สวัสดีครับชาวพันทิป วันนี้ผมมีเรื่องอยากจะมาขอคำปรึกษาจากเพื่อนๆพี่ๆน้องๆชาวพันทิปทุกท่านหน่อยนะครับ (เรื่องนี้อาจดูเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับบางคน แต่มันเป็นเรื่องใหญ่และสำคัญสำหรับผมและกลุ่มเพื่อนมากเลยครับ) นี่เป็นกระทู้แรกของผม ถ้าผมเล่างงๆหรือพิมพ์ไม่รู้เรื่องจนทำให้สับสนตรงไหนก็สามารถสอบถามและทักท้วงได้เลยนะครบ (ขออนุญาติแท็กห้องปัญหาสังคมด้วยนะครับ ไม่แน่ใจว่าถูกหรือเปล่า) หรือถ้าผมแท็กผิดห้องก็ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย เรามาเริ่มเรื่องกันเลยนะครับ
ผมเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาของโรงเรียนแห่งหนึ่งในฝั่งธน โรงเรียนของผมแบ่งภาคการเรียนการสอนออกเป็น 3 ภาค ในหนึ่งระดับชั้นครับ คือ EP,MP และภาคสามัญ ซึ่งห้องแรกของแต่ละภาคก็จะเป็นห้องคิงนั่นเอง ทุกๆคนจะบอกว่า ห้องคิงมีแต่เด็กเรียนเก่งกันทั้งนั้น อันนี้ผมขอปฏิเสธเลยครับ เพราะตัวผมเองก็เรียนอยู่ห้องคิงเหมือนกัน และเพื่อนบางคนในห้องก็ได้เกรดเฉลี่ยต่ำมากๆ ผมว่าเด็กคนอื่นในห้องธรรมดายังเรียนเก่งกว่าเลย ตัวผมเองก็มีผลการเรียนปานกลางตลอด ตามที่ผมได้สังเกตมา พวกที่เรียนเก่งมากๆบางคนก็มีความเห็นแก่ตัวมากเหมือนกัน (คือเพ่เรียนอย่างเดียว ไม่สนใจช่วยกิจกรรมอย่างอื่นเลย) แต่สิ่งที่โดดเด่นมากในห้องของผมคือ “การเรียนพิเศษ” น้อยคนนักที่จะไม่เรียน เพื่อนบางคนไม่มีวันหยุดเลย เพราะเสาร์ – อาทิตย์ ติดเรียนตลอด เพื่อนในห้องส่วนใหญ่จะเป็นแบบนี้กันครับ ซึ่งคนที่ไม่เรียนพิเศษบางทีก็คุยกับชาวบ้านเขาไม่ค่อยรู้เรื่องเหมือนกัน เพราะเขาชอบคุยกันเรื่องที่เรียนใหม่ๆ (ยังจะเรียนเพิ่มอีกเรอะ-_-) แล้วก็เรื่องบทเรียนในที่เรียนพิเศษ ผมเคยขอชีทเขามาดู ผมนี่มึนเลยครับ มีแต่เรื่องยากๆนอกบทเรียนที่อาจารย์สอนทั้งนั้น หรือไม่ก็เรียนล้ำระดับชั้นปัจจุบันไปอีก เวลาเขาช่วยกันติวผมก็ทำได้แค่นั่งมอง ผมไม่รู้เรื่องหรอกครับ เพราะผมไม่ได้เรียนพิเศษ บางทีผมก็ต้องนั่งเงียบๆไว้เพราะถ้าไปร่วมวงผมก็โชว์โง่ตลอด เพื่อนในกลุ่มผมบางคนทำให้ผมคิดว่า เรียนเยอะไปก็เท่านั้น เพราะทุกวันนี้มันก็ยังสอบตกอยู่ดี มัวแต่ไปเรียนพิเศษนอกบทเรียนแต่เวลาสอบก็ไม่ได้นำมาใช้ แถมยังขี้เกียจงานไม่ส่ง เรียนพิเศษเยอะยังไงแต่ถ้าไม่ปรับให้เข้ากับชีวิตประจำวันมันก็ไม่มีประโยชน์หรอกครับ แต่ถึงกระนั้นผมก็ยังคุยเรื่องบทเรียนยากๆกับเพื่อนไม่ได้อยู่ดีแหละครับ นี่เป็นเรื่องหนึ่งที่ทำให้ผมอึดอัด ความจริงถ้ามีแค่เรื่องนี้ผมก็รับได้ครับ แต่มันยังไม่จบแค่นี้น่ะสิครับ
ผมเผลอเกริ่นเรื่องเรียนพิเศษไปซะยาวเลย แหะๆ ขอโทษนะครับ เรื่องต่างๆในห้องเรียนยังมีเข้ามาอีกเรื่อยๆ จนผมคิดว่าบางทีผมอาจคิดผิดที่อยู่ห้องนี้ก็ได้ เรื่องที่ตามมาคือค่านิยมของเพื่อน คือต้องเรียนให้เก่งและเข้าเรียนสายวิทย์ เอ็นให้ติดมหาลัยดังๆ จบออกมาต้องเป็นหมอกันเสียส่วนใหญ่ พ่อแม่เขาก็ซับพอร์ตนะครับ จึงกลายเป็นว่าคนที่เรียนไม่เก่ง หรืออยากทำอาชีพอื่นๆเป็นชนกลุ่มน้อยในห้องเรียนไปเลย ไม่ได้เป็นหน้าเป็นตาของห้องอะไรทำนองนั้น อีกอย่างหนึ่งคือ เหมือนกับเพื่อนๆส่วนใหญ่บ้านเขาจะรวยกัน พ่อแม่ซื้อของแพงให้ใช้ตลอด ไม่ว่าจะเป็นของขวัญวันเกิดหรือซื้อให้เพื่อฉลองการได้เกรดสูงๆ (นี่อาจเป็นแรงจูงใจก็ได้) เขาใช้จ่ายเงินกันง่ายมากๆ อยากซื้ออะไรก็ซื้อ เวลาไปเที่ยวด้วยกันก็กินกันแต่ร้านแพงๆ ผมนี่อึ้งไปเลยย้ง (ผมก็เลยกินน้อยๆแล้วไปฝากท้องที่ฟูดคอร์ด 555) เวลามีงานเทศกาลอะไรสำคัญๆก็ชอบให้จ่ายเงินส่วนตัวซื้ออุปกรณ์เพิ่มบ่อยๆ แต่เวลาหัวหน้าห้องเก็บเงินส่วนกลางไม่มีใครกระดิก เป็นแบบนี้ประจำ ยิ่งเวลามีโอกาสซื้อของก็ใช้จ่ายกันแบบมือไวใจเร็ว วันเกิดต้องมีเค้กมีเซอร์ไพร้ส์ ของขวัญต้องมีราคา อะไรแบบนี้แหละครับ
ผมเองไม่กระโตกกระตากกับเรื่องนี้มากจนเกินหน้าเกินตา ถึงจะแอบอยู่ยากสักนิดก็เถอะ พอทนได้ก็ทนๆไป แต่มันก็ยังไม่จบ มันคงไม่มีวันจบเลยด้วยซ้ำ
ทั้งหมดที่เล่ามาข้างต้นเป็นการเกริ่นถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในห้องเรียน ยังไม่เข้าสู่ปัญหาใหญ่ที่สุดที่เกิดขึ้นระหว่างผมและเพื่อนๆนะครับ ถ้ายาวเกินไปต้องขออภัยด้วย หรือถ้ามีความเห็นอะไรเพิ่มเติมรบกวนคอมเม้นต์ให้ผมด้วย ขอบคุณล่วงหน้านะค้าบบบ. (เดี๋ยวมาเล่าต่อนะ^_^)
ผมรู้สึกเข้ากับสังคมปัจจุบันยากจัง ใครเป็นแบบผมบ้าง? หรือผมมีปัญหาอยู่คนเดียว?
ผมเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาของโรงเรียนแห่งหนึ่งในฝั่งธน โรงเรียนของผมแบ่งภาคการเรียนการสอนออกเป็น 3 ภาค ในหนึ่งระดับชั้นครับ คือ EP,MP และภาคสามัญ ซึ่งห้องแรกของแต่ละภาคก็จะเป็นห้องคิงนั่นเอง ทุกๆคนจะบอกว่า ห้องคิงมีแต่เด็กเรียนเก่งกันทั้งนั้น อันนี้ผมขอปฏิเสธเลยครับ เพราะตัวผมเองก็เรียนอยู่ห้องคิงเหมือนกัน และเพื่อนบางคนในห้องก็ได้เกรดเฉลี่ยต่ำมากๆ ผมว่าเด็กคนอื่นในห้องธรรมดายังเรียนเก่งกว่าเลย ตัวผมเองก็มีผลการเรียนปานกลางตลอด ตามที่ผมได้สังเกตมา พวกที่เรียนเก่งมากๆบางคนก็มีความเห็นแก่ตัวมากเหมือนกัน (คือเพ่เรียนอย่างเดียว ไม่สนใจช่วยกิจกรรมอย่างอื่นเลย) แต่สิ่งที่โดดเด่นมากในห้องของผมคือ “การเรียนพิเศษ” น้อยคนนักที่จะไม่เรียน เพื่อนบางคนไม่มีวันหยุดเลย เพราะเสาร์ – อาทิตย์ ติดเรียนตลอด เพื่อนในห้องส่วนใหญ่จะเป็นแบบนี้กันครับ ซึ่งคนที่ไม่เรียนพิเศษบางทีก็คุยกับชาวบ้านเขาไม่ค่อยรู้เรื่องเหมือนกัน เพราะเขาชอบคุยกันเรื่องที่เรียนใหม่ๆ (ยังจะเรียนเพิ่มอีกเรอะ-_-) แล้วก็เรื่องบทเรียนในที่เรียนพิเศษ ผมเคยขอชีทเขามาดู ผมนี่มึนเลยครับ มีแต่เรื่องยากๆนอกบทเรียนที่อาจารย์สอนทั้งนั้น หรือไม่ก็เรียนล้ำระดับชั้นปัจจุบันไปอีก เวลาเขาช่วยกันติวผมก็ทำได้แค่นั่งมอง ผมไม่รู้เรื่องหรอกครับ เพราะผมไม่ได้เรียนพิเศษ บางทีผมก็ต้องนั่งเงียบๆไว้เพราะถ้าไปร่วมวงผมก็โชว์โง่ตลอด เพื่อนในกลุ่มผมบางคนทำให้ผมคิดว่า เรียนเยอะไปก็เท่านั้น เพราะทุกวันนี้มันก็ยังสอบตกอยู่ดี มัวแต่ไปเรียนพิเศษนอกบทเรียนแต่เวลาสอบก็ไม่ได้นำมาใช้ แถมยังขี้เกียจงานไม่ส่ง เรียนพิเศษเยอะยังไงแต่ถ้าไม่ปรับให้เข้ากับชีวิตประจำวันมันก็ไม่มีประโยชน์หรอกครับ แต่ถึงกระนั้นผมก็ยังคุยเรื่องบทเรียนยากๆกับเพื่อนไม่ได้อยู่ดีแหละครับ นี่เป็นเรื่องหนึ่งที่ทำให้ผมอึดอัด ความจริงถ้ามีแค่เรื่องนี้ผมก็รับได้ครับ แต่มันยังไม่จบแค่นี้น่ะสิครับ
ผมเผลอเกริ่นเรื่องเรียนพิเศษไปซะยาวเลย แหะๆ ขอโทษนะครับ เรื่องต่างๆในห้องเรียนยังมีเข้ามาอีกเรื่อยๆ จนผมคิดว่าบางทีผมอาจคิดผิดที่อยู่ห้องนี้ก็ได้ เรื่องที่ตามมาคือค่านิยมของเพื่อน คือต้องเรียนให้เก่งและเข้าเรียนสายวิทย์ เอ็นให้ติดมหาลัยดังๆ จบออกมาต้องเป็นหมอกันเสียส่วนใหญ่ พ่อแม่เขาก็ซับพอร์ตนะครับ จึงกลายเป็นว่าคนที่เรียนไม่เก่ง หรืออยากทำอาชีพอื่นๆเป็นชนกลุ่มน้อยในห้องเรียนไปเลย ไม่ได้เป็นหน้าเป็นตาของห้องอะไรทำนองนั้น อีกอย่างหนึ่งคือ เหมือนกับเพื่อนๆส่วนใหญ่บ้านเขาจะรวยกัน พ่อแม่ซื้อของแพงให้ใช้ตลอด ไม่ว่าจะเป็นของขวัญวันเกิดหรือซื้อให้เพื่อฉลองการได้เกรดสูงๆ (นี่อาจเป็นแรงจูงใจก็ได้) เขาใช้จ่ายเงินกันง่ายมากๆ อยากซื้ออะไรก็ซื้อ เวลาไปเที่ยวด้วยกันก็กินกันแต่ร้านแพงๆ ผมนี่อึ้งไปเลยย้ง (ผมก็เลยกินน้อยๆแล้วไปฝากท้องที่ฟูดคอร์ด 555) เวลามีงานเทศกาลอะไรสำคัญๆก็ชอบให้จ่ายเงินส่วนตัวซื้ออุปกรณ์เพิ่มบ่อยๆ แต่เวลาหัวหน้าห้องเก็บเงินส่วนกลางไม่มีใครกระดิก เป็นแบบนี้ประจำ ยิ่งเวลามีโอกาสซื้อของก็ใช้จ่ายกันแบบมือไวใจเร็ว วันเกิดต้องมีเค้กมีเซอร์ไพร้ส์ ของขวัญต้องมีราคา อะไรแบบนี้แหละครับ
ผมเองไม่กระโตกกระตากกับเรื่องนี้มากจนเกินหน้าเกินตา ถึงจะแอบอยู่ยากสักนิดก็เถอะ พอทนได้ก็ทนๆไป แต่มันก็ยังไม่จบ มันคงไม่มีวันจบเลยด้วยซ้ำ
ทั้งหมดที่เล่ามาข้างต้นเป็นการเกริ่นถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในห้องเรียน ยังไม่เข้าสู่ปัญหาใหญ่ที่สุดที่เกิดขึ้นระหว่างผมและเพื่อนๆนะครับ ถ้ายาวเกินไปต้องขออภัยด้วย หรือถ้ามีความเห็นอะไรเพิ่มเติมรบกวนคอมเม้นต์ให้ผมด้วย ขอบคุณล่วงหน้านะค้าบบบ. (เดี๋ยวมาเล่าต่อนะ^_^)