ปี 2016 เป็นปีที่ถือว่าเป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงอีกครั้งเมื่อจูมมะลี ไซยะสอน ประธานประเทศ สปป.ลาว และเลขาธิการพรรคประชาชนปฏิวัติลาว (พปปล.) ดำรงตำแหน่งวาระที่ 2 ครบ 10 ปี โดยการเลือกตั้งสมัยที่ 10 จะมีประมาณปี 2016 ซึ่งหากจูมมะลี ไซยะสอน มีความประสงค์ที่จะต้องการเป็นประธานและเลขาอีกครั้ง ก็อาจจะได้รับเลือกแน่นอน ซึ่งตำแหน่งสูงๆนั้นอาจจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงก็เป็นได้ หากว่าไม่มีตำแหน่งใดว่าง ซึ่งแน่นอนว่าจุดเปลี่ยนของ สปป.ลาว และ พปปล. ขึ้นอยู่กับจูมมะลี ไซยะสอน อดีตทหารหนุ่มจากอัดตะปือ ผู้คร่ำหวอดทั้งวงการทหารและวงการการเมืองอย่างยาวนาน และเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิด สปป.ลาว ขึ้นมาได้
หากจูมมะลี ไซยะสอน ไม่มีความต้องการเป็นประธานประเทศและเลขาธิการพรรค มีตัวเต็งอยู่ 2 คนที่น่าจับตา คือ บุนยัง วอละจิด และ ทองสิง ทำมะวง
บุนยัง วอละจิด คือรองประธานประเทศ สปป.ลาว คนปัจจุบัน มีตำแหน่งทางพรรคเป็นกรรมการกรมการเมืองศูนย์กลางลำดับที่ 3 ขณะที่ ทองสิง ทำมะวง เป็นนายกรัฐมนตรี สปป.ลาว คนปัจจุบัน มีตำแหน่งทางพรรคเป็นกรรมการกรมการเมืองศูนย์กลางลำดับที่ 2 ประสบการณ์ด้านการเมืองค่อนข้างโชกโชนพอสมควรทั้งคู่ บุนยัง วอละจิด เคยเป็นทหารยศพันเอก เริ่มดำรงตำแหน่งทางการเมืองเป็นรองนายกรัฐมนตรีในสมัยของสีสะหวาด แก้วบุนพัน และได้ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีในสมัยคำไต สีพันดอน และได้เป็นรองประธานประเทศในสมัยของจูมมะลี ไซยะสอน ถือว่ามีประสบการณ์ทางการเมืองพอสมควร ขณะที่ ทองสิง ทำมะวง เคยอยู่ในฝ่ายนิติบัญญัติเป็น สสช (สมาชิกสภาแห่งชาติ) ของหลวงพระบาง ก่อนมาเป็นประธานสภาแห่งชาติและได้เป็นนายกรัฐมนตรีเมื่อบัวสอน บุบผาวัน ลาออกจากตำแหน่ง
อย่างไรก็ตาม ทองสิง ทำมะวง ถือว่ามีโอกาสได้เปรียบสูงไม่ว่าจะเป็นหรือไม่ได้เป็น การก้าวกระโดดขึ้นจากนายกรัฐมนตรีเป็นประธานประเทศเคยมีมาแล้ว โดยไกสอน พมวิหาน และ คำไต สีพันดอน ได้เคยก้าวแบบนั้นมาก่อน แต่จุดที่ถือว่าเสียเปรียบพอสมควรคือทั้งไกสอนและคำไตนั้น เคยเป็นเลขาธิการพรรคอยู่แล้วช่วงที่เป็นนายกรัฐมนตรีและอาจจะเป็นไปได้ว่าการก้าวกระโดดแบบนั้นได้ต้องมีหน้าที่ทางพรรคอย่างสูงด้วย ขณะที่บุนยัง วอละจิดเองอาจจะมีโอกาส "แห้ว" เหมือนอย่างที่สีสะหวาด แก้วบุนพัน เคยเป็นรองประธานประเทศสมัยหนูฮัก พูมสะหวันแล้วถูกลดตัวเป็นนายกรัฐมนตรีสมัยคำไต สีพันดอน และได้เกษียณตัวเองออกจากตำแหน่งทางการเมืองในปี 2011
ทำไมจึงกล่าวว่าทองสิงมีโอกาสได้เปรียบสูง เพราะในทางการเมือง ทองสิง ทำมะวง เป็นผู้มีอำนาจอันดับ 3 ในลาวรองจากบุนยังและจูมมะลี แต่ในทางพรรคแล้ว ถือว่าทองสิง ทำมะวง มีอำนาจเป็นอันดับ 2 รองจากจูมมะลี เพียงเท่านั้น หากบุนยังได้เป็นประธานประเทศต่อจากจูมมะลี ทองสิงเองอาจจะได้เลื่อนขึ้นเป็นรองประธานประเทศ เหมือนที่บุนยังเคยทำมาแล้วในช่วงเปลี่ยนผ่าน คำไต-จูมมะลี ซึ่งหากทองสิงได้เลื่อนขึ้นเป็นประธานประเทศหรือรองประธานประเทศแล้ว ผู้ที่จะต้องเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป ก็คือ สมสะหวาด เล่งสะหวาด รองนายกฯเบอร์ 1 นั้นเอง ซึ่งในอนาคตก็จะอาจจะได้เป็นประธานประเทศเชื้อสายจีนคนแรกก็เป็นได้
อย่างไรก็ตาม เสถียรภาพการเมืองของลาวอาจจะมั่นคง แต่ความจริงแล้วเชื่อกันว่ามี "มือลับ" ซ่อนอยู่ ถือกันว่ามือนั้นอยู่สูงกว่าจูมมะลี ไซยะสอนเสียอีก มือนั้นสามารถเปลี่ยนผ่านเรื่องราวหลายๆอย่างได้ โดยตอนนี้มีข่าวลือว่า "มือลับ" นั้นจะเอาบัวสอน บุบผาวัน กลับมาในวงการการเมืองลาวตามคำร้องขอของคำไต สีพันดอน มือลับนั้นคืออะไร ใครที่ติดตามการเมืองลาวอย่างลึกซึ้งคงจะเข้าใจดีครับ
ประเมินการเมืองลาว 2016 เมื่อจูมมะลีจะลงจากตำแหน่ง
ปี 2016 เป็นปีที่ถือว่าเป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงอีกครั้งเมื่อจูมมะลี ไซยะสอน ประธานประเทศ สปป.ลาว และเลขาธิการพรรคประชาชนปฏิวัติลาว (พปปล.) ดำรงตำแหน่งวาระที่ 2 ครบ 10 ปี โดยการเลือกตั้งสมัยที่ 10 จะมีประมาณปี 2016 ซึ่งหากจูมมะลี ไซยะสอน มีความประสงค์ที่จะต้องการเป็นประธานและเลขาอีกครั้ง ก็อาจจะได้รับเลือกแน่นอน ซึ่งตำแหน่งสูงๆนั้นอาจจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงก็เป็นได้ หากว่าไม่มีตำแหน่งใดว่าง ซึ่งแน่นอนว่าจุดเปลี่ยนของ สปป.ลาว และ พปปล. ขึ้นอยู่กับจูมมะลี ไซยะสอน อดีตทหารหนุ่มจากอัดตะปือ ผู้คร่ำหวอดทั้งวงการทหารและวงการการเมืองอย่างยาวนาน และเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิด สปป.ลาว ขึ้นมาได้
หากจูมมะลี ไซยะสอน ไม่มีความต้องการเป็นประธานประเทศและเลขาธิการพรรค มีตัวเต็งอยู่ 2 คนที่น่าจับตา คือ บุนยัง วอละจิด และ ทองสิง ทำมะวง
บุนยัง วอละจิด คือรองประธานประเทศ สปป.ลาว คนปัจจุบัน มีตำแหน่งทางพรรคเป็นกรรมการกรมการเมืองศูนย์กลางลำดับที่ 3 ขณะที่ ทองสิง ทำมะวง เป็นนายกรัฐมนตรี สปป.ลาว คนปัจจุบัน มีตำแหน่งทางพรรคเป็นกรรมการกรมการเมืองศูนย์กลางลำดับที่ 2 ประสบการณ์ด้านการเมืองค่อนข้างโชกโชนพอสมควรทั้งคู่ บุนยัง วอละจิด เคยเป็นทหารยศพันเอก เริ่มดำรงตำแหน่งทางการเมืองเป็นรองนายกรัฐมนตรีในสมัยของสีสะหวาด แก้วบุนพัน และได้ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีในสมัยคำไต สีพันดอน และได้เป็นรองประธานประเทศในสมัยของจูมมะลี ไซยะสอน ถือว่ามีประสบการณ์ทางการเมืองพอสมควร ขณะที่ ทองสิง ทำมะวง เคยอยู่ในฝ่ายนิติบัญญัติเป็น สสช (สมาชิกสภาแห่งชาติ) ของหลวงพระบาง ก่อนมาเป็นประธานสภาแห่งชาติและได้เป็นนายกรัฐมนตรีเมื่อบัวสอน บุบผาวัน ลาออกจากตำแหน่ง
อย่างไรก็ตาม ทองสิง ทำมะวง ถือว่ามีโอกาสได้เปรียบสูงไม่ว่าจะเป็นหรือไม่ได้เป็น การก้าวกระโดดขึ้นจากนายกรัฐมนตรีเป็นประธานประเทศเคยมีมาแล้ว โดยไกสอน พมวิหาน และ คำไต สีพันดอน ได้เคยก้าวแบบนั้นมาก่อน แต่จุดที่ถือว่าเสียเปรียบพอสมควรคือทั้งไกสอนและคำไตนั้น เคยเป็นเลขาธิการพรรคอยู่แล้วช่วงที่เป็นนายกรัฐมนตรีและอาจจะเป็นไปได้ว่าการก้าวกระโดดแบบนั้นได้ต้องมีหน้าที่ทางพรรคอย่างสูงด้วย ขณะที่บุนยัง วอละจิดเองอาจจะมีโอกาส "แห้ว" เหมือนอย่างที่สีสะหวาด แก้วบุนพัน เคยเป็นรองประธานประเทศสมัยหนูฮัก พูมสะหวันแล้วถูกลดตัวเป็นนายกรัฐมนตรีสมัยคำไต สีพันดอน และได้เกษียณตัวเองออกจากตำแหน่งทางการเมืองในปี 2011
ทำไมจึงกล่าวว่าทองสิงมีโอกาสได้เปรียบสูง เพราะในทางการเมือง ทองสิง ทำมะวง เป็นผู้มีอำนาจอันดับ 3 ในลาวรองจากบุนยังและจูมมะลี แต่ในทางพรรคแล้ว ถือว่าทองสิง ทำมะวง มีอำนาจเป็นอันดับ 2 รองจากจูมมะลี เพียงเท่านั้น หากบุนยังได้เป็นประธานประเทศต่อจากจูมมะลี ทองสิงเองอาจจะได้เลื่อนขึ้นเป็นรองประธานประเทศ เหมือนที่บุนยังเคยทำมาแล้วในช่วงเปลี่ยนผ่าน คำไต-จูมมะลี ซึ่งหากทองสิงได้เลื่อนขึ้นเป็นประธานประเทศหรือรองประธานประเทศแล้ว ผู้ที่จะต้องเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป ก็คือ สมสะหวาด เล่งสะหวาด รองนายกฯเบอร์ 1 นั้นเอง ซึ่งในอนาคตก็จะอาจจะได้เป็นประธานประเทศเชื้อสายจีนคนแรกก็เป็นได้
อย่างไรก็ตาม เสถียรภาพการเมืองของลาวอาจจะมั่นคง แต่ความจริงแล้วเชื่อกันว่ามี "มือลับ" ซ่อนอยู่ ถือกันว่ามือนั้นอยู่สูงกว่าจูมมะลี ไซยะสอนเสียอีก มือนั้นสามารถเปลี่ยนผ่านเรื่องราวหลายๆอย่างได้ โดยตอนนี้มีข่าวลือว่า "มือลับ" นั้นจะเอาบัวสอน บุบผาวัน กลับมาในวงการการเมืองลาวตามคำร้องขอของคำไต สีพันดอน มือลับนั้นคืออะไร ใครที่ติดตามการเมืองลาวอย่างลึกซึ้งคงจะเข้าใจดีครับ