ความรักของฉันชื่อ"บุญดก" หมาดำคาบหิน และใช้ชีวิตติดกับหินทุกเวลา

กระทู้สนทนา
ไม่เคยคิดเลยว่าหมาน้อยตัวหนึ่งจะทำให้ตัวเองมีเรื่องมาเล่ามากมายขนาดนี้ เพราะเมื่อเดือนกรกฎาคม ปี 2555 ที่ผ่านมาได้ไปเจอหมาน้อยสีดำตัวหนึ่ง ในวัดแห่งหนึ่งที่ไม่ไกลจากบ้านเท่าไรนัก แต่ตัวพระอาจารย์ที่เป็นเจ้าอาวาสยืนยันว่า นั่นคือลูกหมาโกลเด้นรีทรีฟเวอร์ ที่ทางวัดเลี้ยงไว้เชียวนะนั่น หัวเราะสิคะ ลูกหมาพึ่งคลอดตัวนั้น สีดำสนิท ตัวเล็กมาก เป็นไปได้ไง โกลเด้นต้องขนทองสิคะ ท่านพระอาจารย์จึงเผยความลับที่นางโกลเด้นที่เป็นแม่(นางชื่อ มิเกล) นางไปพบรักกับหมาพันธุ์ทางข้างวัด (ไม่นะ) ณ จุดๆนั้น อีหมาน้อยสีดำ แกน่าสนใจขึ้นมาทันที แต่มีตัวเดียว ทำไมตัวเล็กจัง    ???  ไม่ค่ะไม่ พระอาจารย์บอกว่าจริงๆแล้วมีพี่น้องร่วมท้อง 8 ตัว ที่เหลือตัวเดียว เพราะเป็นท้องแรกของมิเกล มิเกลเลี้ยงลูกไม่เป็น นอนทับลูกตายหมดด้วยลำตัวอันอ้วนฉุ ของตัวนางเอง(เฮ้อ!! น่าสงสาร) แต่รอดมาอย่างปาฏิหาริย์ ทั้งที่มีคนเห็นเจ้าหมาน้อยสีดำอยู่ล่างสุดของบรรดาพี่น้อง ยิ่งได้รู้เรื่องราวของเจ้าหมาน้อย ยิ่งรู้สึกว่าอยากดูแล แต่ปัญหามีอยู่ว่า พระอาจารย์ท่านบ่ายเบี่ยง ท่านอยากเลี้ยงไว้เอง ทั้งที่มีหลายคนต้องการขอเจ้าหมาน้อยกับพระอาจารย์แต่พระอาจารย์ก็ปฏิเสธไปหลายคนแล้ว แต่คิดเหรอ ว่าจะท้อ สามีเจ้าของกระทู้เองจึงข่มขู่(จะบาปมั้ยน้อ) ถ้าพระอาจารย์ไม่ให้ จะมาขโมยเอา  พระอาจารย์ถึงกับอึ้งค่ะ แต่ท่านคงเห็นถึงความพยายาม(ดันทุรัง) และความเอ็นดูที่เราสองคนมีให้เจ้าหมาน้อยตั้งแต่แรกเห็น ท่านจึงตกลงให้มาแต่มีข้อแม้ว่า ให้มันครบ 2 เดือนก่อนได้มั้ย ให้พระอาจารย์ได้เลี้ยงบ้างนะ เอ๊ะ!!! ยังไงพระอาจารย์ขอเลี้ยง ฮ่าๆๆๆ เริ่มสลับกัน ตอนนั้นดีใจมากกกก จะได้สมาชิกใหม่ เจ้าตัวน้อยสีดำ เพศเมียด้วย
    กลับบ้านด้วยความอิ่มเอมใจ ได้ทำบุญ และจะได้เจ้าตัวบุญสีดำๆมาเลี้ยงด้วย ขอเล่าตัวเองนิดนึง เจ้าของกระทู้ สามีเป็นทหาร ออกงานภาคสนามบ่อยมากก ไม่ค่อยอยู่บ้าน ที่สำคัญ .. เจ้าของกระทู้ไม่มีลูกและเป็นคนที่มีลูกยาก เราสองคนเป็นคนรักหมาเป็นทุนเดิมกันอยู่แล้ว พอไปเจอเจ้าตัวนี้ก็ปักใจรักโดยไม่มีเงื่อนไข
   ครบ 1 เดือน หลังจากวันนั้น ทนไม่ไหวละ พิษรักมันทำร้าย ไปที่วัดอีกครั้งอีกครั้ง ครั้งนี้เจ้าหมาน้อยแคระแกร็นสีดำตัวนั้นหายไปแล้ว เจอแต่เจ้าหมาตุ้ยนุ้ยสีดำสนิท ลิ้นสีชมพูตัดกับขนสีดำนั้น ดวงตาสีดำออกส้มแต่นางมีแววตาเป็นสีฟ้าสดใส ผ่านไปแค่ 1เดือน เจ้ากลายเป็นหมูไปซะแล้วฮือ... นางเดินได้แต่วิ่งช้าเพราะนางอ้วนมาก สิ่งที่นางวิ่งตามคือนมแม่และช๊อกโกแล๊ตของพระอาจารย์  เอ่อ.....พระอาจารย์เอาช๊อกโกแลตให้หมาน้อยกิน จะรอดมั้ยเนี่ย ไม่อ้วนตายก็หนูนี่แหละค่ะที่จะจน...ตาย (พระอาจารย์แค่ให้เลียๆ อิอิ หลังจากถามมาอย่างละเอียดแล้ว) จึงตัดสินใจผิดคำสัญญากับพระอาจารย์ด้วยการขอหมาน้อยกลับบ้านวันนั้นเลย พระอาจารย์ก็ยังคงไม่อยากให้ ข้อแม้มาอีกครั้ง โยมเอากลับไปแล้ว อย่าเปลี่ยนชื่อได้มั้ย พระอาจารย์ตั้งชื่อไว้ให้แล้ว(มีตั้งชื่อให้ด้วย แหม...ชื่อหมา พระตั้งให้เชียวนะ) มันชื่อ "บุญดก" แปลกนิดๆนะ สำหรับชื่อนี้ แต่คงเป็นเพราะเรื่องราวรอดตายของนางที่เล่ามานั้น นางจึงเหมาะกับชื่อนี้
     กลับมาบ้านพร้อม"น้องบุญดกของแม่" (ชื่อใหม่ยาวมากฮ่าๆๆ) นางก็เป็นหมาทีมีพัฒนาการที่ดีนะ ร่าเริง คนแถวบ้านรักนางมาก นางขี้อ้อนกินเยอะ นางมาอยู่ในฐานะ ลูกสาว เลยก็ว่าได้ เรากับสามีก็จะแทนตัวกับนางว่า พ่อกับแม่ อิอิ (บ้ารักหมา) คือทุกคนที่บ้านเรียกได้ว่าหลงกันเลยทีเดียว ตื่นตอนเช้าสิ่งที่ทุกคนเรียกหาคือ บุญดก  ผ่านไป 1  เดือน ตอนนั้นบุญดกอายุ 2 เดือน วันนั้นเจ้าของกระทู้ไปธุระนอกบ้าน นางอยู่กับแม่สามี พี่ชาย และน้าๆที่อยู่บ้านใกล้ๆกัน ความดื้อของนางก็ทำเอาทุกคนแทบใจสลาย  เมื่อนางเข้าไปซนที่หลังบ้านน้า ซึ่งเป็นป่าที่ไม่รกเท่าไร เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดดังลั่น นางวิ่งออกมาจากตรงนั้น ทุกคนถึงกับช๊อก ตัวต่อหัวเสือเกาะทั่วตัว ทุกคนทำอะไรไม่ถูก ตกใจมาก น้าคนนึงมีสติมาก เอาผ้าผืนใหญ่มาลูบออกให้ ทุกคนที่เห็นต่างบอกว่านางคงไม่รอด พี่ชายจึงตัดสินใจโทรบอกเราและพานางไปที่คลินิกใกล้บ้านที่นางทำวัคซีนตลอด ความโชคดี คือหมอเข้ามาที่คลินิกพอดี หมอเองก็ตกใจและไม่เคยเจอเคสนี้(หมอจบใหม่) สิ่งที่หมอทำคือยาแก้ปวดและยาต้านพิษ เจ้าของกระทู้รับโทรศัพท์ ไม่ทำแล้วธุระ ทิ้งทุกอย่างไปที่คลินิค สิ่งเดียวที่หวังคือขอให้นางรอด ไม่ว่าจะยังไง นางต้องรอด  ไปถึง หมอไม่ให้ความหวังอะไรกับเราเลย หมอบอกว่าหมอทำได้แค่นี้ เพราะพิษต่อจะมีผลทำให้ตับวาย และที่สำคัญเราไม่รู้ว่าต่อ ต่อยนางไปกี่ตัว นางขนค่อนข้างหนา เราได้แต่หวังว่า ไรของตัวต่อจะเข้าถึงตัวนางไม่มากซึ่งหมอเองก็หวังเช่นเดียวกับเรา  มองไปที่เตียงนางนั่งมองหน้าเราครางหงิงๆตลอดเวลา สิ่งที่ทำได้คือกอดนางไว้และบอกนางซ้ำไปซ้ำมา ว่า" แม่รักหนูนะ" ตอนนั้นโทรหาพ่อที่อยู่ชายแดน เปิดโฟนให้พ่อคุยกับลูก นางก็ครางหงิงๆให้พ่อฟัง สามีเราเองก็จะชอบบอกว่า พ่อรักหนู เหมือนกับเรา  คุยซักพัก หมอถามว่าจะให้พักที่นี่หรือพากลับบ้าน เราขอเอากลับบ้าน เพราะคิดว่าถ้าจะจากกันจริงๆ ก็จะขออยู่กับนางตลอดเวลา มาถึงบ้านนางครางหงิงๆตลอดเวลา เราสงสารนางจนร้องไห้ คงเจ็บคงปวด  ขนาดคน โดนต่อย 2 ตัวถึงกับเป็นไข้ บางคนถึงกับช๊อกเลยนะ แล้วนางจะทนได้มั้ย หมาอายุ 2 เดือนกับพิษต่อที่ไม่รู้จำนวน  บุญดกเอาแต่นอน ข้าวน้ำไม่กิน เราเองก็อยากให้เดินบ้าง จึงอุ้มออกไปหน้าบ้านให้นางเดินบ้าง ปรากฏว่านางฉี่ออกเยอะมากแล้วคลานเข้าไปนอนที่เดิมเอง เราจึงคิดว่าถ้านางได้ฉี่บ่อยๆ พิษต่อคงได้ระบายออกมาบ้าง จึงอุ้มนางออกมาทุกๆ 15 นาที ปรากฏว่านางก็ฉี่ทุกครั้งที่อุ้มออกมา คืนนั้นทั้งคืน เราไม่นอนเลยก็ว่าได้ ยอมรับว่าเป็นห่วงนางมาก แทบอยากเจ็บแทน  แต่นางยังคงซึมอยู่และยังครางเจ็บอยู่ตลอดเวลา นางฉี่น้อยลง คงเป็นเพราะนางไม่ยอมกินอะไรเลย ร่างกายนางซูบลงทันทีภายในคืนเดียว จากหมาตัวอ้วนกลม ตอนนี้เหลือแค่โครงกับขนค่อนข้างหนา สีดำเงา จึงตัดสินใจพาไปที่คลินิกอีกครั้ง  ไปถึงหมอก็ดีใจที่ยังไม่เป็นอะไร (หมอมาสารภาพทีหลังว่า ไม่คิดว่าจะผ่านคืนนี้ไปได้) หมอก็ให้อาหารซูโครสไม่รู้ว่าเรียกถูกมั้ย กับน้ำเกลือเพื่อให้บุญดกได้มีแรงขึ้นมาบ้าง พูดคุยกับหมอ หมอบอกว่าบุญดกมีความอดทนสูงมาก หมอไม่คิดว่าจะทนได้ขนาดนี้ยอมรับใจนางจริงๆ หมอให้กลับบ้าน กลับมาที่บ้านก็เหมือนเดิม เราบังคับให้นางฉี่ทุกๆ 15 นาทีเหมือนเดิม นางก็อาการเดิมนอนอย่างเดียว แต่บอกเลยว่าไม่ท้อเลย เพราะแววตาคู่นี้มันมากกว่าความรัก จะทำทุกอย่างเพื่อยืดเวลา นาทีเดียวก็จะทำ ทั้งวันทั้งคืน เราใช้เวลาทั้งหมดกับบุญดก ตื่นเช้าก็พาไปเข้าน้ำเกลือรับอาหารที่คลินิก จนคืนวันที่สี่ อุ้มออกมาหน้าบ้าน นางมีอาการแปลกไป นางเหมือนจะอ้วกเสียงดังโครกๆจากข้างในท้องตัวผอมๆโยกตามแรงไอ น้ำตาเราไหล คงถึงเวลาแล้วสิ เรานั่งร้องไห้มันตรงนั้นเลย ได้แต่ลูบหัว คิดไปต่างๆนาๆ เสียงสุดท้าย โครกยาวๆ ก่อนที่บุญดกจะคายบางอย่างออกมาและเดินกลับไปนอนที่เดิม ทันทีที่นางนอน เราตัดสินใจโทรไปถามหมอทันที เล่าอาการให้หมอฟังทั้งน้ำตาเสียงสั่นสะอื้น หมอคงรู้อารมณ์ เล่าจบ หมอขำเบาๆ(เอ๊ะ!! เศร้าอยู่นะเว้ย) หมอบอกว่า อาการนี้เป็นอาการของหมาคายเสลดครับ หมาจะทำแบบคนไม่ได้ หมาต้องทำเหมือนจะอ้วกเพื่อให้เสลดออกมา เขาจะโล่งมาก หลังจากเขาทำเสร็จ แต่ที่น่าดีใจคือแสดงว่าอาการของเขาดีขึ้นแล้วครับ หมอพูดจบหันไปหาบุญดก นั่นมันตุ๊กตาไก่แสนรักของนางนี่ นางไปลากมากัด วางโทรศัพท์หมอถึงกับกระโดดด้วยความดีใจ นางไม่สนใจอะไรเลยมา สี่วันเต็มๆ แต่วันนี้นางเริ่มสนใจไก่ตัวโปรดอีกครั้ง ดีใจที่สุดที่ได้นางกลับมา จากวันนั้นอาการนางดีขึ้นเป็นลำดับ สองอาทิตย์ผ่านไปแผลที่โดนตัวต่อต่อย แสดงตัวออกมาแล้ว เป็นรอยไหม้ บวมแดงมีน้ำเหลือง ลองเอาสำลีแคะออกมาดู ในนั้นจะมีไรตัวต่อฝังอยู่ ที่น่าสนใจคือ ทั่วทั้งตัว มีรอยแบบนี้มากถึง 34 จุด มีข้างตาซ้าย 2 จุด คาง 1 จุดและที่เหลือกระจายอยู่ทั่วตัว เราล้างทำความสะอาดให้ครบทุกแผล จนแผลแห้งและหายในที่สุด ใน 1 เดือน ผ่านมา 3 ปีแล้ว ขนตรงจุดที่โดยต่อย ไม่มีขนขึ้นเลยเป็นวงกลมๆ เปิดดูกี่ครั้งก็เจ็บปวดแทน นี่คงเป็นปาฏิหาริย์ครั้งที่ 2 ที่เกิดขึ้นกับหมาที่ชื่อ"บุญดก"  หลังจากความเจ็บปวดผ่านไป บุญดกก็มีอาการเพี้ยนๆ "คาบหิน" ตลอดเวลา (คงลืมเจ้าไก่แสนรักไปแล้ว) คาบมาวางใกล้ๆคนในบ้าน เอาเท้าเขี่ย เพื่อเรียกร้องความสนใน ทุกคนในบ้านเห็นนางทำท่าทางแปลกๆก็ไม่ได้เอะใจอะไร ก็น่ารักดี  จนมีคนรำคาญเพราะนางทำทุกวันทุกเวลา จับก้อนหินโยนทิ้งไป นางนี่ดีใจมาก วิ่งไปเก็บมาวางที่เดิม เริ่มแล้วอาการคลั่งหินเริ่มต้นจากตรงนี้แหละ จากนั้นมา ทุกที่ที่มีบุญดก ณ ที่ตรงนั้นจะต้องมีหิน หินที่ไม่มีรูปแบบกำหนด ทุกชนิดทุกขนาด นางจะชอบมากเป็นพิเศษ หากมีคนโยนให้ มีคนสนใจหินที่นางคาบมา จนทุกวันนี้ แขกที่มาบ้านจะรู้จักบุญดกทุกคน  และทุกคนจะมีหน้าทีโยนหินให้นาง จนกว่าจะเข้าบ้าน หรือจนกว่าจะกลับไป แต่ถ้าไม่สนใจนางก็จะเอาเท้าเขี่ยๆ เตะให้ และไม้เด็ด เห่าเสียงดังๆ จนต้องโยนให้นาง
    แต่ๆๆๆ เรื่องไม่ได้จบแค่นั้น เมื่อเราทำบ้านหลังใหม่เสร็จบุญดกน่าจะ แปดเก้าเดือนได้ ย้ายมาอยู่บ้านใหม่กันทั้งครอบครัว ห่างจากที่เดิมนิดหน่อย เรื่องก็เกิดขึ้น เรื่องนี้เป็นเรื่องเหลือเชื่ออยู่บ้าง แต่จนทุกวันนี้ ก็ยังเป็นเรื่องที่ค้างคาใจเราทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์นั้นอยู่ อาจจะไม่น่าเชื่อเท่าไร แต่มันก็เกิดขึ้นจริงกับเราและครอบครัว วันนั้นก็กินข้าวหน้าบ้านกันพร้อมหน้าตามปกติ สามีกลับมาบ้าน บุญดกจะร่าเริงและซนกว่าปกติ เพราะพ่อนางกลับมา นางมีเพื่อนเล่น นางได้เล่นโยนหิน เพราะพ่อนางจะขว้างไปไกลๆ นางชอบมาก นางได้วิ่งไกลๆ  ถ้าพ่อมานางจะเล่นจนเหนื่อยและหลับไปเอง แล้วเรื่องเกิดขึ้นกระทันหันมาก ขณะที่ทุกคนกำลังให้ความสนใจกับข้าวที่อยู่ตรงหน้า บุญดกก็เห่าโวยวายเสียงดังมาก และวิ่งขึ้นแคร่ที่เราๆนั่งกันอยู่ ฝ่าวงกับข้าวแตกกระจาย ด้วยแววตาลุกวาวหวาดกลัวอะไรซักอย่าง ทุกคนตกใจมาก รีบจับตัวบุญดกไว้ แต่อาการคลั่งที่เกิดขึ้น บุญดกแรงเยอะมาก ผู้ชายตัวใหญ่สามคน สู้แรงนางแทบไม่ไหว แว๊บแรกทุกคนคิดว่าโดนยาเบื่อ จึงกรอกไข่ดิบให้บุญดกไปสามลูก แต่อาการไม่ดีขึ้นเลย ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก สามีตัดสินใจเอาบุญดกขึ้นรถ  แล้วเข้าไปตระเวนหาคลินิคที่ยังเปิดอยู่ในเมือง ตอนนั้นเป็นเวลาจะสี่ทุ่ม ปกติก็ไม่มีคลินิคไหนเปิดถึงเวลานี้อยู่แล้ว จังหวัดเราตอนนั้นยังไม่มี รพ.สัตว์ แต่มีที่ต่างอำเภอห่างไปจากบ้านเราประมาณ 50 กิโล สามีเราตัดสินใจเร็วมาก มุ่งไปที่ รพ.แห่งนี้ทันที ณ ตอนนั้นเราเองก็อยู่ภายในรถ บุญดกแข็งขืนอยู่ตลอดเวลา นัยน์ตาลุกวาว หวาดกลัวตลอดเวลา เราไม่สนใจอะไรระหว่างทางทั้งสิ้น ตลอดทางเรากับน้องผู้ชายอีกคนที่ขึ้นรถมาด้วยเฝ้าดูอาการบุญดกตลอดทาง มาถึง รพ.เร็วมาก รพ .เป็นแบบปิด แต่โทรตามได้ตลอดเวลา ทั้งสามคนไม่มีใครถือโทรศัพท์ แต่โชคยังดีที่สามีเอากระเป๋าเงินติดอยู่ในรถ เคาะเอาตังเหรียญ หยอดตู้โทรไปหาหมอ เจ้าของ รพ. ตอนนั้นดึกมากแล้ว โทรประมาณ 5 สายหมอถึงรับโทรศัพท์ แต่ก็ยังดีที่รับ ถึงจะมาช้า แต่อย่างน้อยก็มา  หมอมาดูอาการ หมอไม่มีคำตอบให้ หมอจึงตัดสินใจฉีดยาต้านพิษให้ตามข้อสันนิษฐานของเรา อาการของบุญดกก็สงบลงบ้าง มากกว่าตอนแรกๆ หมอจึงให้กลับบ้านมา ณ ตอนนั้น คิดแค่ว่า แค่เขายังหายใจอยู่ข้างๆเรา แค่นั้นก็พอแล้ว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่