สวัสดีค่ะ
หลังจากเข้ามาซุ่มหาข้อมูลใน pantip เพื่อเตรียมตัวไปสัมภาษณ์วีซ่าท่องเทียวอเมริกา จึงอยากแบ่งปันข้อมูลกลับคืนสู่ pantip บ้างค่ะ
นัดสัมภาษณ์ช่วงวันหยุดสงกรานต์ ได้คิววันนี้ 22 เมษา ซึ่งถือว่ารอไม่นานเลยค่ะ
เดินทางไปถึงเวลานัดก่อนครึ่งชั่วโมงค่ะ ก็ไปต่อแถว ด้านซ้ายชิดกำแพง สักพัก จนท จะมีตรวจเอกสาร พร้อมให้บัตรคิวเพื่อฝากโทรศัพท์ด้านใน จุดนี้ จนท ต้องการเช็คแค่พาสปอร์ต และเอกสารแผ่นที่มีบาร์โค้ดและรูปเรา เอกสารอื่นไม่ต้องยื่นให้เค้าค่ะ ส่วนตัวแล้วคิดว่านัดช่วงเช้าดีค่ะ เพราะตอนเข้าแถวด้านนอกแดดยังไม่ร้อน
จากนั้นก็จะเข้าประตูเหล็ก เพื่อเข้าไปในส่วนฝากโทรศัพท์ ่และสแกนร่างกาย ก่อนจะเข้าไป จะมี รปภ ร่างเล็ก ดุ เสียงดัง คอยตะโกนบอก ให้เราปิดโทรศัพท์ให้เรียบร้อย ถ้าไม่ปิด แสดงว่ายังไม่พร้อม เค้าจะไม่ให้เข้าค่ะ รปภ คนนี้ ต้องการให้เราถือโทรศัพท์ สายหูฟัง (ถ้ามี) และบัตรประชาชนออกมาถือไว้ในมือ รวมทั้งบัตรคิวค่ะ คิดเล่นๆ เองว่า วันๆ ตะโกนเสียงดัง พูดซ้ำไปมาแบบนี้ทั้งวัน จะเจ็บคอบ้างป่าวเนี่ย ^___^
เมื่อเข้าสู่ประตูเหล็ก จนท จะรับฝากโทรศัพท์ 1 เครื่อง และให้สายคล้องข้อมือที่มีเบอร์ล็อคเกอร์อยู่ค่ะ แล้วเค้าจะรับบัตรคิวคืนที่จุดนี้ จากนั้นก็วางเอกสารทุกอย่าง พร้อมกระเป๋าถือ บนถาดเพื่อสแกน แล้วตัวเราก็เดินผ่านเครื่องสแกนค่ะ พอผ่านมาแล้วก็รับเอกสาร รับกระเป๋าคืน เป็นอันสิ้นสุด ก็เดินเข้าไปรอในส่วนของวีซ่าได้เลยค่ะ
เข้ามาจะมีเก้าอี้นั่งหลายๆ แถว ก็นั่งรอเลยค่ะ จะมีเจ้าหน้าที่อยู่สองช่อง ด้านซ้ายมือ จนท จะคอยขานเรียกผู้ที่จะมาสัมภาษณ์ช่วงเวลานั้นๆ เมื่อเค้าเรียกแล้ว เราก็ไปต่อแถวได้เลยค่ะ จุดนี้ จนท จะถามว่าเคยมีวีซ่ามั้ย หมดไปนานหรือยัง สิ่งที่เราต้องส่งให้เค้าคือพาสปอร์ตเล่มเก่าใหม่ และใบที่มีบาร์โค้ดค่ะ ในกรณี วีซ่านักเรียน จนท จะขอดู I-20 ด้วยค่ะ เราควรเตรียมเอกสารให้พร้อมหยิบได้ง่ายๆ
เมื่อตรวจเสร็จ จนท จะเอาใบบาร์โค้ด รัดหนังยางรวมไปกับพาสปอร์ต จนท จะติดสติ๊กเกอร์ EMS ไว้บนเอกสารนี้ด้วยค่ะ เราต้องจดเลขไว้เพื่อคอย track เองค่ะ
เมื่อเสร็จแล้ว ก็เดินเข้าไปในห้องด้านบนได้ และไปต่อแถวได้เลยค่ะ
ด่านแรก - เราก็ยืนพาสปอร์ตกับใบบาร์โค้ดให้เค้าค่ะ จุดนี้ จนท จะถามคำถามเบื้องต้น เช่นดิฉันเคยเปลี่ยนนามสกุล หลังจากแต่งงาน จนท ก็ขอดูใบทะเบียนสมรสค่ะ และกรณีของดิฉัน จนท ขอรูปถ่ายด้วย 1 ใบ สงสัยอันนี้พิมพ์ไปมันสีจืดๆ ค่ะ ให้ยื่นเอกสาร เฉพาะที่เค้าเรียกหาค่ะ จากนั้นก็สแกนนึ้วมือ ซ้าย ขวา
ด่านที่สอง - อันนี้ไม่มีไรมากค่ะ จนท เค้าต้องการสแกนบาร์โค้ดในเอกสารเรา ให้ยื่นตรงๆ แล้วเค้าจะยิงที่สแกนมาเอง จากนั้นพิมพ์ลายนิ้วมือขวา อีกครั้ง จบค่ะ
ด่านสุดท้าย ช่องสัมภาษณ์ ก็ไม่มีอะไรมากค่ะ กรณีดิฉัน แจ้งท่างกงศุลไปก่อนเลยว่า ข้อมูลที่กรอกใน DS 160 มีข้อนึงที่ดิฉันกรอกผิด ส่วนที่ถามว่าเคยยื่นเรื่องสมัคร immigrant visa หรือไม่ ตอนกรอกดิฉันตอบว่าไม่ แต่ที่จริงแล้ว เคยสมัครนานแล้วเมื่อ 9 ปีก่อน ก็อธิบายไป กงศุลก็ถามคำถามนิดหน่อยค่ะ ก็ผ่านไปได้ด้วยค่ะ
บทสนทนาประมาณนี้
ดิฉัน : ขออนุญาตบอกข้อมูลเกี่ยวกับ DS160 หน่อยนะคะ คือดิฉันเคยสมัคร immigrant visa แต่นานแล้ว เลยลืม กรอกไปว่าไม่เคยค่ะ
กงศุล : รอแปบนึงนะครับ (กดดูคอม)
กงศุล : อ้อ คุณทำงานบริษัทนี้ ..... ผมเพิ่งพบเพื่อนร่วมงานคุณ
ดิฉัน : อ๋อค่ะ เราผลิตเกี่ยวกับพวกเสื้อผ้าค่ะ
กงศุล : ใช่ๆ คุณทำให้แบรนด์อะไรสักอย่างใช่มั้ย
ดิฉัน : ค่ะๆ

กงศุล : แล้วเรื่องสมัคร cr1 visa นี่มันยังงัย
ดิฉัน : พอดีดิฉันกับสามี (สามีเมกัน) เลือกที่จะอยู่เมืองไทย เลยยกเลิกการสมัครไปกลางคันค่ะ เพราะว่าได้ไปก็ไม่มีประโยชน์ บ้านเราอยู่กรุงเทพค่ะ
กงศุล : อ๋อครับ คุณแต่งงานกับ mr .......
ดิฉัน : ใช่ค่ะ
กงศุล : ok you're good to go. ยกมือไหว้ดิฉันด้วยน่ารักเชียว
บทสัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษค่ะ
ตอนนี้ก็รอลุ้นอย่างเดียวว่าจะได้กี่ปีค่ะ
สรุป
หากใครกรอก DS 160 ผิด ถ้าแก้ไม่ได้ ก็ไปแจ้ง จนท ด้านในก็ได้นะคะ
เอาของติดตัวไปให้น้อยที่สุด ฝากมือถือได้เครื่องเดียว อย่าลืมปิดนะคะ เด่วโดน รปภ ร่างเล็กรับประทาน
ใช้เวลารวมตั้งแต่ต่อคิวหน้าสถานทูต จนจบสัมภาษณ์ ไม่เกิน 1.30 hrs ค่ะ
จัดเตรียมเอกสารให้หยิบง่ายๆ เมื่อเจ้าหน้าที่เรียกหานะคะ
เวลายืนสัมภาษณ์อย่ายืนติดตู้มาก เพราะจะได้ยินกงศุลไม่ถนัด ให้ยื่นใต้โดมค่ะ เวลาตอบคำถาม ไมค์จะอยู่ซ้ายมือค่ะ ก็ยื่นหน้าไปนิดนึง
เตรียมเอกสารไปเยอะดีกว่าขาดค่ะ เรียงให้ดีให้หยิบได้ว่องไว
กรณีของดิฉัน กงศุลไม่ได้ขอดูเอกสารอะไรเพิ่มเติม
หวังว่าคงเป็นประโยชน์ต่อสังคม pantip บ้างไม่มากก็น้อยค่ะ
แชร์ประสบการณ์สัมภาษณ์วีซ่าอเมริกา วีซ่าท่องเที่ยว
หลังจากเข้ามาซุ่มหาข้อมูลใน pantip เพื่อเตรียมตัวไปสัมภาษณ์วีซ่าท่องเทียวอเมริกา จึงอยากแบ่งปันข้อมูลกลับคืนสู่ pantip บ้างค่ะ
นัดสัมภาษณ์ช่วงวันหยุดสงกรานต์ ได้คิววันนี้ 22 เมษา ซึ่งถือว่ารอไม่นานเลยค่ะ
เดินทางไปถึงเวลานัดก่อนครึ่งชั่วโมงค่ะ ก็ไปต่อแถว ด้านซ้ายชิดกำแพง สักพัก จนท จะมีตรวจเอกสาร พร้อมให้บัตรคิวเพื่อฝากโทรศัพท์ด้านใน จุดนี้ จนท ต้องการเช็คแค่พาสปอร์ต และเอกสารแผ่นที่มีบาร์โค้ดและรูปเรา เอกสารอื่นไม่ต้องยื่นให้เค้าค่ะ ส่วนตัวแล้วคิดว่านัดช่วงเช้าดีค่ะ เพราะตอนเข้าแถวด้านนอกแดดยังไม่ร้อน
จากนั้นก็จะเข้าประตูเหล็ก เพื่อเข้าไปในส่วนฝากโทรศัพท์ ่และสแกนร่างกาย ก่อนจะเข้าไป จะมี รปภ ร่างเล็ก ดุ เสียงดัง คอยตะโกนบอก ให้เราปิดโทรศัพท์ให้เรียบร้อย ถ้าไม่ปิด แสดงว่ายังไม่พร้อม เค้าจะไม่ให้เข้าค่ะ รปภ คนนี้ ต้องการให้เราถือโทรศัพท์ สายหูฟัง (ถ้ามี) และบัตรประชาชนออกมาถือไว้ในมือ รวมทั้งบัตรคิวค่ะ คิดเล่นๆ เองว่า วันๆ ตะโกนเสียงดัง พูดซ้ำไปมาแบบนี้ทั้งวัน จะเจ็บคอบ้างป่าวเนี่ย ^___^
เมื่อเข้าสู่ประตูเหล็ก จนท จะรับฝากโทรศัพท์ 1 เครื่อง และให้สายคล้องข้อมือที่มีเบอร์ล็อคเกอร์อยู่ค่ะ แล้วเค้าจะรับบัตรคิวคืนที่จุดนี้ จากนั้นก็วางเอกสารทุกอย่าง พร้อมกระเป๋าถือ บนถาดเพื่อสแกน แล้วตัวเราก็เดินผ่านเครื่องสแกนค่ะ พอผ่านมาแล้วก็รับเอกสาร รับกระเป๋าคืน เป็นอันสิ้นสุด ก็เดินเข้าไปรอในส่วนของวีซ่าได้เลยค่ะ
เข้ามาจะมีเก้าอี้นั่งหลายๆ แถว ก็นั่งรอเลยค่ะ จะมีเจ้าหน้าที่อยู่สองช่อง ด้านซ้ายมือ จนท จะคอยขานเรียกผู้ที่จะมาสัมภาษณ์ช่วงเวลานั้นๆ เมื่อเค้าเรียกแล้ว เราก็ไปต่อแถวได้เลยค่ะ จุดนี้ จนท จะถามว่าเคยมีวีซ่ามั้ย หมดไปนานหรือยัง สิ่งที่เราต้องส่งให้เค้าคือพาสปอร์ตเล่มเก่าใหม่ และใบที่มีบาร์โค้ดค่ะ ในกรณี วีซ่านักเรียน จนท จะขอดู I-20 ด้วยค่ะ เราควรเตรียมเอกสารให้พร้อมหยิบได้ง่ายๆ
เมื่อตรวจเสร็จ จนท จะเอาใบบาร์โค้ด รัดหนังยางรวมไปกับพาสปอร์ต จนท จะติดสติ๊กเกอร์ EMS ไว้บนเอกสารนี้ด้วยค่ะ เราต้องจดเลขไว้เพื่อคอย track เองค่ะ
เมื่อเสร็จแล้ว ก็เดินเข้าไปในห้องด้านบนได้ และไปต่อแถวได้เลยค่ะ
ด่านแรก - เราก็ยืนพาสปอร์ตกับใบบาร์โค้ดให้เค้าค่ะ จุดนี้ จนท จะถามคำถามเบื้องต้น เช่นดิฉันเคยเปลี่ยนนามสกุล หลังจากแต่งงาน จนท ก็ขอดูใบทะเบียนสมรสค่ะ และกรณีของดิฉัน จนท ขอรูปถ่ายด้วย 1 ใบ สงสัยอันนี้พิมพ์ไปมันสีจืดๆ ค่ะ ให้ยื่นเอกสาร เฉพาะที่เค้าเรียกหาค่ะ จากนั้นก็สแกนนึ้วมือ ซ้าย ขวา
ด่านที่สอง - อันนี้ไม่มีไรมากค่ะ จนท เค้าต้องการสแกนบาร์โค้ดในเอกสารเรา ให้ยื่นตรงๆ แล้วเค้าจะยิงที่สแกนมาเอง จากนั้นพิมพ์ลายนิ้วมือขวา อีกครั้ง จบค่ะ
ด่านสุดท้าย ช่องสัมภาษณ์ ก็ไม่มีอะไรมากค่ะ กรณีดิฉัน แจ้งท่างกงศุลไปก่อนเลยว่า ข้อมูลที่กรอกใน DS 160 มีข้อนึงที่ดิฉันกรอกผิด ส่วนที่ถามว่าเคยยื่นเรื่องสมัคร immigrant visa หรือไม่ ตอนกรอกดิฉันตอบว่าไม่ แต่ที่จริงแล้ว เคยสมัครนานแล้วเมื่อ 9 ปีก่อน ก็อธิบายไป กงศุลก็ถามคำถามนิดหน่อยค่ะ ก็ผ่านไปได้ด้วยค่ะ
บทสนทนาประมาณนี้
ดิฉัน : ขออนุญาตบอกข้อมูลเกี่ยวกับ DS160 หน่อยนะคะ คือดิฉันเคยสมัคร immigrant visa แต่นานแล้ว เลยลืม กรอกไปว่าไม่เคยค่ะ
กงศุล : รอแปบนึงนะครับ (กดดูคอม)
กงศุล : อ้อ คุณทำงานบริษัทนี้ ..... ผมเพิ่งพบเพื่อนร่วมงานคุณ
ดิฉัน : อ๋อค่ะ เราผลิตเกี่ยวกับพวกเสื้อผ้าค่ะ
กงศุล : ใช่ๆ คุณทำให้แบรนด์อะไรสักอย่างใช่มั้ย
ดิฉัน : ค่ะๆ
กงศุล : แล้วเรื่องสมัคร cr1 visa นี่มันยังงัย
ดิฉัน : พอดีดิฉันกับสามี (สามีเมกัน) เลือกที่จะอยู่เมืองไทย เลยยกเลิกการสมัครไปกลางคันค่ะ เพราะว่าได้ไปก็ไม่มีประโยชน์ บ้านเราอยู่กรุงเทพค่ะ
กงศุล : อ๋อครับ คุณแต่งงานกับ mr .......
ดิฉัน : ใช่ค่ะ
กงศุล : ok you're good to go. ยกมือไหว้ดิฉันด้วยน่ารักเชียว
บทสัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษค่ะ
ตอนนี้ก็รอลุ้นอย่างเดียวว่าจะได้กี่ปีค่ะ
สรุป
หากใครกรอก DS 160 ผิด ถ้าแก้ไม่ได้ ก็ไปแจ้ง จนท ด้านในก็ได้นะคะ
เอาของติดตัวไปให้น้อยที่สุด ฝากมือถือได้เครื่องเดียว อย่าลืมปิดนะคะ เด่วโดน รปภ ร่างเล็กรับประทาน
ใช้เวลารวมตั้งแต่ต่อคิวหน้าสถานทูต จนจบสัมภาษณ์ ไม่เกิน 1.30 hrs ค่ะ
จัดเตรียมเอกสารให้หยิบง่ายๆ เมื่อเจ้าหน้าที่เรียกหานะคะ
เวลายืนสัมภาษณ์อย่ายืนติดตู้มาก เพราะจะได้ยินกงศุลไม่ถนัด ให้ยื่นใต้โดมค่ะ เวลาตอบคำถาม ไมค์จะอยู่ซ้ายมือค่ะ ก็ยื่นหน้าไปนิดนึง
เตรียมเอกสารไปเยอะดีกว่าขาดค่ะ เรียงให้ดีให้หยิบได้ว่องไว
กรณีของดิฉัน กงศุลไม่ได้ขอดูเอกสารอะไรเพิ่มเติม
หวังว่าคงเป็นประโยชน์ต่อสังคม pantip บ้างไม่มากก็น้อยค่ะ