รีวิวหนัง : The Age of Adaline รักแท้ไม่แพ้เวลา



แม้จะได้แสดงหนังฮอลลีวู้ดมาหลายเรื่อง แต่ผลงานแจ้งเกิดของ เบลค ไลฟ์ลี่ จริงๆกลับเป็นการแสดงซีรี่ย์วัยรุ่นอย่าง Gossip Girl ส่วนการแสดงภาพยนตร์ฮีโร่ค่าย DC เรื่อง Green Lantern ตัวหนังไม่ประสบความเร็จ เธอจึงไม่ได้เป็นที่พูดถึงเท่าไหร่ในฐานะหนังใหญ่ที่ได้รับบทนำครั้งแรก แต่ก็มีสิ่งดีๆคือการที่เธอได้พบรักกับ ไรอัน เรย์โนลด์ ที่ได้แต่งงานกันในเวลาต่อมา

แต่ในปี 2015 นี้เองที่โอกาสบนจอเงินของ เบลค ไลฟ์ลี่ กลับมาอีกครั้งกับการแสดงนำในหนังโรแมนติกเรื่อง The Age of Adaline ประกบกับ มิเคียล ฮิวส์แมน นักแสดงหนุ่มที่มารับบทนำเรื่องแรกเช่นกัน ร่วมด้วย แฮริสัน ฟอร์ด นักแสดงวัยเก๋ามากฝีมือ

หนังเล่าถึงชีวิตของ อดาไลน์ โบว์แมน ที่ประสบอุติเหตุรถควํ่าในวัย29ปี เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้ร่างกายของเธอหยุดการแก่ชรา เธอจึงดูสาวอยู่เช่นนั้นไปตลอดกาล หรืออีกนัยหนึ่งก็คือเป็นอมตะ สิบปีให้หลังเมื่อ อดาไลน์ รู้ตัวว่าร่างกายผิดปกติเธอก็พยายามค้นคว้าหาทางแก้ไขแต่ไม่พบวิธีรักษา อดาไลน์ จึงต้องแอบใช้ชีวิตแบบเงียบๆ โดดเดี่ยว เปลี่ยนชื่อเปลี่ยนที่อยู่ทุกๆสิบปี เก็บงำเรื่องนี้เป็นความลับโดยมีลูกสาวเธอคนเดียวที่รู้ กระทั่งวันหนึ่ง เอลลิส ชายหนุ่มมาดเซอร์เดินเข้ามาในชีวิต ผู้ที่อาจช่วยปลดปล่อยเธอจากชีวิตอันแสนเศร้ายาวนาน

พล็อตหนังหยิบประเด็นความรัก อายุและเวลามาเล่นคล้ายๆกับ The Curious Case of Benjamin Button และ The Time Traveler's Wife เพียงแต่ The Age of Adaline เลือกที่จะหาเหตุผลกึ่งวิทยาศาสตร์กึ่งแฟนตาซีมารองรับ ซึ่งก็ฟังไม่ค่อยขึ้นเท่าไหร่ เนื้อหาเน้นหนักไปที่ความโรแมนติกดราม่า เล่าเรื่องตัดสลับไปมาระหว่างอดีตกับปัจจุบัน เอาความต่างของเวลามาเล่นเป็นมุขตลกได้ดี คนชอบของเก่าคงสนุกไปกับการได้ดูอุปกรณ์ประกอบฉากหายากจากหลากหลายยุค รวมถึงแฟชั่นเสื้อผ้าหน้าผมของ อดาไลน์

แม้ว่าหนังจะค่อนข้างมีความโอเวอร์ไปบ้าง แต่พาร์ทดราม่าความรักต่างวัยต่างยุคสมัยทำได้น่าสนใจพอสมควร การถ่ายทอดภาพสวยงาม ชอบที่หนังแสดงให้เห็นถึงข้อดีของวงจร เกิด แก่ เจ็บตาย ในชีวิต และสะท้อนความทุกข์ของการมีชีวิตเป็นนิรันดร์ สวนทางกับแนวคิดของคนส่วนใหญ่บนโลกที่ต้องการมีชีวิตยืนยาวไม่รู้จบ ช่วงท้ายพอคาดเดาได้บ้าง แต่หนังก็มีบทสรุปที่สร้างความประทับใจให้ผู้ชมกับการไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตาหรือเวลาของตัวละคร

หลายสิ่งหลายอย่างหนุนให้ เบลค ไลฟ์ลี่ โดดเด่นในบท อดาไลน์ ซึ่งเธอก็น้อมรับโอกาสไว้ด้วยท่วงท่าอันงดงาม นอกจากความสวยของเธอที่เป็นที่พูดถึงแล้ว ในเรื่องนี้เธอยังพัฒนาด้านการแสดงขึ้น โดยเฉพาะซีนอารมณ์ ส่วนคู่ขวัญในหนังอย่าง มิเคียล ฮิวส์แมน ที่เล่นเป็น เอลลิส บุคลิกต้องบอกว่าฮิปสเตอร์สสุดๆ ดูเป็นผู้ชายอบอุ่น อาจจะไม่ได้ใจสาวส่วนใหญ่ แต่ใครชอบหนุ่มลํ่าๆเซอร์ๆก็ถือว่าตอบโจทย์ (บางมุมแอบคล้าย ไชอา ลาบัฟ) เคมีของทั้งสองคนไม่ค่อยเข้ากันนัก ไม่รู้ทำไม เบลค ดูเป็นผู้ใหญ่กว่า มิเคียล ค่อนข้างเยอะ หนวดเคราของฝ่ายชายก็ไม่ช่วย จึงดูเหมือนเป็นพี่สาวกับน้องชายมากกว่าคู่รัก

The Age of Adaline เป็นหนังโรแมนติกเพ้อฝันที่ดูแล้วชุ่มชื่นหัวใจ เนื้อหาไม่ได้หวือหวาน่าตื่นเต้น แต่ก็เรียบง่ายแบบลึกซึ้ง เชิดชูการมีชีวิตคู่ที่มั่นคง แบบรักแท้ที่ชายหญิงคอยเคียงข้าง จับมือพากันเดินทางผ่านช่วงเวลาต่างๆไปด้วยกัน จนวันสุดท้าย

คะแนน 7/10

โดย นกไซเบอร์

เครดิต https://www.facebook.com/cyberbirdmovie
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่