟังมุมมองของแต่ละท่านด้วย เผื่อเป็นประโยชน์แก่หลายๆ ท่านที่กำลังจะไปอีก แฮ่ 😘