คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 10
คำตอบของคำถามคุณอยู่ในเพลงนี้ครับ(ตั้งใจฟังให้จบนะ)

อย่าว่าแต่เลิกกันเลยครับ บางทีแค่การที่เรารู้สึกดีกับใครสักคนมากๆ อยากจะเป็นกับคนๆนั้นมากกว่าแค่คำว่าเพื่อน แต่สุดท้ายเค้ากลับมอบสถานะเพื่อนให้กับคุณ มันไม่ใช่เรื่องที่ปุบปับจะให้มาเป็นเพื่อนกันได้เลยหรอกนะครับ ยิ่งถ้าโดนคาดคั้นเค้าด้วยคำว่า เป็นแฟนกันไม่ได้ก็เป็นเพื่อนกันได้ มันจะยิ่งทำให้อะไรๆแย่ลงไปอีกด้วย
สำหรับผมแล้วคนที่พูดคำๆนี้ออกมาได้แบบไม่รู้สึกสะทกสะท้านอะไรเลย มีแค่คนที่ไม่เคยอกหักกับคนที่รักใครไม่เป็นเท่านั้นแหละครับ คนที่เคยผ่านการอกหักมาแล้ว ผมเชื่อว่าจะไม่พูดคำๆนี้ออกมาแบบไม่รู้สึกสะทกสะท้านอะไรแน่นอน ในสายตาคนทั่วๆไปอาจมองว่ามันเป็นคำพูดถนอมน้ำใจ แต่สำหรับผมแล้วมันเป็นคำพูดที่เห็นแก่ตัวครับ เพราะนั่นหมายความว่าคุณเอาแต่ความรู้สึกของตัวเองเป็นที่ตั้ง โดยไม่แคร์ความรู้สึกของคนที่เป็นฝ่ายถูกปฏิเสธบ้างเลย และมันเป็นคำพูดที่เหมือนคาดคั้นอีกฝ่ายมากเกินไปด้วย ลองคิดง่ายๆ เค้ามาขอสถานะแฟนจากคุณ แต่คุณให้เค้าไม่ได้ และคุณกลับไปขอสถานะเพื่อนกับเค้า คิดว่าเค้าจะให้คุณได้ง่ายๆหรอครับ
ของแบบนี้ต้องให้เวลาอีกฝ่ายครับ คนที่เคยผ่านการอกหักมาแล้วน่าจะรู้ดี ความรู้สึกมันไม่ใช่ว่าคิดจะเปลี่ยนกันปุบปับก็ทำกันง่ายๆ มันต้องให้เวลาเป็นเครื่องเยียวยาจิตใจ ถ้าวันไหนที่ทั้ง 2 ฝ่ายพร้อมเมื่อไหร่ก็อาจจะสามารถกลับมาเป็นเพื่อนกันได้ครับ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นมันขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นๆอีกหลายๆอย่างด้วย ถ้ามันจบกันไม่สวยอันนี้ก็ยากครับ บางทีคนบางคนอาจคิดว่า ถ้ารักกันไม่ได้ก็เกลียดกันไปเลยมันอาจจะดีกว่าก็ได้ เพราะจะได้ไม่ต้องมานั่งนึกถึงอะไรเกี่ยวกับอีกฝ่ายอีกต่อไป

อย่าว่าแต่เลิกกันเลยครับ บางทีแค่การที่เรารู้สึกดีกับใครสักคนมากๆ อยากจะเป็นกับคนๆนั้นมากกว่าแค่คำว่าเพื่อน แต่สุดท้ายเค้ากลับมอบสถานะเพื่อนให้กับคุณ มันไม่ใช่เรื่องที่ปุบปับจะให้มาเป็นเพื่อนกันได้เลยหรอกนะครับ ยิ่งถ้าโดนคาดคั้นเค้าด้วยคำว่า เป็นแฟนกันไม่ได้ก็เป็นเพื่อนกันได้ มันจะยิ่งทำให้อะไรๆแย่ลงไปอีกด้วย
สำหรับผมแล้วคนที่พูดคำๆนี้ออกมาได้แบบไม่รู้สึกสะทกสะท้านอะไรเลย มีแค่คนที่ไม่เคยอกหักกับคนที่รักใครไม่เป็นเท่านั้นแหละครับ คนที่เคยผ่านการอกหักมาแล้ว ผมเชื่อว่าจะไม่พูดคำๆนี้ออกมาแบบไม่รู้สึกสะทกสะท้านอะไรแน่นอน ในสายตาคนทั่วๆไปอาจมองว่ามันเป็นคำพูดถนอมน้ำใจ แต่สำหรับผมแล้วมันเป็นคำพูดที่เห็นแก่ตัวครับ เพราะนั่นหมายความว่าคุณเอาแต่ความรู้สึกของตัวเองเป็นที่ตั้ง โดยไม่แคร์ความรู้สึกของคนที่เป็นฝ่ายถูกปฏิเสธบ้างเลย และมันเป็นคำพูดที่เหมือนคาดคั้นอีกฝ่ายมากเกินไปด้วย ลองคิดง่ายๆ เค้ามาขอสถานะแฟนจากคุณ แต่คุณให้เค้าไม่ได้ และคุณกลับไปขอสถานะเพื่อนกับเค้า คิดว่าเค้าจะให้คุณได้ง่ายๆหรอครับ
ของแบบนี้ต้องให้เวลาอีกฝ่ายครับ คนที่เคยผ่านการอกหักมาแล้วน่าจะรู้ดี ความรู้สึกมันไม่ใช่ว่าคิดจะเปลี่ยนกันปุบปับก็ทำกันง่ายๆ มันต้องให้เวลาเป็นเครื่องเยียวยาจิตใจ ถ้าวันไหนที่ทั้ง 2 ฝ่ายพร้อมเมื่อไหร่ก็อาจจะสามารถกลับมาเป็นเพื่อนกันได้ครับ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นมันขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นๆอีกหลายๆอย่างด้วย ถ้ามันจบกันไม่สวยอันนี้ก็ยากครับ บางทีคนบางคนอาจคิดว่า ถ้ารักกันไม่ได้ก็เกลียดกันไปเลยมันอาจจะดีกว่าก็ได้ เพราะจะได้ไม่ต้องมานั่งนึกถึงอะไรเกี่ยวกับอีกฝ่ายอีกต่อไป
แสดงความคิดเห็น
ทำไมเลิกกันไปแล้วถึงกลับมาเป็นเหมือนเดิมไม่ได้?
ทำไมคนเลิกกันถึงกลับมาคุยกันเหมือนเดิมไม่ได้
ทำไมที่เห็นส่วนใหญ่ (รวมถึงของเรา) ไม่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะไม่สนใจไยดีอีกฝ่ายเลย
ทำไมคนเคยรักกันพอถึงคราวเลิกกัน ถึงเปลี่ยนการกระทำจากหน้ามือเป็นหลังเท้าได้อย่างนี้
รู้สึกทรมานบ้างไหมที่ทำแบบนี้กับคนที่เคยรัก
ขอถามความเห็นกับคนที่เป็นฝ่ายทำกระทำ หรือผู้ที่เข้าใจหน่อยนะคะ
เราไม่เข้าใจจริงๆ