ผมเองก็สงสัยตัวเองเหมือนกัน ว่าทำไมเราต้องมานั่งคิดเรื่องพวกนี้ จนต้องมาตั้งกระทู้ Pantip ด้วยก็ไม่รู้ 555
วันนี้ ผมนั่งทำงานกับเพื่อนที่มหาลัย และมีคนหนึ่งได้พุดถึงโรงเรียนเก่าของเขาเอง ซึ่งเขาเล่าว่า มีการออกกฎใหม่ โดยให้นักเรียนมัธยม ตัดผมทรงสั้น ทั้งชายและหญิง ซึ่งแต่ละคนมีความเห็นที่ผมเอง แต่ผมช๊อคกับสิ่งที่ได้ยินมากๆ หลายคนพูดออกมาเชิงสนับสนุนการให้ไว้ทรงผมสั้น โดยอ้างว่า ตัวเองเคยโดนมาก่อน อยากให้น้องๆ โดนบ้าง และไม่สนอะไรทั้งนั้น เพราะตนเองนั้น ได้ผ่านจุดๆนั้นมาแล้ว ซึ่งไม่มีใครเลยนอกจากผม ที่ไม่ต้องการให้มีกฎนี้ภายในสถานศึกษา ไม่ว่าจะระดับไหนก็ตาม เนื่องจากเป็นกฎที่ไม่เหมาะสมกับยุคสมัย และเป็นการละเมิดสิทธิเหนือร่างกายของเด็กนักเรียน ซึ่งผมไม่แคร์ว่าผมจะโดนอะไรมาก่อน แต่หากไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรเลย สังคมเราก็เหมือนย่ำอยู่กับที่ และเพียงเรื่องเล็กๆ ที่ไม่เล็ก อย่างเรื่องทรงผมนี้ ผมเองคิดว่าเป็นกฎที่สร้างผลกระทบต่อสังคมมากๆครับ ไม่ว่าจะเป็นทัศนคติในเรื่องสิทธิเสรีภาพ ประชาธิปไตย ซึ่งสิ่งเหล่านี้ผมคิดว่าเป็นสิ่งสำคัญในการที่จะทำให้ประเทศเกิดการพัฒนาที่ยั่งยืน
ผมงงมากครับ ที่ผมเป็นคนเดียวที่เป็นคนที่มีแนวคิด เสรีนิยม ประชาํธิปไตย กระทั่งเรื่องการเมืองการปกครองเพื่อนผมยังเชื่อว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีเสรีภาพในการแสดงออกอย่างเหลือล้น และยังไม่เชื่อในความเท่าเทียมกันทางเพศ แม้แต่คนที่เป็นเพศที่สามเอง ยังใช้ถ้อยคำที่ดูถูกตเองในการว่าคนอื่น เช่น ตุ๊ด ว่า ผู้ชาย ว่า อย่าใจตุ๊ด เป็นต้น พูดไปก็หาว่าคิดเยอะไปอีก ไม่เชื่อว่าตนเองที่เป็นเกย์จะสามารถแต่งงานได้เหมือนหญิงชาย และมองว่าการแต่งงานกับเพศเดียวกันเป็นสิ่งที่น่าอาย น่าเกลียด และไม่เคยคิดที่จะเรียกร้องสิทธิเสรีภาพเพื่อตนเองและผู้อื่น และยังมีอีกมากมายครับ ซึ่งผมเองนั้น ก็ไม่ถึงกับปลง เพราะเจอในสิ่งที่ช๊อค กับทัศนคติ ความคิดความอ่าน ของคนที่ได้เจอมากมาย บางทีเรื่องบางเรื่อง มันจำเป็นต้องคิดเยอะ กลับมองแค่เปลือกนอก แต่บางเรื่องที่ไม่สมควรคิดเยอะ กลับคิดเยอะ เป็นต้น บางอย่างไม่รู้ สามารถค้นคว้าผ่านทาง Google ได้ ซึ่งบางทีเพื่อนถามผม ผมก็หาจาก Google ไปตอบให้อีกที บางอย่างต้องเอาลิงค์ไปประเคนถึงที่ ถึงจะสามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลที่ต้องการได้ อะไรแบบนี้ เป็นต้น
ผมไม่ได้ดูถูกทัศนคติใครนะครับ เพราะเข้าใจว่าคนเรามีความคิดแตกต่างกัน แต่ผมสงสัยว่า ทำไมไม่มีใครคิดแบบผมเลย ทั้งๆที่เป็นเรื่องที่ไม่ต้องคิดอะไรมากมาย เช่นในเรื่องเสรีภาพ ซึ่งไม่ต้องไปอ่านไปจำจากตำราเล่มไหนมา แค่คิดว่า หากมีใครมาบังคับอะไรเรา เราจะชอบมั้ย ? แค่นั้นเอง แต่ผมเองก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากไม่พูดเรื่องเหล่านี้ออกมา เพราะจะไม่มีใครเข้าใจแนวคิดผม เลย บางทีผมก็คิดว่า นี่เราเผ่าพันธุ์เดียวกันมั้ย 555 ความคิดผมค่อนข้างเหมือนแกะดำในที่นี่เลยครับ แต่ผมเองก็สามารถใช้ชีวิตปกติ ไม่มีได้มีปัญหาอะไรครับ
แต่ผมก็อยากจะรู้ว่า เพื่อนๆ หรือพี่ๆ ที่กำลังเรียน หรือจบมาแล้ว มีความเห็นอย่างไรกับความคิดความอ่านของ น.ศ. แบบนี้ และมหาลัยอื่นมีเป็นแบบนี้เยอะมั้ยครับ และถือว่า เป็นปกติ หรือไม่ปกติ หรือ ผมเองที่ไม่ปกติกันแน่ครับ
ปล. ผมเรียนราชภัฎแห่งหนึ่งย่านซังฮี้ครับ
ความคิดความอ่านแบบนี้ มหาลัยอื่นมีเยอะมั้ยครับ ?
วันนี้ ผมนั่งทำงานกับเพื่อนที่มหาลัย และมีคนหนึ่งได้พุดถึงโรงเรียนเก่าของเขาเอง ซึ่งเขาเล่าว่า มีการออกกฎใหม่ โดยให้นักเรียนมัธยม ตัดผมทรงสั้น ทั้งชายและหญิง ซึ่งแต่ละคนมีความเห็นที่ผมเอง แต่ผมช๊อคกับสิ่งที่ได้ยินมากๆ หลายคนพูดออกมาเชิงสนับสนุนการให้ไว้ทรงผมสั้น โดยอ้างว่า ตัวเองเคยโดนมาก่อน อยากให้น้องๆ โดนบ้าง และไม่สนอะไรทั้งนั้น เพราะตนเองนั้น ได้ผ่านจุดๆนั้นมาแล้ว ซึ่งไม่มีใครเลยนอกจากผม ที่ไม่ต้องการให้มีกฎนี้ภายในสถานศึกษา ไม่ว่าจะระดับไหนก็ตาม เนื่องจากเป็นกฎที่ไม่เหมาะสมกับยุคสมัย และเป็นการละเมิดสิทธิเหนือร่างกายของเด็กนักเรียน ซึ่งผมไม่แคร์ว่าผมจะโดนอะไรมาก่อน แต่หากไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรเลย สังคมเราก็เหมือนย่ำอยู่กับที่ และเพียงเรื่องเล็กๆ ที่ไม่เล็ก อย่างเรื่องทรงผมนี้ ผมเองคิดว่าเป็นกฎที่สร้างผลกระทบต่อสังคมมากๆครับ ไม่ว่าจะเป็นทัศนคติในเรื่องสิทธิเสรีภาพ ประชาธิปไตย ซึ่งสิ่งเหล่านี้ผมคิดว่าเป็นสิ่งสำคัญในการที่จะทำให้ประเทศเกิดการพัฒนาที่ยั่งยืน
ผมงงมากครับ ที่ผมเป็นคนเดียวที่เป็นคนที่มีแนวคิด เสรีนิยม ประชาํธิปไตย กระทั่งเรื่องการเมืองการปกครองเพื่อนผมยังเชื่อว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีเสรีภาพในการแสดงออกอย่างเหลือล้น และยังไม่เชื่อในความเท่าเทียมกันทางเพศ แม้แต่คนที่เป็นเพศที่สามเอง ยังใช้ถ้อยคำที่ดูถูกตเองในการว่าคนอื่น เช่น ตุ๊ด ว่า ผู้ชาย ว่า อย่าใจตุ๊ด เป็นต้น พูดไปก็หาว่าคิดเยอะไปอีก ไม่เชื่อว่าตนเองที่เป็นเกย์จะสามารถแต่งงานได้เหมือนหญิงชาย และมองว่าการแต่งงานกับเพศเดียวกันเป็นสิ่งที่น่าอาย น่าเกลียด และไม่เคยคิดที่จะเรียกร้องสิทธิเสรีภาพเพื่อตนเองและผู้อื่น และยังมีอีกมากมายครับ ซึ่งผมเองนั้น ก็ไม่ถึงกับปลง เพราะเจอในสิ่งที่ช๊อค กับทัศนคติ ความคิดความอ่าน ของคนที่ได้เจอมากมาย บางทีเรื่องบางเรื่อง มันจำเป็นต้องคิดเยอะ กลับมองแค่เปลือกนอก แต่บางเรื่องที่ไม่สมควรคิดเยอะ กลับคิดเยอะ เป็นต้น บางอย่างไม่รู้ สามารถค้นคว้าผ่านทาง Google ได้ ซึ่งบางทีเพื่อนถามผม ผมก็หาจาก Google ไปตอบให้อีกที บางอย่างต้องเอาลิงค์ไปประเคนถึงที่ ถึงจะสามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลที่ต้องการได้ อะไรแบบนี้ เป็นต้น
ผมไม่ได้ดูถูกทัศนคติใครนะครับ เพราะเข้าใจว่าคนเรามีความคิดแตกต่างกัน แต่ผมสงสัยว่า ทำไมไม่มีใครคิดแบบผมเลย ทั้งๆที่เป็นเรื่องที่ไม่ต้องคิดอะไรมากมาย เช่นในเรื่องเสรีภาพ ซึ่งไม่ต้องไปอ่านไปจำจากตำราเล่มไหนมา แค่คิดว่า หากมีใครมาบังคับอะไรเรา เราจะชอบมั้ย ? แค่นั้นเอง แต่ผมเองก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากไม่พูดเรื่องเหล่านี้ออกมา เพราะจะไม่มีใครเข้าใจแนวคิดผม เลย บางทีผมก็คิดว่า นี่เราเผ่าพันธุ์เดียวกันมั้ย 555 ความคิดผมค่อนข้างเหมือนแกะดำในที่นี่เลยครับ แต่ผมเองก็สามารถใช้ชีวิตปกติ ไม่มีได้มีปัญหาอะไรครับ
แต่ผมก็อยากจะรู้ว่า เพื่อนๆ หรือพี่ๆ ที่กำลังเรียน หรือจบมาแล้ว มีความเห็นอย่างไรกับความคิดความอ่านของ น.ศ. แบบนี้ และมหาลัยอื่นมีเป็นแบบนี้เยอะมั้ยครับ และถือว่า เป็นปกติ หรือไม่ปกติ หรือ ผมเองที่ไม่ปกติกันแน่ครับ
ปล. ผมเรียนราชภัฎแห่งหนึ่งย่านซังฮี้ครับ