สวัสดีค่ะ นี่เป็นกระทู้แรกของเราเลย ปกติอ่านอย่างเดียว วันนี้เลยอยากมาลองเล่าดูบ้าง
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ
เรื่องหลายๆเรื่องที่เราจะเล่านี้เป็นเรื่องที่เราเจอเองกับตัว เราเองก็บอกไม่ได้ว่าเจออะไร อาจจะเป็นเหตุการ์ณที่เข้าใจผิดไปเองก็ได้ แต่ก็หลอนสำหรับเราอยู่พอควรค่ะ แต่สำหรับบางคนอาจจะเฉยๆเนอะ ฮ่าๆ
เรื่องที่เล่ามันเกิดขึ้นมาหลายปีแล้ว เราอาจจะจำคำพูดเป๊ะๆไม่ได้หมด ต้องขออภัยด้วยนะคะ
ขออนุญาตผู้ที่ถูกกล่าวถึงในเรื่องทุกๆคนด้วยค่ะ
เรื่องแรก
เกิดขึ้นตอนเราเรียนอยู่ม.5 ค่ะ เราเรียนอยู่ร.ร. แถวเอแบค บางนาค่ะ ซึ่งร.ร.อยู่ลึกมากกก อยู่กลางทุ่งเลย ปกติที่ ร.ร. ตอนเย็นๆไม่ค่อยมีคนอยู่ทำกิจกรรมเยอะถ้าไม่ใช่ช่วงกีฬาสี เพราะหารถกลับลำบาก นอกจากจะมีรถผู้ปกครองมารับ หรือเรียกแท็กซี่เข้ามา
แต่เราก็มีเหตุจำเป็นที่จะต้องอยู่ตอนเย็นเพราะเราเลือกเรียนพิเศษกับครี่โรงเรียน ก็มีเพื่อนร่วมเรียนกันด้วยประมาณ 6 - 10 คน จากต่างห้องกัน โดยเรียนตอน 4 โมงเย็นถึง1 ทุ่ม
ร.ร. เรามีสองอาคารค่ะ อาคารแรกเป็นอาคารเรียนธรรมดา อาคารที่สองจะมีโรงอาหารอยู่ชั้นหนึ่ง ข้างบนก็จะเป็นห้องเรียนแล็บวิทยาศาสตร์ ห้องดนตรีไทย ห้องศิลปะ พวกเราก็เรียนกันที่อาคารที่สอง ก็เรียนกันทุกวันไม่มีปัญหาอะไร
จนมาวัน ที่ร.ร.เรา มีรุ่นพี่ผู้ชายที่ร.ร. เค้าเสียชีวิตกลางสนามบอล ซึ่งเป็นที่ที่เราเอาไว้เข้าแถวกันทุกๆวันนั่นแหละค่ะ พี่เค้าเป็นคนตัวเล็ก ชอบเล่นบอล รู้สึกว่าจะช็อคแล้วก็น็อคคาสนามบอลเลยหรืออะไรสักอย่างเราจำไม่ได้ ช่วงนั้นทั้งโรงเรียนเศร้ามาก เพราะเพื่อนพี่เค้าเยอะ เวลาเล่นบอลเพื่อนพี่เค้าก็จะเอาชุดบอล จุดธูป มาวางไว้ข้างๆโกล
อีกอย่างคือนักเรียนหลายๆคนจะไม่กล้าเดินไปใกล้จุดที่พี่เค้าเสียชีวิต มีข่าวลือกันมาบ้างว่าพี่เค้าวนเวียนอยู่ในร.ร. เราก็เชื่อบ้างไม่เชื่อบ้าง ฟังเค้าเล่าๆกันในร.ร.
เย็นวันนึง ขณะที่เรากำลังรอเวลาไปเรียนพิเศษกับเพื่อน สมมติว่าเพื่อนชื่อเอ ละกัน เรากับเอไม่มีอะไรทำ ก็วิ่งแกล้งกันไปมา วิ่งเข้าไปเล่นกันที่อาคารสอง ซึ่งแทบไม่มีคนอยู่เลย โรงอาหารก็ปิดหมด เหลือแต่บันไดทางขึ้นอาคาร ซึ่งบันไดขึ้นอาคารเรียนเนี่ย เค้าจะติดกระจกบานใหญ่ๆไว้ตรงที่เลี้ยวไปอีกช่วงบันไดนึงอ่ะค่ะ คือ พอเดินขึ้นไปจนสุด ก็จะมีกระจก แล้วเราก็เลี้ยวเพื่อจะเดินขึ้นบันไดไปอีกเพื่อให้ถึงชั้นต่อไป ทีนี้ เอ มันก็แกล้งทำทีไปนอนสลบอยู่หน้ากระจกตรงบันได เรียกเท่าไหร่ก็ไม่ตื่น ไม่ลุก เราก็เลยพูดไปว่า
"เล่นอะไรก็ไม่รู้ ไม่รู้หรอว่ามันเป็นทางผีผ่าน"
เอก็รีบลุกเลยค่ะ มันก็ขำกลบเกลื่อนความกลัวไป จริงๆเราไม่รู้หรอกว่ามันเป็นทางผีผ่านจริงไหม พอดีอ่านเรื่องหลอนๆมา เราก็มโนว่าตรงบันไดกับกระจกมันเป็นทางไม่ดี อะไรงี้
จากนั้นก็ไม่มีอะไร เราก็ขึ้นไปรอที่ห้องเรียนพิเศษ พอได้เวลาก็เรียนพิเศษไปตามปรกติ แต่ที่ไม่ปรกติคือเอค่ะ คือเนี่ยจะเป็นคนกวนโอ้ยมาก แล้วชอบกัดหรือแซวเราขำๆเวลาเราเรียน แต่วันนั้นเอนั่งเงียบมากค่ะ ไม่พูด ไม่คุยอะไรกับใครเลย อยู่ๆเอก็สะกิดเรา แล้วบอกเราว่า
"

ๆ พากรูออกไปข้างนอกหน่อย ไปเป็นเพื่อนหน่อย"
เราก็เลยขอครูพาเอออกไปนั่งตรงระเบียงทางเดินนอกห้องเรียน พอออกมาปุป เอก็บอกกับเราว่า กลัว กลัวอะไรไม่รู้ ใจไม่ดีเลย กลัวๆๆ เอหน้าซีดเลยค่ะ มองซ้ายมองขวา ตัวสั่นๆ เอาแต่ระแวง เราก็บอกให้ใจเย็นๆ ไม่รู้จะทำไง เราเลยไปบอกครู ครูก็ไปเอาหลวงปู่ทวดมาให้เอาใส่ในกระเป๋าเสื้อ แล้วบอกให้เอกลับเข้ามานั่งเรียนในห้อง เอก็ทำตามนะคะ แต่เหมือนสติไม่อยู่กับตัว ระแวงอะไรสักอย่างตลอดเวลา
จนเรียนเสร็จหนึ่งทุ่ม เออาการหนักค่ะ จะร้องไห้ ฟูมฟาย เรากับเพื่อนอีกคนก็พยายามพาเอลงไปข้างล่าง โดยลงลิฟต์กันไปเพราะทางบันไดเนี่ยถูกปิดหมดแล้ว พอลงถึงชั้นหนึ่งแล้วเดินผ่านบันไดที่มีกระจกติดอยู่ เอมันก็ร้องไห้เลยค่ะ ปากก็พึมพำว่า ไม่เอา กลัวๆฮือๆ อยู่อย่างนี้ เราก็พยุงมันออกจากอาคารเรียน พอออกมานอกอาคารเรียนได้ เจอสนามบอล เอทรุดเลยค่ะ นั่งร้องไห้อยู่หน้าสนามบอล ฟูมฟายโวยวายมาก เราต้องเรียกเพื่อนอีกคนมาช่วยพยุง เราก็บอกให้เพื่อนรีบพาเอออกไปนอกโรงเรียนก่อน ลากกันไปอย่างทุลักทุเลมาก
พออกจากรั้วโรงเรียนได้เอดีขึ้นค่ะ เหมือนจะใจเย็นลง ไม่โวยวายแล้ว เอนั่งก้มหน้าอยู่ที่ฟุตบาทคนเดียว ไม่คุยกับใคร เราก็โทรเรียกพ่อให้มารับ เอาเอไปส่งด้วย เพราะบ้านเอกับเราไปทางเดียวกัน พอถึงหน้าปากซอยบ้านเอ เอก็บอกจะขอลงตรงนี้ เราจะไปส่งหน้าบ้าน เอก็ไม่ยอม
พอส่งเอเสร็จ เรากลับบ้านก็เล่าให้พ่อกับแม่เราฟัง พ่อเราก็ไม่ค่อยเชื่อ พ่อบอกว่าเอกลัวไปเอง ที่เราไปทัก เอคงกลัวจนจิตตกไป
วันรุ่งขึ้นเราไปถามเพื่อนที่เรียนห้องเดียวกันกับเอ ก็บอก เอไม่มาโรงเรียน เพื่อนที่เรียนพิเศษก็ไม่มีใครพูดอะไรเลย พอวันต่อมา เอกลับมาโรงเรียนแล้ว ยิ้มเหมือนเดิม เฮฮา แต่ที่ทำให้เราตกใจคือ เอใส่เสื้อยันต์ไว้ข้างในเสื้อพละด้วย สงสัยจะกลัวไม่หาย เราก็ถามว่าเป็นอะไรบ้าง
เอเล่าให้เราฟังว่า หลังจากกลับไปถึงบ้าน แม่เอก็โทรไปหาร่างทรง ร่างทักก็ทักเลยว่า ที่ร.ร.เอ มีคนตายใช่ไหม คนที่ตายเป็นผู้ชาย ตัวเล็กๆใช่ไหม เค้า ใส่ชุดร.ด. ด้วยนะ เค้าตามเอ กลับมาด้วย
เค้าเหงา ร่างทรงบอกอีกว่า เค้าอยากง้อแฟนเพราะก่อนตายเพิ่งทะเลาะกับแฟนมา แต่เค้าสื่อสารกับใครไม่ได้ จนมาสื่อกับเอได้
แม่เอก็ถามร่างทรงอีก ว่าพี่เค้าต้องการอะไรอีกไหม ร่างทรงเลยจะให้พี่เค้ามาเข้าร่างเอ เพื่อจะได้สื่อสารกันได้อีก
ร่างทรงบอกให้แม่เอหาน้ำมนต์มาให้เอกิน แล้วจุดธูปเรียกพี่เค้ามา เอกินน้ำมนต์เข้าไปสักพักก็อ้วกออกมามีแต่น้ำเปล่าๆ
ร่างทรงก็บอกว่าพยายามพาพี่เค้าเข้าร่างเอ แต่เข้าไม่ได้ ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน เอก็เบลอๆ ร่างทรงบอกให้ไปทำบุญให้พี่เค้าซะ พี่เค้าไม่ได้มาทำอะไรหรอก
เราฟังจบก็เลยถามเอไปว่า หลวงปู่ทวดที่ครูให้ไปไหน แล้วได้ถอดออกหรือเปล่า เอบอกไม่ได้ถอด ลืมเลยว่าครูให้ไว้ อยู่ในกระเป๋าเสื้อ เราก็เลยคิดว่า ที่พี่เค้าเข้ามาหาเอไม่ได้อีกเพราะหลวงปู่ทวดหรือเปล่า
พอวันเผาพี่เค้ามาถึง ที่ร.ร.ก็มีการพาเพื่อนร่วมห้อง นักเรียนร.ด. กับครูไปงานพี่เค้า เราก็ไปถามคนที่ไปงานเผามาว่าพี่เค้าใส่ชุดอะไร พวกที่ไปก็บอกว่า เห็นตอนเปิดโลง ใส่ชุดร.ด. เราก็แบบ โห ร่างทรงแม่นจัง
อีกไม่กี่วันต่อมา เราก็ได้ยินว่าที่ร.ร.เราทำพิธีเชิญพี่เค้าออกจากร.ร. ทั้งพิธีพุทธ พิธี พราหมณ์
หลังจากนั้นก็ไม่มีอะไรมาก เอก็เป็นปกติ แต่ไม่พูดเรื่องที่เกิดขึ้นเลย แล้วเอก็ใส่เสื้อยันต์ซับในมาโรงเรียนทุกวันเป็นเดือน ส่วนเราก็บอกกับตัวเองว่าจะไม่ทักอะไรแปลกๆอีกแล้ว
เรื่องที่สอง
เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นตอนปิดเทอมช่วงที่เรากำลังจะขึ้นปีหนึ่งค่ะ
ช่วงนั้นเรารู้จักพี่คนหนึ่งผ่านทางทวิตเตอร์ เราก็สนิทกัน คุยกันตามประสาแฟนคลับศิลปิน
สมมติว่าพี่คนนี้ชื่อพี่นิดนะคะ พี่นิดบอกว่าพี่นิดเป็นคนมีเซนส์ บางทีก็เห็น หรือรับรู้อะไรแปลกๆ พี่นิดยังบอกอีกด้วยว่า หอที่พี่แกอยู่เนี่ยมีของ บางทีอยู่ในห้องเหมือนมีคนอยู่ด้วย บางทีก็เห็นผู้หญิงวนๆเวียนๆอยู่ในหอ
มีวันนึงเรากับพี่นิดคุยสไกป์กันค่ะ ตอนนั้นน่าจะช่วงสองสามทุ่ม ตอนแรกก็เม้ามอยกันไปเรื่อย เราใส่เฮดโฟนแบบครอบหูนะคะ ไม่ได้เปิดลำโพง คุยกันอยู่ดีๆ เราก็ได้ยินเสียงผู้หญิงหัวเราะ คิกคัก แบบ
อิอิ อิอิ ชัดมากก แบบเหมือนหัวเราะใส่ไมค์แทรกเข้ามาในเฮดโฟนขณะที่เราคุยกะพี่นิดอยู่ พอเราได้ยิน เราก็เงียบไปแปปนึง คิดว่าตัวเองหูฝาด แล้วก็คุยกันต่อ
สักพักเราก็บอกพี่เค้าว่า ตะกี้เราได้ยินเสียงเหมือนผู้หญิงหัวเราะดังอยู่ข้างๆ
พี่เค้าก็เงียบไปแปปนึง แล้วพี่เค้าก็บอกว่า พี่เค้าก็ได้ยินเหมือนกัน แต่ไม่กล้าบอกเรา เพราะกลัวเรากลัว เรานี่หลอนเลยค่ะ วางสายสไกป์เลย
ผ่านมาอีกพักนึง ยังไม่เข็ด เราก็โทรสไกป์คุยกับพี่เค้าเหมือนเดิม คราวนี้มาเหมือนเดิมค่ะ เป็นเสียง แต่ไม่ใช่เสียงหัวเราะค่ะ เป็นเสียงครางฮือออออออ ยาวๆแทรกเข้ามา ชัดเจนมากกกก ติดหูเลยค่ะ ฮืออออ อืออออออ เรานี่ขนลุกเกรียว ขอวางสายแล้วแชทเอาดีกว่า บอกพี่เค้าว่าได้ยินอีกแล้ว เป็นเสียงคราง พี่นิดก็บอกว่า
"อือ พี่ก็รู้สึกเหมือนมีคนอื่นอยู่ด้วยสักพักแล้ว เนี่ย มีผู้หญิงมายืนดูพี่อยู่นอกระเบียง"
เรานี่ ขนลุกพรึ่บๆ แล้วก็ไม่กล้าคุยสไกป์กะพี่เค้าอีกเลย
มีอีกประมาณสองเรื่องค่ะ ค่อนข้างยาวหน่อย ถ้าจำเรื่องอื่นๆได้อีกจะขุดมาเล่าให้ฟังนะคะ
เล่าประสบการ์ณลึกลับที่เคยเจอ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ
เรื่องหลายๆเรื่องที่เราจะเล่านี้เป็นเรื่องที่เราเจอเองกับตัว เราเองก็บอกไม่ได้ว่าเจออะไร อาจจะเป็นเหตุการ์ณที่เข้าใจผิดไปเองก็ได้ แต่ก็หลอนสำหรับเราอยู่พอควรค่ะ แต่สำหรับบางคนอาจจะเฉยๆเนอะ ฮ่าๆ
เรื่องที่เล่ามันเกิดขึ้นมาหลายปีแล้ว เราอาจจะจำคำพูดเป๊ะๆไม่ได้หมด ต้องขออภัยด้วยนะคะ
ขออนุญาตผู้ที่ถูกกล่าวถึงในเรื่องทุกๆคนด้วยค่ะ
เรื่องแรก
เกิดขึ้นตอนเราเรียนอยู่ม.5 ค่ะ เราเรียนอยู่ร.ร. แถวเอแบค บางนาค่ะ ซึ่งร.ร.อยู่ลึกมากกก อยู่กลางทุ่งเลย ปกติที่ ร.ร. ตอนเย็นๆไม่ค่อยมีคนอยู่ทำกิจกรรมเยอะถ้าไม่ใช่ช่วงกีฬาสี เพราะหารถกลับลำบาก นอกจากจะมีรถผู้ปกครองมารับ หรือเรียกแท็กซี่เข้ามา
แต่เราก็มีเหตุจำเป็นที่จะต้องอยู่ตอนเย็นเพราะเราเลือกเรียนพิเศษกับครี่โรงเรียน ก็มีเพื่อนร่วมเรียนกันด้วยประมาณ 6 - 10 คน จากต่างห้องกัน โดยเรียนตอน 4 โมงเย็นถึง1 ทุ่ม
ร.ร. เรามีสองอาคารค่ะ อาคารแรกเป็นอาคารเรียนธรรมดา อาคารที่สองจะมีโรงอาหารอยู่ชั้นหนึ่ง ข้างบนก็จะเป็นห้องเรียนแล็บวิทยาศาสตร์ ห้องดนตรีไทย ห้องศิลปะ พวกเราก็เรียนกันที่อาคารที่สอง ก็เรียนกันทุกวันไม่มีปัญหาอะไร
จนมาวัน ที่ร.ร.เรา มีรุ่นพี่ผู้ชายที่ร.ร. เค้าเสียชีวิตกลางสนามบอล ซึ่งเป็นที่ที่เราเอาไว้เข้าแถวกันทุกๆวันนั่นแหละค่ะ พี่เค้าเป็นคนตัวเล็ก ชอบเล่นบอล รู้สึกว่าจะช็อคแล้วก็น็อคคาสนามบอลเลยหรืออะไรสักอย่างเราจำไม่ได้ ช่วงนั้นทั้งโรงเรียนเศร้ามาก เพราะเพื่อนพี่เค้าเยอะ เวลาเล่นบอลเพื่อนพี่เค้าก็จะเอาชุดบอล จุดธูป มาวางไว้ข้างๆโกล
อีกอย่างคือนักเรียนหลายๆคนจะไม่กล้าเดินไปใกล้จุดที่พี่เค้าเสียชีวิต มีข่าวลือกันมาบ้างว่าพี่เค้าวนเวียนอยู่ในร.ร. เราก็เชื่อบ้างไม่เชื่อบ้าง ฟังเค้าเล่าๆกันในร.ร.
เย็นวันนึง ขณะที่เรากำลังรอเวลาไปเรียนพิเศษกับเพื่อน สมมติว่าเพื่อนชื่อเอ ละกัน เรากับเอไม่มีอะไรทำ ก็วิ่งแกล้งกันไปมา วิ่งเข้าไปเล่นกันที่อาคารสอง ซึ่งแทบไม่มีคนอยู่เลย โรงอาหารก็ปิดหมด เหลือแต่บันไดทางขึ้นอาคาร ซึ่งบันไดขึ้นอาคารเรียนเนี่ย เค้าจะติดกระจกบานใหญ่ๆไว้ตรงที่เลี้ยวไปอีกช่วงบันไดนึงอ่ะค่ะ คือ พอเดินขึ้นไปจนสุด ก็จะมีกระจก แล้วเราก็เลี้ยวเพื่อจะเดินขึ้นบันไดไปอีกเพื่อให้ถึงชั้นต่อไป ทีนี้ เอ มันก็แกล้งทำทีไปนอนสลบอยู่หน้ากระจกตรงบันได เรียกเท่าไหร่ก็ไม่ตื่น ไม่ลุก เราก็เลยพูดไปว่า
"เล่นอะไรก็ไม่รู้ ไม่รู้หรอว่ามันเป็นทางผีผ่าน"
เอก็รีบลุกเลยค่ะ มันก็ขำกลบเกลื่อนความกลัวไป จริงๆเราไม่รู้หรอกว่ามันเป็นทางผีผ่านจริงไหม พอดีอ่านเรื่องหลอนๆมา เราก็มโนว่าตรงบันไดกับกระจกมันเป็นทางไม่ดี อะไรงี้
จากนั้นก็ไม่มีอะไร เราก็ขึ้นไปรอที่ห้องเรียนพิเศษ พอได้เวลาก็เรียนพิเศษไปตามปรกติ แต่ที่ไม่ปรกติคือเอค่ะ คือเนี่ยจะเป็นคนกวนโอ้ยมาก แล้วชอบกัดหรือแซวเราขำๆเวลาเราเรียน แต่วันนั้นเอนั่งเงียบมากค่ะ ไม่พูด ไม่คุยอะไรกับใครเลย อยู่ๆเอก็สะกิดเรา แล้วบอกเราว่า
"
เราก็เลยขอครูพาเอออกไปนั่งตรงระเบียงทางเดินนอกห้องเรียน พอออกมาปุป เอก็บอกกับเราว่า กลัว กลัวอะไรไม่รู้ ใจไม่ดีเลย กลัวๆๆ เอหน้าซีดเลยค่ะ มองซ้ายมองขวา ตัวสั่นๆ เอาแต่ระแวง เราก็บอกให้ใจเย็นๆ ไม่รู้จะทำไง เราเลยไปบอกครู ครูก็ไปเอาหลวงปู่ทวดมาให้เอาใส่ในกระเป๋าเสื้อ แล้วบอกให้เอกลับเข้ามานั่งเรียนในห้อง เอก็ทำตามนะคะ แต่เหมือนสติไม่อยู่กับตัว ระแวงอะไรสักอย่างตลอดเวลา
จนเรียนเสร็จหนึ่งทุ่ม เออาการหนักค่ะ จะร้องไห้ ฟูมฟาย เรากับเพื่อนอีกคนก็พยายามพาเอลงไปข้างล่าง โดยลงลิฟต์กันไปเพราะทางบันไดเนี่ยถูกปิดหมดแล้ว พอลงถึงชั้นหนึ่งแล้วเดินผ่านบันไดที่มีกระจกติดอยู่ เอมันก็ร้องไห้เลยค่ะ ปากก็พึมพำว่า ไม่เอา กลัวๆฮือๆ อยู่อย่างนี้ เราก็พยุงมันออกจากอาคารเรียน พอออกมานอกอาคารเรียนได้ เจอสนามบอล เอทรุดเลยค่ะ นั่งร้องไห้อยู่หน้าสนามบอล ฟูมฟายโวยวายมาก เราต้องเรียกเพื่อนอีกคนมาช่วยพยุง เราก็บอกให้เพื่อนรีบพาเอออกไปนอกโรงเรียนก่อน ลากกันไปอย่างทุลักทุเลมาก
พออกจากรั้วโรงเรียนได้เอดีขึ้นค่ะ เหมือนจะใจเย็นลง ไม่โวยวายแล้ว เอนั่งก้มหน้าอยู่ที่ฟุตบาทคนเดียว ไม่คุยกับใคร เราก็โทรเรียกพ่อให้มารับ เอาเอไปส่งด้วย เพราะบ้านเอกับเราไปทางเดียวกัน พอถึงหน้าปากซอยบ้านเอ เอก็บอกจะขอลงตรงนี้ เราจะไปส่งหน้าบ้าน เอก็ไม่ยอม
พอส่งเอเสร็จ เรากลับบ้านก็เล่าให้พ่อกับแม่เราฟัง พ่อเราก็ไม่ค่อยเชื่อ พ่อบอกว่าเอกลัวไปเอง ที่เราไปทัก เอคงกลัวจนจิตตกไป
วันรุ่งขึ้นเราไปถามเพื่อนที่เรียนห้องเดียวกันกับเอ ก็บอก เอไม่มาโรงเรียน เพื่อนที่เรียนพิเศษก็ไม่มีใครพูดอะไรเลย พอวันต่อมา เอกลับมาโรงเรียนแล้ว ยิ้มเหมือนเดิม เฮฮา แต่ที่ทำให้เราตกใจคือ เอใส่เสื้อยันต์ไว้ข้างในเสื้อพละด้วย สงสัยจะกลัวไม่หาย เราก็ถามว่าเป็นอะไรบ้าง
เอเล่าให้เราฟังว่า หลังจากกลับไปถึงบ้าน แม่เอก็โทรไปหาร่างทรง ร่างทักก็ทักเลยว่า ที่ร.ร.เอ มีคนตายใช่ไหม คนที่ตายเป็นผู้ชาย ตัวเล็กๆใช่ไหม เค้า ใส่ชุดร.ด. ด้วยนะ เค้าตามเอ กลับมาด้วย
เค้าเหงา ร่างทรงบอกอีกว่า เค้าอยากง้อแฟนเพราะก่อนตายเพิ่งทะเลาะกับแฟนมา แต่เค้าสื่อสารกับใครไม่ได้ จนมาสื่อกับเอได้
แม่เอก็ถามร่างทรงอีก ว่าพี่เค้าต้องการอะไรอีกไหม ร่างทรงเลยจะให้พี่เค้ามาเข้าร่างเอ เพื่อจะได้สื่อสารกันได้อีก
ร่างทรงบอกให้แม่เอหาน้ำมนต์มาให้เอกิน แล้วจุดธูปเรียกพี่เค้ามา เอกินน้ำมนต์เข้าไปสักพักก็อ้วกออกมามีแต่น้ำเปล่าๆ
ร่างทรงก็บอกว่าพยายามพาพี่เค้าเข้าร่างเอ แต่เข้าไม่ได้ ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน เอก็เบลอๆ ร่างทรงบอกให้ไปทำบุญให้พี่เค้าซะ พี่เค้าไม่ได้มาทำอะไรหรอก
เราฟังจบก็เลยถามเอไปว่า หลวงปู่ทวดที่ครูให้ไปไหน แล้วได้ถอดออกหรือเปล่า เอบอกไม่ได้ถอด ลืมเลยว่าครูให้ไว้ อยู่ในกระเป๋าเสื้อ เราก็เลยคิดว่า ที่พี่เค้าเข้ามาหาเอไม่ได้อีกเพราะหลวงปู่ทวดหรือเปล่า
พอวันเผาพี่เค้ามาถึง ที่ร.ร.ก็มีการพาเพื่อนร่วมห้อง นักเรียนร.ด. กับครูไปงานพี่เค้า เราก็ไปถามคนที่ไปงานเผามาว่าพี่เค้าใส่ชุดอะไร พวกที่ไปก็บอกว่า เห็นตอนเปิดโลง ใส่ชุดร.ด. เราก็แบบ โห ร่างทรงแม่นจัง
อีกไม่กี่วันต่อมา เราก็ได้ยินว่าที่ร.ร.เราทำพิธีเชิญพี่เค้าออกจากร.ร. ทั้งพิธีพุทธ พิธี พราหมณ์
หลังจากนั้นก็ไม่มีอะไรมาก เอก็เป็นปกติ แต่ไม่พูดเรื่องที่เกิดขึ้นเลย แล้วเอก็ใส่เสื้อยันต์ซับในมาโรงเรียนทุกวันเป็นเดือน ส่วนเราก็บอกกับตัวเองว่าจะไม่ทักอะไรแปลกๆอีกแล้ว
เรื่องที่สอง
เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นตอนปิดเทอมช่วงที่เรากำลังจะขึ้นปีหนึ่งค่ะ
ช่วงนั้นเรารู้จักพี่คนหนึ่งผ่านทางทวิตเตอร์ เราก็สนิทกัน คุยกันตามประสาแฟนคลับศิลปิน
สมมติว่าพี่คนนี้ชื่อพี่นิดนะคะ พี่นิดบอกว่าพี่นิดเป็นคนมีเซนส์ บางทีก็เห็น หรือรับรู้อะไรแปลกๆ พี่นิดยังบอกอีกด้วยว่า หอที่พี่แกอยู่เนี่ยมีของ บางทีอยู่ในห้องเหมือนมีคนอยู่ด้วย บางทีก็เห็นผู้หญิงวนๆเวียนๆอยู่ในหอ
มีวันนึงเรากับพี่นิดคุยสไกป์กันค่ะ ตอนนั้นน่าจะช่วงสองสามทุ่ม ตอนแรกก็เม้ามอยกันไปเรื่อย เราใส่เฮดโฟนแบบครอบหูนะคะ ไม่ได้เปิดลำโพง คุยกันอยู่ดีๆ เราก็ได้ยินเสียงผู้หญิงหัวเราะ คิกคัก แบบ
อิอิ อิอิ ชัดมากก แบบเหมือนหัวเราะใส่ไมค์แทรกเข้ามาในเฮดโฟนขณะที่เราคุยกะพี่นิดอยู่ พอเราได้ยิน เราก็เงียบไปแปปนึง คิดว่าตัวเองหูฝาด แล้วก็คุยกันต่อ
สักพักเราก็บอกพี่เค้าว่า ตะกี้เราได้ยินเสียงเหมือนผู้หญิงหัวเราะดังอยู่ข้างๆ
พี่เค้าก็เงียบไปแปปนึง แล้วพี่เค้าก็บอกว่า พี่เค้าก็ได้ยินเหมือนกัน แต่ไม่กล้าบอกเรา เพราะกลัวเรากลัว เรานี่หลอนเลยค่ะ วางสายสไกป์เลย
ผ่านมาอีกพักนึง ยังไม่เข็ด เราก็โทรสไกป์คุยกับพี่เค้าเหมือนเดิม คราวนี้มาเหมือนเดิมค่ะ เป็นเสียง แต่ไม่ใช่เสียงหัวเราะค่ะ เป็นเสียงครางฮือออออออ ยาวๆแทรกเข้ามา ชัดเจนมากกกก ติดหูเลยค่ะ ฮืออออ อืออออออ เรานี่ขนลุกเกรียว ขอวางสายแล้วแชทเอาดีกว่า บอกพี่เค้าว่าได้ยินอีกแล้ว เป็นเสียงคราง พี่นิดก็บอกว่า
"อือ พี่ก็รู้สึกเหมือนมีคนอื่นอยู่ด้วยสักพักแล้ว เนี่ย มีผู้หญิงมายืนดูพี่อยู่นอกระเบียง"
เรานี่ ขนลุกพรึ่บๆ แล้วก็ไม่กล้าคุยสไกป์กะพี่เค้าอีกเลย
มีอีกประมาณสองเรื่องค่ะ ค่อนข้างยาวหน่อย ถ้าจำเรื่องอื่นๆได้อีกจะขุดมาเล่าให้ฟังนะคะ