ผมเป็นครูที่ไม่ได้อยากเป็นครูมาแต่กำเนิด หรือในวัยเด็กแต่อย่างใด แต่ด้วยที่ครอบครัวเป็นครอบครัวครู พ่อและญาติเป็นครูซะเกือบหมดทั้งบ้าน
เลยมีความจำเป็นต้องได้เป็นครูในที่สุด ซึ่งตอนนี้ผมได้รับให้สอนวิชาศิลปะซึ่งผมจบจิตรกรรมมาโดยตรง และมีวิชาสังคมพ่วงท้ายติดตามมาด้วย
ทุกๆวิชามีปัญหากันหมด แต่ในที่นี้ผมจะขอยก วิชา สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม
ตอนสมัยก่อนการศึกษาไทยพูดถึงเรื่องที่พวกท่านผู้ใหญ่คิดกันไปเองว่า เด็กไทยต้อง เก่ง ดี มีความสุข แต่ส่วนตัวผมนั้นด้วยมันสมองอันน้อยนิด ประสบการ์เพียงหญ้าเกิดใหม่ ไม่สามารถจะเชิดชูความคิดใดๆของตัวผมเองให้พวกท่านๆได้แลเห็น ในความคิดเห็นอันน้อยนิดของผมนั้นได้พิจารณา แล้วคิดต่อไปว่า เก่ง แล้วจึง ดี ดีแล้วมันคงมีความสุข แต่จากประสบการณ์ที่ผมสอนเด็กมานั้น เด็กเก่งจะเกิดได้ยากมากหากมันไม่เป็นคนดีตั้งใจเรียนหรือทำตามที่ผู้ใหญ่ ครู พ่อแม่ ผู้ปกครองสั่งสอน ครูน้อยอย่างผมจึงได้แต่แย้งอยู่ในใจเสมอมา
ในวิชาสังคมที่ผมได้รับมอบหมายนั้น ได้พบเจอกับสิ่งที่ผมมีความคิดเห็นส่วนแล้วคิดว่ามันเป็นปัญหามากๆ วิชาประวัติศาสตร์จะต้องสอนสองเทอม คือ 1 ปีการศึกษา วิชา พุทธศาสนา เพียงแค่ 1 เทอม ดังนั้นเด็กเราจะได้รับการเรียนการสอนวิชาประวัติศาสตร์มากกว่าวิชาพุทธศาสนา ตัวชี้วัด ที่พวกท่านๆตั้งมานั้นก็มีในวิชาประวัติศาสตร์มาน้อยนิด แต่วิชาพุทธศาสนากลับมีตัวชี้วัด สาระการเรียนรู้แกนกลางมาอย่างมากล้น ในการทำแผนการสอนเพื่อให้ครบทุกตัวชี้วัด และสาระการเรียนรู้แกนกลางนั้น ทำได้ยากมากในวิชาพุทธศาสนา แต่กลับกันในวิชาประวัติศาสตร์
เมื่อท่านอ่านมาจนถึงตอนนี้คงนึกภาพตามผมออกว่ามันเกิดความขัดแย้งกันยังไงในแนวความคิด กับการปฏิบัติจริง เก่ง ดี มีความสุข จึงเป็นได้แค่คำสวยหรูที่คล้องจอง แต่พวกท่านกลับไม่คำนึงถึงการจัดลำดับความสำคัญของมันเลยว่า สิ่งใดควรเกิดขึ้นก่อนและหลัง
*ปัญหานี้อาจเกิดขึ้นจากอะไรนั้นขอให้ทุกท่านที่แวะผ่านมาช่วยกันวิเคราะห์เพิ่มเติมด้วยครับ*
- คนที่คิดว่า เก่ง ดี มีความสุข เป็นคนที่มิได้ หรือมีประสบการณ์ในการสอนเด็กจริงๆน้อยเกินไป หรือมีประสบการณ์ไม่ตรงกับเด็กในยุคปัจจุบัน
- หรือประเทศชาติของเรามิได้ให้ความสำคัญของการศึกษาไปมากกว่าการหาเหตุเพื่อเรียกงบประมาณเพิ่มเติม
- หรือการทำแบบนี้จะช่วยให้ท่านๆทั้งหลายได้บริหารประเทศชาติได้อย่างสะดวก เพราะประชาชนจะคิดไม่ได้ ดูซื่อๆ โง่ๆ ปกครองง่ายดี
- หรือท่านๆทั้งหลายไม่รับฟังความคิดเห็นของคนยุคใหม่ที่ไม่อดทนงาน ไม่เสียสละ ไม่ทุ่มเท ไม่ขยันในสายตาพวกท่าน
- หรือเกิดจากระบบของไท้ไทยเราที่เด็กต้องก้มหัวต่อผู้ใหญ่ และผู้ใหญ่น้ำร้อนมาก่อน ครูรุ่นใหม่หรือแนวความคิดใหม่ๆจึงไม่ไปถึงพวกท่าน
- หรือปี พ.ศ. ค.ศ. ที่เพิ่มขึ้นทุกปี การเปลี่ยนแปลงของสังคม แนวความคิดของผู้คนที่เพิ่มขึ้นและเปลี่ยนแปลงมันไม่ได้เคยเปลี่ยนไปในความคิดของท่านๆเลย
- หรือการศึกษาไทยคือ เงินก้อนใหญ่ ที่มันหอมหวลรันจวนและคิดเพียงแค่ว่าทำยังไงจะได้ลิ้มรสของมันเท่านั้นเอง
สุดท้ายนี้ ระบบการปกครองของเรานั้นมิใช่ คอมมิวนิสต์ แต่ในวงการศึกษาไทยนั้นเห็นได้ชัดว่ามันคือ ลัทธิคอมมิวนิสต์ศึกษา ในความคิดเห็นส่วนตัวของผมอย่างแจ่มชัดเสียเหลือเกิน ด้วยรักและอาลัยการศึกษาไทย ชีวิตผมในวัยเยาว์ละเยาวชน
หมายเหตุ สำหรับผู้ใหญ่ที่ทุ่มเททำงานแล้วนั้น ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าท่านจะเข้าใจในเจตนารมณ์ที่ผมมีต่อชนชาติไทย
ด้วยรักและอาลัย การศึกษาไทย ชีวิตในวัยเยาว์ และเยาวชน
เลยมีความจำเป็นต้องได้เป็นครูในที่สุด ซึ่งตอนนี้ผมได้รับให้สอนวิชาศิลปะซึ่งผมจบจิตรกรรมมาโดยตรง และมีวิชาสังคมพ่วงท้ายติดตามมาด้วย
ทุกๆวิชามีปัญหากันหมด แต่ในที่นี้ผมจะขอยก วิชา สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม
ตอนสมัยก่อนการศึกษาไทยพูดถึงเรื่องที่พวกท่านผู้ใหญ่คิดกันไปเองว่า เด็กไทยต้อง เก่ง ดี มีความสุข แต่ส่วนตัวผมนั้นด้วยมันสมองอันน้อยนิด ประสบการ์เพียงหญ้าเกิดใหม่ ไม่สามารถจะเชิดชูความคิดใดๆของตัวผมเองให้พวกท่านๆได้แลเห็น ในความคิดเห็นอันน้อยนิดของผมนั้นได้พิจารณา แล้วคิดต่อไปว่า เก่ง แล้วจึง ดี ดีแล้วมันคงมีความสุข แต่จากประสบการณ์ที่ผมสอนเด็กมานั้น เด็กเก่งจะเกิดได้ยากมากหากมันไม่เป็นคนดีตั้งใจเรียนหรือทำตามที่ผู้ใหญ่ ครู พ่อแม่ ผู้ปกครองสั่งสอน ครูน้อยอย่างผมจึงได้แต่แย้งอยู่ในใจเสมอมา
ในวิชาสังคมที่ผมได้รับมอบหมายนั้น ได้พบเจอกับสิ่งที่ผมมีความคิดเห็นส่วนแล้วคิดว่ามันเป็นปัญหามากๆ วิชาประวัติศาสตร์จะต้องสอนสองเทอม คือ 1 ปีการศึกษา วิชา พุทธศาสนา เพียงแค่ 1 เทอม ดังนั้นเด็กเราจะได้รับการเรียนการสอนวิชาประวัติศาสตร์มากกว่าวิชาพุทธศาสนา ตัวชี้วัด ที่พวกท่านๆตั้งมานั้นก็มีในวิชาประวัติศาสตร์มาน้อยนิด แต่วิชาพุทธศาสนากลับมีตัวชี้วัด สาระการเรียนรู้แกนกลางมาอย่างมากล้น ในการทำแผนการสอนเพื่อให้ครบทุกตัวชี้วัด และสาระการเรียนรู้แกนกลางนั้น ทำได้ยากมากในวิชาพุทธศาสนา แต่กลับกันในวิชาประวัติศาสตร์
เมื่อท่านอ่านมาจนถึงตอนนี้คงนึกภาพตามผมออกว่ามันเกิดความขัดแย้งกันยังไงในแนวความคิด กับการปฏิบัติจริง เก่ง ดี มีความสุข จึงเป็นได้แค่คำสวยหรูที่คล้องจอง แต่พวกท่านกลับไม่คำนึงถึงการจัดลำดับความสำคัญของมันเลยว่า สิ่งใดควรเกิดขึ้นก่อนและหลัง
*ปัญหานี้อาจเกิดขึ้นจากอะไรนั้นขอให้ทุกท่านที่แวะผ่านมาช่วยกันวิเคราะห์เพิ่มเติมด้วยครับ*
- คนที่คิดว่า เก่ง ดี มีความสุข เป็นคนที่มิได้ หรือมีประสบการณ์ในการสอนเด็กจริงๆน้อยเกินไป หรือมีประสบการณ์ไม่ตรงกับเด็กในยุคปัจจุบัน
- หรือประเทศชาติของเรามิได้ให้ความสำคัญของการศึกษาไปมากกว่าการหาเหตุเพื่อเรียกงบประมาณเพิ่มเติม
- หรือการทำแบบนี้จะช่วยให้ท่านๆทั้งหลายได้บริหารประเทศชาติได้อย่างสะดวก เพราะประชาชนจะคิดไม่ได้ ดูซื่อๆ โง่ๆ ปกครองง่ายดี
- หรือท่านๆทั้งหลายไม่รับฟังความคิดเห็นของคนยุคใหม่ที่ไม่อดทนงาน ไม่เสียสละ ไม่ทุ่มเท ไม่ขยันในสายตาพวกท่าน
- หรือเกิดจากระบบของไท้ไทยเราที่เด็กต้องก้มหัวต่อผู้ใหญ่ และผู้ใหญ่น้ำร้อนมาก่อน ครูรุ่นใหม่หรือแนวความคิดใหม่ๆจึงไม่ไปถึงพวกท่าน
- หรือปี พ.ศ. ค.ศ. ที่เพิ่มขึ้นทุกปี การเปลี่ยนแปลงของสังคม แนวความคิดของผู้คนที่เพิ่มขึ้นและเปลี่ยนแปลงมันไม่ได้เคยเปลี่ยนไปในความคิดของท่านๆเลย
- หรือการศึกษาไทยคือ เงินก้อนใหญ่ ที่มันหอมหวลรันจวนและคิดเพียงแค่ว่าทำยังไงจะได้ลิ้มรสของมันเท่านั้นเอง
สุดท้ายนี้ ระบบการปกครองของเรานั้นมิใช่ คอมมิวนิสต์ แต่ในวงการศึกษาไทยนั้นเห็นได้ชัดว่ามันคือ ลัทธิคอมมิวนิสต์ศึกษา ในความคิดเห็นส่วนตัวของผมอย่างแจ่มชัดเสียเหลือเกิน ด้วยรักและอาลัยการศึกษาไทย ชีวิตผมในวัยเยาว์ละเยาวชน
หมายเหตุ สำหรับผู้ใหญ่ที่ทุ่มเททำงานแล้วนั้น ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าท่านจะเข้าใจในเจตนารมณ์ที่ผมมีต่อชนชาติไทย