ห้องศาสนา ใน Pantip เปลี่ยนไปเยอะเลย
ทำไมถึงมีแต่คนชั่วที่หลอกตัวเองว่าเป็นคนดี มีอยู่เต็มไปหมด
ขาดคุณสมบัติของ "บัณฑิต" (ผู้มีปัญญา , นักปราชญ์ , ผู้ดำเนินชีวิตด้วยปัญญา)
ไม่พูดกันอย่าง บัณฑิต พึงกระทำกัน แต่กล่าวตู่แม้กระทั่งตนเองว่าเป็น บัณฑิต
ผู้ไม่เคยศึกษา หรือ ศึกษามาน้อย ก็มีความคิดเห็นว่าตนเองศึกษามาเยอะ
ผู้ไม่เคยปฏิบัติ หรือ ปฏิบัติมาน้อย ก็มีความคิดเห็นว่าตนเองปฏิบัติเยอะ
ผู้ไม่มีความรู้ หรือ ความรู้น้อย ก็มีความคิดเห็นว่าตนเองมีความรู้เยอะ
ผู้ที่ศึกษามากแต่ไม่ยอมปฏิบัติให้เห็นผล ก็มีความคิดเห็นว่าตนเองศึกษามาก ปฏิบัติเห็นผลแล้ว
ผู้ที่ตีความหมายคำสอนผิดไปจากพระสูตร ก็มีความคิดเห็นว่า ตนเองตีความหมายคำสอนถูกต้อง
ผู้ที่ไม่มีเหตุมีผล ก็มีความคิดเห็นว่าตนเองมีเหตุมีผล
ผู้ที่มีความคิดเห็นผิด ก็มีความคิดเห็นว่าตนเองมีความคิดเห็นถูก
ผู้ที่มีความเข้าใจผิด ก็มีความคิดเห็นว่าตนเองมีความเข้าใจที่ถูก
ผู้ที่มีมิจฉาทิฏฐิ ก็มีความคิดเห็นว่าตนเองมีสัมมาทิฏฐิ
ผู้ที่ไม่ได้นับถือพุทธ ก็มีความคิดเห็นว่าตนเองนับถือพุทธ
ผู้ที่ไม่มีศาสนา ก็มีความคิดเห็นว่าตนเองมีศาสนา
ผู้ลบหลู่ธรรม ก็มีความคิดเห็นว่าตนเองไม่ได้ลบหลู่ธรรม
ผู้ประพฤติชั่ว ก็มีความคิดเห็นว่าตนเองประพฤติดี
ผู้ดูถูกศาสนาอื่น ก็มีความคิดเห็นว่าตนเองไม่ได้ดูถูกศาสนาอื่น
ผู้ไม่ได้แสวงหาความจริงอันประเสริฐ ก็มีความคิดเห็นว่าตนเองหาความจริงอันประเสริฐ
ผู้ที่เก็บแต่ความคิดเห็นอคติ ก็มีความคิดเห็นว่าตนเองไม่อคติ
ผู้ที่เก็บความหลอกลวงไว้กับตัว ก็มีความคิดเห็นว่าตนเองเก็บแต่ความจริงไว้กับตัว
ผู้ที่กำลังหลอกตัวเอง ก็มีความคิดเห็นว่าตนเองไม่ได้หลอกตัวเอง
ผู้ที่ไม่หวังดี ก็มีความคิดเห็นว่าตนเองหวังดี
ผู้ที่หวังดี ก็ถูกโจมตีว่าไม่หวังดี
ความจริง กลับอยู่หลังความเชื่อ
ความเชื่อ กลับอยู่เหนือความจริง
ความผิด กลับเป็นถูก
ความถูก กลับเป็นผิด
ความเมตตาที่มีค่าที่สุดในชีวิตของมนุษย์ หายไปไหนกันหมดแล้ว
ทำไมมันถึงเหลือกันเพียงน้อยนิดเช่นนี้
ต่างหาความสุขใส่ตัว จนลืมกันไปแล้วเรื่องหนทางพ้นทุกข์ เกือบจะหมดสิ้น
เวปบอร์ดนี้ เคยดีมาก มีผู้เมตตาเยอะ แต่ถ้าเป็นอย่างงี้ต่อไป ผู้มีเมตตาแท้ ๆ
คงสู้ไม่ไหว
ความเห็นแก่ตัวกำลังครอบครองโลก รวมถึงในเวปบอร์ดแห่งนี้ด้วย
ไม่เอาความคิดเห็นของผู้ละโลภ โกรธ หลง ได้แล้วเป็นผู้นำทาง แล้วเราก็เดินตามทางนั้น
กลับเอาความคิดเห็นของผู้ยังไม่ละ โลภ โกรธ หลง มาเป็นใหญ่
แล้วก็เรียกร้อง หาแต่ความสุขในชีวิตกัน
หลาย ๆ คน เอาที่แห่งนี้ ไว้ระบายอารมณ์ แต่กลับมองข้ามประโยชน์ที่ยิ่งกว่าไป
คือหาปัญญา นำพาชีวิตให้พ้นทุกข์
ปีนี้ผมอายุ 42 เคยมีแต่สีดำในชีวิต ไม่มีสีขาวเลย
กาลเวลาเมื่อไม่กี่ปีมานี้ ทำให้ได้ค้นพบด้วยตัวเองว่า แสงสว่างเป็นเช่นไร
ด้วยความอยากรู้ว่าพระธรรมของ พระพุทธองค์ มีจริงมั้ย ก็เลยตัดตัวเองจากโลกภายนอก
ลองพรากของรักออกจากจิต ทุกสิ่ง พบกับความทรมานแสนสาหัส แต่ผลของประโยชน์
ที่ได้รับ ช่างคุ้มค่า ยิ่งกว่าคุ้มค่า ได้ค้นพบสัจธรรมที่มีมาเมื่อ สองพันหกร้อยกว่าปีก่อน
ซึ่งปัจจุบันก็ยังคงมีอยู่
ผมพยายามทำตามพระพุทธ ที่บอกว่า อย่าพึงเป็นบุรุษคนสุดท้ายในศาสนาเราเลย
แต่ความอดทนผม ไม่พอจริง ๆ เมื่อต้องเจอกับ ความเห็นแก่ตัวที่มากมายมหาศาล
ของผู้คน ที่ยังคงหลอกตัวเองว่าเป็นคนดี
ผมเคยหลอกตัวเองว่าเป็นคนดี พอมาเจอความหมาย คำสอนของพระพุทธ ว่าคนดี
ของท่านต้องเป็นยังไง ความรู้สึกแรกเลยคือ เหมือนตัวเองโดนเปลื้องผ้า ล่อนจ้อน
อับอาย อายพระพุทธ ทั้งไม่กล้าและไม่เหลือความถือดีกับตัว อีกเลย
ไม่กล้าแม้แต่จะคิดว่าตัวเอง "ดี"
ถ้าในเวปบอร์ดยังเต็มไปด้วย "โทสะ" กันแบบนี้ จะหาสติที่ไหนมายั้งคิด ในสิ่งที่ถูกต้อง
โลกไซเบอร์ ก็สะท้อนความเป็นจริงของสังคมได้เสมอ ว่าคนในสังคมส่วนใหญ่เป็นเช่นไร
อย่าเรียกร้องอะไรกันเลยนะครับ มุ่งหาแต่หนทางอันประเสริฐ กันดีกว่านะ
มีประโยชน์ที่สุดแล้ว ช่วยกันพูด ช่วยกันบอกต่อ กล่าวพระสูตร ให้ลูกเด็ก เล็กแดง คนในอานาคต
ได้รู้จักความดับทุกข์กันเถิด มิฉะนั้นคนรุ่นต่อไป คงด่าทอ สาบแช่ง คนรุ่นเราแบบไม่มีเหลือแน่
หากยังปล่อยความเห็นแก่ตัวจัด ครอบครองในใจ
ผมคงได้แต่ทำอะไรไม่ได้ ตอนแรกผมคิดว่าการที่ผมมาตอบคำถาม ตามคำสอนของพระพุทธ
ที่ผมได้จากการปฏิบัติแล้วเห็นผลตามที่ท่านบอกสอนไว้
(สูงสุด ผมเจอความว่างไป 3 ชั่วโมงครึ่ง ผมทำได้แค่นี้เองครับ ก็ได้แต่คิดว่า พระอรหันต์คงทำ
ได้เป็นเดือน เป็นปี และทำได้ชั่วชีวิต)
สิ่งที่คิดว่าจะทำให้มีประโยชน์ กลับไม่เป็นอย่างงั้น ไม่เลย
แต่ไม่เลย มันกลับสะท้อนเข้าตัวของผมเอง สะท้อนกลับมาในรูปของ "โทสะ" ที่ว่า
ทำไมไม่ยอมศึกษา ศึกษาแล้วทำไมไม่ยอมปฏิบัติให้ได้ผลรู้เห็นตามที่เป็นจริง ตาม
ที่พระพุทธได้บอกสอนไว้ แล้วมาบอกว่าตัวเองเป็น "พุทธ" ช่วยกันบิดเบือนศาสนา
ช่วยกันทำลายศาสนาทำไม
มองแต่ข้อเสีย มองเห็นแต่ความเอาแต่ได้ของตัวเอง ไม่ยอมมองข้อดีกันบ้างเลย
มีส่วนน้อยจริง ๆ ในเวปบอร์ด ที่มองเห็นตามที่เป็นจริงในศาสนาพุทธ แบบไม่งมงาย
ไม่เห็นแก่ตัว มีความเมตตา
อีกสิบปี ยี่สิบปี ลูกผมโตขึ้นมาแล้วผมจะตอบกับลูกผมยังไงดี
ว่า พ่อ ๆ "ทำไมพวกผู้ใหญ่ไม่ทำดีให้เด็กดู" ในเมื่อ พวกผู้ใหญ่ปัจจันนี้
ส่วนมากของสังคม และ คนที่กำลังเป็นวัยรุ่นที่จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในอนาคตอันใกล้
กลับ ไม่ร่วมมือทำดีต่อกันเลย กลับกลายเป็นว่า ใครทำดี ก็กลายเป็น "คนโง่"
ไม่เห็นแก่ตัว ฟ้าดินจะลงโทษ
แล้วคนส่วนน้อยนิดที่เป็นคนดี มีเมตตา ประพฤติพรหมจรรย์ จะสู้ได้ยังในเมื่อ
คนส่วนใหญ่มีความคิดเห็นว่า "ไม่เอาด้วย"
ทานที่ให้ที่วัด เจ้าหน้าที่วัดบอกอย่าแย่งกัน อย่าแย่งกัน ก็กลับแย่งกันไม่สนใจคำของพระ
กลัวตัวเองไม่ได้ของฟรี กลัวแย่งไม่ทันคนอื่น แต่กลับบอกคนอื่นว่าตัวเองมีศีลดี
จึงเข้าวัด
เมื่อความเห็นแก่ตัวกำลังจะครอบครองโลกใบนี้ คนที่เลว ก็ได้อาศัย พระพุทธ พระธรรม
พระสงฆ์ เข้าไปทำมาหากิน หลอกลวง บิดเบือนคำสอน พระธรรม พระสูตร เพื่อ
ลาภ สักการะ จึงเป็นเหตุให้ ผู้คนจำนวนไม่น้อยมีอคติกับศาสนา
ผู้คนที่มีอคติกับศาสนา ก็ไม่ยอมใช้สติ ตรองดูว่า พระรูปต่าง ๆ ที่ตนไปเจอมา พ้นโลภ
โกรธ หลงกันหรือยัง ถ้ายัง ก็มีโอกาส โดนกิเลส เล่นงานได้เสมอ
ผู้คนที่มีอคติกับศาสนา ก็ไม่ยอมใช้สติ ตรองดูว่า ผู้มีอำนาจในบ้านเหมือง ก็เป็นเช่นนั้น
เหมือนกัน จึงไม่ใส่ใจที่จะปกป้อง รักษา ใช้อำนาจของตน กวาดล้าง มิจฉาชีพ ในคราบพระ
ผู้คนที่มีอคติกับศาสนา ก็ไม่ยอมใช้สติ ตรองดูว่า ทำยังไงถึงจะพ้นทุกข์ให้ถูกทางได้
เอาแต่ตำหนิอย่างเดียว จนลืมดู จิต ของตน
สมมุติสงฆ์ก็ผิด ที่บิดเบือนคำสอน
ฆราวาสก็ผิด ที่ส่งเสริมโจรให้มาปล้น
พระสงฆ์แท้ ๆ ที่เป็น สงฆ์สาวกของ พระอรหันตสัมมาสัมพุทธ ก็เลยถูกเหมารวมไปด้วย ว่า "เลว"
อบาสก อบาสิกา ที่อยู่ในศีล มีสติ ระลึกในพระธรรมอันเป็นคำของตถาคต ไม่งมงาย ก็ถูกเหมารวมไปว่า งมงาย ไม่ดี
โลกนี้มันอยู่ยากขึ้นทุกวัน
หากผู้คนยังเห็นคุณค่าของวัตถุ สิ่งของ ชื่อเสียง เงินตรา ยศ ตำแหน่ง มากกว่า จิตใจ
หากผู้คนยังเอาตน เป็นศูนย์กลางของสรรพสิ่งที่ไม่เที่ยง ไม่จีรัง
หากผู้คนยังอยากได้หนทางอันประเสริฐสำหรับตน แต่ขอให้ได้มาโดยง่าย
หากผู้คนยังคงแสวงหานิพพาน ใน เซเว่น วัดบาป
หากผู้คนยังไม่ขวนขวายหา พระที่เป็นลูกศิษย์พระพุทธแท้ ๆ จริง ๆ
วัดที่มีหนทางแห่งพุทธจริง ๆ ไม่ขวนขวายหาว่าพระธรรมแท้ ๆ อยู่ที่ไหน จะแยกแยะได้อย่างไร
ว่าอันไหนจริง อันไหนเท็จ อันไหน ปลอม อันไหนลวง ด้วยปัญญาของตน
เห็นทีคงทำอะไรไม่ได้แล้ว ทั้งทางโลก ให้มีแต่สิ่งที่ดีงามเป็นส่วนใหญ่
และคงต้องทำใจเรื่องหากวันใด วันหนึ่ มีการหายสาบสูญของพุทธศาสนาในอนาคต
พระพุทธท่านพูดถูก คนในศาสนา จะเป็นคนทำลายศาสนาเสียเอง
ก็บ่น ๆ ไปนะครับ มันก็คงเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้
บ่นยาวเลย ก็คิดซะว่า อ่านนิทาน ปรัมปรา ของคนแก่อย่างผมไปก็แล้วกัน
ไปเรื่อย ๆ
ทำไมถึงมีแต่คนชั่วที่หลอกตัวเองว่าเป็นคนดี มีอยู่เต็มไปหมด
ขาดคุณสมบัติของ "บัณฑิต" (ผู้มีปัญญา , นักปราชญ์ , ผู้ดำเนินชีวิตด้วยปัญญา)
ไม่พูดกันอย่าง บัณฑิต พึงกระทำกัน แต่กล่าวตู่แม้กระทั่งตนเองว่าเป็น บัณฑิต
ผู้ไม่เคยศึกษา หรือ ศึกษามาน้อย ก็มีความคิดเห็นว่าตนเองศึกษามาเยอะ
ผู้ไม่เคยปฏิบัติ หรือ ปฏิบัติมาน้อย ก็มีความคิดเห็นว่าตนเองปฏิบัติเยอะ
ผู้ไม่มีความรู้ หรือ ความรู้น้อย ก็มีความคิดเห็นว่าตนเองมีความรู้เยอะ
ผู้ที่ศึกษามากแต่ไม่ยอมปฏิบัติให้เห็นผล ก็มีความคิดเห็นว่าตนเองศึกษามาก ปฏิบัติเห็นผลแล้ว
ผู้ที่ตีความหมายคำสอนผิดไปจากพระสูตร ก็มีความคิดเห็นว่า ตนเองตีความหมายคำสอนถูกต้อง
ผู้ที่ไม่มีเหตุมีผล ก็มีความคิดเห็นว่าตนเองมีเหตุมีผล
ผู้ที่มีความคิดเห็นผิด ก็มีความคิดเห็นว่าตนเองมีความคิดเห็นถูก
ผู้ที่มีความเข้าใจผิด ก็มีความคิดเห็นว่าตนเองมีความเข้าใจที่ถูก
ผู้ที่มีมิจฉาทิฏฐิ ก็มีความคิดเห็นว่าตนเองมีสัมมาทิฏฐิ
ผู้ที่ไม่ได้นับถือพุทธ ก็มีความคิดเห็นว่าตนเองนับถือพุทธ
ผู้ที่ไม่มีศาสนา ก็มีความคิดเห็นว่าตนเองมีศาสนา
ผู้ลบหลู่ธรรม ก็มีความคิดเห็นว่าตนเองไม่ได้ลบหลู่ธรรม
ผู้ประพฤติชั่ว ก็มีความคิดเห็นว่าตนเองประพฤติดี
ผู้ดูถูกศาสนาอื่น ก็มีความคิดเห็นว่าตนเองไม่ได้ดูถูกศาสนาอื่น
ผู้ไม่ได้แสวงหาความจริงอันประเสริฐ ก็มีความคิดเห็นว่าตนเองหาความจริงอันประเสริฐ
ผู้ที่เก็บแต่ความคิดเห็นอคติ ก็มีความคิดเห็นว่าตนเองไม่อคติ
ผู้ที่เก็บความหลอกลวงไว้กับตัว ก็มีความคิดเห็นว่าตนเองเก็บแต่ความจริงไว้กับตัว
ผู้ที่กำลังหลอกตัวเอง ก็มีความคิดเห็นว่าตนเองไม่ได้หลอกตัวเอง
ผู้ที่ไม่หวังดี ก็มีความคิดเห็นว่าตนเองหวังดี
ผู้ที่หวังดี ก็ถูกโจมตีว่าไม่หวังดี
ความจริง กลับอยู่หลังความเชื่อ
ความเชื่อ กลับอยู่เหนือความจริง
ความผิด กลับเป็นถูก
ความถูก กลับเป็นผิด
ความเมตตาที่มีค่าที่สุดในชีวิตของมนุษย์ หายไปไหนกันหมดแล้ว
ทำไมมันถึงเหลือกันเพียงน้อยนิดเช่นนี้
ต่างหาความสุขใส่ตัว จนลืมกันไปแล้วเรื่องหนทางพ้นทุกข์ เกือบจะหมดสิ้น
เวปบอร์ดนี้ เคยดีมาก มีผู้เมตตาเยอะ แต่ถ้าเป็นอย่างงี้ต่อไป ผู้มีเมตตาแท้ ๆ
คงสู้ไม่ไหว
ความเห็นแก่ตัวกำลังครอบครองโลก รวมถึงในเวปบอร์ดแห่งนี้ด้วย
ไม่เอาความคิดเห็นของผู้ละโลภ โกรธ หลง ได้แล้วเป็นผู้นำทาง แล้วเราก็เดินตามทางนั้น
กลับเอาความคิดเห็นของผู้ยังไม่ละ โลภ โกรธ หลง มาเป็นใหญ่
แล้วก็เรียกร้อง หาแต่ความสุขในชีวิตกัน
หลาย ๆ คน เอาที่แห่งนี้ ไว้ระบายอารมณ์ แต่กลับมองข้ามประโยชน์ที่ยิ่งกว่าไป
คือหาปัญญา นำพาชีวิตให้พ้นทุกข์
ปีนี้ผมอายุ 42 เคยมีแต่สีดำในชีวิต ไม่มีสีขาวเลย
กาลเวลาเมื่อไม่กี่ปีมานี้ ทำให้ได้ค้นพบด้วยตัวเองว่า แสงสว่างเป็นเช่นไร
ด้วยความอยากรู้ว่าพระธรรมของ พระพุทธองค์ มีจริงมั้ย ก็เลยตัดตัวเองจากโลกภายนอก
ลองพรากของรักออกจากจิต ทุกสิ่ง พบกับความทรมานแสนสาหัส แต่ผลของประโยชน์
ที่ได้รับ ช่างคุ้มค่า ยิ่งกว่าคุ้มค่า ได้ค้นพบสัจธรรมที่มีมาเมื่อ สองพันหกร้อยกว่าปีก่อน
ซึ่งปัจจุบันก็ยังคงมีอยู่
ผมพยายามทำตามพระพุทธ ที่บอกว่า อย่าพึงเป็นบุรุษคนสุดท้ายในศาสนาเราเลย
แต่ความอดทนผม ไม่พอจริง ๆ เมื่อต้องเจอกับ ความเห็นแก่ตัวที่มากมายมหาศาล
ของผู้คน ที่ยังคงหลอกตัวเองว่าเป็นคนดี
ผมเคยหลอกตัวเองว่าเป็นคนดี พอมาเจอความหมาย คำสอนของพระพุทธ ว่าคนดี
ของท่านต้องเป็นยังไง ความรู้สึกแรกเลยคือ เหมือนตัวเองโดนเปลื้องผ้า ล่อนจ้อน
อับอาย อายพระพุทธ ทั้งไม่กล้าและไม่เหลือความถือดีกับตัว อีกเลย
ไม่กล้าแม้แต่จะคิดว่าตัวเอง "ดี"
ถ้าในเวปบอร์ดยังเต็มไปด้วย "โทสะ" กันแบบนี้ จะหาสติที่ไหนมายั้งคิด ในสิ่งที่ถูกต้อง
โลกไซเบอร์ ก็สะท้อนความเป็นจริงของสังคมได้เสมอ ว่าคนในสังคมส่วนใหญ่เป็นเช่นไร
อย่าเรียกร้องอะไรกันเลยนะครับ มุ่งหาแต่หนทางอันประเสริฐ กันดีกว่านะ
มีประโยชน์ที่สุดแล้ว ช่วยกันพูด ช่วยกันบอกต่อ กล่าวพระสูตร ให้ลูกเด็ก เล็กแดง คนในอานาคต
ได้รู้จักความดับทุกข์กันเถิด มิฉะนั้นคนรุ่นต่อไป คงด่าทอ สาบแช่ง คนรุ่นเราแบบไม่มีเหลือแน่
หากยังปล่อยความเห็นแก่ตัวจัด ครอบครองในใจ
ผมคงได้แต่ทำอะไรไม่ได้ ตอนแรกผมคิดว่าการที่ผมมาตอบคำถาม ตามคำสอนของพระพุทธ
ที่ผมได้จากการปฏิบัติแล้วเห็นผลตามที่ท่านบอกสอนไว้
(สูงสุด ผมเจอความว่างไป 3 ชั่วโมงครึ่ง ผมทำได้แค่นี้เองครับ ก็ได้แต่คิดว่า พระอรหันต์คงทำ
ได้เป็นเดือน เป็นปี และทำได้ชั่วชีวิต)
สิ่งที่คิดว่าจะทำให้มีประโยชน์ กลับไม่เป็นอย่างงั้น ไม่เลย
แต่ไม่เลย มันกลับสะท้อนเข้าตัวของผมเอง สะท้อนกลับมาในรูปของ "โทสะ" ที่ว่า
ทำไมไม่ยอมศึกษา ศึกษาแล้วทำไมไม่ยอมปฏิบัติให้ได้ผลรู้เห็นตามที่เป็นจริง ตาม
ที่พระพุทธได้บอกสอนไว้ แล้วมาบอกว่าตัวเองเป็น "พุทธ" ช่วยกันบิดเบือนศาสนา
ช่วยกันทำลายศาสนาทำไม
มองแต่ข้อเสีย มองเห็นแต่ความเอาแต่ได้ของตัวเอง ไม่ยอมมองข้อดีกันบ้างเลย
มีส่วนน้อยจริง ๆ ในเวปบอร์ด ที่มองเห็นตามที่เป็นจริงในศาสนาพุทธ แบบไม่งมงาย
ไม่เห็นแก่ตัว มีความเมตตา
อีกสิบปี ยี่สิบปี ลูกผมโตขึ้นมาแล้วผมจะตอบกับลูกผมยังไงดี
ว่า พ่อ ๆ "ทำไมพวกผู้ใหญ่ไม่ทำดีให้เด็กดู" ในเมื่อ พวกผู้ใหญ่ปัจจันนี้
ส่วนมากของสังคม และ คนที่กำลังเป็นวัยรุ่นที่จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในอนาคตอันใกล้
กลับ ไม่ร่วมมือทำดีต่อกันเลย กลับกลายเป็นว่า ใครทำดี ก็กลายเป็น "คนโง่"
ไม่เห็นแก่ตัว ฟ้าดินจะลงโทษ
แล้วคนส่วนน้อยนิดที่เป็นคนดี มีเมตตา ประพฤติพรหมจรรย์ จะสู้ได้ยังในเมื่อ
คนส่วนใหญ่มีความคิดเห็นว่า "ไม่เอาด้วย"
ทานที่ให้ที่วัด เจ้าหน้าที่วัดบอกอย่าแย่งกัน อย่าแย่งกัน ก็กลับแย่งกันไม่สนใจคำของพระ
กลัวตัวเองไม่ได้ของฟรี กลัวแย่งไม่ทันคนอื่น แต่กลับบอกคนอื่นว่าตัวเองมีศีลดี
จึงเข้าวัด
เมื่อความเห็นแก่ตัวกำลังจะครอบครองโลกใบนี้ คนที่เลว ก็ได้อาศัย พระพุทธ พระธรรม
พระสงฆ์ เข้าไปทำมาหากิน หลอกลวง บิดเบือนคำสอน พระธรรม พระสูตร เพื่อ
ลาภ สักการะ จึงเป็นเหตุให้ ผู้คนจำนวนไม่น้อยมีอคติกับศาสนา
ผู้คนที่มีอคติกับศาสนา ก็ไม่ยอมใช้สติ ตรองดูว่า พระรูปต่าง ๆ ที่ตนไปเจอมา พ้นโลภ
โกรธ หลงกันหรือยัง ถ้ายัง ก็มีโอกาส โดนกิเลส เล่นงานได้เสมอ
ผู้คนที่มีอคติกับศาสนา ก็ไม่ยอมใช้สติ ตรองดูว่า ผู้มีอำนาจในบ้านเหมือง ก็เป็นเช่นนั้น
เหมือนกัน จึงไม่ใส่ใจที่จะปกป้อง รักษา ใช้อำนาจของตน กวาดล้าง มิจฉาชีพ ในคราบพระ
ผู้คนที่มีอคติกับศาสนา ก็ไม่ยอมใช้สติ ตรองดูว่า ทำยังไงถึงจะพ้นทุกข์ให้ถูกทางได้
เอาแต่ตำหนิอย่างเดียว จนลืมดู จิต ของตน
สมมุติสงฆ์ก็ผิด ที่บิดเบือนคำสอน
ฆราวาสก็ผิด ที่ส่งเสริมโจรให้มาปล้น
พระสงฆ์แท้ ๆ ที่เป็น สงฆ์สาวกของ พระอรหันตสัมมาสัมพุทธ ก็เลยถูกเหมารวมไปด้วย ว่า "เลว"
อบาสก อบาสิกา ที่อยู่ในศีล มีสติ ระลึกในพระธรรมอันเป็นคำของตถาคต ไม่งมงาย ก็ถูกเหมารวมไปว่า งมงาย ไม่ดี
โลกนี้มันอยู่ยากขึ้นทุกวัน
หากผู้คนยังเห็นคุณค่าของวัตถุ สิ่งของ ชื่อเสียง เงินตรา ยศ ตำแหน่ง มากกว่า จิตใจ
หากผู้คนยังเอาตน เป็นศูนย์กลางของสรรพสิ่งที่ไม่เที่ยง ไม่จีรัง
หากผู้คนยังอยากได้หนทางอันประเสริฐสำหรับตน แต่ขอให้ได้มาโดยง่าย
หากผู้คนยังคงแสวงหานิพพาน ใน เซเว่น วัดบาป
หากผู้คนยังไม่ขวนขวายหา พระที่เป็นลูกศิษย์พระพุทธแท้ ๆ จริง ๆ
วัดที่มีหนทางแห่งพุทธจริง ๆ ไม่ขวนขวายหาว่าพระธรรมแท้ ๆ อยู่ที่ไหน จะแยกแยะได้อย่างไร
ว่าอันไหนจริง อันไหนเท็จ อันไหน ปลอม อันไหนลวง ด้วยปัญญาของตน
เห็นทีคงทำอะไรไม่ได้แล้ว ทั้งทางโลก ให้มีแต่สิ่งที่ดีงามเป็นส่วนใหญ่
และคงต้องทำใจเรื่องหากวันใด วันหนึ่ มีการหายสาบสูญของพุทธศาสนาในอนาคต
พระพุทธท่านพูดถูก คนในศาสนา จะเป็นคนทำลายศาสนาเสียเอง
ก็บ่น ๆ ไปนะครับ มันก็คงเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้
บ่นยาวเลย ก็คิดซะว่า อ่านนิทาน ปรัมปรา ของคนแก่อย่างผมไปก็แล้วกัน