ความเป็นส่วนตัวVSไมตรีจากอีกฝ่าย ทำไงดีคะ

ก่อนอื่น ต้องขอบอกก่อนว่าลบข้อความในหลายกระทู้ไปเพื่อกันไม่ให้อีกฝ่ายรู้ เพราะถ้าอ่านกระทู้เก่าๆแล้วเอามาประติดประต่อ คงเดาได้ไม่ยาก

จขกท.ไปเรียนและทำงานในต่างประเทศได้เกือบสิบปี พึ่งกลับมาได้ไม่นาน เพราะหวังว่าจะเก็บเงินไปเรียนต่อที่อเมริกา(ต่างประเทศค่าครองชีพสูง เก็บยาก)

หลังจากกลับมา ได้งานที่บริษัทแห่งหนึ่งในต่างจังหวัด(ไม่มีญาติ ไม่มีเพื่อน ไม่รู้ทาง ที่แย่กว่าคือไม่ชินกับไทย) แต่ทุกคนดีกับจขกท.โดยเฉพาะผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง มันเริ่มจากความบังเอิญที่ว่าที่พักของจขกท.อยู่ใกล้บ้านท่าน ท่านจึงอาสาไปส่งให้หลังเลิกงาน(ตอนนั้นคิดแค่ว่าผู้ใหญ่อุตส่าห์มีน้ำใจ ไม่อยากปฏิเสธ) แล้วก็กลายเป็นว่าให้ติดรถเช้าเย็น พาไปทานข้าวกับครอบครัวท่านทุกเย็น บางทีก็ชวนไปเที่ยวในวันหยุด ภรรยาของท่านเองก็ฝากกับข้าวมาให้ทานตอนกลางวัน พูดง่ายๆ เหมือนเป็นสมาชิกในครอบครัวไปเลย(คิดว่าไม่มีเรื่องชู้สาวค่ะ เพราะได้เจอกับสมาชิกทุกคนในบ้านไปเรียบร้อยแล้ว อีกอย่าง ท่านก็รุ่นพ่อเราเลย)

ท่านเคยบอกว่าเราเหมือนลูกคนโตของท่าน(ตอนนี้ไปอยู่ที่จังหวัดอื่น) และภรรยาท่านเองก็คิดเหมือนกัน

ปัญหามีอยู่ที่ว่า บางทีเราก็อยากอยู่คนเดียวบ้าง อยากอ่านหนังสือเพื่อเตรียมตัวไปเรียนต่อ แล้วเราก็เป็นคนประเภทปิด กล่าวคือไม่ชอบให้ใครเข้ามาในโลกของเรามากเกินไป(มันหมายความว่ายังไง ไปดูที่กระทู้เก่าๆได้)
เราชอบครอบครัวของท่านมาก อยากไปทานข้าวด้วย อยากไปเจอ อยากคุย แต่ไม่ใช่ทุกวัน แต่อีกฝ่ายเอ็นดูเราเหมือนลูกหลาน(ถึงกับเตือนวิธีการเดิน บอกให้กินผัก) เราก็ไม่อยากทำร้ายน้ำใจอีกฝ่าย

คิดว่านานๆไปจะเป็นปัญหากับการอ่านหนังสือเตรียมตัวสอบ แต่ไม่คิดจะบอกใครที่บริษัทเรื่องนี้(ถึงจะคิดว่าท่านไม่ใช่คนที่จะพูด) เพราะนายยอมจ้างเรามาแพงๆเพราะหวังจะให้มาช่วยแก้ปัญหาระยะยาวของบริษัท ดังนั้นการบอกท่านว่าอยากได้เวลาอ่านหนังสือสอบเป็นอันตกไป

จะมีวิธีที่ทำให้สามารถรักษาความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันไว้ แต่รักษาระยะห่างแบบที่เราหวังไว้มั้ยคะ

เป็นครอบครัวที่เราแอบหวังลึกๆว่าอยากคบต่อนานๆ ถึงไปเรียนต่อแล้วค่ะ

ประเทศที่เคยอยู่ไม่มีวัฒนธรรมที่ผู้ใหญ่จะเอ็นดูเด็กเป็นลูกหลาน เลยยิ่งไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับกรณีแบบนี้ค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่