ปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมามีโอกาสได้แวะเวียนเข้าสู่เขตเมืองหลวง เพื่อศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ
ตามประสาสาวโสดผู้คลั่งไคล้ หลงใหลในการท่องเที่ยว และไม่สามารถหยุดนิ่งที่ใดที่หนึ่งได้นาน

จึงเสาะแสวงหาสถานที่ท่องเที่ยวแบบไม่ใกล้ไม่ไกลกรุงเทพมากนัก ทริปกาญจนบุรี 2 วัน 1 คืน จึงเกิดขึ้น

พวกเราเริ่มออกเดินทางในเวลาเช้าตรู่ของวันเสาร์ที่ 28 มีนาคม 2558 ด้วยความที่เป็นสาวน้อยจากแดนไกล ความชำนาญในเส้นทางในเมืองหลวงจึงมีติดตัวอยู่น้อยนิด จากดินแดง ผ่านรังสิต และบรรดาคลองต่างๆ ทั้ง คลอง 1 2 3 ....ป้ายบอกทางข้างหน้ามุ่งไปยังน้ำตกนางรอง นครนายก (กาญจนบุรี ของฉันอยู่ที่ใด) พินิจพิจารณาแล้วควรบอกลาเส้นทางข้างหน้าและกลับรถเป็นการด่วน หลังจากเสียเวลากับการขับรถชมเมืองในตอนเช้า ทำให้เวลาคลาดเคลื่อนไปจากเดิม 1-2 ชั่วโมง ระหว่างทางมุ่งหน้าไปยังกาญจนบุรี ตามแนวเกาะกลางถนนเต็มไปด้วยดอกไม้สีเหลืองบานสะพรั่ง

หลับๆตื่นๆ ในที่สุดประมาณ 10 โมง พวกเราก็เดินทางถึงจุดหมายแรก " วัดถ้ำเสือ " (ตั้งอยู่ ต.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี)
ด้านหน้าจะเป็นลานจอดรถ ร้านขายของกินและของฝากต่างๆ
วัดนี้มีประพุทธรูปปางประทานพรขนาดใหญ่ประดิษฐานอยู่บนยอดเขา
การขึ้น-ลงสามารถทำได้ 2 ทาง คือ นั่งรถราง (ค่าตั๋วขึ้น-ลง 20 บาท/คน)
หรือ บันได (สำหรับท่านที่ต้องการทดสอบสมรรถภาพร่างกาย)

สำหรับพวกเรา เลือกขึ้นโดยรถราง และ เดินลงบันได
*** ระหว่างทางขึ้นไปอาจต้องพนมมือขอพร ขอให้แคล้วคลาด เนื่องจากสภาพของรถรางอาจจะเก่าไปบ้างตามกาลเวลา (ทนแดดทนฝน)
แต่สุดท้ายมันก็สามารถขึ้นถึงจุดหมายได้อย่างปลอดภัย***

วิวจากข้างบนเมื่อลงจากรถราง ด้านหน้าจะเป็นทางเข้าไปสู่ลานประดิษฐานพระพุทธรูป

เบื้องหลังเป็นวิวลำน้ำแม่กลอง

เมื่อเข้ามายังบริเวณลานพระพุทธรูป มองตรงไปจะพบเจอเณรน้อย (เจ้าปัญญา)
หันหลังกลับมา จะพบเจอจุดบูชาธูป เทียน ดอกไม้ (ดอกอะไรไม่รู้ สีหว้านน หวาน) พร้อมทั้งคุณป้าท่าทางใจดี

ตรงข้ามกับเตนท์ธูปเทียน คือ "พระชินประทานพร" (พระพุทธรูปปางประทานพรขนาดใหญ่ซึ่งประดิษฐานอยู่กลางแจ้ง)
ด้านข้างของพระพุทธรูปเป็นวิหาร
วิวด้านหลังของพระพุทธรูปจะเป็น ทุ่งนาอันเวิ้งว้างไกลสุดลูกหูลูกตา เนื่องจากพวกเราเดินทางมาในฤดูที่เรียกว่า ฤดูร้อน (มาก) จึงไม่สามารถดื่มด่ำกับความชุ่มชื้นและเขียวขจีของยอดข้าวบนผืนนานี้ได้ สัจธรรมที่ว่า "เกิดขึ้น มีอยู่ และ ดับไป" ยังคงเป็นจริงเสมอ
กลับมาดื่มด่ำกับบรรยากาศตรงลานประดิษฐานพระพุทธรูปอีกครั้ง
วิวเจดีย์

นกยูงรำแพน

หลังจากใช้เวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมง เพื่อดื่มด่ำกับความงามตามวิถีไทยที่วัดถ้ำเสือ ก็ถึงเวลาโบกมือและเช็ดน้ำตา บอกลาวัดถ้ำเสือเพื่อเดินทางต่อ แต่ แต่ แต่...จะทำการใหญ่ต่อไปท้องของผู้เดินทางจะต้องบริบูรณ์ไปด้วยอาหาร (จากที่เกริ่นไว้ตอนต้นว่า ทริปนี้เกิดจากความไม่ตั้งใจ อาหารเที่ยงจึงเกิดจากการพึ่งพาอากู๋ และ wongni) สุดท้ายทุกคนตกลงใจฝากท้องกันที่ "ครัวลุงรัตน์"
[CR] แบกเป้...ตะลุย กาญจนบุรี พักกาย พักใจ @มาตาธารา (Madatara raft House)
ด้านหน้าจะเป็นลานจอดรถ ร้านขายของกินและของฝากต่างๆ
การขึ้น-ลงสามารถทำได้ 2 ทาง คือ นั่งรถราง (ค่าตั๋วขึ้น-ลง 20 บาท/คน)
*** ระหว่างทางขึ้นไปอาจต้องพนมมือขอพร ขอให้แคล้วคลาด เนื่องจากสภาพของรถรางอาจจะเก่าไปบ้างตามกาลเวลา (ทนแดดทนฝน)
แต่สุดท้ายมันก็สามารถขึ้นถึงจุดหมายได้อย่างปลอดภัย***
เบื้องหลังเป็นวิวลำน้ำแม่กลอง
ด้านข้างของพระพุทธรูปเป็นวิหาร