[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ ความในใจของมนุษย์เงียบ(เพศชาย) ที่อยากให้หลายคนรู้
กระทู้สนทนา
ความรักวัยรุ่นความรักวัยทำงานชีวิตวัยรุ่น
สาวๆบางท่านอาจจะงงๆ ว่ามนุษย์เงียบมันคืออะไร หรือกำลังสนใจหรืออยากรู้จักกับมนุษย์เงียบให้มากขึ้น (พูดเหมือนชวนมาดูของแปลกเลยแฮะ =__=") ก็ขอติดตามรับชมกันได้ ณ บัดนาววว เพี้ยนแช๊ะ เพี้ยนแช๊ะ
สวัสดีสาวๆ ทั้งหลายครับ เห็นพวกผมเงียบๆ แบบนี้ แต่ก็มีความในใจมากมายที่อยากจะบอกนะ อมยิ้ม07
เริ่มทำความรู้จัก มาทำความรู้จักมนุษย์เงียบกันก่อนจีบครับ
1. นิยามของมนุษย์เงียบ (ส่วนมากเท่าที่ จขกท.รู้จักและเป็นเอง) คือ ซื่อๆ เรียบง่าย จริงใจ ไม่หวือหวา ไม่พูดมาก ติดติสท์นิดๆ(ในบางคน) เซอๆ แต่ถ้าเอาจริงขึ้นมาทุกคนมีตะลึงครับ เปรียบให้เว่อร์ๆก็เหมือนเพชรในตม ผ้าขี้ริ้วห่อทองอะไรประมาณนี้แหละครับ ดังนั้นคุณผู้หญิง อย่าได้หวังอะไรหวือหวามี โมเม้นต์ฟรุ้งฟริ้งมากมายนะครับและบางคนอาจมีนิสัยคล้ายๆ กับผู้หญิงบางส่วน คือจู้จี้จุกจิกไปบ้างแต่ในใจลึกๆ ไม่มีอะไรหรอกครับ พวกเราส่วนใหญ่ค่อนข้างใจเย็นโกรธใครยาก เรียกว่าจุดเดือดอยู่สูงมากกกแต่ถ้าทะลุจุดเดือดขึ้นมาก็อย่าหาว่าไม่เตือนนะครับและกรุณาอย่ามาเจอกันอีกเลยดีกว่า อีกประการคือเห็นเงียบๆ แต่ไม่ได้เฉยจนไม่รู้ทันใครนะครับ ขอบอก อมยิ้ม05
2. เห็นพวกผมเงียบๆ ไม่ค่อยคุยจนดูเย็นชา แต่ความจริงในหัวในใจผมน่ะ มันหมุนติ้วไปหลายสิบตลบ คิดไปหลายโปรเจ็กต์ มโนฟรุ้งฟริ้งเม่าบัลเล่ต์ เพราะอยากคุยอยากหาอะไรทำและอยากรู้จักคุณนะ อยากเข้าหาแต่ไม่กล้าเข้าใกล้ กลายเป็นหนุ่มซึนเดเระ (แปลง่ายๆสำหรับคนไม่รู้ ว่าคือปากอย่างใจอย่างนั่นแหละ) ก็มี เฮ้อ แปลกแท้หนอ Facepalm
3. เห็นพวกผมเงียบๆ ไม่ค่อยเม้ามอยหรือทำหน้านิ่งๆ จนดูน่ากลัวเหมือนพวกเจ้าเล่ห์หรือไปโกรธใครมา ความจริงหน้าผมมันเป็นอย่างนั้นอยู่แล้วแหละ มาทักได้นะครับไม่กัดหรอก ยังยิ้มยังคุยได้ปกติเพียงแต่ไม่ค่อยมีเรื่องจะพูดถ้าจะคุยก็คุยแต่เรื่องงานการอะไรที่จริงๆจังๆ ไม่ค่อยมีมุข และชอบฟังมากกว่าพูดเท่านั้นเองครับ ไม่ได้เยอะอะไร เหมือนเป็นพวกหยิ่งแต่ที่จริงน่ะผมอาย (เล่นเพลงเก่าซะหน่อย หุๆ) เพี้ยนเพลีย
4. พวกมนุษย์เงียบ (ส่วนมากเท่าที่จขกท.รู้จัก) มักไม่ค่อยพูด แต่ถ้าเป็นคอเดียวกันละก็ เม้ากันยิ่งกว่าไฟลามทุ่งเสียอีก เพี้ยนไฟลุก
5 สเปคของพวกมนุษย์เงียบ(ส่วนมากเท่าที่จขกท.รู้จัก) ชอบคนที่คุยสนุก ร่าเริง อยู่แล้วสบายใจ เพราะเหตุผลข้างต้นครับ
6. คนเงียบๆ บางคนก็มีมนุษยสัมพันธ์ดีหรือสายTalkative จนน่าจะเจ้าชู้ แต่กับคุณผมกลายเป็นมนุษย์ไม่สัมพันธ์เสียแล้ว อ้ำๆอึ้งๆ หาเรื่องคุยไม่ได้ คิดไม่ออกเลยว่าจะเริ่มยังไงและต้องระวังตัวตลอดเวลาเมื่ออยู่กับคุณ เพราะกลัวจะทำให้คุณไม่ชอบผมนี่แหละ ร้องไห้
7. พวกผมเป็นพวกมโนฯเก่งแต่ปฏิบัติไม่เก่งเสียเลย อาจทำให้ไม่โรแมนติคหรือสนุกสนานเท่าไหร่ก็ขอได้โปรดอย่าถือสาหาความ แต่บางคนในหมู่มนุษย์เงียบ อาจมีความสามารถรอบด้านอย่างลับๆ รอให้คุณค้นหา สรุปที่อยากจะบอกคือความจริงใจพวกผมเกินร้อยครับ เพี้ยนไฟลุก
8. เห็นพวกผมเงียบๆ แต่ผมก็มีสิ่งที่สนใจ ทุ่มเทให้ บางคนอาจถึงขั้นพหูสูต เป็น Geek Nerd ตามแต่จะเรียกและแน่นอนคุณด้วย รับรองไม่ทำให้ผิดหวังแน่
9. ผมชอบคุณนะหัวใจ แต่ผมไม่แสดงออกหรอก เพราะเดี๋ยวคุณจะได้ใจ หาว่าผมใจง่าย แต่เชื่อไหม นอกจากคุณ ผมไม่เคยคิดจะทำแบบนี้กับใครหรอกนะ ถึงเวลาพวกผมจะบอกเองแม้อาจจะช้าไปหน่อย แต่ผมเชื่อในเซ้นส์ของคุณผู้หญิงครับว่าคุณดูออกว่าผมชอบคุณอยู่ 555 แต่บางทีถ้าคุณผู้หญิงใจตรงกันก็ช่วยนำผมด้วยการบอกก่อนได้เลยนะครับ ผมยินดีเสียอีกที่ใจเราตรงกัน ไม่ต้องเสียเวลามาก แต่พวกเงียบๆบางคนนึกจะบอกก็บอกเลยไม่ให้ทันตั้งตัวหรือแกล้งเฉไฉก่อนสารภาพรักก็มีเหมือนกันครับ แต่เพื่อไม่ให้เสียเวลาคุณผู้หญิงจัดไปเลยครับ
10. มนุษย์เงียบ มักเป็นพวกอยู่กับความเป็นจริง ชอบคิดอิสระหรือทำอะไรแปลกๆ ดังนั้นอย่าตกใจที่จะเห็นพวกเราทำอะไรที่ชาวบ้านเขาไม่ทำกัน (แต่ไม่ทำอะไรหลุดโลกแน่ครับ) หรือเป็นพวกขวางโลก หรือทำอะไรเปิ่นๆนะครับ เพราะพวกเรามองว่ามันไม่ได้สร้างความเสียหายให้ใครหรือบางทีเชื่อว่ามันก็ควรจะเป็นแบบนั้นอยู่แล้วเลยทำลงไป แต่บางคนอาจขี้อายจนไม่กล้าทำอะไรก็มีครับ
11. มนุษย์เงียบ มักมีสกิลคนโสดติดตัวเสมอ คือ พึ่งพาตัวเองสูง ชอบอิสระ สบายตัว ทำอะไรได้สารพัดถ้านึกจะทำ เท่ ทำให้ไม่ยักกะอยากมีแฟนเท่าไหร่ (ทั้งๆที่บางเวลาก็อยากมีใจแทบขาดร้องไห้) ก็ยิ่งไปกันใหญ่สำหรับคนที่คิดจะเข้ามาในโลกส่วนตัวของมนุษย์เงียบเลยละ 555
12. เชื่อไหมพวกเงียบๆ ที่คุยไม่เก่ง ถ้าให้จิ้มข้อความไลน์/เฟส แทนเนี่ย ไฟแลบเลยละ และคุณจะได้ความคิดดีๆ ความจริงใจจากพวกเขาก็ตอนนี้แหละ จะให้ง้างปากพูดสู้จับนิ้วจิ้มยังง่ายกว่า เม่าเคาะซื้อ
13. มนุษย์เงียบๆ บางคนอาจยอมเป็นเบี้ย เป็นลูกล่างให้คุณนั่นก็เพราะเขาชอบคุณ จริงใจกับคุณ เพราะงั้นอย่าเห็นพวกเขาเป็นเพียงหัวหลักหัวตอ คนรับใช้และหลอกใช้ได้ง่ายๆ เพราะเมื่อวันนึงคุณโดนคนที่คุณคิดว่ารักจริงๆ หักหลังและกลับมาหาพวกผม พวกผมคงทำใจลำบากที่ต้องอยู่กับคุณจนเหมือนเป็นศาลาพักใจริมทางเท่านั้น คนเงียบๆ ก็มีหัวใจ หัวใจและอย่าคิดว่าเรารู้ไม่ทันนะจ๊ะ
14. มนุษย์เงียบๆ แต่พอได้เปิดปากโปรดระวัง ท่านจะอึ้งในสิ่งที่เขาพูด ทั้งคติธรรม คำหวานหลุดโลกและคำประชดเสียดสีที่ท่านไม่เคยได้ยินจากที่ไหนมาก่อน ซวยๆหน่อยอาจเจอเหล็ก 100 ตันลอยมาได้ ถ้าท่านไม่ระวังให้ดี แต่เขาไม่ได้มีอะไรในใจลึกๆหรอกนะ (แต่คนรอบข้างตายเกลื่อนไปแล้วละ เม่าบาดเจ็บเม่าบาดเจ็บ)
15. เห็นเงียบๆ แบบนี้แต่มนุษย์เงียบ มีสาระ คติ ธรรมะ แง่คิดดีๆเยอะนะจะบอกให้ และจะชอบคุยแนวพัฒนาจตนเองมาก บางทีสาวๆอาจจะงง ว่าอิชั้นกะลังคุยกะพระรึเปล่าเนี่ยเม่าฝึกจิต ช่วยไม่ได้นะครับ เพราะเราเป็นพวกชอบสอนคนอื่นมากกก (แต่มักไม่ค่อยเอามาทำเองเท่าไหร่หรอก 555)
มีต่อเม้นต์ล่างครับ
ตอน 2 http://pantip.com/topic/32880019/comment7
ตอน 3 (จบ) http://pantip.com/topic/32880019/comment12
คำขอบคุณและฉลองเม้นที่300 ไปในตัว อิๆ
http://pantip.com/topic/32880019/comment300
เม้นต์แนะนำที่จะทำให้คุณผู้หญิงเข้าถึงมนุษย์
เงียบมากขึ้นครับ เยี่ยม
http://pantip.com/topic/32880019/comment32-1 โดยคุณกิ่งกัลปพฤกษ์
อ่านแล้วมันโดนทุกข้อที่บอกมาเลยค่ะ......เพราะแฟนเราเป็นมนุษย์เงียบ(คบมา3ปีจะเข้าปีที่สี กับอายุเราที่เขาเลข3ต้นๆ)
.....แต่จะทำยังไงดีล่ะคะ....เมื่อเราจะต้องเตรียมงานแต่งงานกับมนุษย์เงียบ ที่ว่างเปล่าและเดาใจไม่ถูก..... ไม่รู้จะทำไงดี
....... สืบเนื่องมาจากสงกรานต์ที่ผ่านมาเราได้กลับไปบ้านแฟนและคำพูดแรกที่เจอหน้าพ่อ แม่ และ ญาติพี่น้องของแฟน
คือ แต่งงานได้แล้วมั้งแต่งเห่อ แต่งแล้วก็ลงมาอยู่กับแม่นะมาทำงานที่บ้านเนี้ยช่วยแม่ทำ มาดูบ้านด้วยแม่ก็จะปลูกให้เรา2
คนนี่แหละ พ่อกับแม่ก็แก่แล้ว เดี๋ยวไปดูฤกษ์กัน แม่อยากได้สักเดือนกันยา.... เราก็เออคิดในใจ(เออ!!!!เร็วไปไหมค่ะหนู
เตรียมตัวไม่ทัน นั่นนี้โน้นโอ้ย..มโนไปเยอะ ... ดีใจจะได้แต่งงานล่ะ...) สิ่งที่พูดไปแล้วแต่ค่ะยังไงก็ได้
.... หันไปมองแฟน ... เงียบไม่มีอะรไเกิดขึ้น .. อึ่มไม่เป็นไร
.... ก็คุยนั้นโน้นนี้สิ้นสอดยังไงจัดการยังไง แต่งแบบไหนคงต้องจัดสองที่นะ กทม. กับที่ บ้านแฟน แม่ตั้งงบไว้ล่ะ สินสอด
ค่าจัดงาน เราโอเคไหม พ่อ - แม่ ว่าไง (พ่อแม่เราไม่มีปัญหาอยู่แล้วยังไงก็ได้ เพราะเราเคยคุยกันไว้ว่าถ้าแต่งเราชอบงานเล็กๆ
เชิญแต่ญาติผู้ใหญ่ เพื่อนสนิท บรรยากาศกันเองเอาแบบไม่เปลือง เเขกไม่น่าจะเกิน200คน) ซึ่งในตลอดระยะเวลาที่อยู่บ้านแฟน
เรากับแม่และพี่สาวของเขาจะคุยกันตลอด เรื่องงานแต่ง เวลาไปทำบุญ ทานข้าว หรือเจอญาติพี่น้อง แม่เขาก็จะคุย แต่งงานลูกชาย
อย่าลืมมากันนะ เดี๋ยวได้ฤกษ์แล้วจะบอก
..... แต่ทุกครั้งที่เอ่ยหรือคุยเรื่องพวกนี้ เมื่อเราหันไปหาแฟนเราจะไม่มีคนพูดใดใด ..... ออกมาจากปากเขาเลย
มนุษย์เงียบมันมาอีกแล้ว เราก็จะเพลาลงและไม่พูดอะไรมาก ไม่อยากออกตัวเเรงงงง .... เขาไม่พูด.....เราก็ไม่ถามไม่เอ่ย
เวลาอยู่กัน2คน จนแม่ของแฟนก็คงสงสัย เขาก็ถามลูกชายเขาต่อหน้าเราเลยนะ สรุปจะแต่งไหมแม่ถามจริงๆ แต่งแล้วก็ลงมาอยู่บ้าน
มาดูบ้านที่จะสร้างใหม่ด้วย เพราะให้พ่อกับเเม่ดูก็คงจะไม่รู้เรื่อง ... กลัวจะโดนผู้รับเหมาจะโกงอ่ะ พ่อก็ไม่ค่อยดี (พอดีเมื่อ2ปีก่อน
คุณพ่อของแฟนเส้นเลืดฝอยในสมองแต่ค่ะ นะปัจจุบันนี้ก็เดินเหินไม่ค่อยสะดวก เวลาจะพูดจะทำไรก็ช้าหน่อย อยู่บ้านกัน2คนตายาย
เพราะลูกๆ2คนอยู่กรุงเทพหมด ประกอบกับพี่สาวเขาก็ทำธุรกิจอยู่กรุงเทพฯ จะให้ลงมาก็คงลำบากเพราะธุรกิจและครอบครัว..........
แฟนเราเขาก็อยากกลับบ้านไปดูพ่อกับแม่ แต่เขาอยากกลับไปแบบมีเงินเก็บ สักก้อนโดยไม่ต้องพึงเงินจากแม่และพี่สาว) แต่เข้าก็
ไม่ตอบอะไรบอกแต่ไม่มีเงิน...แม่เขาก็ค้อนนะบ่นว่าแม่มี ยังต้องใช้เงินอะไรอีก แต่งแล้ว แม่ก็จะให้เงินมาทำทุน
ส่วนแม่เราก็บอกสินสอดได้มาเท่าไหร่เขาก็คืนให้เรากับเเฟนมาทำทุนเหมือนกัน
..... หลังจากกลับมาทำงานมาเจอเพื่อนฝูงเขาก็เเซว สรุปได้ฤกษ์ยังได้ปีนี้ไหม แต่งเมื่อไหร่ แฟนเราเข้าก็เงียบอีกแล้ว ...
จะทำไงดี... ล่าสุดเมื่อวันก่อนนั้งทานข้าวกันก็เลยถามเขาค่ะว่า สรุปจะแต่งงานกับเราไหม ( คือเราก็อึดอีดกับการที่เขาเงียบ
เราก็เงียบมาตลอดไม่เคยถามเขาเลย ไม่เคยมีทีท่าเรื่องการแต่งงาน แต่ด้วยคนรอบข้างมากระตุ้นมันก็แขวนะ ) เงียบคงเป็นคำตอบ
ที่ดีที่สุดมั้ง สำหรับเขา ... พอโดนเงียบใส่เราก็ดร่าม่าเลยจร้า ไม่พอใจอะไร คิดว่าเรายังไม่ใช่เหรอ มีอะไรบอกมาเลย ถ้าเราไม่ใช่
ไม่ต้องเกรงใจนะ จะได้ไม่เสียเวลาของทั้งคู่ ฉันก็อายุเยอะแล้ว.....คนเขาก็ถามกัน ไม่รู้จะตอบยังไง ....

จะเอาไงกะกรูฟะ ....
แต่นะตอนนั้นโมโหมาก จากสาวร่าเริ่งกลายเป็นสาวโหด .... แต่สิ่งที่ได้มาคือ .... เงียบ .... จนเขาก็หลุดมาคำนึงว่า " ก็ไม่มีตงค์อ่ะ "
เราก็เลยพูดไปว่าไม่มีตังค์อ่ะเราก็เก็บด้วยกันได้ แต่เธอไม่มีความชัดเจนให้เราแบบนี้ บางที่เราก็รู้สึกแย่นะ .... จัดงานแต่งอะถ้า....
จัดเป็นมันมีตั้งหลายวิธี .... ที่ไม่มีเงินก็จัดได้ บัตรเครดิตอ่ะทำไว้ทำไม ทำแล้วไม่ใช้ ปลอดหนี้ตั้ง50วัน เงินเก็บด้วยกันก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มี....
เอาไปมัดจำสถานที่ ถ่ายพรีเวดดิ้ง ที่เหลืออค่ะค่อยเคลียร์หลังเเต่งเสร็จ เขาก็ทำกันอย่างนี้นะ เราไม่ได้รวยเป็นมหาเศรษฐี รอแกมีตั้งอ่ะ
เท่าไหร่ที่แกว่ามี แล้วตอนนี้ไม่มีเหรอ ( ด้วยความที่มีประสบการณ์ตรงค่อนข้างเยอะค่ะเพราะเป็นแม่งานให้เพื่อนเยอะมาก ยิ่งปีสองปีนี้
งานการไม่ต้องทำ ลาไปช่วยเพื่อนจัดงานตลอดตลอด จนจะเปิดร้านเวดดิ้งเป็นของตะเองล่ะ จะค่อนข้างรู้ค่าใช้จ่ายคร่าวๆและรูปแบบงาน )
ใส่เป็นชุดค่ะ...ที่ได้กลับมาคือ ไม่อยากเป็นหนี้(บัตรเครดิต) .... แล้วก็ " เงียบ " โมโหมากอ่ะค่ะ เจอความเงียบงัน เราเลยรู้สึกว่าจะเต้นแล้ง
เต้นกาไปทำไม......ในเมื่อสิ่งที่ได้ กลับมาคือ...ความว่างเป่ลาค่ะ

ร้องให้หนักมาก

เมื่อต้องคุยเรื่องงานแต่งงานกับมนุษย์เงียบ .... เครียดจัง .... ใครเคยเจอสถานการณ์แบบนี้บ้าง
อ่านแล้วมันโดนทุกข้อที่บอกมาเลยค่ะ......เพราะแฟนเราเป็นมนุษย์เงียบ(คบมา3ปีจะเข้าปีที่สี กับอายุเราที่เขาเลข3ต้นๆ)
.....แต่จะทำยังไงดีล่ะคะ....เมื่อเราจะต้องเตรียมงานแต่งงานกับมนุษย์เงียบ ที่ว่างเปล่าและเดาใจไม่ถูก..... ไม่รู้จะทำไงดี
....... สืบเนื่องมาจากสงกรานต์ที่ผ่านมาเราได้กลับไปบ้านแฟนและคำพูดแรกที่เจอหน้าพ่อ แม่ และ ญาติพี่น้องของแฟน
คือ แต่งงานได้แล้วมั้งแต่งเห่อ แต่งแล้วก็ลงมาอยู่กับแม่นะมาทำงานที่บ้านเนี้ยช่วยแม่ทำ มาดูบ้านด้วยแม่ก็จะปลูกให้เรา2
คนนี่แหละ พ่อกับแม่ก็แก่แล้ว เดี๋ยวไปดูฤกษ์กัน แม่อยากได้สักเดือนกันยา.... เราก็เออคิดในใจ(เออ!!!!เร็วไปไหมค่ะหนู
เตรียมตัวไม่ทัน นั่นนี้โน้นโอ้ย..มโนไปเยอะ ... ดีใจจะได้แต่งงานล่ะ...) สิ่งที่พูดไปแล้วแต่ค่ะยังไงก็ได้
.... ก็คุยนั้นโน้นนี้สิ้นสอดยังไงจัดการยังไง แต่งแบบไหนคงต้องจัดสองที่นะ กทม. กับที่ บ้านแฟน แม่ตั้งงบไว้ล่ะ สินสอด
ค่าจัดงาน เราโอเคไหม พ่อ - แม่ ว่าไง (พ่อแม่เราไม่มีปัญหาอยู่แล้วยังไงก็ได้ เพราะเราเคยคุยกันไว้ว่าถ้าแต่งเราชอบงานเล็กๆ
เชิญแต่ญาติผู้ใหญ่ เพื่อนสนิท บรรยากาศกันเองเอาแบบไม่เปลือง เเขกไม่น่าจะเกิน200คน) ซึ่งในตลอดระยะเวลาที่อยู่บ้านแฟน
เรากับแม่และพี่สาวของเขาจะคุยกันตลอด เรื่องงานแต่ง เวลาไปทำบุญ ทานข้าว หรือเจอญาติพี่น้อง แม่เขาก็จะคุย แต่งงานลูกชาย
อย่าลืมมากันนะ เดี๋ยวได้ฤกษ์แล้วจะบอก
..... แต่ทุกครั้งที่เอ่ยหรือคุยเรื่องพวกนี้ เมื่อเราหันไปหาแฟนเราจะไม่มีคนพูดใดใด ..... ออกมาจากปากเขาเลย
มนุษย์เงียบมันมาอีกแล้ว เราก็จะเพลาลงและไม่พูดอะไรมาก ไม่อยากออกตัวเเรงงงง .... เขาไม่พูด.....เราก็ไม่ถามไม่เอ่ย
เวลาอยู่กัน2คน จนแม่ของแฟนก็คงสงสัย เขาก็ถามลูกชายเขาต่อหน้าเราเลยนะ สรุปจะแต่งไหมแม่ถามจริงๆ แต่งแล้วก็ลงมาอยู่บ้าน
มาดูบ้านที่จะสร้างใหม่ด้วย เพราะให้พ่อกับเเม่ดูก็คงจะไม่รู้เรื่อง ... กลัวจะโดนผู้รับเหมาจะโกงอ่ะ พ่อก็ไม่ค่อยดี (พอดีเมื่อ2ปีก่อน
คุณพ่อของแฟนเส้นเลืดฝอยในสมองแต่ค่ะ นะปัจจุบันนี้ก็เดินเหินไม่ค่อยสะดวก เวลาจะพูดจะทำไรก็ช้าหน่อย อยู่บ้านกัน2คนตายาย
เพราะลูกๆ2คนอยู่กรุงเทพหมด ประกอบกับพี่สาวเขาก็ทำธุรกิจอยู่กรุงเทพฯ จะให้ลงมาก็คงลำบากเพราะธุรกิจและครอบครัว..........
แฟนเราเขาก็อยากกลับบ้านไปดูพ่อกับแม่ แต่เขาอยากกลับไปแบบมีเงินเก็บ สักก้อนโดยไม่ต้องพึงเงินจากแม่และพี่สาว) แต่เข้าก็
ไม่ตอบอะไรบอกแต่ไม่มีเงิน...แม่เขาก็ค้อนนะบ่นว่าแม่มี ยังต้องใช้เงินอะไรอีก แต่งแล้ว แม่ก็จะให้เงินมาทำทุน
ส่วนแม่เราก็บอกสินสอดได้มาเท่าไหร่เขาก็คืนให้เรากับเเฟนมาทำทุนเหมือนกัน
..... หลังจากกลับมาทำงานมาเจอเพื่อนฝูงเขาก็เเซว สรุปได้ฤกษ์ยังได้ปีนี้ไหม แต่งเมื่อไหร่ แฟนเราเข้าก็เงียบอีกแล้ว ...
จะทำไงดี... ล่าสุดเมื่อวันก่อนนั้งทานข้าวกันก็เลยถามเขาค่ะว่า สรุปจะแต่งงานกับเราไหม ( คือเราก็อึดอีดกับการที่เขาเงียบ
เราก็เงียบมาตลอดไม่เคยถามเขาเลย ไม่เคยมีทีท่าเรื่องการแต่งงาน แต่ด้วยคนรอบข้างมากระตุ้นมันก็แขวนะ ) เงียบคงเป็นคำตอบ
ที่ดีที่สุดมั้ง สำหรับเขา ... พอโดนเงียบใส่เราก็ดร่าม่าเลยจร้า ไม่พอใจอะไร คิดว่าเรายังไม่ใช่เหรอ มีอะไรบอกมาเลย ถ้าเราไม่ใช่
ไม่ต้องเกรงใจนะ จะได้ไม่เสียเวลาของทั้งคู่ ฉันก็อายุเยอะแล้ว.....คนเขาก็ถามกัน ไม่รู้จะตอบยังไง ....
แต่นะตอนนั้นโมโหมาก จากสาวร่าเริ่งกลายเป็นสาวโหด .... แต่สิ่งที่ได้มาคือ .... เงียบ .... จนเขาก็หลุดมาคำนึงว่า " ก็ไม่มีตงค์อ่ะ "
เราก็เลยพูดไปว่าไม่มีตังค์อ่ะเราก็เก็บด้วยกันได้ แต่เธอไม่มีความชัดเจนให้เราแบบนี้ บางที่เราก็รู้สึกแย่นะ .... จัดงานแต่งอะถ้า....
จัดเป็นมันมีตั้งหลายวิธี .... ที่ไม่มีเงินก็จัดได้ บัตรเครดิตอ่ะทำไว้ทำไม ทำแล้วไม่ใช้ ปลอดหนี้ตั้ง50วัน เงินเก็บด้วยกันก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มี....
เอาไปมัดจำสถานที่ ถ่ายพรีเวดดิ้ง ที่เหลืออค่ะค่อยเคลียร์หลังเเต่งเสร็จ เขาก็ทำกันอย่างนี้นะ เราไม่ได้รวยเป็นมหาเศรษฐี รอแกมีตั้งอ่ะ
เท่าไหร่ที่แกว่ามี แล้วตอนนี้ไม่มีเหรอ ( ด้วยความที่มีประสบการณ์ตรงค่อนข้างเยอะค่ะเพราะเป็นแม่งานให้เพื่อนเยอะมาก ยิ่งปีสองปีนี้
งานการไม่ต้องทำ ลาไปช่วยเพื่อนจัดงานตลอดตลอด จนจะเปิดร้านเวดดิ้งเป็นของตะเองล่ะ จะค่อนข้างรู้ค่าใช้จ่ายคร่าวๆและรูปแบบงาน )
ใส่เป็นชุดค่ะ...ที่ได้กลับมาคือ ไม่อยากเป็นหนี้(บัตรเครดิต) .... แล้วก็ " เงียบ " โมโหมากอ่ะค่ะ เจอความเงียบงัน เราเลยรู้สึกว่าจะเต้นแล้ง
เต้นกาไปทำไม......ในเมื่อสิ่งที่ได้ กลับมาคือ...ความว่างเป่ลาค่ะ