ผมเริ่มสนใจการลงทุนบ้าง และมากขึ้นในช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมา
สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนคือ ธุรกิจต่างๆที่เป็นรายย่อย เริ่มอยู่ไม่ได้ - ล่มสลายเต็มที มีอะไรบ้างเหรอ ที่เห็นชัดๆ เมื่อ 5-10+ ปีก่อน เราเดินตามถนนตรอกซอย ก็จะพบเห็นกับร้านขายของชำอยู่เป็นระยะ ร้านข้าวแกง ร้านหมอฟัน ร้านซักอบรีด ร้านเช่าหนังสือ ร้านเช่า DVD ...
แต่ปัจจุบันวิถึการดำเนินชีวิตเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วมาก ขนาดคุณแม่ผมที่ไม่ค่อยได้ออกนอกบ้านยังสังเกตุเห็นและกล่าวประเด็นเหล่านี้ สังคมปัจจุบันคนใช้ชีวิตกึ่งสำเร็จรูป-สำเร็จรูป ขอให้รวดเร็ว ทันใจ สบาย ไม่ลำบาก ไม่ต้องทำเอง เป็นหลัก ซึ่งกระแสชีวิตโดยเฉพาะในเมืองจะดำเนินรุนแรงมากยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน
ในที่สุด ร้านยี่ปั๊วก็ค่อยสลาย หายไป สิ่งที่ผมเห็นคือ คนนิยมซื้ออาหารแช่แข็งมากขึ้นตามร้านสะดวกซื้อ และร้านสะดวกซื้อก็มีบริการซักอบรีดอีก มีห้างหุ้นส่วนเกี่ยวกับบริการด้านทันตกรรม และชีวิตออนไลน์ที่ Download สิ่งบันเทิงทั้งหลาย ทำให้ร้านธุรกิจเล็กๆรายย่อยสู้ไม่ไหวและต้องถอยไปในที่สุด
แม้แต่เรื่องเจ็บป่วยของคนไทย ส่วนตัวมองว่าก็ถูกยึดหัวหาดไปมากมาย แค่ในกลางเมือง กทม.นี้ขับรถไปมาก็เห็นแต่ รพ.ที่ถูก Take Over เป็นของเครือบริษัทในตลาดหุ้นรายใหญ่ 3-4 ชื่อ ซึ่งจริงๆก็มีผู้ถือหุ้นใหญ่ที่ทับซ้อนกันไม่กี่ราย ไม่กี่กลุ่มเท่านั้น เรื่องที่เค้าร่ำรวยไม่ใช่ประเด็นนะครับ แต่ประเด็นที่น่าเป็นห่วงสำหรับคนไทยทั้งประเทศก็คือ เมื่อ รพ.ขนาดกลาง - เล็กในตำแหน่งที่มีศักยภาพได้ถูกครอบครองด้วยกลุ่มเดียวกันแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นคือการปรับปรุงสถานที่ให้น่าใช้บริการและการบริการที่คล้าย โรงแรมมากกว่าไป โรงพยาบาล แน่นอนครับ ตามมาด้วยค่าบริการและค่าใช้จ่ายที่สูงมากขึ้นกว่าเดิมก่อนถูกครอบครอง
แน่นอน บริษัททั้งหลายเหล่านี้ย่อมต้องมองหาและครอบครองโรงพยาบาลในประเทศให้มากยิ่งขึ้นเพื่อควบรวมเป็นของตนเกือบทั้งหมด สิ่งที่เกิดขึ้น คือคุณจะไป รพ.ในเครือเหล่านี้คุณจะพบกับค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าแต่ก่อน และคุณอาจจะไม่สามารถปฏิเสธได้ นอกจากคุณไม่ไปใช้บริการ หากถ้ากระแสดังกล่าวรุนแรงมากยิ่งกว่าที่เป็นนี้ แน่นอนครับ ตัวเลือกอื่นที่เราจะเข้าใช้บริการเหลือน้อยเต็มที
ในที่สุดคุณก็ต้องมีภาระกับค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาสุขภาพที่สูงขึ้นโดยปฏิเสธไม่ได้ ระบบนี้ก็จะเป็นอีกระบบที่ถูกกลืนกินไปในที่สุด
ค่าใช้จ่ายโดยประมาณจากประสบการณ์ตรงและอ้อมใน รพ.เอกชนดังกล่าว
-เป็นไข้หวัดธรรมดา ค่าใช้จ่ายทั้งหมดประมาณ 1200-3000บาท
-เป็นไข้ท้องเสียนอนรพ. 2-3 คืน ค่าใช้จ่ายประมาณ 20000-35000 บาท
-ค่าผ่าตัดไส้ติ่งแบบส่องกล้อง ค่าใช้จ่ายประมาณ 150000-250000 บาท
-ค่าทำบอลลูนใส่ขดลดถ่างขยายหลอดเลือดหัวใจ ค่าใช้จ่ายประมาณ 300000-500000 บาท
คำถามคือภาระค่าใช้จ่ายเหล่านี้คุณเตรียมตัวแล้วหรือยัง หรือต้องมองหา รพ.ที่ไม่ใช่ในเครือเหล่านี้แต่มีคุณภาพที่ดีเทียบเท่าและค่าใช้จ่ายเหมาะสมกว่านี้ไว้บ้างหรือยังครับ
เชิญร่วมแสดงความคิดเห็นได้เต็มที่เลยครับ
คุณคิดอย่างไรถ้าทุกอย่างในประเทศถูกรวบเป็นของกลุ่มนักธุรกิจไม่กี่รายทั้งหมดแม้แต่สถานพยาบาลเพื่อรักษาตัวคุณเอง
สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนคือ ธุรกิจต่างๆที่เป็นรายย่อย เริ่มอยู่ไม่ได้ - ล่มสลายเต็มที มีอะไรบ้างเหรอ ที่เห็นชัดๆ เมื่อ 5-10+ ปีก่อน เราเดินตามถนนตรอกซอย ก็จะพบเห็นกับร้านขายของชำอยู่เป็นระยะ ร้านข้าวแกง ร้านหมอฟัน ร้านซักอบรีด ร้านเช่าหนังสือ ร้านเช่า DVD ...
แต่ปัจจุบันวิถึการดำเนินชีวิตเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วมาก ขนาดคุณแม่ผมที่ไม่ค่อยได้ออกนอกบ้านยังสังเกตุเห็นและกล่าวประเด็นเหล่านี้ สังคมปัจจุบันคนใช้ชีวิตกึ่งสำเร็จรูป-สำเร็จรูป ขอให้รวดเร็ว ทันใจ สบาย ไม่ลำบาก ไม่ต้องทำเอง เป็นหลัก ซึ่งกระแสชีวิตโดยเฉพาะในเมืองจะดำเนินรุนแรงมากยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน
ในที่สุด ร้านยี่ปั๊วก็ค่อยสลาย หายไป สิ่งที่ผมเห็นคือ คนนิยมซื้ออาหารแช่แข็งมากขึ้นตามร้านสะดวกซื้อ และร้านสะดวกซื้อก็มีบริการซักอบรีดอีก มีห้างหุ้นส่วนเกี่ยวกับบริการด้านทันตกรรม และชีวิตออนไลน์ที่ Download สิ่งบันเทิงทั้งหลาย ทำให้ร้านธุรกิจเล็กๆรายย่อยสู้ไม่ไหวและต้องถอยไปในที่สุด
แม้แต่เรื่องเจ็บป่วยของคนไทย ส่วนตัวมองว่าก็ถูกยึดหัวหาดไปมากมาย แค่ในกลางเมือง กทม.นี้ขับรถไปมาก็เห็นแต่ รพ.ที่ถูก Take Over เป็นของเครือบริษัทในตลาดหุ้นรายใหญ่ 3-4 ชื่อ ซึ่งจริงๆก็มีผู้ถือหุ้นใหญ่ที่ทับซ้อนกันไม่กี่ราย ไม่กี่กลุ่มเท่านั้น เรื่องที่เค้าร่ำรวยไม่ใช่ประเด็นนะครับ แต่ประเด็นที่น่าเป็นห่วงสำหรับคนไทยทั้งประเทศก็คือ เมื่อ รพ.ขนาดกลาง - เล็กในตำแหน่งที่มีศักยภาพได้ถูกครอบครองด้วยกลุ่มเดียวกันแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นคือการปรับปรุงสถานที่ให้น่าใช้บริการและการบริการที่คล้าย โรงแรมมากกว่าไป โรงพยาบาล แน่นอนครับ ตามมาด้วยค่าบริการและค่าใช้จ่ายที่สูงมากขึ้นกว่าเดิมก่อนถูกครอบครอง
แน่นอน บริษัททั้งหลายเหล่านี้ย่อมต้องมองหาและครอบครองโรงพยาบาลในประเทศให้มากยิ่งขึ้นเพื่อควบรวมเป็นของตนเกือบทั้งหมด สิ่งที่เกิดขึ้น คือคุณจะไป รพ.ในเครือเหล่านี้คุณจะพบกับค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าแต่ก่อน และคุณอาจจะไม่สามารถปฏิเสธได้ นอกจากคุณไม่ไปใช้บริการ หากถ้ากระแสดังกล่าวรุนแรงมากยิ่งกว่าที่เป็นนี้ แน่นอนครับ ตัวเลือกอื่นที่เราจะเข้าใช้บริการเหลือน้อยเต็มที
ในที่สุดคุณก็ต้องมีภาระกับค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาสุขภาพที่สูงขึ้นโดยปฏิเสธไม่ได้ ระบบนี้ก็จะเป็นอีกระบบที่ถูกกลืนกินไปในที่สุด
ค่าใช้จ่ายโดยประมาณจากประสบการณ์ตรงและอ้อมใน รพ.เอกชนดังกล่าว
-เป็นไข้หวัดธรรมดา ค่าใช้จ่ายทั้งหมดประมาณ 1200-3000บาท
-เป็นไข้ท้องเสียนอนรพ. 2-3 คืน ค่าใช้จ่ายประมาณ 20000-35000 บาท
-ค่าผ่าตัดไส้ติ่งแบบส่องกล้อง ค่าใช้จ่ายประมาณ 150000-250000 บาท
-ค่าทำบอลลูนใส่ขดลดถ่างขยายหลอดเลือดหัวใจ ค่าใช้จ่ายประมาณ 300000-500000 บาท
คำถามคือภาระค่าใช้จ่ายเหล่านี้คุณเตรียมตัวแล้วหรือยัง หรือต้องมองหา รพ.ที่ไม่ใช่ในเครือเหล่านี้แต่มีคุณภาพที่ดีเทียบเท่าและค่าใช้จ่ายเหมาะสมกว่านี้ไว้บ้างหรือยังครับ
เชิญร่วมแสดงความคิดเห็นได้เต็มที่เลยครับ