จากที่ตั้งกระทู้ไปครั้งก่อน
( ก่อนอื่นขอย้อนเรื่องก่อนนะคะ เรื่องเกิดขึ้นกับคุณแฟนตัวดีคะ.... มีคนโทรมาบอกให้สมัครประกันกะเฟิสช้อยแฟนดิฉันฟังคนขายประกันพูดเสร็จแล้วเขาก็. บอกถ้าไม่ทำก็บอกข้อมูลไว้ก่อนได้แล้วสามารถโทรมายกเลิกภายใน15วันไม่เสียค่าใช้จ่าย มาถึงห้องไอ้คุณแฟนก็มาเล่าให้ฟังเลยด่าแฟนไปฉากหนึ่งแล้วให้แฟนโทรไปยกเลิก คนขายประกันบอกมีผลทันทีไม่เสียตัง พอวันนี้มีบิลเรียกเก็บค่าประกัน เลยโทรไปถามที่เฟิสช้อยว่าค่าอะไร?? เฟิสช้อยบอกว่าประกัน ก็เลยบอกกะเฟิสช้อยไปว่า เอ๊า!!!!!ก็ยกเลิกแล้วนิแล้วเขาก็บอกว่ามีผลทันทีแล้วจะมาเก็บอะไร????.... เขาบอกว่าต้องสอบถามไปยังบริษัทประกันเดี๋ยวจะโอนสายให้ทันทีเลยคะ แล้วก็พูดมาอะไรไม่รู้บลาๆๆๆ....และให้เบอมาแล้วก็มาบอกว่าต้องโทรไปพรุ่งนี้เพราะตอนนี้เลิกงานแล้ว....ดิฉันฟังแล้วขึ้นเลย (คือแบบตอนนั้นรู้สึกแย่กับงงๆอยู่แล้วว่าหนี้ก้อนนี้มาจากไหน คืออธิบายความรู้สึกไม่ถูกนะคะ)
เลยถามกลับไปว่าแล้วเมื่อกี้บอกว่าจะโอนสายให้ทันทีโอนสายไปไหนจะเอายังไงกันแน่จะโอนสายให้คุยหรือจะให้โทรเองพรุ่งนี้?? เฟิสช้อยก็ตอบมาขอโทดคะให้โทรพรุ่งนี้คะ แล้วก็เลยถามไปว่าในเมื่อบริษัทเขายืนยันมาว่าไม่ได้หักไม่เสียค่าใช้จ่ายคือไม่ต้องไปจ่ายก็ได้ใช่ไหม?? เฟิสช้อยตอบว่าไม่ได้คะถ้าไม่จ่ายลูกค้าจะเสียประวัติ..... ดิฉันขึ้นรอบสองเลยคะ(ความรู้สึกตอนนั้นคือเราผิดไรว๊ะ??) เลยถามไปว่า.... ทำไมลูกค้าต้องเป็นฝ่ายเสียประวัติในเมื่อก็ทำตามทุกอย่างยกเลิกไม่เกินสิบห้าวันฝ่ายประกันเขาก็บอกมีผลทันทีไม่เสียค่าใช้จ่าย...ถามหน่อยว่าลูกค้าผิดหรอเรื่องนี้ คนที่จะต้องเสียประวัติควรจะเป็นทางบริษัทประกันมากกว่าไหม??? เรื่องนี้ลูกค้าต้องมารับผิดชอบหรอ???? เฟิสช้อยตอบคะลูกค้าไม่ผิดค่ะงั้นแนะนำบลาๆๆๆๆ(คือพยายามปัดความรับผิดชอบโยนไปให้ทางประกันจัดการอย่างเดียวคือถามอะไรไปก็ทำไม่ได้ตอบไม่ได้คือลูกค้าต้องโทรไปคุยเอง)
เลยตอบไปพร้อมคำถาม โอเคเดี๋ยวพรุ่งนี้จะโทรไปแล้วเรื่องต้องจบนะก่อนวันจ่ายบิลวันที่5 เพราะว่านี่ไม่ได้ทำไรนอกเหนือกติกาทำตามทุกอย่าง แล้วจะมาโยนความรับผิดชอบให้ลูกค้าไม่ได้นะ เฟิสช้อยตอบ..ได้ค่ะจบก่อนวันที่5คะยังไงติดต่อมาใหม่นะคะ .... ดิฉันว่านะไม่จบง่ายๆ เชื่อดิ เพื่อนๆเคยเจอปัญหาแบบนี้กันไหม แชร์ประสบการณ์กันด้วยคะ )
ดิฉันก็ได้ทำตามที่นักงานของเฟิสซ้อยบอก โทรไปหาทางประกัน สอบถามถึงเรื่อง ที่ดิฉันได้ยกเลิกประกันไปแล้ว แล้วทำไมยังมีบิลมาเรียกเก็บค่าประกันอีก ทั้งที่ยกเลิกก่อนสิบห้าวันบันทึกเสียงเรียบร้อยทำถูกต้องทุกอย่าง ทางบริษัทประกันได้ชี้แจงว่า พอดีทางเราได้ตัดยอดบิลส่งไปแล้ว แต่จะคืนให้ภายหลังคะ จึงให้ลูกค้าสำรองจ่ายไปก่อน แล้วดิฉันถามกลับไปว่าทำไมดิฉันต้องรับผิดชอบกับเรื่องนี้ในเมื่อมันไม่ใช่ความผิดของดิฉันทำไมฉันต้องไปสำรองจ่ายแทนบริษัทคุณ และทางบริษัทคุณก็เป็นฝ่ายบอกเองถ้าลูกค้าไม่อยากทำประกันกับบริษัทให้โทรไปยกเลิกภายในสิบห้าวันจะไม่เสียเงิน ดิฉันก็ทำแล้ว แล้วทำไมดิฉันต้องรับผิดชอบแทนคุณ ไม่ใช่คุณเองหรือที่ต้องรับผิดชอบกับเรื่องนี้ พนักงานประกันตอบ แล้วคุณได้ติดต่อไปยังบริษัทเฟิสซ้อยหรือยังค่ะ ดิฉันติดต่อไปแล้วคะแล้วทางเฟิสซ้อยให้มาติดต่อกับบริษัทประกัน พนักงานประกันถาม แล้วทางเฟิสซ้อยว่ายังไงบ้าง ดิฉันเลยบอกไปว่าถ้าไม่จ่ายลูกค้าจะเสียประวัติ แล้วดิฉันก็ได้บอกกับทางเฟิสซ้อยไปว่าทำไมลูกค้าต้องเป็นฝ่ายเสียประวัติในเมื่อไม่ใช่ความผิดของลูกค้า และทางเฟิสซ้อยเลยให้มาติดต่อกับทางบริษัทประกันของคุณคะ. พนักงานประกันตอบคือทางเราจะคืนเงินเข้าบัติลูกค้าภายในต้นเดือนค่ะ ซึ่งลูกค้าไม่ต้องสำรองจ่ายก็ได้ สามารถติดต่อที่เฟิสซ้อยได้เลย ดิฉันเลยถามย้ำว่า ได้แน่นะคะ คงจะไม่มีปัญหาหรือทำให้ดิฉันเสียประวัตินะคะ พนักงานประกันตอบ ค่ะไม่มีคะ
และดิฉันก็ได้ติดต่อไปยังบริษัทเฟิสซ้อยอีกครั้ง บอกถึงเรื่องที่ทางประกันเขาได้บอกมา และได้ถามไปว่าสรุปดิฉันไม่จำเป็นต้องจ่ายนะคะ และไม่เสียประวัติด้วย แล้วพนักงานเฟิสซ้อยก็ได้ตอบมา ลูกค้าต้องจ่ายค่ะตามกำหนดไม่งั้นจะเสียประวัติ ............ คำถามเดิมที่ดิฉันจะถาม ดิฉันต้องรับผิดชอบกับเรื่องนี้หรือค่ะในเมื่อดิฉันก็ทำตามทุกอย่างแล้ว เรื่องนี้มันผิดที่ดิฉันหรือคะ ยกเลิกก็ยกเลิกแล้วภายในเวลาที่กำหนดด้วย ถ้าเกินเวลามาดิฉันจะไม่เถียงเลยสักคำ และทางประกันเขาก็บอกจะคืนเงินให้ผ่านบัติตอนต้นเดือน แล้วคุณยังจะให้ดิฉันจ่ายอีกหรอ????? พนักงานเฟิสซ้อยตอบ ลูกค้าไม่ผิดหรอกคะ แต่ทางเราได้ตัดยอกบิลไปแล้วถูกไหมคะ ลูกค้าเลยต้องสำรองจ่ายไปก่อนใช่ไหมคะ ถ้าไม่จ่ายตามจำนวนที่แจ้งยอดไปลูกค้าก็จะเหลือค่าค้างชำระถูกไหมคะ มันจะทำให้ลูกค้าเสียประวัติได้ถูกไหมคะ...... ดิฉันรีบสวนกลับในทันที. " แล้วมันจะถูกได้ไงคะ ทั้งหมดทั้งมวลที่ดิฉันพูดคุณไม่เข้าใจหรือไง จะทวนให้อีกครั้งนะ ตั้งใจฟังดีๆ ฉันถามว่า ฉันผิดอะไรทำไมฉันต้องรับผิดชอบกับเรื่องนี้ ทั้งที่ไม่ใช่ความผิดของฉันเลย ทำไมฉันต้องจ่ายไปก่อน แล้วทำไมถ้าฉันไม่จ่ายฉันต้องเสียประวัติในเมื่อฉันไม่ได้ทำอะไรผิด " คุณเข้าใจในสิ่งที่ฉันถามหรือยังคะ พนักงานตอบ ทราบแล้วคะงั้นคุณช่วยติดต่อกับทางประกันอีกทีนะคะว่าจะจ่ายยอดคือแน่ๆวันที่เท่าไหร่. ดิฉันเลยบอกไปว่า ทำไมคุณไม่ติดต่อประสานงานเองละ ในเมื่อบริษัทของพวกคุณก็เครือข่ายเดียวกันลิ้งค์กันอยู่ เบอร์โทรลูกค้าข้อมูลลูกค้าเขาก็เอามาจากบริษัทของคุณ ทำไมเรื่องแค่นี้พวกคุณจะติดต่อกันเองไม่ได้ มาโยนความรับผิดชอบให้ลูกค้าจัดการเองหมดมันถูกที่ไหน พนักงานมีหน้าที่อำนวยความสะดวกมีหน้าที่ให้บริการลูกค้าไม่ใช่มีหน้าที่มาโยนงานให้ลูกค้า มันแย่มากเลยรู้ป่ะ?? มาหากินบนความไม่รู้ของคนอื่น คุณไม่รู้สึกอะไรบ้างหรอคะ (ตลอดการสนทนาพนักงานพยายามจะแก้ต่าง แต่แก้ไม่ทัน) ดิฉันจะสรุปให้นะคะ คือ ดิฉันไม่ต้องการจะจ่ายค่าประกันที่ดิฉันไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบ และดิฉันไม่ต้องการเสียประวัติคะ ยังไงคุณช่วยจัดการให้ดิฉันด้วยนะคะ. พนักงานตอบ คะ ดิฉันเลยถามย้ำอีกทีว่าจะไม่เสียประวัติแน่นะ พนักงานตอบต้องทำตามนโยบายบริษัทคะ เสียประวัติแค่นี้ไม่เป็นไรหรอกคะลูกค้า สบายใจได้ คือตอนนั้นไม่อยากจะพูดกับมันละ เลยพอแค่นั้นเบื่อคะ
คับพอจะมีประสปการณ์เรื่องนี้หรือรู้เรื่องแบบนี้ช่วยมาให้คำแนะนำด้วยนะคะ
เป็นความผิดของลูกค้าหรือป่าว?
( ก่อนอื่นขอย้อนเรื่องก่อนนะคะ เรื่องเกิดขึ้นกับคุณแฟนตัวดีคะ.... มีคนโทรมาบอกให้สมัครประกันกะเฟิสช้อยแฟนดิฉันฟังคนขายประกันพูดเสร็จแล้วเขาก็. บอกถ้าไม่ทำก็บอกข้อมูลไว้ก่อนได้แล้วสามารถโทรมายกเลิกภายใน15วันไม่เสียค่าใช้จ่าย มาถึงห้องไอ้คุณแฟนก็มาเล่าให้ฟังเลยด่าแฟนไปฉากหนึ่งแล้วให้แฟนโทรไปยกเลิก คนขายประกันบอกมีผลทันทีไม่เสียตัง พอวันนี้มีบิลเรียกเก็บค่าประกัน เลยโทรไปถามที่เฟิสช้อยว่าค่าอะไร?? เฟิสช้อยบอกว่าประกัน ก็เลยบอกกะเฟิสช้อยไปว่า เอ๊า!!!!!ก็ยกเลิกแล้วนิแล้วเขาก็บอกว่ามีผลทันทีแล้วจะมาเก็บอะไร????.... เขาบอกว่าต้องสอบถามไปยังบริษัทประกันเดี๋ยวจะโอนสายให้ทันทีเลยคะ แล้วก็พูดมาอะไรไม่รู้บลาๆๆๆ....และให้เบอมาแล้วก็มาบอกว่าต้องโทรไปพรุ่งนี้เพราะตอนนี้เลิกงานแล้ว....ดิฉันฟังแล้วขึ้นเลย (คือแบบตอนนั้นรู้สึกแย่กับงงๆอยู่แล้วว่าหนี้ก้อนนี้มาจากไหน คืออธิบายความรู้สึกไม่ถูกนะคะ)
เลยถามกลับไปว่าแล้วเมื่อกี้บอกว่าจะโอนสายให้ทันทีโอนสายไปไหนจะเอายังไงกันแน่จะโอนสายให้คุยหรือจะให้โทรเองพรุ่งนี้?? เฟิสช้อยก็ตอบมาขอโทดคะให้โทรพรุ่งนี้คะ แล้วก็เลยถามไปว่าในเมื่อบริษัทเขายืนยันมาว่าไม่ได้หักไม่เสียค่าใช้จ่ายคือไม่ต้องไปจ่ายก็ได้ใช่ไหม?? เฟิสช้อยตอบว่าไม่ได้คะถ้าไม่จ่ายลูกค้าจะเสียประวัติ..... ดิฉันขึ้นรอบสองเลยคะ(ความรู้สึกตอนนั้นคือเราผิดไรว๊ะ??) เลยถามไปว่า.... ทำไมลูกค้าต้องเป็นฝ่ายเสียประวัติในเมื่อก็ทำตามทุกอย่างยกเลิกไม่เกินสิบห้าวันฝ่ายประกันเขาก็บอกมีผลทันทีไม่เสียค่าใช้จ่าย...ถามหน่อยว่าลูกค้าผิดหรอเรื่องนี้ คนที่จะต้องเสียประวัติควรจะเป็นทางบริษัทประกันมากกว่าไหม??? เรื่องนี้ลูกค้าต้องมารับผิดชอบหรอ???? เฟิสช้อยตอบคะลูกค้าไม่ผิดค่ะงั้นแนะนำบลาๆๆๆๆ(คือพยายามปัดความรับผิดชอบโยนไปให้ทางประกันจัดการอย่างเดียวคือถามอะไรไปก็ทำไม่ได้ตอบไม่ได้คือลูกค้าต้องโทรไปคุยเอง)
เลยตอบไปพร้อมคำถาม โอเคเดี๋ยวพรุ่งนี้จะโทรไปแล้วเรื่องต้องจบนะก่อนวันจ่ายบิลวันที่5 เพราะว่านี่ไม่ได้ทำไรนอกเหนือกติกาทำตามทุกอย่าง แล้วจะมาโยนความรับผิดชอบให้ลูกค้าไม่ได้นะ เฟิสช้อยตอบ..ได้ค่ะจบก่อนวันที่5คะยังไงติดต่อมาใหม่นะคะ .... ดิฉันว่านะไม่จบง่ายๆ เชื่อดิ เพื่อนๆเคยเจอปัญหาแบบนี้กันไหม แชร์ประสบการณ์กันด้วยคะ )
ดิฉันก็ได้ทำตามที่นักงานของเฟิสซ้อยบอก โทรไปหาทางประกัน สอบถามถึงเรื่อง ที่ดิฉันได้ยกเลิกประกันไปแล้ว แล้วทำไมยังมีบิลมาเรียกเก็บค่าประกันอีก ทั้งที่ยกเลิกก่อนสิบห้าวันบันทึกเสียงเรียบร้อยทำถูกต้องทุกอย่าง ทางบริษัทประกันได้ชี้แจงว่า พอดีทางเราได้ตัดยอดบิลส่งไปแล้ว แต่จะคืนให้ภายหลังคะ จึงให้ลูกค้าสำรองจ่ายไปก่อน แล้วดิฉันถามกลับไปว่าทำไมดิฉันต้องรับผิดชอบกับเรื่องนี้ในเมื่อมันไม่ใช่ความผิดของดิฉันทำไมฉันต้องไปสำรองจ่ายแทนบริษัทคุณ และทางบริษัทคุณก็เป็นฝ่ายบอกเองถ้าลูกค้าไม่อยากทำประกันกับบริษัทให้โทรไปยกเลิกภายในสิบห้าวันจะไม่เสียเงิน ดิฉันก็ทำแล้ว แล้วทำไมดิฉันต้องรับผิดชอบแทนคุณ ไม่ใช่คุณเองหรือที่ต้องรับผิดชอบกับเรื่องนี้ พนักงานประกันตอบ แล้วคุณได้ติดต่อไปยังบริษัทเฟิสซ้อยหรือยังค่ะ ดิฉันติดต่อไปแล้วคะแล้วทางเฟิสซ้อยให้มาติดต่อกับบริษัทประกัน พนักงานประกันถาม แล้วทางเฟิสซ้อยว่ายังไงบ้าง ดิฉันเลยบอกไปว่าถ้าไม่จ่ายลูกค้าจะเสียประวัติ แล้วดิฉันก็ได้บอกกับทางเฟิสซ้อยไปว่าทำไมลูกค้าต้องเป็นฝ่ายเสียประวัติในเมื่อไม่ใช่ความผิดของลูกค้า และทางเฟิสซ้อยเลยให้มาติดต่อกับทางบริษัทประกันของคุณคะ. พนักงานประกันตอบคือทางเราจะคืนเงินเข้าบัติลูกค้าภายในต้นเดือนค่ะ ซึ่งลูกค้าไม่ต้องสำรองจ่ายก็ได้ สามารถติดต่อที่เฟิสซ้อยได้เลย ดิฉันเลยถามย้ำว่า ได้แน่นะคะ คงจะไม่มีปัญหาหรือทำให้ดิฉันเสียประวัตินะคะ พนักงานประกันตอบ ค่ะไม่มีคะ
และดิฉันก็ได้ติดต่อไปยังบริษัทเฟิสซ้อยอีกครั้ง บอกถึงเรื่องที่ทางประกันเขาได้บอกมา และได้ถามไปว่าสรุปดิฉันไม่จำเป็นต้องจ่ายนะคะ และไม่เสียประวัติด้วย แล้วพนักงานเฟิสซ้อยก็ได้ตอบมา ลูกค้าต้องจ่ายค่ะตามกำหนดไม่งั้นจะเสียประวัติ ............ คำถามเดิมที่ดิฉันจะถาม ดิฉันต้องรับผิดชอบกับเรื่องนี้หรือค่ะในเมื่อดิฉันก็ทำตามทุกอย่างแล้ว เรื่องนี้มันผิดที่ดิฉันหรือคะ ยกเลิกก็ยกเลิกแล้วภายในเวลาที่กำหนดด้วย ถ้าเกินเวลามาดิฉันจะไม่เถียงเลยสักคำ และทางประกันเขาก็บอกจะคืนเงินให้ผ่านบัติตอนต้นเดือน แล้วคุณยังจะให้ดิฉันจ่ายอีกหรอ????? พนักงานเฟิสซ้อยตอบ ลูกค้าไม่ผิดหรอกคะ แต่ทางเราได้ตัดยอกบิลไปแล้วถูกไหมคะ ลูกค้าเลยต้องสำรองจ่ายไปก่อนใช่ไหมคะ ถ้าไม่จ่ายตามจำนวนที่แจ้งยอดไปลูกค้าก็จะเหลือค่าค้างชำระถูกไหมคะ มันจะทำให้ลูกค้าเสียประวัติได้ถูกไหมคะ...... ดิฉันรีบสวนกลับในทันที. " แล้วมันจะถูกได้ไงคะ ทั้งหมดทั้งมวลที่ดิฉันพูดคุณไม่เข้าใจหรือไง จะทวนให้อีกครั้งนะ ตั้งใจฟังดีๆ ฉันถามว่า ฉันผิดอะไรทำไมฉันต้องรับผิดชอบกับเรื่องนี้ ทั้งที่ไม่ใช่ความผิดของฉันเลย ทำไมฉันต้องจ่ายไปก่อน แล้วทำไมถ้าฉันไม่จ่ายฉันต้องเสียประวัติในเมื่อฉันไม่ได้ทำอะไรผิด " คุณเข้าใจในสิ่งที่ฉันถามหรือยังคะ พนักงานตอบ ทราบแล้วคะงั้นคุณช่วยติดต่อกับทางประกันอีกทีนะคะว่าจะจ่ายยอดคือแน่ๆวันที่เท่าไหร่. ดิฉันเลยบอกไปว่า ทำไมคุณไม่ติดต่อประสานงานเองละ ในเมื่อบริษัทของพวกคุณก็เครือข่ายเดียวกันลิ้งค์กันอยู่ เบอร์โทรลูกค้าข้อมูลลูกค้าเขาก็เอามาจากบริษัทของคุณ ทำไมเรื่องแค่นี้พวกคุณจะติดต่อกันเองไม่ได้ มาโยนความรับผิดชอบให้ลูกค้าจัดการเองหมดมันถูกที่ไหน พนักงานมีหน้าที่อำนวยความสะดวกมีหน้าที่ให้บริการลูกค้าไม่ใช่มีหน้าที่มาโยนงานให้ลูกค้า มันแย่มากเลยรู้ป่ะ?? มาหากินบนความไม่รู้ของคนอื่น คุณไม่รู้สึกอะไรบ้างหรอคะ (ตลอดการสนทนาพนักงานพยายามจะแก้ต่าง แต่แก้ไม่ทัน) ดิฉันจะสรุปให้นะคะ คือ ดิฉันไม่ต้องการจะจ่ายค่าประกันที่ดิฉันไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบ และดิฉันไม่ต้องการเสียประวัติคะ ยังไงคุณช่วยจัดการให้ดิฉันด้วยนะคะ. พนักงานตอบ คะ ดิฉันเลยถามย้ำอีกทีว่าจะไม่เสียประวัติแน่นะ พนักงานตอบต้องทำตามนโยบายบริษัทคะ เสียประวัติแค่นี้ไม่เป็นไรหรอกคะลูกค้า สบายใจได้ คือตอนนั้นไม่อยากจะพูดกับมันละ เลยพอแค่นั้นเบื่อคะ
คับพอจะมีประสปการณ์เรื่องนี้หรือรู้เรื่องแบบนี้ช่วยมาให้คำแนะนำด้วยนะคะ