[CR] "เชียงราย ไม่ไป ไม่รู้" // ความผิดพลาดที่น่าประทับใจ

สวัสดีครับ
เนื่องจากว่าผมสมัครไอดีแล้วโพสต์รูปไม่ได้ จึงต้องขอยืมไอดีน้องชายมาเล่น
กระทู้ นี้เป็น กระทู้รีวิวครั้งแรก (ซึ่งใช้เวลานานมากกว่าจะทำใจพิมพ์ออกมาได้) ของผม
ถ้าเนื้อหาในกระทู้ผิดพลาดประการใด หรือไม่ถูกใจใคร ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ


จริงๆแล้ว เป้าหมายในการไปเที่ยวของผมครั้งนี้คือไป "สิบสองปันนา"
ถ้าไม่เกิดความผิดพลาดทางเทคนิค จนผมต้องเปลี่ยนแผน รีวิวนี้ก็น่าจะไม่ได้เกิดขึ้นอย่างแน่นอนเลยครับ = ="

เริ่มเลยละกันนะครับ
ตอนแรกผมกับแฟน ตั้งใจจะไปเที่ยวสิบสองปันนา กับ ญาติๆของผม ที่ อยู่ จ.เชียงราย ตอนช่วง วาเลนไทน์ของปีนี้
เราก็เลยก็จองเครื่องบิน ล่วงหน้า 5 เดือน (ตามประสา คนมีตังน้อย T-T)
วันศุกร์ ที่ 13 กพ 58 (ฤกษ์ ดีซะด้วย) เราเดินทางจากสนามบินดอนเมือง ไปถึง ที่ จ. เชียงราย ประมาณ สามทุ่ม กว่าๆ

ก่อนขึ้นเครื่อง ผมก็รู้สึก ตะหงิดๆใจแปลกๆละ ว่าน่าจะอดไปสิบสองปันนา
พอลงจากเครื่อง แล้วโทรหา ญาติ เท่านั้นแหละ เค้าบอกกับผมว่า "ไปสิบสองปันนาด้วยไม่ได้ละนะ แต่ไปส่งที่ ท่ารถได้"
ผมนี่ อึ้งไปพักแล้วบอกเค้าว่า "ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยว ผมเที่ยวในเชียงรายแทนละกัน"  
เพราะว่าผมกับแฟน ไม่ได้เตรียมแผนการเดินทางไป สิบสองปันนา ก่อนที่จะมา เรากะว่า จะเดิน ตามญาติๆไป เพราะ เค้าเคยไปกันมาแล้ว (พลาดสุดๆ)

จาก สนามบิน เราก็เรียกแท็กซี่ ไปยัง โรงแรม"เชียงราย"  ซึ่ง ญาติๆ เค้าจองให้พัก 1 คืน ก่อนที่จะเดินทางไป สิบสองปันนา ในเช้าวันรุ่งขึ้น (ซึ่งล่มไปละ)

ระหว่างนั่งรถ ผมก็คิดโปรแกรมเที่ยวตลอดทาง แต่เนื่องจาก ผมเคยมาเที่ยวเชียงราย ตอนเด็กๆ ก็นึกออกแค่ ดอยตุง กับแม่สาย นึกยังไงก็นึกไม่ออก ว่าจะไปไหนดี ให้เหมาะสมกับ เวลาที่ะจะขึ้นเครื่องกลับ ตอนวันอาทิตย์รอบสามทุ่ม (นี่แหละข้อดีของการจองเครื่องบินล่วงหน้า ฟิคเวลาสุดๆ = =" )

พอถึง โรงแรม ผมก็ไปเช็คอิน กับ รีเซ็ปชั่น พร้อมกับถามเค้าว่า " มีที่เที่ยวแนะนำมั้ยครับ "
เค้าก็ ร่ายยาวมาเป็นชุด ซึ่งเยอะมาก จนดูแล้วว่าเวลาที่ผมมี น่าจะไม่พอที่จะไปทั้งหมด ผมจึงเลือก แค่ 4-5 ที่ ที่น่าจะไปได้
คือ ภูชี้ฟ้า ดอยตุง แม่สาย แล้วก็วัดร่องขุ่น
พี่รีเซ็ปชั่นก็ยิ้มกลับมาอย่างใจดี แล้วถามผมว่า "วันนี้ รู้สึกเหนื่อยกับการเดินทางมั้ยครับ?"
"นิดหน่อยครับ ทำไมหรอ" ผมถามกลับ
"ถ้าพรุ่งนี้ตื่นซํกตี 3 ไหวมั้ย ครับ" พี่เค้าถามต่อ
".....โห นี่ ก็ จะห้าทุ่มแล้วนะครับ น่าจะไม่ไหวนะครับพี่ " ผมตอบพร้อมกับอารมณ์ โมโหนิดๆ
"น่าเสียดายนะครับ เพราะถ้าตื่นไหว น่าจะได้ไปดู พระอาทิตย์ขึ้นที่ภูชี้ฟ้า และถ้าโชคดีอาจจะได้เห็นทะเลหมอก แล้วกลับลงมาที่ไร่ชาฉุยฟง จิบชาเสร็จ แวะไปชม บ้านดำ ของอ. ถวัลย์ ดัชนีต่อ จากนั้น ก็ขึ้นดอยตุงไปชมดอกไม้ แล้วไปช้อปปิ้งต่อที่แม่สาย เสร็จแล้วกลับมาเดินเล่นถนนคนเดินต่อ แต่ไม่เป็นไรครับ ถ้าคุณเหนื่...." "ไหวคับพี่!!!!" ผมตอบสวนทันที ไม่รอให้เค้าพูดจบ
พี่เค้าก็ยิ้มกลับมา พร้อมกับบอกว่า " พรุ่งนี้ ตีสาม ที่ล็อบบี้นะครับ เดี๋ยวผมจองรถไว้ให้"

ผมก็เดินขึ้นห้องไป เพื่อพักผ่อน (แค่ 4 ชม. ก่อนถึงเวลานัด)
รีวิวห้องนอน อยู่ใน สปอยล์ นะครับ เดี๋ยวกลายเป็นกระทู้ โฆษณา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ ที่นอนสะอาด ให้ความรู้สึกนุ่มๆแน่นๆ (อธิบายยากแฮะ > <' ) มีหลายอย่างในห้องที่ ทำให้รู้สึกประทับใจ เช่น ไดร์เป่าผม ยาสระผม สบู่ ครีมนวด รองเท้าแตะ แล้ว ทางโรงแรม ก็อยู่ใกล้กับ "หอนาฬิกา" ที่เสมือนเป็นแลนด์มาร์คของเมืองเชียงรายอีกด้วย


03.00 น. เราก็ได้ลงมารอที่ล็อบบี้ พี่รีเซ็บชั่น คนเดิมยังอยู่ พร้อมกับบอก ให้เรารอรถอีกแปปนึง
03.15 น. รถที่จะพาเราเที่ยวก็มาถึงโรงแรม

ใช่ครับ รถแท็กซี่!!!!!! ( ขนาดหนีมาถึงเชียงราย พี่แท็กซี่ ยังตามมาได้อีก )

พอขึ้นรถ ด้วยความง่วงถึงง่วงที่สุด เราก็ได้ผลอยหลับไป

ตึงๆๆๆๆๆๆๆ เนื่องจากแรงสั่นสะเทือนของรถ พอผมลืมตาขึ้นมา ก็เห็น แท็กซี่ ของเรากำลังเข้าโค้งหักศอก ขึ้นเขาพอดี
จะหลับต่อ ก็กลัวว่าจะไม่ได้ลืมตาอีก จึงฝืนลืมตาสู้ความง่วงต่อไป จากนั้น อีก ประมาณ 5 นาที ก็มาถึงจุด ที่จอดรถ

05.15 น. เราลง มายืนหนาว ข้างรถ แล้วก็ตั้งหน้าตั้งตาเดินขึ้นเขา เพื่อที่จะไปยังจุดที่เห็นภูชี้ฟ้า(วันนั้น อุณหภูมิ 12 C ชาวบ้านแถวนั้นบอก อุ่นๆ = =")
ก่อนขึ้นเขา พี่ แท็กซี่บอกว่ามันไกลมากเลยนะ และเดินยากด้วย ควรจะจ้างไกด์
เราก็เป็น พวกดื้อ เห็นคนอื่นเดินขึ้น เราก็เดิน ตามๆเค้าขึ้นไปเปิดไฟฉายไปด้วย
05.30 น. ถึงจุดที่เห็นภูชี้ฟ้า (ไม่มีความยากในการเดินขึ้นซักนิด มีแต่ลมหนาว ล้วนๆ)
06.15 น. พระอาทิตย์ เริ่มทอแสง ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสี ผู้คนมากมาย หลั่งไหล มาทั่วทุกสารทิศ (ดูอินสุดๆ แต่จริงๆ หนาวค่ดๆๆ)
07.00 น. หลังจากเก็บภาพที่ระทึกกันอิ่มหนำ และ ความเสียใจ ที่ไม่ได้เห็นทะเลหมอกแล้ว เราก็พากันเดินลงมา หาพี่แท็กซี่ เพื่อไปยังสถานที่ต่อไป
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
***ความในใจถึงภูชี้ฟ้า อาจจะเป็นโชคดีที่เราหลับตอนขึ้นมา เพราะ ขาลงอย่างหวาดเสียวเลย = ="***

จากนั้น เราก็ไปต่อยัง บ้านดำ ของ อ. ถวัลย์ ดัชนี
พี่แท็กซี่ เล่าให้ฟัง ว่า ถ้ามาเชียงราย ต้องไป วัดขาว (วัดร่องขุ่น) กับ บ้านดำ
ที่บ้านดำ ก็มีงาน ศิลปะ ของ อ.ถวัลย์ มีไกด์นำเที่ยว คอยให้คำแนะนำ เพื่อจะได้เข้าถึง ความหมาย ของผลงาน ของอาจารย์ (แต่เราไม่ได้จ้างอยู่ดี อิอิ)
เราก็เดินดูไปเรื่อยๆ สิ่งเดียวที่นึกออก ในความหมายของศิลปะ ที่ อ. ทิ้งไว้ สำหรับผมคือ
"แม้ตัวเราจะตายจากโลกนี้ไป สิ่งที่เหลือไว้ก็มีเพียงแค่สิ่งที่ลูกหลานอยากจะเก็บไว้เท่านั้นเอง" (เหมือนจะคม เนอะ = =")
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ขออนุญาติโพสต์แค่รูปบ้านนะครับ

ระหว่างทางเราก็ได้แวะ กิน ก๋วยเตี๋ยวไก่มะระ ก่อนที่จะไปยัง ไร่ชาฉุยฝง เพื่อ ไปชิมชา
รูปภาพ อยู่ในสปอยล์ นะครับ ^^
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ขนมเค้ก น้ำชา วิวทิวทัศน์
เราอยู่ที่ ฉุยฟง ไม่นาน แค่ กิน ขนมและน้ำชาจนหมด เราก็เดินทางต่อ (อยู่ไม่นานจนพี่แท็กซี่ ตกใจ)


หลังจากเดินชม ไร่ชา ฉุยฟง เสร็จ ก็ถึงเวลาไป ดอยตุง ซึ่งเป็น 1 ในเป้าหมายที่ ผมนึกออก
จากไร่ชามาดอยตุง ใช้เวลา ประมาณ ไม่ถึง 1 ชม.
วันที่ไปเป็นช่วงดอกไม้โรยหมดแล้ว แต่ภาพรวมๆ กับอากาศ เย็นๆ ก็ทำให้ หายเหนื่อยได้เหมือนกัน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้รูปภาพบนดอยตุง  

หลังจาก ถ่ายรูป กันเต็มที่ และนั่งพักจนหายเหนื่อย ก็ได้เวลาไป ยัง อ. แม่สาย เพื่อจะได้ช้อปปิ้งสินค้าราคากันเอง(หรอออ?)
แต่ผมกับแฟนเกิดเปลี่ยนใจ อยากกลับไปนอนพัก เพื่อจะได้มีแรงเดิน ถนนคนเดิน ตอนช่วงเย็น
จึงบอกพี่แท็กซี่ ว่า กลับ โรงแรม ละกัน
พี่แท็กซี่ก็ถามว่า"จะกลับโรงแรมแล้วหรอ พึ่งจะบ่าย 3 เองนะ"
เราก็พร้อมใจกันตอบว่า "ครับ/ค่ะ"
ระหว่างทาง พี่แท็กซี่ก็แวะข้างทางให้เราซื้อ สับปะรด "ภูแล" มากินกัน (สับปะรดอร่อยมากกก แล้วก็ถูกกว่า กทม.เยอะเลย ^^)

พอถึง โรงแรม เราก็แยกย้าย กันไปนอนพัก
ประมาณ 1 ทุ่ม ผมก็ตื่นขึ้นมาเพราะ ความหิว จึงชวนแฟนไปเดินเล่น ที่ ถนนคนเดิน เพื่อ หาของกิน
ตอนออกไปหน้าโรงแรม ก็เห็นคนมุงอยู่หน้า หอนาฬิกา เราก็เลยเดินไป ที่หอนาฬิกาก่อน
พอไปถึง ก็เห็น หอนาฬิกา เปลี่ยนเป็นสีสันต่างๆ บางคนก็ควักกล้องกันออกมาถ่าย บางคนถึงกับตั้งกล้องวีดีโอกันเลยทีเดียว
แต่ผมว่าสิ่งที่น่าสนใจนอกจาก ตัวหอนาฬิกา แล้ว เหล่านักท่องเที่ยวที่อยู่รอบๆ ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน  เพราะ แต่ละคนล้วนมาจากต่างสถานที่ ต่างประเทศ มีทั้งคนไทย คนฝรั่ง ยืนดูและชื่นชม การแสดงของหอนาฬิกาในช่วงเวลานี้ ก็เป็นภาพที่ดูประทับใจภาพนึงเลยทีเดียว

หลังจากการแสดงจบ เรา ก็เดินไปยังถนนคนเดิน เพื่อหาของกิน และ ไปยัง สวนตุง (ที่มีงานแสดงดอกไม้วันนี้เป็นวันสุดท้าย)
4ทุ่ม เราก็กลับเข้าโรงแรม พร้อมกับเจอรีเซ็บชั่นคนเดิม ที่มาด้วยคำแนะนำสำหรับสถานที่เที่ยววันพรุ่งนี้ วัดร่องขุ่น และ ไร่สิงห์ปาร์ค

**********************************************************************************************

7 โมงเช้าวันอาทิตย์ เราก็ออกไปเดินตลาดเช้า เพื่อหามื้อเช้ามาทานกัน
ในตลาด มีของกินสไตล์ คนเหนือ เยอะมากกก สุดท้ายเราก็เลือกที่จะกิน ข้าวเหนียวไก่ทอด แล้วก็น้ำพริกหนุ่ม

8 โมง เราออกเดินทางไปวัดร่องขุ่น เนื่องจาก อยู่ไม่ไกล เราจึงเช่า มอไซต์ไป (แต่แนะนำ รถยนต์นะครับ ถ้าไปกันหลายคน ^^")
รูปภาพบรรยากาศ ที่วัดร่องขุ่น
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
บางส่วนของวัดไม่สามารถเข้าไปเดินชมได้เนื่องจาก วัดโดนเหตุการณ์ แผ่นดินไหว ทำให้ มีบางส่วนชำรุด ซึ่งถ้าเดินเข้าไปบริเวณนั้นอาจเกิดอันตรายได้
หลังจากถ่ายรูปเสร็จ เราก็ไปไร่สิงห์ กันต่อ

ที่ไร่สิงห์ ก็จะเห็น สัญลักษณ์ของเค้าตั้งเด่นเป็นสง่า
ซึ่งในไร่จะมี รถราง พาชมบริเวณโดยรอบ  และพักให้ถ่ายรูปเป็นจุดๆ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้บรรยากาศภายในไร่
ประมาณ บ่ายโมง หลังกลับจากไร่สิงห์ เราก็กลับไปโรงแรม เพื่อ เช็คเอาท์ (เช็คเอาท์ ดีเลย์ ได้นิดนึง เนื่องจาก ขอ ทางโรงแรมไว้แล้วครับ)
แล้วญาติๆ ของผม ก็พาไปทานข้าว ที่ร้านส้มตำ "ป้าเบ๊อะ" ร้านนี้ไม่มีรูปนะครับ เนื่องจาก ของกินมาถึงโต๊ะปุ๊บก็หมดทันที(เร็วมากกกก)
ส่วนตำแหน่งร้าน ถามทาง โรงแรมก็ได้นะครับ ร้านนี้ค่อนข้างดังอยู่(อร่อยแต่ไม่แพง ^^)

ประมาณ 4 โมงเย็น ญาติๆ ผม เค้าก็พาไป ต่อที่ร้าน "ชีวิตธรรมดา" เป็นร้านกาแฟนั่งชิล ตั้งอยู่ริมน้ำกก ไม่ไกลจากสนามบินเท่าไหร่
ดูหน้าตาอาหารได้ในสปอยล์นะครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
หลังจากทานขนมไปคุยกันไปอย่างสนุกสนาน
ทางญาติของผมก็กล่าวขอโทษ อีกครั้งกับเรื่องที่ ไม่ได้พาไป สิบสองปันนา
ซึ่งผมเองก็รู้สึก แฮปปี้ กับทริปนี้ดี จึงกล่าว "ขอบคุณครับ ที่ชวนมาเที่ยวที่เชียงราย ไว้หนาวหน้าจะมาใหม่นะครับ ^^"

หลังจากนั้น เค้าก็ไปส่งผมกับแฟน ที่สนามบินประมาณทุ่มนึง

ปล.เหมือนเล่าเรื่องมากกว่ารีวิว ยังไงก็ติชมด้วยนะครับ