หวัดดีครับ
เมื่อวันก่อนได้มีโอกาสนั่งอ่านบทสัมภาษณ์ของจูริที่ไปให้สัมภาษณ์ในหนังสือเอาไว้ยาวเหยียด เลยคิดว่าอยากจะนำมาถ่ายทอดให้แฟนๆ AKB ในไทยที่ยังไม่รู้จักจูริได้รู้จักกับน้อง และคนที่รู้จักอยู่แล้วได้รู้จักจูริมากขึ้น
ผู้แปลหวังเป็นอย่างยิ่งว่ากระทู้นี้จะนำมาซึ่งคะแนนโหวตจูริที่เพิ่มขึ้นไม่มากก็น้อย แต่ที่แน่ๆคือต้องการให้มีแฟน AKB ในไทยจดจำจูริได้มากขึ้น
จากบทสัมภาษณ์นี้ทำให้เราได้เห็นว่าจูรินั้นเติบโตขึ้นแค่ไหน จากเด็กที่ไม่ได้ถูกผลักดันมากนักสมัยอยู่ทีม 4 เพราะมีเพื่อนร่วมทีมคนอื่นเด่นกว่า วันนี้เธอกลับมาอยู่ทีม 4 อีกครั้งในฐานะกัปตันทีม แต่ก่อนจะเป็นกัปตันนั้น มุมมองของเธอเป็นอย่างไร มาติดตามกันได้เลยครับ
Q: แน่นอนเลยว่าผมอยากได้ยินเรื่องราวจากทากาฮาชิ จูริซังในการสัมภาษณ์ ในที่สุดตอนนี้ฝันก็เป็นจริง!
A: โกหกน่า!
Q: พูดจริงนะเนี่ย ฮ่าๆๆ...
เมื่อช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่ผ่านมา ในคอลัมน์ “เมมเบอร์ที่เติบโตขึ้นเมื่อไม่นานมานี้” ชื่อของทากาฮาชิซังถูกพูดถึงบ่อยมาก ทั้งทากาฮาชิ มินามิซัง, มิยาซาวะ ซาเอะซัง, โยโกยามะ ยุยซัง... เมมเบอร์ที่ประสบความสำเร็จเหล่านี้ต่างก็พูดถึงชื่อของทากาฮาชิซังด้วยกันทั้งนั้น
A: เอ๋ ไม่เห็นรู้เลยว่าถูกพูดถึงแบบนั้นด้วย
Q: นอกจากนั้น อากิโมโตะ ยาสึชิซังยังเลือกทากาฮาขิซังเป็น MVP ของงาน Request Hour ครั้งล่าสุดนี้ด้วย ด้วยเหตุนี้ ผมถึงอยากฟังเรื่องราวของทากาฮาชิซัง คนที่ถูกยกให้เป็นกุญแจสำคัญของ AKB48 ในอนาคตน่ะ
A: ถึงจะว่างั้นก็เถอะ ฉันก็ไม่รู้ว่าควรต้องทำอย่างไรอยู่ดี???
Q: เพื่ออนาคตของ AKB แล้ว ก็เลยต้องมีทัวร์ทั่วประเทศของ Young Member อย่างนั้นสิ?
A: ก่อนจะประกาศทัวร์ Young Member ฉันมีโอกาสได้คุยกับชิโนบุซัง เธอบอกกับฉันว่า “ทากามินะ เป็นคนที่มองทุกอย่างอย่างมีวิสัยทัศน์ และจูริก็ควรที่จะเริ่มมองให้ได้แบบนั้นเช่นกัน” ฉันมั่นใจว่าชิโนบุซังต้องพูดถึงทัวร์แน่ๆ หลังจากเมมเบอร์ได้ขึ้นไปยืนบนเวทีที่ไซตามะซุเปอร์อารีน่า เราก็รู้สึกได้ถึงบางสิ่งบางอย่าง เราดีใจกันมากที่ได้รับโอกาสนั้น
Q: พอพูดเรื่องนี้ จะว่าไปก็มีการประกาศทีม 4 ของทากาฮาชิซังที่ไซตามะซุเปอร์อารีน่าด้วยนี่ (24 มีนาคม 2012)
A: ใช่แล้ว ตอนนั้นที่อัตสึโกะซังประกาศจบการศึกษา เนื่องจากจากขณะนั้นฉันยังเป็นแค่เคงคิวเซย์ ฉันก็ได้แต่ประทับใจว่าเวทีนี้มันช่างใหญ่โตเหลือเกิน
Q: ผมมั่นใจเลยว่าในตอนนี้มุมมองที่คุณมีต่อผู้ชมนั้นได้เปลี่ยนไปจากเดิมแล้วสินะ
A: ก็ในเมื่อมันแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับ Request Hour ครั้งก่อน เมื่อมองดูมาจากเวทีแล้ว มันก็เกิดความรู้สึกว่ามันแตกต่างออกไปจากเมื่อก่อน ฉันรู้สึกแบบนั้นล่ะค่ะ
Q: งั้นก็เป็นเรื่องของเวลาที่ผ่านไป
A: ไม่เกี่ยวกับเวลาหรอกค่ะ เหมือนกับว่าศักยภาพของฉันมากกว่าที่เติบโตขึ้น เพราะฉะนั้นก็เลยคิดว่าน่าจะเกี่ยวกับการเติบโตขึ้น
Q: โดยเฉพาะในเรื่องอะไร?
A: พอมาคิดๆดู สิ่งที่เพิ่มขึ้นจากเมื่อก่อน สำหรับตัวฉันแล้วอาจจะเป็นเรื่องของมุมมอง ฉันมองเห็นแฟนๆทุกคนได้เป็นอย่างดี แตกต่างจากสมัยก่อนโดยสิ้นเชิง
Q: คาชิวากิซังได้พูดเอาไว้ในทัวร์ของทีม B เมื่อปีที่แล้วว่า ทากาฮาชิซังกำลังพยายามอย่างเต็มที่ในการให้ความช่วยเหลือตัวเธอ จิตสำนึกของทากาฮาชิซังนั้นเปลี่ยนไป กลายเป็นคนที่จะร้องไห้เมื่อต้องตะโกนใส่เมมเบอร์รุ่นน้อง
A: อ่า ฉันฝึกทำแบบนั้นมาน่ะ ฉันเป็นพวกที่คอยนึกถึงตัวเองสมัยยังอยู่โยโกยามะทีม A ตอนนี้ในทีม B ก็มีมายุซัง, ยูกิรินซัง, แล้วยังมีดราฟท์เมมเบอร์อย่างซายายะด้วย ถึงแม้ฉันอาจจะเป็นรุ่นพี่อยู่หน่อยๆ แต่ฉันก็ยังอยู่ในตำแหน่งของรุ่นน้อง ก็คล้ายๆกับสมัยที่ยังอยู่ทีม A ที่มีทากามินะซัง, ชิโนดะซัง แล้วฉันก็เด็กสุด ตอนนั้นฉันมีปัญหามากมาย ฉันสงสัยว่าแฟนๆจะมองฉันยังไง ฉันไม่รู้หรอกว่าในตอนนี้มีเมมเบอร์ในทีม B ที่รู้สึกแย่อยู่หรือเปล่า แต่ฉันคิดว่าถึงจะต่างช่วงเวลากัน แต่แรงกระตุ้นนั้นจะยังคงอยู่เหมือนเดิม ดังนั้นฉันถึงต้องการส่งผ่านมันให้กับเมมเบอร์เด็กๆต่อไป มายุซังกับยูกิรินซังก็เหมือนกัน ดูเหมือนว่าพวกเธอต้องลองคิดเรื่องนี้ดูบ้างแล้ว
Q: จำเป็นต้องใช้ความกล้ามากหรือเปล่าที่จะทำแบบนั้น?
A: ค่ะ ฉันเองก็ไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะพูดเรื่องพวกนั้นได้... แต่ฉันคิดว่าฉันสามารถทำบางสิ่งที่แตกต่างได้ในระหว่างที่รอคอยรุ่นพี่อย่างคุราโมจิซังกับยูกิรินซังมาเข้าห้องเรียน
Q: แต่ยังไง ช่วงเวลาในทีม A ก็สุดยอดเลยนะ
A: มันยอดเยี่ยมค่ะ จากการจบการศึกษาของชิโนดะซัง โยโกยามะซังเลยกลายมาเป็นกัปตันแทน ด้วยการสนับสนุนเป็นอย่างดีจากโยโกยามะซัง ฉันก็ได้เปลี่ยนไปมากเช่นกัน
Q: นั่นทำให้ผมคิดถึงเรื่องนึง จาก MC ของคุณในการแสดงที่เธียเตอร์ของทีม A เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2013 คุณพูดว่า “ในหน้าร้อนนี้มีวันหนึ่งที่น่าผิดหวังเหลือเกิน นั่นคือวันที่ฉันคิดว่าตัวเองเป็นเปลือกถั่วเม็ดใหญ่”
A: ใช่ๆ ฉันจำได้
Q: จากนั้นคุณก็โทรหาโยโกยามะซัง จากนั้นก็ไปบ้านเธอ ทั้งๆที่ตอนนั้นมันดึกแล้ว
A: ในตอนนั้น ฉันคิดว่าตัวเองช่างไร้ประโยชน์ ฉันต้องการความช่วยเหลือจากโยโกยามะซังจริงๆ “เธอจะได้แรงสนับสนุนจากก้นบึ้งหัวใจของโยโกยามะซัง!” เธอพูดกับฉันแบบนั้น หลังจากโทรคุยกันเสร็จ ฉันก็ร้องไห้ไปหาเธอที่บ้านในตอนกลางคืน นั่นต้องน่ารำคาญแน่ๆ...
Q: ทากามินะซังก็พูดไว้ในรายการวิทยุเหมือนกันว่า “จูริไม่มีความมั่นใจเพียงพอที่จะทำการแสดง”
A: ใช่แล้ว ฉันรุ้สึกแย่กับมันมาก! ไม่มีความมั่นใจเหลืออยู่เลย
Q: แต่ตอนนี้ผมจินตนาการเรื่องแบบนั้นไม่ได้เลย มันผ่านไปหมดแล้วใช่มั้ย?
A: ในตอนนี้ฉันก็ยังคงไม่มั่นใจอยู่ดี แต่วิธีการคิดของฉันได้เปลี่ยนไปแล้ว
Q: มีอะไรเกิดขึ้นงั้นเหรอ?
A: ฉันสังเกตได้ว่าตัวเองพยายามหนีความจริงโดยการพูดว่า “ไม่มั่นใจ” เพราะว่ามันช่างเจ็บปวดเมื่อเราพูดว่ามั่นใจแต่กลับล้มเหลว ฉันเลยกลัวที่จะพูดแบบนั้น
Q: ทากามินะซังก็พูดแบบนั้นเหมือนกัน ไม่ใช่ว่าประโยคนั้นจาก Google+ ของทากาฮาชิซังกลายเป็นประเด็นร้อนหลังจากงานเลือกตั้งปีที่แล้วเหรอ?
A: เอ๋ ทากามินะซังมาส่อง Google+ ฉันด้วยเหรอ? เซอร์ไพรส์นะเนี่ย...
Q: ผมคิดว่าคนรอบตัวคุณจะสังเกตได้ ถ้าจิตสำนึกของคุณมีความเปลี่ยนแปลง
A: บางครั้งฉันก็เขียนอะไรเครียดๆลงไปใน Google+ หรือ 755 บางข้อความก็ถูกส่งไปถึงแฟนๆทุกคน แต่ส่วนใหญ่แล้วฉันจะเขียนให้ตัวเองอ่าน เมื่อฉันได้เขียนมันลงไป ฉันจะรู้สึกเข้มแข็ง
--โยโกยามะ ยุยกับวันที่ร้องไห้—
Q: งั้นคุณก็ไม่มั่นตั้งแต่ก่อนเข้ามาใน AKB48 แล้ว?
A: นั่นมันเมื่อฉันเข้ามาแล้ว ฉันเคยมั่นใจมากๆก่อนจะเข้ามา ฉันเก่งด้านกีฬา เคยวิ่งมาราธอนได้ที่ 1 ด้วย เมื่อก่อนฉันมั่นใจกว่านี้เยอะ
Q: แต่เมื่อคุณเข้ามาใน AKB48 ความมั่นใจพวกนั้นก็พังทลายลงทันที
A: ฉันว่าค่อนข้างจริงค่ะ แต่เมื่อฉันได้รับการเลื่อนขั้นเข้าทีม 4 ในตอนที่ยังเป็นเคงคิวเซย์ ฉันก็ไม่ได้คิดอะไร จากนั้นการได้เข้าโยโกยามะทีม A กลายเป็นสิ่งที่มีผลต่อฉันมากที่สุด ฉันคิดว่าฉันสามารถเข้มแข็งขึ้นได้ด้วยการเฝ้ามองรุ่นพี่ที่ขับเคลื่อน AKB48 จากจุดสูงสุดอย่างใกล้ชิด
Q: รู้สึกว่าทาโนะซังเองก็รู้สึกพิเศษกับโยโกยามะทีม A เหมือนกัน
A: เธอพูดใน Google+ ด้วยความประทับใจว่า “เมื่อคุณบอกกัปตันเกี่ยวกับอะไรสักอย่างในทีม A มันก็จะถูกส่งต่อไปถึงทุกคน นั่นคือสิ่งที่สร้างทีม A ขึ้นมา”
(น้ำตาคลอ) พอได้ยินแบบนั้น ฉันก็ร้องไห้ออกมา ดีจังเลยนะที่เราไม่ได้คิดว่ามันเป็นภาระ
ฉันคิดว่าทุกคนก็ต้องการสนับสนุนโยโกยามะซังเหมือนกัน แต่กลายเป็นว่าโยโกยามะซังคิดถึงพวกเรามากกว่านั้นไปอีก...
นั่นล่ะค่ะที่น่าประทับใจมากๆ
Q: ผมคิดว่าสิ่งหลักๆของทากาฮาชิซังในช่วงที่อยู่ทีม A ก็คือโยโกยามะซัง, ทาโนะซัง, โอชิมะ เรียวกะซัง, รวมไปถึงคาวาเอย์ซังด้วย
A: ถูกต้องแล้วค่ะ แต่ตอนนั้นฉันรุ้สึกแย่มากจริงๆ จนถึงตอนนี้ก็ยังคงมีความกังวลอยู่ เมื่อสิ่งแวดล้อมในอนาคตเปลี่ยนไป ฉันมั่นใจเลยว่าจะสามารถมองกลับไปในวันเก่าๆแล้วยิ้มให้กับมันได้ แต่ตอนนี้ฉันร้องไห้ให้กับมันและคิดว่ามันไม่สนุกเอาเสียเลย เมื่อฉันหยุดก็จะมีเมมเบอร์หยุดไปกับฉันด้วย เมื่อฉันก้าวต่อไป คนอื่นก็จะก้าวไปด้วยกัน นั่นแหละคือความสำคัญของการมีเพื่อนล่ะ
Q: นั่นคือสิ่งที่พวกเขาเรียกว่าสเน่ห์ของทีมไม่ใช่เหรอ?
A: ฉันเคยคิดถึงความสำคัญของทีมนะ เพราะฉันไม่ต้องการให้ประสบการณ์ในทีม A เกิดขึ้นอีก ทัศนคติของฉันนั้นมีพื้นฐานมาจากสิ่งที่ทากามินะซังและมายุซังแสดงออกมา จริงๆก็ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนไปเท่าไหร่ แต่อย่างน้อยฉันก็ไม่อยากให้อะไรมามีค่าไปกว่าสิ่งที่ฉันเคยประสบมา นั่นแหละสาเหตุที่ฉันรู้สึกยินดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโยโกยามะทีม A
Q: จากคำพูดของมายุซัง เธอบอกว่าทากาฮาชิซังเป็นเมมเบอร์ที่เธอคิดว่าเติบโตขึ้นมากที่สุดในปี 2014 จิตใจของคุณเข้มแข็งขึ้นแล้ว
A: (น้ำตาคลอ) ตอนนี้ฉันอยากจะร้องไห้แล้วนะ
Q: ยังมีอีกนะ ในซีรีส์เดือนสิงหาคมที่ผ่านมาของหนังสือพิมพ์ AKB48 คุณรู้มั้ยว่าช่วงจับเข่าคุยของคาชิวากิซัง, มิยาซาวะซัง และ โยโกยามะซังเป็นไงบ้าง? คาชิวากิซังและมิยาซาวะซังพูดว่า “จูริเจ๋งไปเลยไม่ใช่เหรอ?” ผมรู้สึกว่านั่นคือคำยกย่องที่ใหญ่โตสำหรับทากาฮาชิซัง จากนั้นโยโกยามะซังก็เสริมว่า “เพราะฉันฝึกให้เธอเป็นแบบนั้นไงล่ะ!” ฮ่าๆ
A: ฮ่าๆ ฉันยังต้องฝึกอยู่เลย
Q: โยโกยามะซังดูจะภูมิใจเป็นอย่างมากในตัวทากาฮาชิซังที่เติบโตขึ้นมามากในตอนนี้ พอผมได้ยินเรื่องพวกนี้ ผมรู้สึกได้ถึงความแข็งแกร่งของสายสัมพันธ์เลยล่ะ
A: สายสัมพันธ์เราแข็งแกร่งมาก แข็งแกร่งจริงๆนะ!
Q: ผมเพิ่งนึกได้ว่าในช่วงเดือนตุลาคม โยโกยามะซังเขียนเอาไว้ใน Google+ ว่า “จูริเติบโตขึ้นมากเลย! เราร้องไห้ไปด้วยกัน ฮ่าๆ ฉันรู้สึกมีความสุขมากที่ได้อยู่กับคนที่ฉันสามารถพูดคุยได้อย่างสนิทใจ!”
A: ฉันร้องไห้ด้วย! ใช่ จำได้ล่ะ! เราไปกินปิ้งย่างด้วยกันในวันนั้น แต่โยโกยามะซังเป็นคนร้องไห้ก่อนนะ ฮ่าๆ ตอนนั้นฉันเพิ่งเข้าทีม B ในฐานะรุ่นน้อง จิตใจของฉันแหลกไม่มีชิ้นดี เพราะฉันต้องแยกกับโยโกยามะซังและคาวาเอย์ซัง แต่เพราะว่าเรียวกะเป็นรุ่นน้อง เธอจึงมองฉันในฐานะรุ่นพี่ ฉันเองก็คิดกับเธอแบบคู่หู มายุซังก็ไม่ได้มาแสดงที่เธียเตอร์มากนักเพราะว่าเธองานยุ่ง ฉันคิดว่าถ้าสถานการณ์มันยากลำบาก ฉันคงต้องไปทานข้าวกับโยโกยามะซัง จากนั้นโยโกยามะซังก็กำลังดิ้นรนในการจัดเซ็ตลิสต์ให้กับทีม K
เมื่อคุณจัดเซ็ตลิสต์ มันยากที่จะแบ่งว่าจะเอายูนิตไหนบ้าง แล้วโยโกยามะซังก็บอกว่าเธออยากจัดการเรื่องเพลงเองทั้งหมด เพราะว่าสมัยที่โยโกยามะซังอยู่ทีม A เธอเคยบอกว่า “เพราะว่าฉันไม่ได้ไม่ชอบมัน ฉันจึงอยากให้ทุกๆคนแสดงในยูนิตให้มากเท่าที่จะทำได้” แต่หลายๆอย่างก็ไม่ได้ไปด้วยดีในทีม K เธอร้องไห้ ยฺนิตบ้างไหนที่เธอควรจะเลือก โยโกยาม่าซังท้อแท้กับมันมาก ถึงจะฟังความต้องการจากทุกๆคนแล้ว แต่เธอก็ยังร้องไห้
Q: งั้นคุณก็ร้องไห้ไปกับโยโกยามะซังด้วย
A: เราร้องไห้กันตอนกินปิ้งย่าง รสชาติมันแย่มาก แย่จริงๆ! แย่สุดๆ! ที่จริงแล้วเธอก็ท้อใจตั้งแต่ใน Request Hour แล้ว ฉันจึงไปหาโยโกยามะซัง หลังจากแสดงจบ เราก็เข้าไปในห้องน้ำใหญ่แล้วปิดประตูไว้ แค่เรา 2 คน ฉันกับโยโกยามะซังร้องไห้ด้วยกัน
แปลบทสัมภาษณ์ Takahashi Juri (AKB48) จากนิตยสาร BUBKA ฉบับวันที่ 31 มีนาคม 2015
เมื่อวันก่อนได้มีโอกาสนั่งอ่านบทสัมภาษณ์ของจูริที่ไปให้สัมภาษณ์ในหนังสือเอาไว้ยาวเหยียด เลยคิดว่าอยากจะนำมาถ่ายทอดให้แฟนๆ AKB ในไทยที่ยังไม่รู้จักจูริได้รู้จักกับน้อง และคนที่รู้จักอยู่แล้วได้รู้จักจูริมากขึ้น
ผู้แปลหวังเป็นอย่างยิ่งว่ากระทู้นี้จะนำมาซึ่งคะแนนโหวตจูริที่เพิ่มขึ้นไม่มากก็น้อย แต่ที่แน่ๆคือต้องการให้มีแฟน AKB ในไทยจดจำจูริได้มากขึ้น
จากบทสัมภาษณ์นี้ทำให้เราได้เห็นว่าจูรินั้นเติบโตขึ้นแค่ไหน จากเด็กที่ไม่ได้ถูกผลักดันมากนักสมัยอยู่ทีม 4 เพราะมีเพื่อนร่วมทีมคนอื่นเด่นกว่า วันนี้เธอกลับมาอยู่ทีม 4 อีกครั้งในฐานะกัปตันทีม แต่ก่อนจะเป็นกัปตันนั้น มุมมองของเธอเป็นอย่างไร มาติดตามกันได้เลยครับ
Q: แน่นอนเลยว่าผมอยากได้ยินเรื่องราวจากทากาฮาชิ จูริซังในการสัมภาษณ์ ในที่สุดตอนนี้ฝันก็เป็นจริง!
A: โกหกน่า!
Q: พูดจริงนะเนี่ย ฮ่าๆๆ...
เมื่อช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่ผ่านมา ในคอลัมน์ “เมมเบอร์ที่เติบโตขึ้นเมื่อไม่นานมานี้” ชื่อของทากาฮาชิซังถูกพูดถึงบ่อยมาก ทั้งทากาฮาชิ มินามิซัง, มิยาซาวะ ซาเอะซัง, โยโกยามะ ยุยซัง... เมมเบอร์ที่ประสบความสำเร็จเหล่านี้ต่างก็พูดถึงชื่อของทากาฮาชิซังด้วยกันทั้งนั้น
A: เอ๋ ไม่เห็นรู้เลยว่าถูกพูดถึงแบบนั้นด้วย
Q: นอกจากนั้น อากิโมโตะ ยาสึชิซังยังเลือกทากาฮาขิซังเป็น MVP ของงาน Request Hour ครั้งล่าสุดนี้ด้วย ด้วยเหตุนี้ ผมถึงอยากฟังเรื่องราวของทากาฮาชิซัง คนที่ถูกยกให้เป็นกุญแจสำคัญของ AKB48 ในอนาคตน่ะ
A: ถึงจะว่างั้นก็เถอะ ฉันก็ไม่รู้ว่าควรต้องทำอย่างไรอยู่ดี???
Q: เพื่ออนาคตของ AKB แล้ว ก็เลยต้องมีทัวร์ทั่วประเทศของ Young Member อย่างนั้นสิ?
A: ก่อนจะประกาศทัวร์ Young Member ฉันมีโอกาสได้คุยกับชิโนบุซัง เธอบอกกับฉันว่า “ทากามินะ เป็นคนที่มองทุกอย่างอย่างมีวิสัยทัศน์ และจูริก็ควรที่จะเริ่มมองให้ได้แบบนั้นเช่นกัน” ฉันมั่นใจว่าชิโนบุซังต้องพูดถึงทัวร์แน่ๆ หลังจากเมมเบอร์ได้ขึ้นไปยืนบนเวทีที่ไซตามะซุเปอร์อารีน่า เราก็รู้สึกได้ถึงบางสิ่งบางอย่าง เราดีใจกันมากที่ได้รับโอกาสนั้น
Q: พอพูดเรื่องนี้ จะว่าไปก็มีการประกาศทีม 4 ของทากาฮาชิซังที่ไซตามะซุเปอร์อารีน่าด้วยนี่ (24 มีนาคม 2012)
A: ใช่แล้ว ตอนนั้นที่อัตสึโกะซังประกาศจบการศึกษา เนื่องจากจากขณะนั้นฉันยังเป็นแค่เคงคิวเซย์ ฉันก็ได้แต่ประทับใจว่าเวทีนี้มันช่างใหญ่โตเหลือเกิน
Q: ผมมั่นใจเลยว่าในตอนนี้มุมมองที่คุณมีต่อผู้ชมนั้นได้เปลี่ยนไปจากเดิมแล้วสินะ
A: ก็ในเมื่อมันแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับ Request Hour ครั้งก่อน เมื่อมองดูมาจากเวทีแล้ว มันก็เกิดความรู้สึกว่ามันแตกต่างออกไปจากเมื่อก่อน ฉันรู้สึกแบบนั้นล่ะค่ะ
Q: งั้นก็เป็นเรื่องของเวลาที่ผ่านไป
A: ไม่เกี่ยวกับเวลาหรอกค่ะ เหมือนกับว่าศักยภาพของฉันมากกว่าที่เติบโตขึ้น เพราะฉะนั้นก็เลยคิดว่าน่าจะเกี่ยวกับการเติบโตขึ้น
Q: โดยเฉพาะในเรื่องอะไร?
A: พอมาคิดๆดู สิ่งที่เพิ่มขึ้นจากเมื่อก่อน สำหรับตัวฉันแล้วอาจจะเป็นเรื่องของมุมมอง ฉันมองเห็นแฟนๆทุกคนได้เป็นอย่างดี แตกต่างจากสมัยก่อนโดยสิ้นเชิง
Q: คาชิวากิซังได้พูดเอาไว้ในทัวร์ของทีม B เมื่อปีที่แล้วว่า ทากาฮาชิซังกำลังพยายามอย่างเต็มที่ในการให้ความช่วยเหลือตัวเธอ จิตสำนึกของทากาฮาชิซังนั้นเปลี่ยนไป กลายเป็นคนที่จะร้องไห้เมื่อต้องตะโกนใส่เมมเบอร์รุ่นน้อง
A: อ่า ฉันฝึกทำแบบนั้นมาน่ะ ฉันเป็นพวกที่คอยนึกถึงตัวเองสมัยยังอยู่โยโกยามะทีม A ตอนนี้ในทีม B ก็มีมายุซัง, ยูกิรินซัง, แล้วยังมีดราฟท์เมมเบอร์อย่างซายายะด้วย ถึงแม้ฉันอาจจะเป็นรุ่นพี่อยู่หน่อยๆ แต่ฉันก็ยังอยู่ในตำแหน่งของรุ่นน้อง ก็คล้ายๆกับสมัยที่ยังอยู่ทีม A ที่มีทากามินะซัง, ชิโนดะซัง แล้วฉันก็เด็กสุด ตอนนั้นฉันมีปัญหามากมาย ฉันสงสัยว่าแฟนๆจะมองฉันยังไง ฉันไม่รู้หรอกว่าในตอนนี้มีเมมเบอร์ในทีม B ที่รู้สึกแย่อยู่หรือเปล่า แต่ฉันคิดว่าถึงจะต่างช่วงเวลากัน แต่แรงกระตุ้นนั้นจะยังคงอยู่เหมือนเดิม ดังนั้นฉันถึงต้องการส่งผ่านมันให้กับเมมเบอร์เด็กๆต่อไป มายุซังกับยูกิรินซังก็เหมือนกัน ดูเหมือนว่าพวกเธอต้องลองคิดเรื่องนี้ดูบ้างแล้ว
Q: จำเป็นต้องใช้ความกล้ามากหรือเปล่าที่จะทำแบบนั้น?
A: ค่ะ ฉันเองก็ไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะพูดเรื่องพวกนั้นได้... แต่ฉันคิดว่าฉันสามารถทำบางสิ่งที่แตกต่างได้ในระหว่างที่รอคอยรุ่นพี่อย่างคุราโมจิซังกับยูกิรินซังมาเข้าห้องเรียน
Q: แต่ยังไง ช่วงเวลาในทีม A ก็สุดยอดเลยนะ
A: มันยอดเยี่ยมค่ะ จากการจบการศึกษาของชิโนดะซัง โยโกยามะซังเลยกลายมาเป็นกัปตันแทน ด้วยการสนับสนุนเป็นอย่างดีจากโยโกยามะซัง ฉันก็ได้เปลี่ยนไปมากเช่นกัน
Q: นั่นทำให้ผมคิดถึงเรื่องนึง จาก MC ของคุณในการแสดงที่เธียเตอร์ของทีม A เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2013 คุณพูดว่า “ในหน้าร้อนนี้มีวันหนึ่งที่น่าผิดหวังเหลือเกิน นั่นคือวันที่ฉันคิดว่าตัวเองเป็นเปลือกถั่วเม็ดใหญ่”
A: ใช่ๆ ฉันจำได้
Q: จากนั้นคุณก็โทรหาโยโกยามะซัง จากนั้นก็ไปบ้านเธอ ทั้งๆที่ตอนนั้นมันดึกแล้ว
A: ในตอนนั้น ฉันคิดว่าตัวเองช่างไร้ประโยชน์ ฉันต้องการความช่วยเหลือจากโยโกยามะซังจริงๆ “เธอจะได้แรงสนับสนุนจากก้นบึ้งหัวใจของโยโกยามะซัง!” เธอพูดกับฉันแบบนั้น หลังจากโทรคุยกันเสร็จ ฉันก็ร้องไห้ไปหาเธอที่บ้านในตอนกลางคืน นั่นต้องน่ารำคาญแน่ๆ...
Q: ทากามินะซังก็พูดไว้ในรายการวิทยุเหมือนกันว่า “จูริไม่มีความมั่นใจเพียงพอที่จะทำการแสดง”
A: ใช่แล้ว ฉันรุ้สึกแย่กับมันมาก! ไม่มีความมั่นใจเหลืออยู่เลย
Q: แต่ตอนนี้ผมจินตนาการเรื่องแบบนั้นไม่ได้เลย มันผ่านไปหมดแล้วใช่มั้ย?
A: ในตอนนี้ฉันก็ยังคงไม่มั่นใจอยู่ดี แต่วิธีการคิดของฉันได้เปลี่ยนไปแล้ว
Q: มีอะไรเกิดขึ้นงั้นเหรอ?
A: ฉันสังเกตได้ว่าตัวเองพยายามหนีความจริงโดยการพูดว่า “ไม่มั่นใจ” เพราะว่ามันช่างเจ็บปวดเมื่อเราพูดว่ามั่นใจแต่กลับล้มเหลว ฉันเลยกลัวที่จะพูดแบบนั้น
Q: ทากามินะซังก็พูดแบบนั้นเหมือนกัน ไม่ใช่ว่าประโยคนั้นจาก Google+ ของทากาฮาชิซังกลายเป็นประเด็นร้อนหลังจากงานเลือกตั้งปีที่แล้วเหรอ?
A: เอ๋ ทากามินะซังมาส่อง Google+ ฉันด้วยเหรอ? เซอร์ไพรส์นะเนี่ย...
Q: ผมคิดว่าคนรอบตัวคุณจะสังเกตได้ ถ้าจิตสำนึกของคุณมีความเปลี่ยนแปลง
A: บางครั้งฉันก็เขียนอะไรเครียดๆลงไปใน Google+ หรือ 755 บางข้อความก็ถูกส่งไปถึงแฟนๆทุกคน แต่ส่วนใหญ่แล้วฉันจะเขียนให้ตัวเองอ่าน เมื่อฉันได้เขียนมันลงไป ฉันจะรู้สึกเข้มแข็ง
--โยโกยามะ ยุยกับวันที่ร้องไห้—
Q: งั้นคุณก็ไม่มั่นตั้งแต่ก่อนเข้ามาใน AKB48 แล้ว?
A: นั่นมันเมื่อฉันเข้ามาแล้ว ฉันเคยมั่นใจมากๆก่อนจะเข้ามา ฉันเก่งด้านกีฬา เคยวิ่งมาราธอนได้ที่ 1 ด้วย เมื่อก่อนฉันมั่นใจกว่านี้เยอะ
Q: แต่เมื่อคุณเข้ามาใน AKB48 ความมั่นใจพวกนั้นก็พังทลายลงทันที
A: ฉันว่าค่อนข้างจริงค่ะ แต่เมื่อฉันได้รับการเลื่อนขั้นเข้าทีม 4 ในตอนที่ยังเป็นเคงคิวเซย์ ฉันก็ไม่ได้คิดอะไร จากนั้นการได้เข้าโยโกยามะทีม A กลายเป็นสิ่งที่มีผลต่อฉันมากที่สุด ฉันคิดว่าฉันสามารถเข้มแข็งขึ้นได้ด้วยการเฝ้ามองรุ่นพี่ที่ขับเคลื่อน AKB48 จากจุดสูงสุดอย่างใกล้ชิด
Q: รู้สึกว่าทาโนะซังเองก็รู้สึกพิเศษกับโยโกยามะทีม A เหมือนกัน
A: เธอพูดใน Google+ ด้วยความประทับใจว่า “เมื่อคุณบอกกัปตันเกี่ยวกับอะไรสักอย่างในทีม A มันก็จะถูกส่งต่อไปถึงทุกคน นั่นคือสิ่งที่สร้างทีม A ขึ้นมา”
(น้ำตาคลอ) พอได้ยินแบบนั้น ฉันก็ร้องไห้ออกมา ดีจังเลยนะที่เราไม่ได้คิดว่ามันเป็นภาระ
ฉันคิดว่าทุกคนก็ต้องการสนับสนุนโยโกยามะซังเหมือนกัน แต่กลายเป็นว่าโยโกยามะซังคิดถึงพวกเรามากกว่านั้นไปอีก...
นั่นล่ะค่ะที่น่าประทับใจมากๆ
Q: ผมคิดว่าสิ่งหลักๆของทากาฮาชิซังในช่วงที่อยู่ทีม A ก็คือโยโกยามะซัง, ทาโนะซัง, โอชิมะ เรียวกะซัง, รวมไปถึงคาวาเอย์ซังด้วย
A: ถูกต้องแล้วค่ะ แต่ตอนนั้นฉันรุ้สึกแย่มากจริงๆ จนถึงตอนนี้ก็ยังคงมีความกังวลอยู่ เมื่อสิ่งแวดล้อมในอนาคตเปลี่ยนไป ฉันมั่นใจเลยว่าจะสามารถมองกลับไปในวันเก่าๆแล้วยิ้มให้กับมันได้ แต่ตอนนี้ฉันร้องไห้ให้กับมันและคิดว่ามันไม่สนุกเอาเสียเลย เมื่อฉันหยุดก็จะมีเมมเบอร์หยุดไปกับฉันด้วย เมื่อฉันก้าวต่อไป คนอื่นก็จะก้าวไปด้วยกัน นั่นแหละคือความสำคัญของการมีเพื่อนล่ะ
Q: นั่นคือสิ่งที่พวกเขาเรียกว่าสเน่ห์ของทีมไม่ใช่เหรอ?
A: ฉันเคยคิดถึงความสำคัญของทีมนะ เพราะฉันไม่ต้องการให้ประสบการณ์ในทีม A เกิดขึ้นอีก ทัศนคติของฉันนั้นมีพื้นฐานมาจากสิ่งที่ทากามินะซังและมายุซังแสดงออกมา จริงๆก็ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนไปเท่าไหร่ แต่อย่างน้อยฉันก็ไม่อยากให้อะไรมามีค่าไปกว่าสิ่งที่ฉันเคยประสบมา นั่นแหละสาเหตุที่ฉันรู้สึกยินดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโยโกยามะทีม A
Q: จากคำพูดของมายุซัง เธอบอกว่าทากาฮาชิซังเป็นเมมเบอร์ที่เธอคิดว่าเติบโตขึ้นมากที่สุดในปี 2014 จิตใจของคุณเข้มแข็งขึ้นแล้ว
A: (น้ำตาคลอ) ตอนนี้ฉันอยากจะร้องไห้แล้วนะ
Q: ยังมีอีกนะ ในซีรีส์เดือนสิงหาคมที่ผ่านมาของหนังสือพิมพ์ AKB48 คุณรู้มั้ยว่าช่วงจับเข่าคุยของคาชิวากิซัง, มิยาซาวะซัง และ โยโกยามะซังเป็นไงบ้าง? คาชิวากิซังและมิยาซาวะซังพูดว่า “จูริเจ๋งไปเลยไม่ใช่เหรอ?” ผมรู้สึกว่านั่นคือคำยกย่องที่ใหญ่โตสำหรับทากาฮาชิซัง จากนั้นโยโกยามะซังก็เสริมว่า “เพราะฉันฝึกให้เธอเป็นแบบนั้นไงล่ะ!” ฮ่าๆ
A: ฮ่าๆ ฉันยังต้องฝึกอยู่เลย
Q: โยโกยามะซังดูจะภูมิใจเป็นอย่างมากในตัวทากาฮาชิซังที่เติบโตขึ้นมามากในตอนนี้ พอผมได้ยินเรื่องพวกนี้ ผมรู้สึกได้ถึงความแข็งแกร่งของสายสัมพันธ์เลยล่ะ
A: สายสัมพันธ์เราแข็งแกร่งมาก แข็งแกร่งจริงๆนะ!
Q: ผมเพิ่งนึกได้ว่าในช่วงเดือนตุลาคม โยโกยามะซังเขียนเอาไว้ใน Google+ ว่า “จูริเติบโตขึ้นมากเลย! เราร้องไห้ไปด้วยกัน ฮ่าๆ ฉันรู้สึกมีความสุขมากที่ได้อยู่กับคนที่ฉันสามารถพูดคุยได้อย่างสนิทใจ!”
A: ฉันร้องไห้ด้วย! ใช่ จำได้ล่ะ! เราไปกินปิ้งย่างด้วยกันในวันนั้น แต่โยโกยามะซังเป็นคนร้องไห้ก่อนนะ ฮ่าๆ ตอนนั้นฉันเพิ่งเข้าทีม B ในฐานะรุ่นน้อง จิตใจของฉันแหลกไม่มีชิ้นดี เพราะฉันต้องแยกกับโยโกยามะซังและคาวาเอย์ซัง แต่เพราะว่าเรียวกะเป็นรุ่นน้อง เธอจึงมองฉันในฐานะรุ่นพี่ ฉันเองก็คิดกับเธอแบบคู่หู มายุซังก็ไม่ได้มาแสดงที่เธียเตอร์มากนักเพราะว่าเธองานยุ่ง ฉันคิดว่าถ้าสถานการณ์มันยากลำบาก ฉันคงต้องไปทานข้าวกับโยโกยามะซัง จากนั้นโยโกยามะซังก็กำลังดิ้นรนในการจัดเซ็ตลิสต์ให้กับทีม K
เมื่อคุณจัดเซ็ตลิสต์ มันยากที่จะแบ่งว่าจะเอายูนิตไหนบ้าง แล้วโยโกยามะซังก็บอกว่าเธออยากจัดการเรื่องเพลงเองทั้งหมด เพราะว่าสมัยที่โยโกยามะซังอยู่ทีม A เธอเคยบอกว่า “เพราะว่าฉันไม่ได้ไม่ชอบมัน ฉันจึงอยากให้ทุกๆคนแสดงในยูนิตให้มากเท่าที่จะทำได้” แต่หลายๆอย่างก็ไม่ได้ไปด้วยดีในทีม K เธอร้องไห้ ยฺนิตบ้างไหนที่เธอควรจะเลือก โยโกยาม่าซังท้อแท้กับมันมาก ถึงจะฟังความต้องการจากทุกๆคนแล้ว แต่เธอก็ยังร้องไห้
Q: งั้นคุณก็ร้องไห้ไปกับโยโกยามะซังด้วย
A: เราร้องไห้กันตอนกินปิ้งย่าง รสชาติมันแย่มาก แย่จริงๆ! แย่สุดๆ! ที่จริงแล้วเธอก็ท้อใจตั้งแต่ใน Request Hour แล้ว ฉันจึงไปหาโยโกยามะซัง หลังจากแสดงจบ เราก็เข้าไปในห้องน้ำใหญ่แล้วปิดประตูไว้ แค่เรา 2 คน ฉันกับโยโกยามะซังร้องไห้ด้วยกัน