Grey Story…รักเทาเทาเราสามคน ตอน1
by 19April
...ก๊อก ก๊อก ก๊อก...เฟรม...
“เฟรมตื่นได้แล้วลูก เดี๋ยวก็ไม่ทันพระหรอก จะหกโมงแล้วนะ” ...เสียงผู้หญิงที่ผมคุ้นเคยดังมาจากหลังประตูไม้หน้าห้อง แต่ทว่าตอนนี้ร่างผมยังคงไม่ขยับ ไม่รู้สึกตอบสนองต่อสิ่งรอบตัว หน้ายังคงซุกอยู่กับหมอนขนเป็ดสีขาว ที่อมเหลืองนิดๆเพราะชอบนอนน้ำลายไหล แม่ยังคงเรียกผมอีกหลายครั้ง จนผมต้องลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ
“รู้แล้วแม่” ผมตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงงัวเงีย จริงๆแล้วผมเองก็ไม้ได้ชอบเข้าวัด ทำบุญอะไรหรอกนะครับ แต่วันนี้เป็นวันเกิดผม ที่อายุครบ 16 ปีบริบูรณ์
---ย้อนกลับไป 7 ชั่วโมง---
“เฟรม พรุ่งนี้ตื่นเช้ามาใส่บาตรกับแม่นะ ทำบุญบ้างนะเรา พระผ่านหน้าบ้านทุกวัน ตื่นไม่เคยทันเลย” แม่แอบเหวี่ยงเล็กน้อยแต่น้ำเสียงยังอบอุ่นเหมือนเคย
“โอเคแม่ แม่ปลุกหนูด้วยละกัน เดี๋ยวขึ้นไปทำการบ้านก่อนนะ”........หนู.........ไม่ต้องขำกันนะครับ 555 ถึงแม้ผมจะรูปร่างสูงใหญ่ ผิวก็ออกแทนๆ จนหลายคนเรียกควายก็เถอะ แต่ตั้งแต่จำความได้ ผมก็เรียกแทนตัวเองมาตลอด จนรู้สึกธรรมดาไปซะแล้ว
ผมลากสังขารลงจากเตียงก็ปาไปหกโมง ที่ช้านี่เพราะก่อนลุกก็ดันไปเช็ค Instagram ในไอโฟน 5 (ที่อยากจะเปลี่ยนเป็นไอ 6 สีทองเหลือเกิน) ไอเพื่อนตัวดีก็มาอวยพรกันยกใหญ่
Notenote: หมาจะเกิด

หมาจะเกิดชิงหมาเกิ๊ดด...
Nannapa: สุขสันต์วันเกิดนะคะพี่เฟรม หนูเองแนน 3/7 ค่ะ ยิ้มรับวันเกิดนะคะ จุ๊บๆ
Groupofhell: มีความสุขมากๆนะ ไอห่า แต่คืนนี้เลี้ยงไรดีวะ
Micky123: มีผัวได้แล้ว555 กูล้อเล่น ยังไงก็มีความสุขมากๆชอบใครรักใครก็รีบบอก เดี๋ยวหมาคาบไป-หมด Oops…กูเปล่านะ
Jetkrok: ไอมิก@Micky123 ไอ

เฟรมชอบใครว่ะ เนีนยนะกูไม้รู้เลย
และหลังจากนั้นก็คงเป็นสงรามนักเลงคีย์บอร์ด ที่เอาไอจีผมเป็นสมรภูมิอันดุเดือด กราดกระสุนใส่ผมจนพรุนไปทั้งตัว นี่วันเกิดกูนะโว้ยยยยยยยยยยย
*****
อากาศเย็นปีนี้หนาวกว่าทุกปี ต้นชมพู่ที่บ้านโยกไปตามแรงลม ผมถือทัพพีตักข้าวสวยใส่ในบาตรอย่างเบามือที่สุด แต่ก็ยังดูเก้ๆกังๆและเขกบาตรดังก๊องแก๊งหลายที กับข้าวและส้มใส่ตามลงไป ผมกับแม่นั่งยองๆ ลงที่หน้าบ้านสวน
...สัพพีติโย วิวัชฌฌันตุ ขอความเสนียด

ทั้งหลาย จงผ่านพ้นไป
สัพพะโรโค วินัสสะตุ ขอโรคทั้งปวงของท่านจงหาย
มา เต ภะวัตวันตะราโย ขออันตรายอย่ามีแก่ท่าน
สุขี ทีฆายุโก ภะวะ ขอท่านจงมีความสุขยืนนาน
อะภิวาทะนะสีลิสสะ นิจจัง วุฒาปะจายิโน จัตตาโร ธัมมาวัฑฒันติ
อายุ วรรโณ สุขัง พะลัง พรทั้งสี่ประการ คือ อายุ วรรณะ สุขะ พละ
ย่อมเจริญแก่ผู้มีปกติไหว้กราบและเคารพต่อผู้ใหญ่เป็นนิจ…
สาธุคับ...ผมลุกยืน ใส่รองเท้า “เฟรม 16 แล้วนะลูก ขอให้ลูกแม่ตั้งใจเรียน ลูกจะเป็นอะไรก็ขอให้เป็นคนดี แม่ขอแค่นี้ละ” แม่ให้พรผมทุกๆปี ไม่ใช่สิ แม่ชอบให้พรผมทุกๆวัน เพราะแม่เป็นคนชอบทำบุญ ฟังธรรม ทุกเช้าแม่จะเปิดวิทยุหมุนไปคลื่นไหนก็ไม่รู้ แต่จะเป็นเสียงพระสวด จนผมรู้สึกสบายหูตอนเช้าๆทุกที แต่วันนี้แม่ไม่พูดอย่างเดียวแต่ยื่นซองให้ผม 1 ซอง ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นอะไร
“ขอบคุณครับแม่”...ผมรีบคว้าซองพร้อมยกมือขอบคุณผู้หญิงตรงหน้า เราอยู่กันสองคนตั้งแต่ผมยังเด็ก
ผมนั่งเรือด่วนจากท่าน้ำนนทบุรีทุกเช้าเพื่อไปโรงเรียน วันนี้ได้ยืนครับ เพราะคนแน่นมาก ใจผมก็คิดเรื่อยเปื่อยไปถึงเย็นนี้ว่าจะไปหาอะไรกินแถวท่าพระอาทิตย์ เลี้ยงไอพวกตลก-ดีวะ เรือแล่นไปถึงท่าพระราม7 คนเริ่มลงโป๊ะมาเยอะขึ้น...
อ้าวพี่เดินชิดในหน่อย!!!!! นายท้ายเรือ

ตะคอกใส่ ก่อนมองมาที่ผมด้วยสายตากวนตีน ผมมองหน้ามัน แต่ทำอะไรไม่ได้ เพราะไม่อยากมีเรื่องวันพิเศษของผม ได้แต่ด่ามันในใจ “สัดดดด”
แต่แล้วสายตาผมก็พลันไปเห็นนักเรียนปักชื่อย่อโรงเรียนเดียวกัน ก้าวขึ้นมาบนเรือ ร่างสูงโปร่ง ผมรองทรง และใบหน้าอันโดดเด่น มันคือ ไอ้หน้าหล่อห้อง 2 นนท์ คนที่ผม...
แอบชอบและมันก็รู้ว่าผมชอบมัน
ใกล้แปดโมงแล้ว ผมเดินคุยกับนนท์ บนสะพานซังฮี้ หลังลงจากเรือด่วน.....แดดหน้าหนาวมันแรงดีเหมือนกัน แต่ยิ่งไรแดดกระทบลงบนหน้าของไอ้นนท์เมื่อไร หน้ามันยิ่งเปล่งออร่าท้าทายจิตใจผมเหลือเกิน เวลาผ่านไปเร็วจนตอนนี้ผมกับมันเดินมาหยุดที่หน้าโรงเรียน
“เฮ้ยนนท์ วันนี้วันเกิดกู ไปกินข้าวกันป่ะ กูเลี้ยงเอง”

แล้วไง ความนิ่งเงียบของมันและผม ทำให้หน้าผมชา งงกับคำพูดตัวเอง กูพูดไปได้ไงวะ มันเป็นคำพูดที่ไม่น่าหลุดออกจากปากคนหยาบๆอย่างผมได้เลย
มันนิ่งไป แต่กลับหันมาอมยิ้มให้ผม
“ยิ้มไรวะ”
“เปล๊า” มันเปล๊าเสียงสูงใส่ผมคร้าบบบบ เอ๊ะไอนี่ / นนท์มันเป็นคนทะเล้นครับ อ่อยและ

ในบางที “ไม่เป็นไรกูชวนเฉยๆ”
“กูไปได้ ใจร้อนจังฮะไอ้เฟรม ให้กูคิดหน่อยเซ่ เออเย็นนี้เจอกัน แต่ขอทำโครงงานส่งอาจารย์ก่อนนะ”
“เออ เออ เสร็จแล้วโทรมาละกัน” ผมเดินเข้ามาและแยกกับมันใต้ตึก 3 แต่ขณะที่กำลังจะเดินขึ้นตึก


“เฮ้ยเฟรม สุขสันต์วันเกิดนะ”
คำพูดและรอยยิ้มของมันทำให้วันเกิดครบรอบ 16 ปีของผมมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก ผมได้แต่เผยยิ้มมุมปากและโบกมือให้มัน แต่ข้างในรู้สึกหัวใจ

สูบฉีดเลือดผมอย่างหนักหน่วง
ผมกับเฟรมเราอยู่คนละห้อง มันห้อง 2 ผมห้อง 8 แต่ตอน ม.ต้นผมอยู่ห้องเดียวกับมันมาตลอด จนทำให้เราสนิทกัน มันเรียนเก่งต่างกับผมที่ขอไปที โดดเรียนเป็นประจำ แต่นั่นละครับ ทำให้ผมต้องมาชดใช้ชะตากรรม อยู่กับกลุ่มเรียนไม่เอาไหนไอ้พวกเพื่อนตัวดีทั้งหลาย ที่จ้องเล่นงานผมอยู่ในตอนนี้
เสียงกริ่ง พักเที่ยงดังกังวานไปทั่วโรงเรียน มนุษย์เด็ก ม.ต้นทยอยขึ้นตึก พวก ม.ปลายอย่างผมก็ลงไปหาอะไรกินที่โรงอาหาร
“เลี้ยงอะไรดีวะ วันเกิดทั้งทีเนี่ย กูล้างท้องรอตั้งแต่เมื่อคืนและ”
“เออแล้วชอบใครไม่บอกเพื่อนบออกฝูงนะไอสัดด หวงไง ปกติกูไม่เคยเห็นจะสนใจสาวคนไหนเลยนะไอห่า” คำแซวมันทำให้ผมที่ดื่มโอวัลตินอยู่ เกือบพ่นใส่หน้าไอเจ็ท มันเป็นเพื่อนที่ปากหมา

ๆ
“พูดไรกันวะห่า ไอมิก

ก็แซวไปยังงั้นล่ะ ตอนแรกกูจะเลี้ยงเสต็กพวกนะ อด-ไปนะ ครัชชชช” เข้าทางผมที่นัดนนท์ไว้อยู่แล้ว
“โอ๋ๆๆๆๆ อย่างอนเลยไอสาดดด กูพูดเล่นอะ ก็เห็นไอมิกมันแซว”
ไอมิกมองผมด้วยสายตาแบบมีเล่เหลี่ยม แล้วก้มหน้าอ่านการ์ตูนพร้อมคีบลูกชิ้น-อย่างสบายอารมณ์
เพื่อนสนิทที่ผมคุยได้เกือบทุกเรื่องก็มีมันคนเดียวนี่ละครับ ที่พอจะไว้ใจได้ แถมมันยังเป็นคนเดียวที่รู้ความลับของผม ว่าผมเป็น.....เกย์.....
แต่ในยุค 2015 หนังชายรักชาย กระแสคู่จิ้น อย่างปุณณ์ โน่ ภู ธีร์ มันกลับมีมากมายเต็มบ้านเต็มเมือง จนกลายเป็นเรื่องธรรมดาไปซะแล้ว แต่ผมก็ไม่ได้เปิดตัวเองอะไรหรอกครับ แค่มีความรู้สึกแปลกๆเวลาที่อยู่กับนนท์ เพียงคนเดียว...เท่านั้น
*****
คาบบ่าย ครูสายพิณลาป่วยกะทันหัน ป้ายหน้าห้องโสตที่วันนี้ต้องเข้ามาเรียน Listening ติดประกาศไว้ ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่พวกผมห้อง 8 ชอบมากๆ เพราะอังกฤษนี่ถึงแม้จำเป็นต้องเรียนก็จริง แต่มันก็ไม่เข้าหัวพวกผมเท่าไร
ผมเลือกมาหลบอยู่คนเดียว ที่ม้าหินใต้ตึกริมแม่น้ำ ผมนั่งเช็ค Instagram และพ่นควันบุหรี่ออกจากปากไม่ขาดสาย พ่นเป็นวงๆบ้าง ให้มันลอยไปตามลม
“ถ้าไม่คิดถึงตัวเอง ก็เกรงใจคนอื่นบ้างนะครับ” ผมได้ยินประโยคนี้กระทบเข้าหูถึงกับต้องหันไปตามหาต้นเสียงของมัน
เด็กผู้ชายคนหนึ่ง น่าจะอยู่ ม.4 นั่งวาดรูปอยู่บนโต๊ะที่ไม่ห่างออกไปนัก แต่มันยังคงนั่งวาดรูปของมันต่อไปเรื่อยๆ เหมือนเป็นประโยคบอกเล่า ที่ไม่ต้องการคำตอบ
“พูดอะไรนะ”
เงียบ
“เฮ้ยยยย กวนตีนกูเหรอ”
“งงงงงง” ผมกระโดดลงจากโต๊ะม้าหิน แต่มือก็ยังคีบบุหรี่ติดมาด้วย “เมื่อกี้เอ็งพูดอะไรนะ”
มันวางดินสอที่ถืออยู่ลงบนกระดาษ แล้วเงยหน้ามองผม
“ผมบอกว่า ถ้าไม่คิดถึงตัวเอง ก็ควรเกรงใจคนอื่นบ้างนะครับ”
“ก็ไปนั่งวาดที่อื่นดิ”
“พ่อพี่เป็น ผอ.โรงเรียนเหรือครับ”
“เอ้าททท ไอห่าพูดแบบนี้กวนตีนกูนี่หว่า” เห็นหน้าติ๋มๆแบบนี้ ร้ายนะ ผมเอานิ้วชี้ทาบไปที่ปากของมัน สื่อว่าแบบนี้ไม่ควรพูด เพราะตัวเล็กๆของมันทำให้ผมไม่อยากทำร้ายมัน แต่สิ่งที่ผมสัมผัสได้ กลับเป็นความนุ่มของริมฝีปากสีแดงคู่นั้น ที่ใสดูเป็นธรรมชาติ ก่อนที่ผมจะตัดสินใจเอามือของผมบีบไปที่ปาก จนเห็นฟันขาวๆของมัน
“อย่าพูดแบบนี้อีก มันไม่ดี”
สายตามันจ้องมาที่ผมอยู่นาน จนมันผลักมือของผมออก
“รักตัวเองยังทำไม่ได้ แล้วจะไปรักคนอื่นได้ยังไง” มันรีบเก็บของแล้วลุกออกจากตรงนั้นไป ปล่อยให้ผม งงกับประโยคบอกเล่าครั้งที่ 2 ของมัน
ไม่รู้ยังไง แต่คำที่ไอ้เด็กปากแดงคนนั้นพูด มันทำให้ผมทิ้งบุหรี่ลงบนพื้น และคำพูดของแม่ผมก็ Insert เข้าหัวสมองของผมทันที “เป็นเด็กดีนะลูก” ผมหันไปมองไอ้เด็กตัวแสบเมื่อกี้ ร่างเล็กๆของมันก็หายไปแล้ว
ไอ้เด็กนี่...ผมต้องรู้ให้ได้ว่ามันอยู่ห้องไหน
Grey Story รักเทาเทาเราสามคน (Yaoi) ตอน1
by 19April
...ก๊อก ก๊อก ก๊อก...เฟรม...
“เฟรมตื่นได้แล้วลูก เดี๋ยวก็ไม่ทันพระหรอก จะหกโมงแล้วนะ” ...เสียงผู้หญิงที่ผมคุ้นเคยดังมาจากหลังประตูไม้หน้าห้อง แต่ทว่าตอนนี้ร่างผมยังคงไม่ขยับ ไม่รู้สึกตอบสนองต่อสิ่งรอบตัว หน้ายังคงซุกอยู่กับหมอนขนเป็ดสีขาว ที่อมเหลืองนิดๆเพราะชอบนอนน้ำลายไหล แม่ยังคงเรียกผมอีกหลายครั้ง จนผมต้องลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ
“รู้แล้วแม่” ผมตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงงัวเงีย จริงๆแล้วผมเองก็ไม้ได้ชอบเข้าวัด ทำบุญอะไรหรอกนะครับ แต่วันนี้เป็นวันเกิดผม ที่อายุครบ 16 ปีบริบูรณ์
“เฟรม พรุ่งนี้ตื่นเช้ามาใส่บาตรกับแม่นะ ทำบุญบ้างนะเรา พระผ่านหน้าบ้านทุกวัน ตื่นไม่เคยทันเลย” แม่แอบเหวี่ยงเล็กน้อยแต่น้ำเสียงยังอบอุ่นเหมือนเคย
“โอเคแม่ แม่ปลุกหนูด้วยละกัน เดี๋ยวขึ้นไปทำการบ้านก่อนนะ”........หนู.........ไม่ต้องขำกันนะครับ 555 ถึงแม้ผมจะรูปร่างสูงใหญ่ ผิวก็ออกแทนๆ จนหลายคนเรียกควายก็เถอะ แต่ตั้งแต่จำความได้ ผมก็เรียกแทนตัวเองมาตลอด จนรู้สึกธรรมดาไปซะแล้ว
ผมลากสังขารลงจากเตียงก็ปาไปหกโมง ที่ช้านี่เพราะก่อนลุกก็ดันไปเช็ค Instagram ในไอโฟน 5 (ที่อยากจะเปลี่ยนเป็นไอ 6 สีทองเหลือเกิน) ไอเพื่อนตัวดีก็มาอวยพรกันยกใหญ่
Notenote: หมาจะเกิด
Nannapa: สุขสันต์วันเกิดนะคะพี่เฟรม หนูเองแนน 3/7 ค่ะ ยิ้มรับวันเกิดนะคะ จุ๊บๆ
Groupofhell: มีความสุขมากๆนะ ไอห่า แต่คืนนี้เลี้ยงไรดีวะ
Micky123: มีผัวได้แล้ว555 กูล้อเล่น ยังไงก็มีความสุขมากๆชอบใครรักใครก็รีบบอก เดี๋ยวหมาคาบไป-หมด Oops…กูเปล่านะ
Jetkrok: ไอมิก@Micky123 ไอ
และหลังจากนั้นก็คงเป็นสงรามนักเลงคีย์บอร์ด ที่เอาไอจีผมเป็นสมรภูมิอันดุเดือด กราดกระสุนใส่ผมจนพรุนไปทั้งตัว นี่วันเกิดกูนะโว้ยยยยยยยยยยย
อากาศเย็นปีนี้หนาวกว่าทุกปี ต้นชมพู่ที่บ้านโยกไปตามแรงลม ผมถือทัพพีตักข้าวสวยใส่ในบาตรอย่างเบามือที่สุด แต่ก็ยังดูเก้ๆกังๆและเขกบาตรดังก๊องแก๊งหลายที กับข้าวและส้มใส่ตามลงไป ผมกับแม่นั่งยองๆ ลงที่หน้าบ้านสวน
สัพพะโรโค วินัสสะตุ ขอโรคทั้งปวงของท่านจงหาย
มา เต ภะวัตวันตะราโย ขออันตรายอย่ามีแก่ท่าน
สุขี ทีฆายุโก ภะวะ ขอท่านจงมีความสุขยืนนาน
อะภิวาทะนะสีลิสสะ นิจจัง วุฒาปะจายิโน จัตตาโร ธัมมาวัฑฒันติ
อายุ วรรโณ สุขัง พะลัง พรทั้งสี่ประการ คือ อายุ วรรณะ สุขะ พละ
ย่อมเจริญแก่ผู้มีปกติไหว้กราบและเคารพต่อผู้ใหญ่เป็นนิจ…
สาธุคับ...ผมลุกยืน ใส่รองเท้า “เฟรม 16 แล้วนะลูก ขอให้ลูกแม่ตั้งใจเรียน ลูกจะเป็นอะไรก็ขอให้เป็นคนดี แม่ขอแค่นี้ละ” แม่ให้พรผมทุกๆปี ไม่ใช่สิ แม่ชอบให้พรผมทุกๆวัน เพราะแม่เป็นคนชอบทำบุญ ฟังธรรม ทุกเช้าแม่จะเปิดวิทยุหมุนไปคลื่นไหนก็ไม่รู้ แต่จะเป็นเสียงพระสวด จนผมรู้สึกสบายหูตอนเช้าๆทุกที แต่วันนี้แม่ไม่พูดอย่างเดียวแต่ยื่นซองให้ผม 1 ซอง ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นอะไร
“ขอบคุณครับแม่”...ผมรีบคว้าซองพร้อมยกมือขอบคุณผู้หญิงตรงหน้า เราอยู่กันสองคนตั้งแต่ผมยังเด็ก
ผมนั่งเรือด่วนจากท่าน้ำนนทบุรีทุกเช้าเพื่อไปโรงเรียน วันนี้ได้ยืนครับ เพราะคนแน่นมาก ใจผมก็คิดเรื่อยเปื่อยไปถึงเย็นนี้ว่าจะไปหาอะไรกินแถวท่าพระอาทิตย์ เลี้ยงไอพวกตลก-ดีวะ เรือแล่นไปถึงท่าพระราม7 คนเริ่มลงโป๊ะมาเยอะขึ้น...
อ้าวพี่เดินชิดในหน่อย!!!!! นายท้ายเรือ
แต่แล้วสายตาผมก็พลันไปเห็นนักเรียนปักชื่อย่อโรงเรียนเดียวกัน ก้าวขึ้นมาบนเรือ ร่างสูงโปร่ง ผมรองทรง และใบหน้าอันโดดเด่น มันคือ ไอ้หน้าหล่อห้อง 2 นนท์ คนที่ผม...
ใกล้แปดโมงแล้ว ผมเดินคุยกับนนท์ บนสะพานซังฮี้ หลังลงจากเรือด่วน.....แดดหน้าหนาวมันแรงดีเหมือนกัน แต่ยิ่งไรแดดกระทบลงบนหน้าของไอ้นนท์เมื่อไร หน้ามันยิ่งเปล่งออร่าท้าทายจิตใจผมเหลือเกิน เวลาผ่านไปเร็วจนตอนนี้ผมกับมันเดินมาหยุดที่หน้าโรงเรียน
“เฮ้ยนนท์ วันนี้วันเกิดกู ไปกินข้าวกันป่ะ กูเลี้ยงเอง”
มันนิ่งไป แต่กลับหันมาอมยิ้มให้ผม
“ยิ้มไรวะ”
“เปล๊า” มันเปล๊าเสียงสูงใส่ผมคร้าบบบบ เอ๊ะไอนี่ / นนท์มันเป็นคนทะเล้นครับ อ่อยและ
“กูไปได้ ใจร้อนจังฮะไอ้เฟรม ให้กูคิดหน่อยเซ่ เออเย็นนี้เจอกัน แต่ขอทำโครงงานส่งอาจารย์ก่อนนะ”
“เออ เออ เสร็จแล้วโทรมาละกัน” ผมเดินเข้ามาและแยกกับมันใต้ตึก 3 แต่ขณะที่กำลังจะเดินขึ้นตึก
คำพูดและรอยยิ้มของมันทำให้วันเกิดครบรอบ 16 ปีของผมมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก ผมได้แต่เผยยิ้มมุมปากและโบกมือให้มัน แต่ข้างในรู้สึกหัวใจ
ผมกับเฟรมเราอยู่คนละห้อง มันห้อง 2 ผมห้อง 8 แต่ตอน ม.ต้นผมอยู่ห้องเดียวกับมันมาตลอด จนทำให้เราสนิทกัน มันเรียนเก่งต่างกับผมที่ขอไปที โดดเรียนเป็นประจำ แต่นั่นละครับ ทำให้ผมต้องมาชดใช้ชะตากรรม อยู่กับกลุ่มเรียนไม่เอาไหนไอ้พวกเพื่อนตัวดีทั้งหลาย ที่จ้องเล่นงานผมอยู่ในตอนนี้
เสียงกริ่ง พักเที่ยงดังกังวานไปทั่วโรงเรียน มนุษย์เด็ก ม.ต้นทยอยขึ้นตึก พวก ม.ปลายอย่างผมก็ลงไปหาอะไรกินที่โรงอาหาร
“เลี้ยงอะไรดีวะ วันเกิดทั้งทีเนี่ย กูล้างท้องรอตั้งแต่เมื่อคืนและ”
“เออแล้วชอบใครไม่บอกเพื่อนบออกฝูงนะไอสัดด หวงไง ปกติกูไม่เคยเห็นจะสนใจสาวคนไหนเลยนะไอห่า” คำแซวมันทำให้ผมที่ดื่มโอวัลตินอยู่ เกือบพ่นใส่หน้าไอเจ็ท มันเป็นเพื่อนที่ปากหมา
“พูดไรกันวะห่า ไอมิก
“โอ๋ๆๆๆๆ อย่างอนเลยไอสาดดด กูพูดเล่นอะ ก็เห็นไอมิกมันแซว”
ไอมิกมองผมด้วยสายตาแบบมีเล่เหลี่ยม แล้วก้มหน้าอ่านการ์ตูนพร้อมคีบลูกชิ้น-อย่างสบายอารมณ์
เพื่อนสนิทที่ผมคุยได้เกือบทุกเรื่องก็มีมันคนเดียวนี่ละครับ ที่พอจะไว้ใจได้ แถมมันยังเป็นคนเดียวที่รู้ความลับของผม ว่าผมเป็น.....เกย์.....
แต่ในยุค 2015 หนังชายรักชาย กระแสคู่จิ้น อย่างปุณณ์ โน่ ภู ธีร์ มันกลับมีมากมายเต็มบ้านเต็มเมือง จนกลายเป็นเรื่องธรรมดาไปซะแล้ว แต่ผมก็ไม่ได้เปิดตัวเองอะไรหรอกครับ แค่มีความรู้สึกแปลกๆเวลาที่อยู่กับนนท์ เพียงคนเดียว...เท่านั้น
คาบบ่าย ครูสายพิณลาป่วยกะทันหัน ป้ายหน้าห้องโสตที่วันนี้ต้องเข้ามาเรียน Listening ติดประกาศไว้ ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่พวกผมห้อง 8 ชอบมากๆ เพราะอังกฤษนี่ถึงแม้จำเป็นต้องเรียนก็จริง แต่มันก็ไม่เข้าหัวพวกผมเท่าไร
ผมเลือกมาหลบอยู่คนเดียว ที่ม้าหินใต้ตึกริมแม่น้ำ ผมนั่งเช็ค Instagram และพ่นควันบุหรี่ออกจากปากไม่ขาดสาย พ่นเป็นวงๆบ้าง ให้มันลอยไปตามลม
“ถ้าไม่คิดถึงตัวเอง ก็เกรงใจคนอื่นบ้างนะครับ” ผมได้ยินประโยคนี้กระทบเข้าหูถึงกับต้องหันไปตามหาต้นเสียงของมัน
เด็กผู้ชายคนหนึ่ง น่าจะอยู่ ม.4 นั่งวาดรูปอยู่บนโต๊ะที่ไม่ห่างออกไปนัก แต่มันยังคงนั่งวาดรูปของมันต่อไปเรื่อยๆ เหมือนเป็นประโยคบอกเล่า ที่ไม่ต้องการคำตอบ
“พูดอะไรนะ”
เงียบ
“เฮ้ยยยย กวนตีนกูเหรอ”
“งงงงงง” ผมกระโดดลงจากโต๊ะม้าหิน แต่มือก็ยังคีบบุหรี่ติดมาด้วย “เมื่อกี้เอ็งพูดอะไรนะ”
มันวางดินสอที่ถืออยู่ลงบนกระดาษ แล้วเงยหน้ามองผม
“ผมบอกว่า ถ้าไม่คิดถึงตัวเอง ก็ควรเกรงใจคนอื่นบ้างนะครับ”
“ก็ไปนั่งวาดที่อื่นดิ”
“พ่อพี่เป็น ผอ.โรงเรียนเหรือครับ”
“เอ้าททท ไอห่าพูดแบบนี้กวนตีนกูนี่หว่า” เห็นหน้าติ๋มๆแบบนี้ ร้ายนะ ผมเอานิ้วชี้ทาบไปที่ปากของมัน สื่อว่าแบบนี้ไม่ควรพูด เพราะตัวเล็กๆของมันทำให้ผมไม่อยากทำร้ายมัน แต่สิ่งที่ผมสัมผัสได้ กลับเป็นความนุ่มของริมฝีปากสีแดงคู่นั้น ที่ใสดูเป็นธรรมชาติ ก่อนที่ผมจะตัดสินใจเอามือของผมบีบไปที่ปาก จนเห็นฟันขาวๆของมัน
“อย่าพูดแบบนี้อีก มันไม่ดี”
สายตามันจ้องมาที่ผมอยู่นาน จนมันผลักมือของผมออก
“รักตัวเองยังทำไม่ได้ แล้วจะไปรักคนอื่นได้ยังไง” มันรีบเก็บของแล้วลุกออกจากตรงนั้นไป ปล่อยให้ผม งงกับประโยคบอกเล่าครั้งที่ 2 ของมัน
ไม่รู้ยังไง แต่คำที่ไอ้เด็กปากแดงคนนั้นพูด มันทำให้ผมทิ้งบุหรี่ลงบนพื้น และคำพูดของแม่ผมก็ Insert เข้าหัวสมองของผมทันที “เป็นเด็กดีนะลูก” ผมหันไปมองไอ้เด็กตัวแสบเมื่อกี้ ร่างเล็กๆของมันก็หายไปแล้ว