(แชร์) 10 คำถามที่พบบ่อย เมื่อต้องกินยาคุม

10 คำถามที่พบบ่อย เมื่อต้องกินยาคุมกำเนิด


    การคุมกำเนิดในปัจจุบันมีหลายวิธีครับ เช่น การใช้ถุงยางอนามัย ห่วงอนามัย การทำหมัน  การฉีดยาคุมกำเนิด และวิธีที่นิยมมาก คือ การคุมกำเนิดโดยใช้ ยาเม็ดคุมกำเนิด (oral contraceptive pills) ซึ่งในบทความนี้ จะแบ่งยาเม็ดคุมกำเนิดเป็น 3 ชนิด คือ ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม (combined pills, CP) , ฮอร์โมนเดี่ยวๆ (Mini pills) และ ยาคุมฉุกเฉิน ( Emergency contraceptive pill, ECP) ในหัวข้อนี้ ค่อนข้างจะหนักไปทางวิชาการมาก เนื่องจากต้องการให้ผู้ใช้ยาทราบข้อเท็จจริง เกี่ยวกับการกินยาคุมกำเนิด มาดูกันว่า คำถามหรือ ปัญหาเกี่ยวกับการกินยาคุม มีอะไรบ้าง  

1. เริ่มกินยาคุม คุณผู้หญิงควรรู้อะไรบ้าง??
ตอบ
อันดับแรกที่ควรรู้ คือ
>>ข้อจำกัดเกี่ยวกับกินยาคุมกำเนิด ที่สำคัญๆ คือ
    - การตั้งครรภ์ ต้องแน่ใจว่าไม่ตั้งครรภ์
    - อายุ มากกว่า 40  ปี หากจำเป็นต้องใช้ แนะนำให้ปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจร่างกายก่อน และหากสูบบุหรี่ด้วยอายุมากกว่า 35 ปี ก็ไม่แนะนำแล้วครับ
    - คนที่มีน้ำหนักเยอะ BMI> 30 kg/m2 เนื่องจากจะเสี่ยงต่อโรคลิ่มเลือดอุดตัน ( venous thromboembolism)
    - ผู้หญิงที่เพิ่งคลอดบุตร แบ่งเป็น
        *ไม่ให้นมบุตร หากต้องการคุมกำเนิดแบบ CP ควรเริ่มเมื่อระยะเวลาหลังคลอดมากว่า 6 สัปดาห์หรือ  42 วัน เนื่องจากจะเสี่ยงต่อโรคลิ่มเลือดอุดตัน ( venous thromboembolism) แต่หากจำเป็นจริงๆ สามารถกินยาคุมกำเนิดแบบ MP ได้เลย เนื่องจากไข่สามารถตกหลังจากคลอดบุตรประมาณ 3-4 สัปดาห์ ซึ่งมีความเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์
        **ให้นมบุตร >> เม็ด แนะนำยาคุมแบบ MP ซึ่งจะไม่มีผลต่อปริมาณน้ำนม และควรกินหลังจากคลอดบุตร 6 สัปดาห์หรือ 42 วัน และไม่แนะนำห้ใช้แบบ CP  เพราะมีผลต่อปริมาณน้ำนม ** การให้นมสามารถช่วยชะลอการตกไข่ครั้งแรกหลังจากการคลอดบุตรได้ ได้นานถึง 6 เดือน
    - ผู้ที่มีความดันโลหิตสูง ≥ 140/90 mmHg
    - ผู้ที่ป่วยเป็นโรคตับ
    - ผู้ที่มีความเสี่ยงหรือมีประวัติเป็นโรงมะเร็งเต้านม
    -  ผู้ที่มีความเสี่ยงหรือมีประวัติเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด
    - ผู้ป่วยที่เป็นโรคไมเกรน
>>จุดประสงค์ของการกินยาคุมเพราะสาเหตุใด
เช่น เพื่อคุมกำเนิด เพื่อลดสิว ลดการปวดประจำเดือน การรู้จุดประสงค์ที่ชัด จะทำให้สามารถเลือกใช้ยาได้ง่ายขึ้น ซึ่งการกินยาคุมนั้นใช่ว่าจะมีประโยชน์อย่างเดียว ซึ่งบางทีอาจจะกลับไปมีโทษต่อผู้กินมากกว่าประโยชน์ก็ได้
            
2. ยาคุม สามารถคุมกำเนิดได้ดี แค่ไหน
ตอบ
>> ตามหลักสถิติ การกินยาเม็ดคุมกำเนิดอย่าง ""ถูกต้อง" จัดว่าเป็นวิธีคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพมากกว่า 99%  ซึ่งมากกว่าการใช้ถุงยางอนามัย (98%) แต่ก็อย่าเพิ่งมั่นใจมาก  เนื่องจากหากวัดการใช้งานจริงๆ อาจจะมีปัจจัยรบกวนหลายๆอย่างซึ่ง เช่น การลืมกินยา การอาเจียน  หรือการกินยาที่สามารถเร่งการขับยาคุมออกจากร่างกาย ทำให้ตามสถิติ ประสิทธิภาพจะลดลงมาเหลือประมาณ 91% แต่ก็ยังมากกว่าเมื่อเทียบกับการใช้ถุงยางอนามัย (82%)

3.การเปลี่ยนยี่ห้อยาคุม ควรเปลี่ยนตอนไหน
ตอบ
>> ปกติการกินยาคุมจะกิน 21 เม็ด และหยุด 7 วัน แล้วเริ่มแผงใหม่ หากเป็นยาคุมแบบ 28 เม็ด ก็จะเป็นการกินเม็ดฮอร์โมน 21เม็ด และ แป้ง 7 เม็ด และควรกินเวลาเดียวกันของวัน ในกรณีที่กินยาคุมแล้ว เกิดอาการข้างเคียงๆ หลายๆอย่าง จนถึงขั้นอยากหยุดใช้ หรืออยากเปลี่ยนยี่ห้อทำยังไงได้บ้าง
    - ทนอาการข้างเคียงไม่ไหว หยุดกินกลางแผง  << ไม่แนะนำครับ แต่ก็ถือว่าสามารถทำได้ ฤทธิ์การคุมกำเนิดหมดลงในทันทีครับ ประจำเดือนจะมาหลังจากหยุดกิน ขึ้นกับว่าหยุดเม็ดที่เท่าไหร่ของแผง
    - ทนอาการข้างเคียงไม่ไหว หยุดกินกลางแผง  แต่ยังอยากกินต่อ << ลองใช้กลุ่มยาคุมที่มีฮอร์โมน estradiol ต่ำๆ ซึ่งผมเคยแนะนำการเลือกไปก่อนหน้านี้ ซึ่งการเปลี่ยนนั้น สามารถเปลี่ยนยี่ห้อได้ทันทีกลางแผง คือ เปลี่ยนไปกินยาคุมกำเนิดแผงใหม่ในวันถัดไปแทนได้เลย ดูดีๆนะครับ ในแผงยาคุมแบบ 28 จะมีเม็ดแป้งอยู่ด้วย ควรแทนด้วยเม็ดที่เป็นยาเม็ดฮอร์โมน และกินแทนไปจนครบ 21 วัน และหยุดเจ็ดวันตามปกติ ยาแผงเก่า และยาแผงใหม่ที่เหลือ ก็ทิ้งไปเลยครับ แต่การทำแบบนี้ถือว่าไม่คุ้มนะครับ บางคนกินยาแผงละ 400 บาท ผมแนะนำว่าให้ทนกินจนหมดแผงค่อยเปลี่ยนยี่ห้อ ซึ่งโดยปกติแล้วอาการข้างเคียงต่างๆของยาคุมจะลดลงเมื่อขึ้นแผงที่สอง

4. กินยาคุม แล้ว อ้วน คลื่นไส้ เลือดออกกะปริดกะปรอย หากการเปลี่ยนยี่ห้อยาคุม ควรเปลี่ยนเป็นแบบไหน
ตอบ
-อ้วน >> แนะนำกินฮอร์โมนที่ใช้ โปรเสติน เป็น drosperinone หรือ chlormadione
-คลื่นไส้>> กินยี่ห้อที่ฮอร์โมน estradiol ต่ำๆ หรือกินยาก่อนนอน
-เลือดออกกะปริดกะปรอย >> แนะนำควร กินยี่ห้อที่ฮอร์โมน estradiol สูง และควรกินยาตรงเวลา ไม่ควรลืมกินยาบ่อยๆ ซึ่งอาการเลือดออกกะปริดกะปรอยมักจะพบเมื่อกินยาคุมแผงแรกครับ แต่หากมีเลือดออกมาผิดปกติ ควรหยุดใช้ และปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร
-สิว >>กินฮอร์โมนที่ใช้ โปรเจสติน เป็น cyproterone หรือ drosperinone

5. การลืมกินยา มีผลมากน้อยแค่ไหน ต่อการคุมกำเนิด
ตอบ
การลืมกินยา มีผลแน่นอนครับ ไปดูกันว่า หลักการยังไงบ้าง
ตามหลักการแล้ว ยาเม็ดคุมกำเนิดจะมีผลคุมกำเนิด หรือยับยั้งการตกไข่ เมื่อกินติดต่อกันนาน 7 วัน ครับ ดังนั้น การลืมกินยาคุมมีวิธีแก้ไขยังไงบ้างไปดูก่อน ซึ่งจริงๆไม่แนะนำให้ลืมนะครับ เพราะประสิทธิภาพการคุมกำเนิดลดลงอย่างแน่นอน
>> ลืม 1 เม็ด :
กินทันที ที่นึกได้ หากนึกได้ในเวลากิน วันถัดไปให้กินพร้อมกันสองเม็ด ได้เลย โดยไม่ต้องใช้ยาคุมฉุกเฉิน หรือ วิธีคุมกำเนิดวิธีอื่นร่วม เช่น ถุงยาง
>> หากลืม 2 เม็ด
กินทันที ที่นึกได้ หากนึกได้ในเวลากิน วันถัดไปให้กินพร้อมกันสองเม็ด โดยทิ้งยา 1 เม็ด ที่ลืมวันแรกไป จำเป็นต้องวิธีคุมกำเนิดวิธีอื่นร่วมด้วยเช่น ถุงยาง พร้อมกับกินยาฮอร์โมนให้ตรงเวลาอย่างเคร่งครัด นาน 7 วัน หากมีเพศสัมพันธ์ในช่วงที่ลืมกินพอดี อาจจะมีความเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ ควรพิจารณาการใช้ยาคุมฉุกเฉิน
>> หากลืมมากกว่า 2 เม็ด
จะถือว่าฤทธิ์คุมกำเนิดหายทันที มาดูว่า มีแนวทางแก้ไขยังไงบ้าง
    - ทิ้งยาในแผงที่เหลือทั้งหมด ให้ใช้การคุมกำเนิดวิธีอื่นๆ เช่น ถุงยาง รอจนประจำเดือนรอบใหม่มา แล้วเริ่มค่อยเริ่มแผงใหม่ครับ
    - หากกินแค่บำรุงผิว ไม่ซีเรียสเรื่องคุมกำเนิด แนะนำให้กินต่อไป โดยกินเม็ดที่ลืมวันก่อนหน้าทันที หรือ หากนึกได้ถึงเวลากินยาตามปกติ ก็กิน 2 เม็ดได้เลย ส่วนเม็ดที่ลืมก็หน้านั้นให้ทิ้งไป แล้วก็กินต่อไปรื่อยๆจนหมดแผง แล้ว หยุด 7 วัน แล้วค่อยเริ่มแผงใหม่
    - หากยังต้องการฤทธิ์คุมกำเนิด *เน้นย้ำว่าเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์มากกว่าปกติ ให้กินยาวันที่ลืมก่อนหน้าทันทีที่นึกได้ หรือถ้านึกได้เมื่อถึงเวลากินยาให้กินพร้อมกันสองเม็ด โดยทิ้งยาก่อนหน้านั้นทั้งหมด จำเป็นต้องวิธีคุมกำเนิดวิธีอื่นร่วมด้วยเช่น ถุงยาง พร้อมกับกินยาฮอร์โมนให้ตรงเวลาอย่างเคร่งครัด นาน 7 วัน หากมีเพศสัมพันธ์ในช่วงที่ลืมกินพอดี อาจจะมีความเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ ควรพิจารณาการใช้ยาคุมฉุกเฉิน ยกตัวอย่าง
     เช่น หากลืม เม็ดที่ 3,4,5,6 จำเป็นต้องกินยาวันที่ 5,6 และให้ทิ้งยา วันที่ 3,4 ต้องกินยาวันที่  7,8,9,10,11,12,13  ให้ตรงเวลาอย่างเคร่งครัด รวมถึงจำเป็นต้องวิธีคุมกำเนิดวิธีอื่นร่วมด้วยนาน 7 วัน แล้วกินยาให้ครบแผงแล้วตามด้วยแผงใหม่ตามปกติ
    หากวันที่กินไปชนกับวันที่ยาหมด เช่น เม็ด 15-21 ให้กินยาจนครบเม็ดที่ 21 แล้วต่อแผงใหม่โดยไม่ต้องเว้นระยะหยุด 7 วันในเดือนนี้ รวมถึงจำเป็นต้องวิธีคุมกำเนิดวิธีอื่นร่วมด้วยนาน 7 วัน (วิธีนี้ไม่ค่อยแนะนำ)
    ยกตัวอย่าง หากลืม เม็ดที่ 15,16,17 ให้กินยา 17, 18 ทิ้งเม็ดที่ 15,16 ไป แล้วกินยาต่อเรื่อยๆ 19,20,21 แล้วต่อแผงใหม่เลย และต้องคุมกำเนิดวิธีอื่นร่วมด้วย ฤทธิ์คุมกำเนิดจะกลับมาเมื่อ กินยาฮอร์โมนครบ 7 วัน ซึ่งประจำเดือนอาจจะไม่มีในเดือนนี้
>> หากลืมกินเม็ดที่ 19,20, 21 หรือ เม็ดที่ 1,2,3 ของแผงใหม่ จะทำให้มีช่วงปลอดฮอร์โมน (hormone free interval) นานขึ้นคือ 8-10 วัน ซึ่งปกติจะมีแค่ 7 วัน คือวันที่ 22-28 ทำให้มีความเสี่ยงที่ไข่จะตก โดยเฉพาะคนที่กินฮอร์โมนต่ำๆ ดังนั้น หากลืมเม็ดที่ 20, 21 แล้วไม่ได้กิน แนะนำว่าให้นับช่วงที่ขาดฮอร์โมนไม่ให้เกินเจ็ดวัน และหากลืมช่วง 1,2,3 ของแผงใหม่ ควรใช้วิธีคุมกำเนิดร่วมด้วย 7 วัน

6. การกินยาคุมเริ่มมีผลคุมกำเนิด ตั้งแต่ตอนไหน
ตอบ
- หากเริ่มกินยาคุมในช่วง 1-5 วันของประจำเดือน ยาคุมจะเริ่มมีผลตั้งแต่แผงแรกครับ เพราะการกินยาเม็ดคุมกำเนิดติดต่อกัน 7 วัน สามารถยับยั้งการตกไข่ได้ ซึ่งปกติไข่จะตกวันที่ 14 ของรอบเดือนครับ ดังนั้นจะสามารถยับยั้งการตกไข่ได้ทันที  แต่ก็แนะนำว่าควรที่วันแรกของการมีประจำเดือนจะดีที่สุด โดยเฉพาะคนที่มีระยะของรอบเดือนไม่ปกติ

7. ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน ได้ผลมากน้อยแค่ไหน อันตรายหรือไม่

ตอบ
    - ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน, ECP คือ ยาฮอร์โมนที่มีแค่ตัวโปรเจสตินอย่างเดียวคือ levonorgrel โดยปกติยาจะมี 2 เม็ด โดยให้กิน 1 เม็ดทันที และหลังจาก 12 ชั่วโมงให้กินอีก 1 เม็ด หรืออาจจะกิน 2 เม็ดพร้อมกันทันทีก็ได้ แต่อาจจะมีอาการคลื่นไส้อย่างมาก คนที่ไวต่ยาฮอร์โมนอยู่แล้วจะไม่แนะนำ โดยเวลากินถือว่าสำคัญมาก หากกินภายใน 24 ชั่วโมงสามารถคุมกำเนิดได้ประมาณ 85% และหากเกิน 24 ชั่วโมง จะเหลือเพียง 75%
    - การกินยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน ห้ามกินเกิน  2 ครั้งต่อเดือน เพราะเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์นอกมดลูก
    - คนที่กินยาคุมฉุกเฉิน ปกติประจำเดือนจะเลื่อนมาเร็วกว่าปกติ (**ไม่ช่วยให้เกิดการแท้งบุตร**)หรือมีเลือดออกกะปริดกะปรอย และอาจจะมีอาการบวมน้ำ และสิวเห่อ เนื่องจากตัวยาเป็นฮอร์โมนโปรเจสตินกลุ่มเก่า

8. ประจำเดือนมาน้อย หรือ ขาด ช่วงที่หยุดยา 7 วัน ทำยังไง
ตอบ
    - ปกติประจำเดือนจะมาวันที่ 3-4 ในช่วงที่หยุดยา 7 วัน ซึ่งการมีประจำเดือนที่เกิดจากการกินยาคุม และจากฮอร์โมนของร่างกายตามปกติจะมีความแตกต่างกัน เช่น สี และ ปริมาณ การมีประจำเดือนแค่วันเดียวเพียงเล็กน้อยก็ถือว่ามาแล้วครับ หรือหากประจำเดือนมาแต่ยังไม่หยุด จนถึงเวลาเริ่มยาแผงใหม่ ก็ให้เริ่มยาแผงใหม่ได้เลย
    - หากช่วงที่กินยาฮอร์โมน ประจำเดือนไม่มา ผมจะแบ่งเป็น 2 กรณี คือ หากมั่นใจว่ากินยาคุมถูกต้อง ให้เริ่มยาแผงใหม่ได้เลย แต่หากไม่มั่นใจ แนะนำให้ตรวจการตั้งครรภ์ก่อนเริ่มแผงใหม่

9. สามารถกินยาคุมเพื่อปรับฮอร์โมนให้กลับมาปกติได้หรือไม่
ตอบ
    -ผู้หญิงที่ประจำเดือนมาไม่ปกติ เช่น ปีละ 3 ครั้ง อาจจะพิจารณากินยาคุมกำเนิดเพื่อปรับฮอร์โมน ในช่วงที่กินประจำเดือนจะมาปกติทุกเดือน แต่หลังจากหยุดกินแล้ว ประจำเดือนอาจจะขาดเหมือนเดิมครับ ดังนั้นแนะนำใช้ยาคุมที่ปลอดภัยในการกินระยะยาว คือ กลุ่มโปรเจสติน ชนิด gestodene และ desogestrel
    - สำหรับคนที่ประจำเดือนเคยมาปกติ ความอ้วน เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ประจำเดือนขาด ดังนั้นการลดน้ำหนัก หมั่นออกกำลังกาย มีผลช่วยให้ฮอร์โมนกลับมาสร้างปกติได้ครับ

10. หากประจำเดือนขาด จะทราบได้เมื่อไหร่ว่า มีการตั้งครรภ์
ตอบ
    - การตรวจการตั้งครรภ์ เป็นการตรวจหาฮอร์โมน HCG ซึ่งจะพบในเลือดและปัสสาวะหลังมีการตั้งครรภ์ จะมีปริมาณมากพอที่สามารถตรวจในปัสสาวะได้หลังจากตั้งครรภ์ประมาณ 14 วัน ซึ่งความแม่นยำของการตรวจนั้นมีมากกว่า 99% หากสงสัยว่ามีการตั้งครรถ์ แนะนำว่าสามารถตรวจได้ทันที ที่ประจำเดือนขาด แต่ผลอาจจะไม่น่าเชื่อถือ ในกรณีที่ผลเป็นลบ แต่ถ้าผลบวกสามารถใช้ยืนยันได้เลยครับ และหากต้องการให้ผลน่าเชื่อถือมากที่สุด ควรตรวจหลังจากประจำเดือนขาดอย่างน้อย 1 สัปดาห์ เพราะประจำเดือนจะเพิ่มขึ้นเร็วมากในช่วงนี้ และควรตรวจด้วยปัสสาวะแรกในตอนเช้า

หมายเหตุ: หากมีข้อมูลไหนคลาดเคลื่อน สามารถแจ้งได้ครับ

คำเตือน: การใช้ยาคุมกำเนิดควรปรึกษาแพทย์และเภสัชกร


ฝากไลค์เพจ เพื่อติดตามข้อมูลอัพเดทเรื่อยๆด้วยครับ
https://www.facebook.com/pharmachair?fref=
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่