ก่อนอื่นต้องขอเท้าความก่อน ว่าเรากับสามีแต่งงานกันมาได้เกือบสองปีแล้วค่ะ ทุกอย่างก็ดำเนินมาตามปกติ มีทะเลอะกันบ้าง น้อยใจกันบ้างตามประสา เราอายุย่าง ๒๕ ปีค่ะ ครั้งแรกที่เจอกับสามีที่ สิงคโปร์ เราเจอกันตอนไปเที่ยววันหยุดปิดเทอมตอนนั้นอายุ ๒๒ ย่าง ๒๓ ปี ใกล้เรียนจบแล้ว เราไปเที่ยว ๗ วัน และก็ไดเจอเขา แรกๆเขาไม่ได้ชอบเราหรอกค่ะ เขาชอบเพื่อนเราที่ไปด้วยกัน เพราะเป็นสื่อให้เนี่ยแหละ เพื่อนเราเขาพูดภาษาอังกฤษไม่แข็งเราเลยช่วยสื่อสารให้ ไปๆมาๆ เขามาชอบเราเฉยเลย สักพักความสัมพันริ่มเกิดขึ้นผ่านตัวอักษรจนถึงวันที่เราบินกลับไทย ต้องบอกก่อนว่าช่วงนั้นเราก็โสดและคุยกะผู้ชายหลายๆคน ทั้งไทยและเทศ คือเราก็เลือกอะ 555 จนสักพักไม่รู้ทำไม ความรู้สึกที่มีต่อเขามัน เริ่มมากขึ้น เพราะตอนนั้นเขาแสดงเจตนารมชัดเจนมาก ว่าเขารักเราจริงๆซึ่งเราก็สัมผัสได้ จนผ่านไป 1เดือน เขาขอเราแต่งงาน ด้วยการที่เราเรียนใกล้จบแล้วก็เลยบอกเขาไปว่า เราขอเรียนให้จบก่อนแล้วค่อยแต่งนะ ตอนที่ตัดสินใจคบกับเขาเราก็เลิกคุยกะผู้ชายทุกคนที่อยู่ในลีสทั้งหมด แต่พอเวลานนานวันเข้าความรู้สึกที่เขามีให้ต่อเรามารุนแรงขึ้นจากรอไปก่อน 1 ปีกลับกลายเป็นเร็วขึ้น ณ จุดๆนั้นเราก็สับสน ใจหนึ่งก็อยากเรียนให้จบ แต่อีกใจหนึ่งก็ทนเห็นคนรักทรมาร ไม่ไหว เพราะเขาเล่น tango กับเราแทบ 24 ชั่วโมงทุกวันเลยค่ะ เราก็ไม่รู้ว่าเราทนเขาได้ยังไง เพราะปกติเราเป็นพวกผู้หญิงมั่นไม่ค่อยชอบให้ใครมาจู้จี้จุกจิกอะ พวกโลกส่วนตัวค่อนข้างสูง แต่ไม่ใช่ไม่สังคมนะ เราเป็นพวกเฮฮา จริงใจ พูดฮ่วนๆค่ะ ปากไม่ค่อยหวามเท่าไหร่ แต่จริงใจนิ 100% ค่ะ แต่ไม่รู้เพราะอะไรถึงทนเขาได้ ต่อมาเราก็เลยบอกเขาไปว่า ถ้าคุณจริงใจกับฉันจริงๆคุณก็ต้องทำให้ถูกต้อง พิสูทให้ให้ครอบครัวคุณเห็นและฉันเห็นให้ได้ ปล.แม่สามีแต่ก่อนไม่ชอบผญไทยค่ะ เพราะเขาเข้าใจว่าส่วนผู้หญิงไทยที่มาที่นี่เพราะแค่ต้องการและทำงานกลางคืน ซึ่งโชคดีที่เราไม่ไดทำ ต่อมาสามวัน เรารู้ว่าเขาพยามคุยกับแม่เขาให้ยอมรับ และขอให้เราได้พิสูทตัวเอง ทะเลอะกันทุกวัน แต่มาอีกวันเร็วเกินาค่ะ พ่อสามีเรียกตัวเราให้มาใช้ชีวิตที่นี่กับลูกชายเขา เราก็แอบตกใจ แต่เราไม่แปลกใจเพราะเห็นในความ ตั้งใจของเขาค่ะ ต่อมาเราให้เวลาผ่านไป 1อาทิตย์เพื่อจัดการทุกอย่างและบินไปสิงคโปร์ พอไปถึงเขาก็บอกเราว่า อีก 2 เดือนเรา ROM กันนะ(จดทะเบียนสมรส) เราก็แอบตกใจค่ะ แต่เขาบอกว่ามันจะง่ายในการจัดการหลายๆเรื่อง เราก็โอเค ซึ่งระหว่านั้นเราก็อยู่ในช่วงพิสูทตัวเองให้ครอบครัวเขาเห็นค่ะ เราอยากเรียนมากๆ เขาบอกว่าให้เราเรียนที่ เก็บเงินและจัดงานแต่ง อีก 2ปีข้างหน้า คือ ปีนี้ค่ะ 2015 เราก็เอเคแล้วเราเลยบอกเขาว่างั้นเรามา plane กันในทุกๆเรื่องค่ะ นั่งคุยกัน อันดับแรก สิ่งที่จะให้เกิดไม่ได้คือมีลูก เขาก็เห็นดวย ครอบครัวเขาก็เห็นด้วย เพราะน้อชายสามีเคยพลาดมาแล้ว เรามารรู้ทีหลังค่ะว่าจริงๆเขาพลาดมีลูกก่อนเพราะวัยรักสนุก ข้อแรกผ่านไปข้อต่อไปคือเรียนและทำงาน หลังจากที่เรา ROM เสร็จแล้วสามีก็ขอ LTVL (long time visit past) ให้เราค่ะ แต่เรายังทำงานไม่ได้เพราะตอนนั้นกดหมายที่นี่ยังไม่ allow ให้ทำงานเหมือนตอนนี้ค่ะ แต่สามีเราเป็นลูกเจ้าของบริษัท logistics , transport and trading ที่นี่ ซึ่งเราก็มารู้ทีหลังอีกนั่นแหละ 5555 เหมือนตูนหลอกให้มาแต่งงานเลยเนอะเราเลยชิวๆไปแต่เราก็ไม่ได้อยู่เฉยๆนะคะ เราก็พิสูทตัวเราเองไปเรื่อยๆค่ะ ทำหน้าที่ภรรยาและสะใภ้ให้ดีที่สุดเท่าที่ทำได้ ทำด้วยความเต็มใจทุกอย่างะ ทั้งอาหารเช้าสำหรบสามี กวาดบ้านถูบ้านเราทำหมด พ่อ แม่ สามีรักเรามากค่ะ ดูแลเราเป็นอย่างดีไม่ขาดตกบกพร่อง ไม่เคยด่าเราเลยค่ะจนมาถึงทุกวันนี้ก็ไม่ด่า โอ๋เราตลอด แต่เราไม่เคยลืมตัวนะคะ ยังทำเหมือนเดิมทุกอย่าง
อ่อลืมบอกไป 1 อย่างค่ะ ว่าสามีเราเป็นคน อารมณ์ ร้อน เอาแต่ใจ แต่เขาก็ยอดเรามากกว่าคนๆอื่นๆค่ะ ชีวิตไดดำเนินมาเรื่อยจนมาถึงปลายเดือนมีนาคม เราทะเลอะกันเพราะเรื่องเล็กน้อยค่ะ เพราะเราเป็นคนค่อนข้างมีระเบี่ยบค่ะราแค่ถามว่าไปจ่ายค่าบัตรโน่นนี่นั่นตามยอดรวมที่เรา แจ้งไว้ไหม แล้วเขาก็บอกว่า่ายแล้ว พอเรามาเช็คดูเอ๊าทำไมไม่จ่ายเต็มทำไมจ่ายแค่นี้ ประเด็นคือเราไม่ชอบเสียเครติดค่ะ เขาเป็นถึงรองประธานบริษัททำไมถึงไม่ใส่ใจเครดิตของตัวเองก็เท่านั้น เขาก็ไม่พอใจค่ะ ตะโกนใส่เรา ด่าเราว่าเพราะเราใช้เงินซื้อโน่นนี่นั่น ทั้งๆที่เราก็ไม่ได่ทำแบบนั้นค่ะถึงเราทำเราก็ใช้เงินเราทั้งหมดจริงๆ ก็มีบ้างบางอย่างที่เขาให้เราแต่สำหรับมันเป็นธรรมดาค่ะที่สามีจะให้ของต่างๆกับภรรยา ซึ่งเราให้เขาเหมือนกัน เขาด่าเราจนเกือบตบเราค่ะ แต่ก็ไม่ได้ทำเรารับไม่ได้มากๆครั้งนี้ เพราะตลอดระยะวลาที่ผ่าน มาเขาก็มันขึ้นเสียงไม่พอใจเราบ่อยๆแต่เรารู้ว่าเขาทำงานหนักและเครียนเราเลยพยามเข้าใจและไม่ถือสา หลายครั้งที่ทะเลอะกันเพราะการขึ้นเสียงของเขา ต้องบอกก่อนนะคะว่าเขาเป็นคนดีๆแต่เพราะเขาเป็นอารมณ์ร้อนและค่อนข้างเอาแต่ใจ เราถึงได้ทะเลอะ กัน เราพยามตักเตือนเรื่องนี้กับเขาบ่อยๆเพราะมันมีผลต่อภาพลักญณ์ของเขา ไม่ใช่ว่าเราไม่เาแ่ใจนะ เราก็เอาแต่ใจแต่ตั่งแต่แต่งงานมาเราก็ปรับปรุงตัวเองมาตลอด จนถึงครั้งนี้ค่ะ เรารับไม่ไหวจริงๆ เราเลยเดินออกจากบ้านตรงไปสถามบิน บินกลับไทยเลยค่ะ แต่ช่วงระหวางนั้นก็มี การคุยกันทางข้อความ และปรับความเข้วใจกันได้แล้ว เราบอกเราขอกลับบ้านก่อนสัก2-3วัน แล้วเราจะบินกลับมา เขาก็โอเค ผ่านไป จนถึงวันกำหนดกลับ เราให้เขาจองตั๋วออนไลด์ให้เพราะเราไม่สะดวกจอง วันนั้นเป็นวันพุธ ซึ่งตอนแรกเขาก็บอกให้เรารีบกลับ คิดถึง face time เราตลอด แต่เขากลับบอกเราว่า ,,ที่รักตั๋ววันเสาร์มันถูกกว่านะ บอกเราว่ากลับวันเสาร์ไหมเพราะจะไม่มี holliday ให้คุณแล้วนะจนกว่าจะต้นธันวา คือวันที่มีกำหนดถ่าย Pre-wedding กัน ผมอยากให้คุณ enjoy ที่นั้นเพราะถ้าคุณกลับมาแล้วคุณต้องทำงานหนัก เรามาสู้ด้วยกันเพื่ออนาคตของเรานะ ,, เราก็เลยงั้นวันเสาร์ค่อยกลับก็ได้ ผ่านไปเราเริ่มรู้สึกว่าเขาเปลี่ยนไป เราถามอะไรก็โวยวายใส่เรา ไม่กลับบ้าน อ้างว่อยู่ ออฟฟิต ทำงาน จนเมืออาทิตย์ที่แล้วเราจับได้คาหนังคาเขาว่าเขาคุยกันพรอดรักกันแค่ไหน เราตรงๆ ว่าเราจุกและเจ็บมา เราเหมือนบ้าไปเลยช่วงหนึ่งทะเลอะกันทุกวัน แม่สามีกห้ามเรากับสามีตลอด เราทำให้ แม่สามีร้องเสียใจจนวันที่10ที่ผ่านมาเราดื่มเยอะมากและสุดท้ายก็จบดวยการทะเลอะกันเรามาทำน้อแต่ทำไม่ได้เพราะดื่มยันเช้า น้อนที่ออฟฟิต พอเวาผ่านไปเรามานั่งทบทวน เรารู้สึกแย่ที่เห็นน้ำตาของพ่อแม่สามี เราบอกตัวเองว่าเราต้องหยุดบ้าและต้องมีสติ เราเริ่มพยามพูดคุยอย่างเป็นปกติกับสามี ทุกอย่างที่เขาแสดงมันทำให้เจ็บปวดมาก เราได้แต่ร้องให้ในใจ เสียงมีสั่นๆ แต่ก็บอกตัวเองว่าต้องมีสติ เรามารู้ทีหลังในไม่กี่ชั่วโมงว่าผู้หญิงคน เป็นคนที่ มาทำงานในผับสิงคปร์ อายุ 26ปีเท่าสามีเรา มีลูกสาว 1คนอายุ 6 ขวบ บ้านอยู่ที่พัทยา และผู้หญิงคนนั้นเขาก็รู้ว่าสามีเรามีเราอยู่แล้วด้วย เรารู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเธอคนนั้น ทุกคนรอบข้องเราได้ต่บอกให้เรานื่งเฉยไว้ เราทำอะไรไม่ได้ หลายครั้งที่เราอดไม่ได้ที่ต้องเก็บเอาไว้และพูดมันออกไป ทุกๆเข้าข้างเราต้องบอกว่าทุกคนจริงๆ เพราะเขารู้ว่าเราเป็นคนแบบไหน เราอยากอย่าค่ะ เรามีหลักฐานทุกอย่างในการพูดคุยของเขา เรามีรูปภาพที่เขาถ่ายด้วยกัน เรามีพยานหลักฐานเป็นตัวตน แต่พ่อแม่เขาคนรอบตัวเขาไม่ยอมให้เราหย่า ตัวเขาเองไม่ยอมอย่า แต่เขาก็ไม่ยอมเลิกกับผู้หญิงคนนั้น เราควรทำยังไงดีค่ะ เรารู้ว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นเราก็มีส่วนผิด และเราก็พยามแก้ไขมันมาตลอดเราห่วงความรู้สึกเขา ครอบครัวเขา และครัวเราด้วย แต่ตอนนี้เรารู้สึกเหนื่อยเหลือเกิน เราควรทำยังไงดี
สามีไปมีแฟน....เพียงเพราะเหตุผลที่ว่า รู้สึกสูญเสียตอนเราบินกลับเมืองไทย มันฟังขึ้นไหม?
อ่อลืมบอกไป 1 อย่างค่ะ ว่าสามีเราเป็นคน อารมณ์ ร้อน เอาแต่ใจ แต่เขาก็ยอดเรามากกว่าคนๆอื่นๆค่ะ ชีวิตไดดำเนินมาเรื่อยจนมาถึงปลายเดือนมีนาคม เราทะเลอะกันเพราะเรื่องเล็กน้อยค่ะ เพราะเราเป็นคนค่อนข้างมีระเบี่ยบค่ะราแค่ถามว่าไปจ่ายค่าบัตรโน่นนี่นั่นตามยอดรวมที่เรา แจ้งไว้ไหม แล้วเขาก็บอกว่า่ายแล้ว พอเรามาเช็คดูเอ๊าทำไมไม่จ่ายเต็มทำไมจ่ายแค่นี้ ประเด็นคือเราไม่ชอบเสียเครติดค่ะ เขาเป็นถึงรองประธานบริษัททำไมถึงไม่ใส่ใจเครดิตของตัวเองก็เท่านั้น เขาก็ไม่พอใจค่ะ ตะโกนใส่เรา ด่าเราว่าเพราะเราใช้เงินซื้อโน่นนี่นั่น ทั้งๆที่เราก็ไม่ได่ทำแบบนั้นค่ะถึงเราทำเราก็ใช้เงินเราทั้งหมดจริงๆ ก็มีบ้างบางอย่างที่เขาให้เราแต่สำหรับมันเป็นธรรมดาค่ะที่สามีจะให้ของต่างๆกับภรรยา ซึ่งเราให้เขาเหมือนกัน เขาด่าเราจนเกือบตบเราค่ะ แต่ก็ไม่ได้ทำเรารับไม่ได้มากๆครั้งนี้ เพราะตลอดระยะวลาที่ผ่าน มาเขาก็มันขึ้นเสียงไม่พอใจเราบ่อยๆแต่เรารู้ว่าเขาทำงานหนักและเครียนเราเลยพยามเข้าใจและไม่ถือสา หลายครั้งที่ทะเลอะกันเพราะการขึ้นเสียงของเขา ต้องบอกก่อนนะคะว่าเขาเป็นคนดีๆแต่เพราะเขาเป็นอารมณ์ร้อนและค่อนข้างเอาแต่ใจ เราถึงได้ทะเลอะ กัน เราพยามตักเตือนเรื่องนี้กับเขาบ่อยๆเพราะมันมีผลต่อภาพลักญณ์ของเขา ไม่ใช่ว่าเราไม่เาแ่ใจนะ เราก็เอาแต่ใจแต่ตั่งแต่แต่งงานมาเราก็ปรับปรุงตัวเองมาตลอด จนถึงครั้งนี้ค่ะ เรารับไม่ไหวจริงๆ เราเลยเดินออกจากบ้านตรงไปสถามบิน บินกลับไทยเลยค่ะ แต่ช่วงระหวางนั้นก็มี การคุยกันทางข้อความ และปรับความเข้วใจกันได้แล้ว เราบอกเราขอกลับบ้านก่อนสัก2-3วัน แล้วเราจะบินกลับมา เขาก็โอเค ผ่านไป จนถึงวันกำหนดกลับ เราให้เขาจองตั๋วออนไลด์ให้เพราะเราไม่สะดวกจอง วันนั้นเป็นวันพุธ ซึ่งตอนแรกเขาก็บอกให้เรารีบกลับ คิดถึง face time เราตลอด แต่เขากลับบอกเราว่า ,,ที่รักตั๋ววันเสาร์มันถูกกว่านะ บอกเราว่ากลับวันเสาร์ไหมเพราะจะไม่มี holliday ให้คุณแล้วนะจนกว่าจะต้นธันวา คือวันที่มีกำหนดถ่าย Pre-wedding กัน ผมอยากให้คุณ enjoy ที่นั้นเพราะถ้าคุณกลับมาแล้วคุณต้องทำงานหนัก เรามาสู้ด้วยกันเพื่ออนาคตของเรานะ ,, เราก็เลยงั้นวันเสาร์ค่อยกลับก็ได้ ผ่านไปเราเริ่มรู้สึกว่าเขาเปลี่ยนไป เราถามอะไรก็โวยวายใส่เรา ไม่กลับบ้าน อ้างว่อยู่ ออฟฟิต ทำงาน จนเมืออาทิตย์ที่แล้วเราจับได้คาหนังคาเขาว่าเขาคุยกันพรอดรักกันแค่ไหน เราตรงๆ ว่าเราจุกและเจ็บมา เราเหมือนบ้าไปเลยช่วงหนึ่งทะเลอะกันทุกวัน แม่สามีกห้ามเรากับสามีตลอด เราทำให้ แม่สามีร้องเสียใจจนวันที่10ที่ผ่านมาเราดื่มเยอะมากและสุดท้ายก็จบดวยการทะเลอะกันเรามาทำน้อแต่ทำไม่ได้เพราะดื่มยันเช้า น้อนที่ออฟฟิต พอเวาผ่านไปเรามานั่งทบทวน เรารู้สึกแย่ที่เห็นน้ำตาของพ่อแม่สามี เราบอกตัวเองว่าเราต้องหยุดบ้าและต้องมีสติ เราเริ่มพยามพูดคุยอย่างเป็นปกติกับสามี ทุกอย่างที่เขาแสดงมันทำให้เจ็บปวดมาก เราได้แต่ร้องให้ในใจ เสียงมีสั่นๆ แต่ก็บอกตัวเองว่าต้องมีสติ เรามารู้ทีหลังในไม่กี่ชั่วโมงว่าผู้หญิงคน เป็นคนที่ มาทำงานในผับสิงคปร์ อายุ 26ปีเท่าสามีเรา มีลูกสาว 1คนอายุ 6 ขวบ บ้านอยู่ที่พัทยา และผู้หญิงคนนั้นเขาก็รู้ว่าสามีเรามีเราอยู่แล้วด้วย เรารู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเธอคนนั้น ทุกคนรอบข้องเราได้ต่บอกให้เรานื่งเฉยไว้ เราทำอะไรไม่ได้ หลายครั้งที่เราอดไม่ได้ที่ต้องเก็บเอาไว้และพูดมันออกไป ทุกๆเข้าข้างเราต้องบอกว่าทุกคนจริงๆ เพราะเขารู้ว่าเราเป็นคนแบบไหน เราอยากอย่าค่ะ เรามีหลักฐานทุกอย่างในการพูดคุยของเขา เรามีรูปภาพที่เขาถ่ายด้วยกัน เรามีพยานหลักฐานเป็นตัวตน แต่พ่อแม่เขาคนรอบตัวเขาไม่ยอมให้เราหย่า ตัวเขาเองไม่ยอมอย่า แต่เขาก็ไม่ยอมเลิกกับผู้หญิงคนนั้น เราควรทำยังไงดีค่ะ เรารู้ว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นเราก็มีส่วนผิด และเราก็พยามแก้ไขมันมาตลอดเราห่วงความรู้สึกเขา ครอบครัวเขา และครัวเราด้วย แต่ตอนนี้เรารู้สึกเหนื่อยเหลือเกิน เราควรทำยังไงดี