ผมเคยเขียนกระทู้ก่อนหน้าแขวะแมนยูแล้วว่า ทีมอะไรหว่า..ครองบอลเป็นกระบุง จ่ายพลาดเป็นกระตั๊ก โอกาสยิงจิ๊บจ๊อย สกอร์จุ๋มจิ๋ม
ถ้อยคำเหล่านี้ น่าจะบอกเรื่องราวการเล่นของแมนยูเมื่อคืนวานได้ดีเลยทีเดียว
หลายคนโทษการขาดหายไปของคาร์ริก และบลินด์ แต่สำหรับผมแล้ว เชื่อว่า ทีมตัวจริง 11 คนแรกที่จัดลงไป มีศักยภาพดีพอที่จะเอาชนะเชลซีได้ หากแผนการเล่นไม่ผิดพลาด และตัวผู้เล่นไม่ทำผิดเสียเอง
เห็นได้ชัดว่า เชลซีวางแผนมาตั้งรับให้เหนียว และใช้การโต้กลับเร็วและความสามารถของผู้เล่นแค่สองคน คือ อาซาร์ กับดร็อกบา ขู่นักเตะแผงหลังให้ขาสั่นไปเอง ซึ่งก็เป็นการใช้นักเตะไม่เปลืองเลย ที่เหลือลงไปตั้งรับหมด
ได้ผล..แม้จะครองบอลน้อยกว่า แค่ 30 เปอร์เซ็นต์ แต่ก็เพียงพอที่จะเอาชนะทีมแมนยูได้แล้ว
ตลอดทั้งเกม แมนยูครองบอลได้มากกว่า แต่รูปแบบเกมรุกไม่เอาไหนเลย ลูกโต้กลับเร็วถูกหยุดให้สะดุดไปก่อนที่จะถึงกรอบเขตโทษฝ่ายตรงข้าม เมื่อนักเตะที่พาบอลไป หันกลับมาส่งบอลคืนให้เพื่อนที่วิ่งมาข้างหลัง ตั้งลำใหม่ นับ 1 ใหม่ รอจนนักเตะเชลซีลงมาอุดได้ทัน
โห..อะไรมันจะเซฟตัวเองปานนั้น ยิงได้หมายถึงชนะนะครับ ไม่ใช่ครองบอลนานนะเพ่
ลองดูคู่เมื่อคืน แอสตัส วิลล่า - ลิเวอร์พูลสิ ทีมรองบ่อนวิลล่า วิ่ง สู้ ฟัดแบบไม่ให้หงส์แดงตั้งตัว แม้ถูกยิงนำก่อน หรือเมื่อยิงตีเสมอได้ ไม่เคยเล่นแบบแผ่วลงหรือเน้นเสมอ จนนาทีสุดท้ายมาถึง
นั่นเป็นเพราะ โค้ช เชอร์วูดปลุกขวัญ และให้ความเชื่อมั่นว่า นักเตะวิลล่าไม่ได้เป็นรอง แต่เป็นต่อและมีความสามารถจะยิงประตูลิเวอร์พูลได้หากพยายามมากพอ และเล่นอย่างมีวินัย
เกมบุกของวิลล่า เร็วและถึงลูกถึงคนตลอดเกม การส่งคืนหลังไปเริ่มตั้งเกมบุกมีน้อยมาก เพราะนักเตะเกมรุกจะมองไปข้างหน้ามากกว่าข้างหลังเสมอ หากต้องการทำประตู แล้วก็จะเจอจุดอ่อนของคู่แข่งเอง แต่หากมาเซ็ทบอลใหม่กลางสนาม เกมตั้งรับของทุกทีมมันซ้อมกันมาดีทั้งนั้นแหละครับ เจาะยาก
หันมามองผู้เล่นแมนยูคืนนั้น..
วาว..สมอลลิ่งพาบอลข้ามแดนกลางไปไกลแล้ว หลังจากทะลุผู้เล่นแนวบุกสองคนที่วิ่งตามอย่างหลวมๆ แต่ใจยังคิดอยู่เสมอว่า จะหยุดลูกลงเมื่อไรและจะส่งคืนในจังหวะไหน ไม่ได้มองผู้เล่นแดนหน้าเลยว่า ทางวิ่งของพวกเขาไปทางไหนบ้าง แล้วสมอลลิงก็ทำหน้าที่สำเร็จแล้ว ได้ส่งคืนให้ผู้เล่นแถวกลางรับช่วงไปต่อแล้ว (นี่แค่ตัวอย่างนึง)
รูนีย์ นักเตะค่าตัว 3 แสนปอนด์/สัปดาห์ ที่เล่นเหมือนค่าตัว 3 หมื่น/สัปดาห์ ในฐานะตัวทำเกม ไม่มีลูกผ่านที่เป็นประโยชน์ต่อเกมรุกให้เห็นเลยสักลูก แล้วจะเป็นคีย์เพลเยอร์ได้อย่างไร จะฝากความหวังไว้กับคีย์แมนได้อย่างไร หรือจะเอาแค่ รูนีย์ไม่จ่ายพลาดบ่อยนัก็บุญแล้วว๊อยยย
บอลแมนยูมาเหลืออาวุธแค่ส่งออกข้าง ให้ปีกตีคู่ไปกับวิงแบ็กแล้วโยนเข้ากลาง โดยหวังอย่างเดียวว่า จะมีสักลูกเข้าศีรษะของเฟลไลนี่ที่จะทำสกอร์หรือชงให้เพื่อน
มีดีแค่นี้เองเหรอ?? แล้วถ้าเฟลไลนีถูกประกบตายโดยซูม่าที่สูงใหญ่ไม่แพ้กัน ทุกอย่างจะต้องแป้กหมดหรือ? ไม่มีอาวุธอื่นใดอีกหรือไง
ในเมื่อจัดฟัลเกาลงไปล่าตาข่ายในฐานะศูนย์หน้าต้องป้อนบอลให้เขาทำประโยชน์ได้มากกว่านี้ ฟัลเกาคงไม่ใช่นักเตะที่โหม่งทำประตูได้บ่อยนัก ความอันตรายของเขาอยู่ที่การยิงในกรอบเขตโทษโดยฉวยจังหวะ ดังนั้น ต้องมีการผ่านบอลแบบตัดหลังแบ็กหรือ ชิ่ง 1-2 เข้าทำ แต่นี่ไม่มีเลย ประโยชน์ของฟังเกาจึงน้อยลงไปตามลำดับ ผมยังเชื่อว่า ฟัลเกาดีพอจะยิงได้ทุกทีม หากแผนการเล่นเอื่ออำนวย เช่น ไปเล่นบอลลีกสเปน หรือ อยู่กับบาร์ซา ที่เน้นการเจาะเข้าทำจากพื้นราบมากกว่าการโยนโด่งสนับสนุน
ฟัลเกาอันตรายแน่นอน แต่ไม่ใช่แผนแบบนี้ เพราะฟัลเกาตัวเล็กกว่ากองหลังเชลซีทุกคน เอาไปยืนพิงหันหลังให้ประตูแล้วบอกให้ยิงเยอะๆ คงทำไม่ได้
ความจริง การเล่นคู่กันของแอชลีย์ ยังกับ ลุค ชอว์ทางกราบซ้าย ผมว่าลื่นทีเดียว สังเกตให้ดี อิวาโนวิชต้องสกัดบอลทิ้งหรือทำฟาวล์ใส่สองคนนี้หลายครั้ง นั่นคือ โอกาสดีที่จะเจาะ เมื่อทำให้อีกฝ่ายพะวงและเสียใบเหลือง แต่ไหงเรามองไม่เหมือนหลุยส์ ฟานกัลมองหว่า ดันเปลี่ยนตัวออกทั้งสองคน ก็เหมือนเปลียนม้ากลางศึก ทุกอย่างเข้าทางเชลซีหมอ น้ามูโล่งอก ขณะที่อิวาโนวิชเล่นง่ายขึ้น
ฝั่งขวาเอายานาไซจ์มาเลื้อยแทนมาต้าที่เล่นอืดลงไป ตรงนี้ก็ไม่น่าส่งผลดี เพราะหลายเกมที่ผ่านมาเห็นกันอยู่ว่า ยานาไซจ์เล่นโดยยึดตัวเองเป็นสูนย์กลาง เพื่อนร่วมทีมคอยซัพพอร์ต แทนที่จะลงมาช่วยซัพพอร์ตทีม ดันกลับกันไปซะ
ผมยังมองว่า ในขณะที่ต้องการสกอร์นั้น ปีกตัองดันขึ้นได้ทั้งสองฝั่ง และควรดันวาเลนเซียให้ขึ้นเล่นปีกเต็มตัว โดยใช้บริการราฟาเอลที่เล่นเกมบุกได้ดีลงมาตีคู่กัน
ลูกยิงของอาร์ซา ผมว่า เดเกอาน่าจะเซฟไว้ได้นะ มุมมันไม่เหลือแล้วนอกจากลอดใต้หว่างขา นี่เป็นความผิดพลาดของผู้รักษาประตูโดยแท้ครับ
แมนยู เป็นทีมที่ส่งบอลคืนหลังเยอะสุดในพรีเมียร์ชิพ หรือนี่จะเป็นสิ่งที่ภูมิใจของฟานกัลและลูกทีม
อะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้นักเตะแมนยูเล่นกันแบบนี้ ??
นั่นเป็นผลมาจากปรัชญาการทำทีมของฟานกัลที่เน้นผลลัพธ์หลังเกมมากกว่าความสวยงามและเอ็นเตอเทนคนดูไงครับ
ถ้าเป็นสมัยก่อน สกอร์ตามหลัง และอยู่ในช่วง 10 นาทีสุดท้าย เราจะคุ้นชินกับบทบาทของเซอร์อเล็กฯ ลุกมาจากเก้าอี้ มาสั่งการข้างสนาม หน้าตาแดงก่ำ กดดันนักเตะและกรรมการให้ทำผลงานให้ดีที่สุด แต่ยุคนี้ เราเห็นฟานกัลนั่งเกาะเก้าอี้แน่น.... ราวกับว่า หากลุกจะเสียม้า ประมาณนั้นเลย
ไม่ว่าจะเหลืออีกกี่นาทีจะหมดเวลา นักเตะแมนยูก็ยังเล่นกันเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เน้นครองบอลมากๆ หลังจ่ายกันเอง 3-4 ช็อต จนเห็นคนมาวิ่งไล่แต่ไกลก็ส่งคืนให้เดเกอาเปิดเกมขึ้นมาแบบไปลุ้นกันข้างหน้าเอาเอง
ผมจึงคิดว่า รูปเกมไม่น่าแพ้ นักเตะก็ไม่น่าแพ้ แต่ที่แพ้เพราะแผนที่ใช้ ไม่ใช่แผนสำหรับผู้ที่จะชนะ กับใจของนักเตะบางคนที่ไม่ได้มุ่งมั่นเพื่อเอาชนะ
ชัดไหมครับ
**แมนยู..ปัญหาอยู่ที่แผนการเล่น ไม่ใช่นักเตะ (วิเคราะห์หลังเกม เชลซี - แมนยู)**
ถ้อยคำเหล่านี้ น่าจะบอกเรื่องราวการเล่นของแมนยูเมื่อคืนวานได้ดีเลยทีเดียว
หลายคนโทษการขาดหายไปของคาร์ริก และบลินด์ แต่สำหรับผมแล้ว เชื่อว่า ทีมตัวจริง 11 คนแรกที่จัดลงไป มีศักยภาพดีพอที่จะเอาชนะเชลซีได้ หากแผนการเล่นไม่ผิดพลาด และตัวผู้เล่นไม่ทำผิดเสียเอง
เห็นได้ชัดว่า เชลซีวางแผนมาตั้งรับให้เหนียว และใช้การโต้กลับเร็วและความสามารถของผู้เล่นแค่สองคน คือ อาซาร์ กับดร็อกบา ขู่นักเตะแผงหลังให้ขาสั่นไปเอง ซึ่งก็เป็นการใช้นักเตะไม่เปลืองเลย ที่เหลือลงไปตั้งรับหมด
ได้ผล..แม้จะครองบอลน้อยกว่า แค่ 30 เปอร์เซ็นต์ แต่ก็เพียงพอที่จะเอาชนะทีมแมนยูได้แล้ว
ตลอดทั้งเกม แมนยูครองบอลได้มากกว่า แต่รูปแบบเกมรุกไม่เอาไหนเลย ลูกโต้กลับเร็วถูกหยุดให้สะดุดไปก่อนที่จะถึงกรอบเขตโทษฝ่ายตรงข้าม เมื่อนักเตะที่พาบอลไป หันกลับมาส่งบอลคืนให้เพื่อนที่วิ่งมาข้างหลัง ตั้งลำใหม่ นับ 1 ใหม่ รอจนนักเตะเชลซีลงมาอุดได้ทัน
โห..อะไรมันจะเซฟตัวเองปานนั้น ยิงได้หมายถึงชนะนะครับ ไม่ใช่ครองบอลนานนะเพ่
ลองดูคู่เมื่อคืน แอสตัส วิลล่า - ลิเวอร์พูลสิ ทีมรองบ่อนวิลล่า วิ่ง สู้ ฟัดแบบไม่ให้หงส์แดงตั้งตัว แม้ถูกยิงนำก่อน หรือเมื่อยิงตีเสมอได้ ไม่เคยเล่นแบบแผ่วลงหรือเน้นเสมอ จนนาทีสุดท้ายมาถึง
นั่นเป็นเพราะ โค้ช เชอร์วูดปลุกขวัญ และให้ความเชื่อมั่นว่า นักเตะวิลล่าไม่ได้เป็นรอง แต่เป็นต่อและมีความสามารถจะยิงประตูลิเวอร์พูลได้หากพยายามมากพอ และเล่นอย่างมีวินัย
เกมบุกของวิลล่า เร็วและถึงลูกถึงคนตลอดเกม การส่งคืนหลังไปเริ่มตั้งเกมบุกมีน้อยมาก เพราะนักเตะเกมรุกจะมองไปข้างหน้ามากกว่าข้างหลังเสมอ หากต้องการทำประตู แล้วก็จะเจอจุดอ่อนของคู่แข่งเอง แต่หากมาเซ็ทบอลใหม่กลางสนาม เกมตั้งรับของทุกทีมมันซ้อมกันมาดีทั้งนั้นแหละครับ เจาะยาก
หันมามองผู้เล่นแมนยูคืนนั้น..
วาว..สมอลลิ่งพาบอลข้ามแดนกลางไปไกลแล้ว หลังจากทะลุผู้เล่นแนวบุกสองคนที่วิ่งตามอย่างหลวมๆ แต่ใจยังคิดอยู่เสมอว่า จะหยุดลูกลงเมื่อไรและจะส่งคืนในจังหวะไหน ไม่ได้มองผู้เล่นแดนหน้าเลยว่า ทางวิ่งของพวกเขาไปทางไหนบ้าง แล้วสมอลลิงก็ทำหน้าที่สำเร็จแล้ว ได้ส่งคืนให้ผู้เล่นแถวกลางรับช่วงไปต่อแล้ว (นี่แค่ตัวอย่างนึง)
รูนีย์ นักเตะค่าตัว 3 แสนปอนด์/สัปดาห์ ที่เล่นเหมือนค่าตัว 3 หมื่น/สัปดาห์ ในฐานะตัวทำเกม ไม่มีลูกผ่านที่เป็นประโยชน์ต่อเกมรุกให้เห็นเลยสักลูก แล้วจะเป็นคีย์เพลเยอร์ได้อย่างไร จะฝากความหวังไว้กับคีย์แมนได้อย่างไร หรือจะเอาแค่ รูนีย์ไม่จ่ายพลาดบ่อยนัก็บุญแล้วว๊อยยย
บอลแมนยูมาเหลืออาวุธแค่ส่งออกข้าง ให้ปีกตีคู่ไปกับวิงแบ็กแล้วโยนเข้ากลาง โดยหวังอย่างเดียวว่า จะมีสักลูกเข้าศีรษะของเฟลไลนี่ที่จะทำสกอร์หรือชงให้เพื่อน
มีดีแค่นี้เองเหรอ?? แล้วถ้าเฟลไลนีถูกประกบตายโดยซูม่าที่สูงใหญ่ไม่แพ้กัน ทุกอย่างจะต้องแป้กหมดหรือ? ไม่มีอาวุธอื่นใดอีกหรือไง
ในเมื่อจัดฟัลเกาลงไปล่าตาข่ายในฐานะศูนย์หน้าต้องป้อนบอลให้เขาทำประโยชน์ได้มากกว่านี้ ฟัลเกาคงไม่ใช่นักเตะที่โหม่งทำประตูได้บ่อยนัก ความอันตรายของเขาอยู่ที่การยิงในกรอบเขตโทษโดยฉวยจังหวะ ดังนั้น ต้องมีการผ่านบอลแบบตัดหลังแบ็กหรือ ชิ่ง 1-2 เข้าทำ แต่นี่ไม่มีเลย ประโยชน์ของฟังเกาจึงน้อยลงไปตามลำดับ ผมยังเชื่อว่า ฟัลเกาดีพอจะยิงได้ทุกทีม หากแผนการเล่นเอื่ออำนวย เช่น ไปเล่นบอลลีกสเปน หรือ อยู่กับบาร์ซา ที่เน้นการเจาะเข้าทำจากพื้นราบมากกว่าการโยนโด่งสนับสนุน
ฟัลเกาอันตรายแน่นอน แต่ไม่ใช่แผนแบบนี้ เพราะฟัลเกาตัวเล็กกว่ากองหลังเชลซีทุกคน เอาไปยืนพิงหันหลังให้ประตูแล้วบอกให้ยิงเยอะๆ คงทำไม่ได้
ความจริง การเล่นคู่กันของแอชลีย์ ยังกับ ลุค ชอว์ทางกราบซ้าย ผมว่าลื่นทีเดียว สังเกตให้ดี อิวาโนวิชต้องสกัดบอลทิ้งหรือทำฟาวล์ใส่สองคนนี้หลายครั้ง นั่นคือ โอกาสดีที่จะเจาะ เมื่อทำให้อีกฝ่ายพะวงและเสียใบเหลือง แต่ไหงเรามองไม่เหมือนหลุยส์ ฟานกัลมองหว่า ดันเปลี่ยนตัวออกทั้งสองคน ก็เหมือนเปลียนม้ากลางศึก ทุกอย่างเข้าทางเชลซีหมอ น้ามูโล่งอก ขณะที่อิวาโนวิชเล่นง่ายขึ้น
ฝั่งขวาเอายานาไซจ์มาเลื้อยแทนมาต้าที่เล่นอืดลงไป ตรงนี้ก็ไม่น่าส่งผลดี เพราะหลายเกมที่ผ่านมาเห็นกันอยู่ว่า ยานาไซจ์เล่นโดยยึดตัวเองเป็นสูนย์กลาง เพื่อนร่วมทีมคอยซัพพอร์ต แทนที่จะลงมาช่วยซัพพอร์ตทีม ดันกลับกันไปซะ
ผมยังมองว่า ในขณะที่ต้องการสกอร์นั้น ปีกตัองดันขึ้นได้ทั้งสองฝั่ง และควรดันวาเลนเซียให้ขึ้นเล่นปีกเต็มตัว โดยใช้บริการราฟาเอลที่เล่นเกมบุกได้ดีลงมาตีคู่กัน
ลูกยิงของอาร์ซา ผมว่า เดเกอาน่าจะเซฟไว้ได้นะ มุมมันไม่เหลือแล้วนอกจากลอดใต้หว่างขา นี่เป็นความผิดพลาดของผู้รักษาประตูโดยแท้ครับ
แมนยู เป็นทีมที่ส่งบอลคืนหลังเยอะสุดในพรีเมียร์ชิพ หรือนี่จะเป็นสิ่งที่ภูมิใจของฟานกัลและลูกทีม
อะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้นักเตะแมนยูเล่นกันแบบนี้ ??
นั่นเป็นผลมาจากปรัชญาการทำทีมของฟานกัลที่เน้นผลลัพธ์หลังเกมมากกว่าความสวยงามและเอ็นเตอเทนคนดูไงครับ
ถ้าเป็นสมัยก่อน สกอร์ตามหลัง และอยู่ในช่วง 10 นาทีสุดท้าย เราจะคุ้นชินกับบทบาทของเซอร์อเล็กฯ ลุกมาจากเก้าอี้ มาสั่งการข้างสนาม หน้าตาแดงก่ำ กดดันนักเตะและกรรมการให้ทำผลงานให้ดีที่สุด แต่ยุคนี้ เราเห็นฟานกัลนั่งเกาะเก้าอี้แน่น.... ราวกับว่า หากลุกจะเสียม้า ประมาณนั้นเลย
ไม่ว่าจะเหลืออีกกี่นาทีจะหมดเวลา นักเตะแมนยูก็ยังเล่นกันเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เน้นครองบอลมากๆ หลังจ่ายกันเอง 3-4 ช็อต จนเห็นคนมาวิ่งไล่แต่ไกลก็ส่งคืนให้เดเกอาเปิดเกมขึ้นมาแบบไปลุ้นกันข้างหน้าเอาเอง
ผมจึงคิดว่า รูปเกมไม่น่าแพ้ นักเตะก็ไม่น่าแพ้ แต่ที่แพ้เพราะแผนที่ใช้ ไม่ใช่แผนสำหรับผู้ที่จะชนะ กับใจของนักเตะบางคนที่ไม่ได้มุ่งมั่นเพื่อเอาชนะ
ชัดไหมครับ