สวัสดีค่ะเพื่อนๆชาวพันทิปทุกท่าน ไม่รู้ว่ามีใครเป็นแบบเราบ้าง ตั้งกระทู้ในพันทิปทีไรรู้สึกเกร็งทุกที แหะ
ขอเกริ่นที่มาที่ไปของกระทู้ก่อนนะคะ เรื่องมีอยู่ว่าสงกรานต์นี้เราไปลองเดินหาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แบบใหม่มาสังสรรค์กับที่บ้าน
ครั้งนี้บน Shelf มีของเล่นแปลกใหม่มาให้ได้ลิ้มลองกันด้วย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เราลองอ่านฉลากข้างขวด เห็นสูตรสำหรับทำเครื่องดื่มต่างๆ ดูแล้วก็ง่ายดีแฮะ
นอกจากนี้ที่ข้างขวดยังมีลิ้งค์สำหรับท่องเฟสบุ๊ค ให้ไปติดตามดูเมนูคอกเทลอื่นๆได้อีกด้วย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้facebook.com/longbeachsyrup
และเพราะเมนูเหล่านี้
สุดท้ายเราก็เลือกกลิ่น "ราสเบอร์รี่" กับ "เชอร์รี่" กลับมาบ้าน เยเฮ่ๆ
สำหรับวันนี้ เราเลยจะมานำเสนอเมนู "เบียร์ราสเบอร์รี่" ที่ตอนนี้กลายเป็นของโปรดประจำบ้านเราไปแล้ว
นอกจากรสขมเล็กๆกลิ่นแอลกอฮอล์น้อยๆจากเบียร์ขาประจำแล้ว กลิ่นราสเบอร์รี่นี่ก็หอมสดชื่นได้ใจ (หอมมากจริงๆนะ)
แล้วยังให้สีสันสวยงาม เป็นการเพิ่มมิติใหม่ของการสังสรรค์ในหมู่ญาติสนิท มิตรสหายอีกด้วย
ส่วนประกอบก็มีไม่มาก หาได้ง่ายๆตามท้องตลาด (ช่วงสงกรานต์นี่บ้านเรามีเพียบ)
จากสูตร
1. น้ำหวานเข้มข้นกลิ่นราสเบอร์รี่ 1 ออนซ์
2. เบียร์ลาเกอร์ 10 ออนซ์
3. น้ำแข็ง
เราจะขอใช้เบียร์ตามภาพ และมีการเพิ่มน้ำแข็งลงไปตามประสาคนชิว คือดื่มช้าๆน้อยๆแต่นั่งเม้ามอยได้นานๆ
เชื่อว่าหลายคนไม่รู้ว่า 1 ออนซ์ คือ 30 มิลลิลิตร และถึงจะรู้หลายๆบ้านก็ไม่ได้มีที่ตวงติดไว้เป็นแน่ แต่บ้านเรามี!!!!!
เอางี้แล้วกัน น้ำหวาน 1 ส่วน เบียร์ 10 ส่วน พูดแบบนี้น่าจะใกล้ความจริงมากกว่า
(สำหรับบ้านไหนที่ไม่มีกระบอกตวงติดบ้าน ก็ให้ใช้การกะเอาเอง แรกๆอาจใส่น้ำหวานน้อยๆ ถ้าหวานไม่พอค่อยใส่เพิ่มไปอีก)
สุดท้ายเราก็จะได้เบียร์เย็นๆ สีสันน่ากิน กลิ่นหอมฝุดๆ แบบนี้
คือมันดีมันทำง่ายจริงๆนะ อยากให้ได้ลองกัน
เจอกันครั้งหน้ากับเชอร์รี่อีกขวดที่ซื้อมาพร้อมกัยนะคะ ขอตัวไปหาอุปกรณ์ประกอบฉาก (ลูกเชอร์รี่) ก่อน
เดี๋ยวกระทู้เราจะสวยสู้เพื่อนคนอื่นๆที่มาสอนวิธีทำคอกเทลไม่ได้
สุดท้ายนี้ เราก็ขอขอบคุณเพื่อนๆที่เข้ามาอ่านจนจบ ใครเอาไปลองทำตามแล้วดีเพื่อนๆมาบอกเราด้วยนะคะ
ปล.1 ถ้าหากมีสิ่งใดผิดพลาดในกระทู้นี้ รบกวนเพื่อนๆช่วยแนะนำเราด้วยค่าาาา
ปล.2 การเขียนแบบนี้ควรเรียกว่ากระทู้สนทนา หรือรีวิวสินค้าคะ?
ปล.3 ภาพในกระทู้บางส่วน เราแอบไปแอ๊วมาจากเฟสบุ๊คของทางสินค้านะคะ ตอนอยู่ในร้านคิดไม่ทันจริงๆว่าจะมีการตั้งกระทู้ขึ้นมา
วิธีทำ "เบียร์ราสเบอร์รี่" เย็นๆ ใครๆก็ทำเองได้ง่ายๆ
ขอเกริ่นที่มาที่ไปของกระทู้ก่อนนะคะ เรื่องมีอยู่ว่าสงกรานต์นี้เราไปลองเดินหาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แบบใหม่มาสังสรรค์กับที่บ้าน
ครั้งนี้บน Shelf มีของเล่นแปลกใหม่มาให้ได้ลิ้มลองกันด้วย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เราลองอ่านฉลากข้างขวด เห็นสูตรสำหรับทำเครื่องดื่มต่างๆ ดูแล้วก็ง่ายดีแฮะ
นอกจากนี้ที่ข้างขวดยังมีลิ้งค์สำหรับท่องเฟสบุ๊ค ให้ไปติดตามดูเมนูคอกเทลอื่นๆได้อีกด้วย [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
และเพราะเมนูเหล่านี้
สุดท้ายเราก็เลือกกลิ่น "ราสเบอร์รี่" กับ "เชอร์รี่" กลับมาบ้าน เยเฮ่ๆ
สำหรับวันนี้ เราเลยจะมานำเสนอเมนู "เบียร์ราสเบอร์รี่" ที่ตอนนี้กลายเป็นของโปรดประจำบ้านเราไปแล้ว
นอกจากรสขมเล็กๆกลิ่นแอลกอฮอล์น้อยๆจากเบียร์ขาประจำแล้ว กลิ่นราสเบอร์รี่นี่ก็หอมสดชื่นได้ใจ (หอมมากจริงๆนะ)
แล้วยังให้สีสันสวยงาม เป็นการเพิ่มมิติใหม่ของการสังสรรค์ในหมู่ญาติสนิท มิตรสหายอีกด้วย
ส่วนประกอบก็มีไม่มาก หาได้ง่ายๆตามท้องตลาด (ช่วงสงกรานต์นี่บ้านเรามีเพียบ)
จากสูตร
1. น้ำหวานเข้มข้นกลิ่นราสเบอร์รี่ 1 ออนซ์
2. เบียร์ลาเกอร์ 10 ออนซ์
3. น้ำแข็ง
เราจะขอใช้เบียร์ตามภาพ และมีการเพิ่มน้ำแข็งลงไปตามประสาคนชิว คือดื่มช้าๆน้อยๆแต่นั่งเม้ามอยได้นานๆ
เชื่อว่าหลายคนไม่รู้ว่า 1 ออนซ์ คือ 30 มิลลิลิตร และถึงจะรู้หลายๆบ้านก็ไม่ได้มีที่ตวงติดไว้เป็นแน่ แต่บ้านเรามี!!!!!
เอางี้แล้วกัน น้ำหวาน 1 ส่วน เบียร์ 10 ส่วน พูดแบบนี้น่าจะใกล้ความจริงมากกว่า
(สำหรับบ้านไหนที่ไม่มีกระบอกตวงติดบ้าน ก็ให้ใช้การกะเอาเอง แรกๆอาจใส่น้ำหวานน้อยๆ ถ้าหวานไม่พอค่อยใส่เพิ่มไปอีก)
สุดท้ายเราก็จะได้เบียร์เย็นๆ สีสันน่ากิน กลิ่นหอมฝุดๆ แบบนี้
คือมันดีมันทำง่ายจริงๆนะ อยากให้ได้ลองกัน
เจอกันครั้งหน้ากับเชอร์รี่อีกขวดที่ซื้อมาพร้อมกัยนะคะ ขอตัวไปหาอุปกรณ์ประกอบฉาก (ลูกเชอร์รี่) ก่อน
เดี๋ยวกระทู้เราจะสวยสู้เพื่อนคนอื่นๆที่มาสอนวิธีทำคอกเทลไม่ได้
สุดท้ายนี้ เราก็ขอขอบคุณเพื่อนๆที่เข้ามาอ่านจนจบ ใครเอาไปลองทำตามแล้วดีเพื่อนๆมาบอกเราด้วยนะคะ
ปล.1 ถ้าหากมีสิ่งใดผิดพลาดในกระทู้นี้ รบกวนเพื่อนๆช่วยแนะนำเราด้วยค่าาาา
ปล.2 การเขียนแบบนี้ควรเรียกว่ากระทู้สนทนา หรือรีวิวสินค้าคะ?
ปล.3 ภาพในกระทู้บางส่วน เราแอบไปแอ๊วมาจากเฟสบุ๊คของทางสินค้านะคะ ตอนอยู่ในร้านคิดไม่ทันจริงๆว่าจะมีการตั้งกระทู้ขึ้นมา