สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 7
เข้าใจจขกทครับ
แต่จะบอกจขกทให้นะว่าคุณทำอะไรแทบจะไม่ได้ สำหรับเด็กยุคนี้
ผมเคยบอกไว้ในหลายกระทู้ว่ายุคนี้มันไม่ใช่ยุคที่ไม่มีเครื่องมือสื่อสาร
เด็กๆไปโรงเรียนเจอเพื่อนได้เล่นได้พูดคุย กลับเข้าบ้านก็หยุดทุกอย่างกลายมาเป็นอยู่ในโลกของที่บ้าน
จะโทรศัพท์คุยกับเพื่อนจนสายไหม้ก็จะโดนว่าโดนเพ็งเล็ง
หรือขยับขึ้นมาอีกหน่อยก็เป็นยุคที่มีแค่มือถือไว้โทร จะคุยจะแชทก็ต้องใช้คอมซึ่งก็แยกกันจากโทรศัพท์ และอาจจะต้องอยู่ในสายตาของคนที่บ้านอีก
แต่มาตอนนี้มันยุคสมาร์ทโฟน เด็กๆทุกคนมีสมาร์ทโฟนส่วนตัว ลืมตาตื่นหรือยันก่อนจะนอนเค้าสามารถถูกครอบงำ
หรือสามารถจะไม่คุยกับใครที่บ้านเลยก็ได้ นั่งเล่นโทรศัพท์ไปก็ได้ครบวงจร จะคุยจะไลน์จะเข้าเน็ตสารพันทุกสิ่ง
แล้วใครล่ะจะสอนเค้าได้อีก ในเมื่อเค้าไม่ต้องมีใครให้สนใจอีกต่อไป
เด็กปัจจุบันถ้ามืโทรศัพท์ในมือนี่เหมือนได้พรจากพระอิศวรเลย ฆ่าไปเหอะฆ่าไม่ตาย เก่งในสามโลก
แต่ลองเอาโทรศัพท์ออกไม่ให้ถือสิ เหมือนดึงถ่านเอาแบตเตอรี่ออก ไม่ตายก็เป็นบ้าเป็นบอไปเลย
ยิ่งอยู่ในโลกอินเตอร์เน็ต จะเด็กจะแก่หัวหงอกหัวดำลูกเล็กเด็กแดงเท่ากันหมด จะจิกเรียกใคร จะไม่เหํนด้วยกับใคร จะด่ายันโคตร ได้หมด
แล้วจะยังไง?
ใครบอกโลกในเน็ตก็คือโลกในเน็ต ชีวิตจริงนั้นแยกออกจากกัน ผมเถียงตายเลย
มันตามออกมาติดเป็นนิสัยข้างนอกกันเลยทีเดียวในหลายๆคน
ทำอะไรไม่ได้จริงๆบอกเลย มันยากเกินที่จะควบคุม ยากมาก
มันเป็นยุคที่คนดีก็คือต้องดีแบบเกิดมาดี หรือที่เค้าเรียกว่าborn to be เท่านั้น คือเกิดมาแล้วแทบจะตัดสินใจได้แต่เกิดว่าอะไรดีอะไรไม่ดีด้วยตัวเอง ซึ่งมันก็ยากมากสำหรับเด็กๆที่จะเป็นแบบนั้น
หรือถ้าโชคดีมาก เด็กคนนั้นก็ต้องมีคุณพ่อคุณแม่ที่รู้เท่าทันยุคสมัย และรู้ว่าจะทำยังไง เลี้ยงลูกใกล้ชิดให้ภูมิคุ้มกันได้มากแค่ไหน
แต่ว่าก็ว่าเถอะ พ่อแม่หลายๆคนยังเอาตัวเองไม่ค่อยจะรอดเลย
แต่จะบอกจขกทให้นะว่าคุณทำอะไรแทบจะไม่ได้ สำหรับเด็กยุคนี้
ผมเคยบอกไว้ในหลายกระทู้ว่ายุคนี้มันไม่ใช่ยุคที่ไม่มีเครื่องมือสื่อสาร
เด็กๆไปโรงเรียนเจอเพื่อนได้เล่นได้พูดคุย กลับเข้าบ้านก็หยุดทุกอย่างกลายมาเป็นอยู่ในโลกของที่บ้าน
จะโทรศัพท์คุยกับเพื่อนจนสายไหม้ก็จะโดนว่าโดนเพ็งเล็ง
หรือขยับขึ้นมาอีกหน่อยก็เป็นยุคที่มีแค่มือถือไว้โทร จะคุยจะแชทก็ต้องใช้คอมซึ่งก็แยกกันจากโทรศัพท์ และอาจจะต้องอยู่ในสายตาของคนที่บ้านอีก
แต่มาตอนนี้มันยุคสมาร์ทโฟน เด็กๆทุกคนมีสมาร์ทโฟนส่วนตัว ลืมตาตื่นหรือยันก่อนจะนอนเค้าสามารถถูกครอบงำ
หรือสามารถจะไม่คุยกับใครที่บ้านเลยก็ได้ นั่งเล่นโทรศัพท์ไปก็ได้ครบวงจร จะคุยจะไลน์จะเข้าเน็ตสารพันทุกสิ่ง
แล้วใครล่ะจะสอนเค้าได้อีก ในเมื่อเค้าไม่ต้องมีใครให้สนใจอีกต่อไป
เด็กปัจจุบันถ้ามืโทรศัพท์ในมือนี่เหมือนได้พรจากพระอิศวรเลย ฆ่าไปเหอะฆ่าไม่ตาย เก่งในสามโลก
แต่ลองเอาโทรศัพท์ออกไม่ให้ถือสิ เหมือนดึงถ่านเอาแบตเตอรี่ออก ไม่ตายก็เป็นบ้าเป็นบอไปเลย
ยิ่งอยู่ในโลกอินเตอร์เน็ต จะเด็กจะแก่หัวหงอกหัวดำลูกเล็กเด็กแดงเท่ากันหมด จะจิกเรียกใคร จะไม่เหํนด้วยกับใคร จะด่ายันโคตร ได้หมด
แล้วจะยังไง?
ใครบอกโลกในเน็ตก็คือโลกในเน็ต ชีวิตจริงนั้นแยกออกจากกัน ผมเถียงตายเลย
มันตามออกมาติดเป็นนิสัยข้างนอกกันเลยทีเดียวในหลายๆคน
ทำอะไรไม่ได้จริงๆบอกเลย มันยากเกินที่จะควบคุม ยากมาก
มันเป็นยุคที่คนดีก็คือต้องดีแบบเกิดมาดี หรือที่เค้าเรียกว่าborn to be เท่านั้น คือเกิดมาแล้วแทบจะตัดสินใจได้แต่เกิดว่าอะไรดีอะไรไม่ดีด้วยตัวเอง ซึ่งมันก็ยากมากสำหรับเด็กๆที่จะเป็นแบบนั้น
หรือถ้าโชคดีมาก เด็กคนนั้นก็ต้องมีคุณพ่อคุณแม่ที่รู้เท่าทันยุคสมัย และรู้ว่าจะทำยังไง เลี้ยงลูกใกล้ชิดให้ภูมิคุ้มกันได้มากแค่ไหน
แต่ว่าก็ว่าเถอะ พ่อแม่หลายๆคนยังเอาตัวเองไม่ค่อยจะรอดเลย
ความคิดเห็นที่ 8
น้องไม่ได้อยู่กับครอบครัวคุณใช่มั้ย
ดังนั้นเขาจึงห่างเหินจากคุณพ่อและคุณมากๆ
อย่าคาดหวังให้เขาศรัทธาคุณพ่อเหมือนที่คุณศรัทธา
น้องจะไม่ฟังพ่อหรือคุณหรอก เพราะเขาจะถือว่าคุณไม่ได้เลี้ยงดูเขามา
...ยิ่งคุณพูดจากหรือทำรุนแรงใส่น้องจะยิ่งถอยห่างออกไปเรื่อยๆ
เด็กแบบน้องสาวคุณเขาขาดความรัก ... ต่อให้ญาติทางแม่รักก็จะไม่เหมือนรักจากพ่อแม่แท้ๆ
ดังนั้นเขาจึงไปแสวงหาที่อื่น และตอนนี้น้องรู้สึกว่าเพื่อนคือสิ่งที่ยึดเหนี่ยวใจเขาไว้
เขาไม่รู้หรอกว่าเพื่อนจะพาไปดีหรือเสีย เพราะจากวัยเพียงเท่านี้ยังแยกแยะอะไรไม่ได้มากนัก
เฟสหรือโทรศัพท์ อะไรก็ตามที่เป็นของน้อง ถือเป็นพื้นที่ส่วนตัวของน้อง
การเข้าไปล่วงเกินตรงนี้จะทำให้น้องไม่อยากคุยอะไรกับคุณอีก
คุณไม่ควรทำ ถ้าทำไปแล้วควรขอโทษน้องนะคะ
การพูดคุยกันควรใช้เหตุผลดีๆ อย่าบุกรุงพื้นที่ส่วนตัวน้องเด็ดขาดจำไว้เลยว่ามันสำคัญมาก
เข้าใจว่าห่วงน้องแต่ขอให้คุณใช้ประสบการณ์ชีวิตและวุฒิภาวะตัวเองที่สูงกว่าค่อยๆคุยกับน้องให้เขาเชื่อใจคุณให้ได้
เราคิดว่าคุณทำได้ ...ค่อยๆคิดคุณจะพบคำตอบ
ดังนั้นเขาจึงห่างเหินจากคุณพ่อและคุณมากๆ
อย่าคาดหวังให้เขาศรัทธาคุณพ่อเหมือนที่คุณศรัทธา
น้องจะไม่ฟังพ่อหรือคุณหรอก เพราะเขาจะถือว่าคุณไม่ได้เลี้ยงดูเขามา
...ยิ่งคุณพูดจากหรือทำรุนแรงใส่น้องจะยิ่งถอยห่างออกไปเรื่อยๆ
เด็กแบบน้องสาวคุณเขาขาดความรัก ... ต่อให้ญาติทางแม่รักก็จะไม่เหมือนรักจากพ่อแม่แท้ๆ
ดังนั้นเขาจึงไปแสวงหาที่อื่น และตอนนี้น้องรู้สึกว่าเพื่อนคือสิ่งที่ยึดเหนี่ยวใจเขาไว้
เขาไม่รู้หรอกว่าเพื่อนจะพาไปดีหรือเสีย เพราะจากวัยเพียงเท่านี้ยังแยกแยะอะไรไม่ได้มากนัก
เฟสหรือโทรศัพท์ อะไรก็ตามที่เป็นของน้อง ถือเป็นพื้นที่ส่วนตัวของน้อง
การเข้าไปล่วงเกินตรงนี้จะทำให้น้องไม่อยากคุยอะไรกับคุณอีก
คุณไม่ควรทำ ถ้าทำไปแล้วควรขอโทษน้องนะคะ
การพูดคุยกันควรใช้เหตุผลดีๆ อย่าบุกรุงพื้นที่ส่วนตัวน้องเด็ดขาดจำไว้เลยว่ามันสำคัญมาก
เข้าใจว่าห่วงน้องแต่ขอให้คุณใช้ประสบการณ์ชีวิตและวุฒิภาวะตัวเองที่สูงกว่าค่อยๆคุยกับน้องให้เขาเชื่อใจคุณให้ได้
เราคิดว่าคุณทำได้ ...ค่อยๆคิดคุณจะพบคำตอบ
ความคิดเห็นที่ 41
ตามความคิดของผมนะขอรับ
ต้นเหตุนะไม่ได้อยู่ที่ไหนเลยแต่อยู่ที่ตัวเของเค้าเองครับ วิธีแก้ให้เค้าเป็นคนที่คุณต้องการนะไม่มีหรอกครับมีแต่วิธีที่ทำให้เค้าคิดได้ครับ
ไม่ว่าวิธีนั่นคืออะไร
วิธีรุนแรงแบบแรงมาแรงกลับจะใช้ได้ผลกับบางคน
วิธีแบบเข้าหาเค้าทีละนิดหรือพายายามเข้าสู่โลกของเค้า
หรือให้โดนกับตัวเอง อาจจะไม่ดีเท่าไรเพราะแรงไปก็คงกู่ไม่กลับแล้ว
ในเครสนี้ผมแนะนำจากตัวเองในมุมมองของผมว่า ควรคุยกันครับสร้างความสนิดมากขึ้น แล้วชี้ให้เห็นถึงผลที่ตามมาภายหลังหากยังทำตัวแบบนี้ต่อไปเช่นเสียตัวไม่มีอนาคตไม่มีงานทำ ลองบอกเค้าดูครับว่าคุณพ่อได้เงินเดือนละเท่าไรใช้จ่ายอะไรบ้างและเสียให้เค้าเท่าไร ถึงน้องคุณจะไม่ฟังหรือคิดว่าตนเองนั่นถูกแต่ใจลึกๆของน้องเค้าจะคิดครับ ลองพูดบ่อยๆให้ได้ยินแบบเนียนๆ อาจจะพูดค่าไฟค่าน้ำค่าเน็ต
ผมอายุ15ปีครับจะขึ้นม.4ปีนี้ แต่ก่อนเป็นเด็กเกเรไม่สนเรียนเลยครับเกรดออกทีไม่2ก็2.5 จับโทรสับแต่ม.1-2 แต่ตอนผมรู้รายรับรายจ่ายของครอบครับผมก็เลิกแล้วครับรายได้ต่อเดือนของครอบครับประมาณเจ็ดหมื่นบาท ผมคิด หักค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าผ่อนรถ2คัน ค่าเน็ต ค่าบ้าน ค่าหอพักพี่ โทรสับผม โทรสับพี่ เกมที่ซื้อทีพันสองพัน ค่าโน็ต ค่าอาหารการกินวันละสองสามร้อย ค่าน้ำมัน
บอกเลยครับพอครับเจ็ดหมื่นเหลือด้วย แต่ในอนาคตผมขึ้นม.4 พี่ขึ้นมหาลัย รายจ่ายจะมากขึ้นแต่รายรับเท่าเดิม
ผมเชื่อว่าพ่อและแม่ของทุกคนจะเก็บเงินที่เหลือในแต่ละเดือนเพื่อใช้ในอนาคตครับ
ในตอนนี้โทรสับเลิกแต่ม.3 มีเฟสแต่ไม่เล่นดูแต่งานที่เพื่อนส่งมา มีลายแต่แค่ดูงานคุยกับเพื่อนนิดหน่อย เล่นเกมครับแต่เล่นที่บ้านไม่ไปร้านเกมแล้ว(เล่นPSO2อยู่ซ่าเจอได้)เล่นแค่เสาร์กับอาทิด มีงานอดิเรกเป็นเล่นกีต้าร์ ว่างๆอ่านหนังสือ และ ตอนนี้ผมสอบเข้าก้องกิฟติดแล้วครับ(ถึงจะท้ายๆก็เหอะแต่คนสอบก็มากอยู่ดี)ดีใจมากครับ คนในบ้านงง
เข้าได้ไงวะ
ผมคิดได้ครับว่าจะทำอะไรยังไงในอนาคต คิดและมองรอบตัว สังเกตและจดจำ เปรียบเทียบเมื่อเจอสิ่งต่าง ฟังและกรองที่ได้ยิน พูดและคิดก่อนเสมอ
ถามเมื่อสงใสแล้วฟัง ดูสิ่งต่างๆผ่านหน้าจอ ตั่งใจทุกเก้าของอนาคต มีเป้าหมายก่อนออกตัว แล้วอนาคตจะไม่ได้เป็นแค่ความฝันไม่ต้องรอปาฏิหาริย์ไม่มีความหวังมีแต่ความมุงมั่นและตั่งใจ แค่นี้คุณก็กำหนดอนาคตของคุณเองได้ครับ
อยากให้ทุกคนคิดได้ไม่ว่าจะอยู่ในช่วงอายุเท่าใด อาชีพอะไร และ มีความฝันเป็นอะไร ทำมันสะก่อนที่จะไม่เหลืออะไรให้ทำ
หากคนที่อ่านข้อความนี้อยู่ เป็นเด็กผมอยากให้ ไปบอกรักพ่อแม่หรือคนที่อยู่ข้างๆคุณตลอดเวลา
เป็นวัยรุ่นผมอยากให้ ปิดโทรสับที่อ่านอยู่หรือคอมที่ใช้อ่านข้อความนี้ แล้วไปกินข้าวพูดคุยหัวเราะและยิ้มกับคนที่ยู่ข้างคุณเสมอมาไม่ว่าจะพ่อ แม่ เพื่อน พี่ น้อง
เป็นวัยที่มีอิสระแล้ว มีงานทำแล้ว ผมอยากให้คุณเลิกอ่านข้อความนี้แล้วไปหาคนที่คิดถึงคุณอยู่ ไม่ว่าจะคนรัก หรือพ่อแม่ หรือคนที่อยากอยู่ใกล้ๆ ลองไปใช้เวลาอยู่ด้วยกันให้มากๆมีความสุขด้วยกันนานๆ
เป็นวัยที่มีภาระที่เรียกว่าครอบครัว ปิดหน้าจอสะแล้วพาคนในครอบครับไปเทียวยิ้มให้คนในครอบครัว ปรับความเข้าใจกัน
เป็นวัยสูงอายุแล้ว ผมอยากให้ บอกเล่าประสบการชีวิตกับลูกกับหลายแนะนำและมอบความสุขผ่านความคิดเห็น
และหากท่านที่สูนเสียสิ่งสำคัณในชีวิต ให้คิดว่าคุณก็เป็นสิ่งสำคัณกับคนรอบตัวคุณเหมื่อนกัน
และหากใครที่อยู่ตัวคนเดียว ไม่มีใครในชีวิต คุณยังมีอีก1ที่สำคัณไม่แพ้สิ่งใดคือคุณเอง
ความคิดเห็นนี้ยาวและออกทะเลมากแต่ผมอยากให้ทุกคน "คิด"ได้ครับ
ป.ล.จะมีใครอ่านจบเหมื่อนผมที่อ่านความคิดเห็นจบทุกอันบ้างหรือเปล่า
ป.ล.2เพื่มสถิตเด็กไทยอ่านหนังสือ8บรรทัดทีเถอะอายข้างบ้าน
ป.ล.3อะไรดีหว่า
ป.ล.4จบเหอะ
ต้นเหตุนะไม่ได้อยู่ที่ไหนเลยแต่อยู่ที่ตัวเของเค้าเองครับ วิธีแก้ให้เค้าเป็นคนที่คุณต้องการนะไม่มีหรอกครับมีแต่วิธีที่ทำให้เค้าคิดได้ครับ
ไม่ว่าวิธีนั่นคืออะไร
วิธีรุนแรงแบบแรงมาแรงกลับจะใช้ได้ผลกับบางคน
วิธีแบบเข้าหาเค้าทีละนิดหรือพายายามเข้าสู่โลกของเค้า
หรือให้โดนกับตัวเอง อาจจะไม่ดีเท่าไรเพราะแรงไปก็คงกู่ไม่กลับแล้ว
ในเครสนี้ผมแนะนำจากตัวเองในมุมมองของผมว่า ควรคุยกันครับสร้างความสนิดมากขึ้น แล้วชี้ให้เห็นถึงผลที่ตามมาภายหลังหากยังทำตัวแบบนี้ต่อไปเช่นเสียตัวไม่มีอนาคตไม่มีงานทำ ลองบอกเค้าดูครับว่าคุณพ่อได้เงินเดือนละเท่าไรใช้จ่ายอะไรบ้างและเสียให้เค้าเท่าไร ถึงน้องคุณจะไม่ฟังหรือคิดว่าตนเองนั่นถูกแต่ใจลึกๆของน้องเค้าจะคิดครับ ลองพูดบ่อยๆให้ได้ยินแบบเนียนๆ อาจจะพูดค่าไฟค่าน้ำค่าเน็ต
ผมอายุ15ปีครับจะขึ้นม.4ปีนี้ แต่ก่อนเป็นเด็กเกเรไม่สนเรียนเลยครับเกรดออกทีไม่2ก็2.5 จับโทรสับแต่ม.1-2 แต่ตอนผมรู้รายรับรายจ่ายของครอบครับผมก็เลิกแล้วครับรายได้ต่อเดือนของครอบครับประมาณเจ็ดหมื่นบาท ผมคิด หักค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าผ่อนรถ2คัน ค่าเน็ต ค่าบ้าน ค่าหอพักพี่ โทรสับผม โทรสับพี่ เกมที่ซื้อทีพันสองพัน ค่าโน็ต ค่าอาหารการกินวันละสองสามร้อย ค่าน้ำมัน
บอกเลยครับพอครับเจ็ดหมื่นเหลือด้วย แต่ในอนาคตผมขึ้นม.4 พี่ขึ้นมหาลัย รายจ่ายจะมากขึ้นแต่รายรับเท่าเดิม
ผมเชื่อว่าพ่อและแม่ของทุกคนจะเก็บเงินที่เหลือในแต่ละเดือนเพื่อใช้ในอนาคตครับ
ในตอนนี้โทรสับเลิกแต่ม.3 มีเฟสแต่ไม่เล่นดูแต่งานที่เพื่อนส่งมา มีลายแต่แค่ดูงานคุยกับเพื่อนนิดหน่อย เล่นเกมครับแต่เล่นที่บ้านไม่ไปร้านเกมแล้ว(เล่นPSO2อยู่ซ่าเจอได้)เล่นแค่เสาร์กับอาทิด มีงานอดิเรกเป็นเล่นกีต้าร์ ว่างๆอ่านหนังสือ และ ตอนนี้ผมสอบเข้าก้องกิฟติดแล้วครับ(ถึงจะท้ายๆก็เหอะแต่คนสอบก็มากอยู่ดี)ดีใจมากครับ คนในบ้านงง

ผมคิดได้ครับว่าจะทำอะไรยังไงในอนาคต คิดและมองรอบตัว สังเกตและจดจำ เปรียบเทียบเมื่อเจอสิ่งต่าง ฟังและกรองที่ได้ยิน พูดและคิดก่อนเสมอ
ถามเมื่อสงใสแล้วฟัง ดูสิ่งต่างๆผ่านหน้าจอ ตั่งใจทุกเก้าของอนาคต มีเป้าหมายก่อนออกตัว แล้วอนาคตจะไม่ได้เป็นแค่ความฝันไม่ต้องรอปาฏิหาริย์ไม่มีความหวังมีแต่ความมุงมั่นและตั่งใจ แค่นี้คุณก็กำหนดอนาคตของคุณเองได้ครับ
อยากให้ทุกคนคิดได้ไม่ว่าจะอยู่ในช่วงอายุเท่าใด อาชีพอะไร และ มีความฝันเป็นอะไร ทำมันสะก่อนที่จะไม่เหลืออะไรให้ทำ
หากคนที่อ่านข้อความนี้อยู่ เป็นเด็กผมอยากให้ ไปบอกรักพ่อแม่หรือคนที่อยู่ข้างๆคุณตลอดเวลา
เป็นวัยรุ่นผมอยากให้ ปิดโทรสับที่อ่านอยู่หรือคอมที่ใช้อ่านข้อความนี้ แล้วไปกินข้าวพูดคุยหัวเราะและยิ้มกับคนที่ยู่ข้างคุณเสมอมาไม่ว่าจะพ่อ แม่ เพื่อน พี่ น้อง
เป็นวัยที่มีอิสระแล้ว มีงานทำแล้ว ผมอยากให้คุณเลิกอ่านข้อความนี้แล้วไปหาคนที่คิดถึงคุณอยู่ ไม่ว่าจะคนรัก หรือพ่อแม่ หรือคนที่อยากอยู่ใกล้ๆ ลองไปใช้เวลาอยู่ด้วยกันให้มากๆมีความสุขด้วยกันนานๆ
เป็นวัยที่มีภาระที่เรียกว่าครอบครัว ปิดหน้าจอสะแล้วพาคนในครอบครับไปเทียวยิ้มให้คนในครอบครัว ปรับความเข้าใจกัน
เป็นวัยสูงอายุแล้ว ผมอยากให้ บอกเล่าประสบการชีวิตกับลูกกับหลายแนะนำและมอบความสุขผ่านความคิดเห็น
และหากท่านที่สูนเสียสิ่งสำคัณในชีวิต ให้คิดว่าคุณก็เป็นสิ่งสำคัณกับคนรอบตัวคุณเหมื่อนกัน
และหากใครที่อยู่ตัวคนเดียว ไม่มีใครในชีวิต คุณยังมีอีก1ที่สำคัณไม่แพ้สิ่งใดคือคุณเอง
ความคิดเห็นนี้ยาวและออกทะเลมากแต่ผมอยากให้ทุกคน "คิด"ได้ครับ
ป.ล.จะมีใครอ่านจบเหมื่อนผมที่อ่านความคิดเห็นจบทุกอันบ้างหรือเปล่า
ป.ล.2เพื่มสถิตเด็กไทยอ่านหนังสือ8บรรทัดทีเถอะอายข้างบ้าน
ป.ล.3อะไรดีหว่า
ป.ล.4จบเหอะ
แสดงความคิดเห็น
เด็กประถมสมัยนี้เป็นขนาดนี้กันเลยหรอคะ? มาแชร์ความเห็นวิธีแก้ไขกันเถอะค่ะTT
อย่างเหตุการณ์นี้ค่ะยังจำได้แม่นและรู้สึกสงสารคุณพ่อมาก
มีช่วงหนึ่งที่ตุ๊กตาเฟอร์บี้เข้ามาฮิตในประเทศไทยค่อนข้างมากเด็กๆก็จะงอแงขอเงินคุณพ่อคุณแม่ซื้อซึ่งเรามองว่าราคาแพงจังอีนกพูดได้เนี้ย น้องเราก็เป็นหนึ่งในนั้นแหละค่ะโทรไปขอคุณพ่อจะเอาเฟอร์บี้พอคุณพ่อไม่ซื้อให้เห็นว่ามันไม่จำเป็นน้องส่งข้อความไปต่อว่าคุณพ่อประมาณว่า "หนูจะไม่รักพ่อแล้วหนูเกลียดพ่อให้หนูแค่นี้ก็ไม่ได้" เราแอบไปรื้อโทรศัพท์น้องเองค่ะเลยเจอข้อความแบบนี้ ขนาดเราเป็นแค่พี่สาวเรายังอยากจะร้องไห้แทนคุณพ่อเลยค่ะ คุณพ่อเป็นพ่อที่ดีมากแม้คุณแม่จะเสียคุณพ่อยังทำบุญครบรอบวันเสียคุณแม่มาตลอดจนเกือบจะ 10 ปีแล้ว ต่อสู้ทำงานหาเงินให้เราและน้องสาวเรียน (ปล.แต่คุณพ่อแต่งงานใหม่นะคะแม่เลี้ยงใจดีมากดีกับเรามากด้วยเวลางอนๆคุณพ่อแม่เลี้ยงจะเข้ามาปลอบมาอยู่ข้างเรา เดี๋ยวน้าพาไปเองเดี๋ยวพาไปซื้อเอง พ่อใจร้อนเขาเหนื่อยงานเข้าใจเขาหน่อยนะไม่เอาไม่ร้อง หลายอย่างค่ะเขาดูแลเราดีแต่ไม่เคยมาก้าวก่ายชีวิตเราคอยดูแลอย่างห่างๆแบบห่วงๆ)
และเวลาน้องเราไม่ถูกใจอะไรจะชอบส่งข้อความไปต่อว่าคุณพ่อ พูดจาแย่ๆใส่คุณพ่อเยอะมากเลยเราก็โมโหแบบทำไมน้องพูดแบบนี้กับพ่อเลยเอาข้อความชูให้น้องดูต่อหน้ามันแล้วถามว่าพูดจากับพ่อแบบนี้ได้ยังไงมันตอบกลับมาคำนี้คนเป็นพี่ก็เงิ้บสิค่ะ "อย่ามาเสือ_"
ขุ่นพระะะะะะ
และพักนี้จะหนักข้อขึ้นเรื่อยๆนี้น้องก็มาล็อคอินเฟสบุ๊คในโน๊ตบุ๊คเราค่ะ เราก็ส่องดูความประพฎติน้องเราก็มีพูดกูกับเพื่อนตั้งแต่สมัย 10 ขวบ แล้วซึ่งเราก็แบบเอ่อ............... ไม่รู้จะยังไงอันนี้ข้ามไปละกันอาจจะเป็นที่สังคมที่น้องเขาอยู่ในโรงเรียนพูดกันแบบนี้ แต่ไปเจอคุยกับเด็กผู้ชายคนหนึ่งดูมีซัมติงรองกันเลยเข้าไปส่องค่ะ ก็เจอนั้นแหละค่ะ ขอเท้าความก่อนนะคะน้องเคยเอามาบอกเราว่า น้อง ก.คนนี้ มาบอกชอบน้องเราค่ะซึ่งจริงๆไม่ใช่
ที่เราเจอในแชทเฟสน้องเรากับน้อง ก. คนนี้ก็ประมาณว่า
"ก. พี่ชอบเรามา 2 ปี แล้วนะพี่ชอบเรามากๆ"
"ก.ชอบใครอะบอกได้ไหม"
"ถ้าพี่สอบกิ๊ฟเตดที่รร._________บอกพี่ได้ไหมว่าชอบใครอยู่"
แรกๆก็เจอน้องส่งข้อความไปบอกชอบน้องเขาบอกฝันดีบอกเป็นห่วงเด็กผู้ชายคนนั้นตลอดแต่น้องผุ้ชายแทบไม่ตอบเลยค่ะส่วนใหญ่ไม่อ่านไม่ตอบเหมือนจะรำคาญน้องเรา เราก็แบบไหนบอกน้องเขามาชอบตัวเองไง-______-?
หลังๆยิ่งอ่านยิ่งเห็นความมโนขั้นสูงในตัวของน้องเราค่ะ มีการสตอเบอร์แหลไว้ค่อนข้างเยอะกับเด็กผู้ชายคนนี้
"พี่สอบกิ๊ฟเตดที่____ติดแล้วนะ" จริงๆนางสอบไม่ติดค่ะ-____-
"พี่เข้าโรงพยาบาลเพราะ ก. เลยนะวันเสาร์อะ" วันเสาร์นางไปน้ำตกกับเราและครอบครัวค่ะกลับมาปกติดีไม่มีแม้แต่รอยแผล.....
"พี่น่ารักไหมพี่สวยไหม ก." น้องเขาส่งสติ๊กเกอร์อ้วกมาแต่ตอนนู้นน้องบอกเราว่าน้องเขาชมว่าหนูสวยหนูน่ารัก
"บางทีเพื่อนพี่ก็เล่นเฟสพี่ บางทีพ่อพี่ก็เล่นเฟสของพี่ด้วย" หืมมมพ่อเล่นเฟส? อยากจะบอกว่าแค่จับโทรศัพท์น้องเรามันก็โวยวายแล้วค่ะไม่มีหรอกค่ะที่คนในบ้านจะได้จับโทรศัพท์นาง
อ่อแค่น้ำย่อยนะคะในแชทเฟสนี้ที่คุยกับเราค่ะวันที่เราจับได้นางทักแชทเฟสเรามา
น้องเรา : พี่__บอกเพื่อนพี่__ที่คุยกับหนูด้วยการที่หนูชอบใครมันก็เป็นสิทธิของหนูและน้องก็เป็นแรงบันดาลจันพี่ไม่เคนชอบใครเลยหรอเพราะยุคหนูกับยุคพี่ไม่เหมือนกันถ้าจะอ่านหนังสือหนูอยากอ่านหนูก็อ่านแต่ถ้าอ่านแบบโดนบังคับแบบนี้อ่านไปก็ไม่เข้าใจหนูบอกเลยนะการที่มาบังคับแบบนี้หนูยิ่งจะไม่อ่านถ้าหนูอยากอ่านหนูจะอ่านเองและนี้ก็เป็นสิทธิหนู
ถ้าจะคุยก็โทรมาหาหนูเลย09xxxxxxxxx
เรา : พี่เคยพูดล (ชื่อน้องเรา) ที่เขาว่าเพราะห่วงตัวเองไหมทำไมยังโกหกว่าอ่านแล้วพี่อยู่กับ (ชื่อน้องเรา) นะ อย่าอวดเก่งดิ้อายุแค่เท่านี้อะไรกับผู้ชายขนาดนั้นพี่อ่านหมดแล้วนะ (ชื่อน้องเรา) เห็นหมดแล้วว่าน้องเขายังไงเขารำคาญ (ชื่อน้องเรา) น่ะ (ชื่อน้องเรา) รู้ตัวไหมพี่พูดนี้หวังดีนะ (ชื่อน้องเรา) มานอนดึกเพราะแค่คุยกับเด็กผู้ชายเนี้ยเอาเวลาไปอ่านหนังสือเถอะนะ มันใช่เรื่องไหมไหนจะโกหกน้องว่าวันเสาร์เข้าโรงพยาบาล (ชื่อน้องเรา) ไปตอนไหนวันเสาร์เราไปน้ำตกนะ มโนแบบนี้มีความสุขไหมเป็นเอามากนะ
น้องเรา: เมื่อคืนหนูไม่ได้คุยหนูคุยกับเพื่อน
หนูแกล้งน้อง
การที่คุยกับน้องก็เป็นสิทธิของหนู
หนูไม่ได้คุยในเฟสอย่างเดียว
หัดดูบ้าง
แล้วการที่บุกรุกเฟสหนู
เรา : ถ้าไม่อ่านแล้วจะรู้ไหมยิมเป็นคนแบบนี้ขนาดนี้
น้องเรา : หนูแกล้งน้อง
เรา : โกหกไปตั้งกี่อย่าง
ให้พี่แอดไปคุยกับน้องเขาไหมถ้าไม่อ่านแล้วจะรู้ไหม (ชื่อน้องเรา) เป็นคนแบบนี้ขนาดนี้
หนูแกล้งน้อง
โกหกไปตั้งกี่อย่าง
ให้พี่แอดไปคุยกับน้องเขาไหมถ้าไม่อ่านแล้วจะรู้ไหม (ชื่อน้องเรา) เป็นคนแบบนี้ขนาดนี้
หนูแกล้งน้อง
โกหกไปตั้งกี่อย่าง
ให้พี่แอดไปคุยกับน้องเขาไหม (ชื่อน้องเรา)
เอาไหม
น้องเรา : หนูเคลียร์กับน้องในไลน์
มันคนละสมัยกับพี่(ชื่อเรา)
เรา : หรอ(ชื่อน้องเรา)
น้องเรา : หนูไม่ได้โง่
เรา : ให้เอาไปให้พ่ออ่านไหมว่าคุยกับผู้ชายยันตีสองตีสามงี้ทุกคืน
น้องเรา : คุยกับเพื่อน
เรา : จะดูดิ้พ่อจะคิดยังไงว่ายังไง
เฟสมันเช็กเวลาได้
น้องเรา : ก็แล้วแต่
หนูเคลียร์กับน้องในไลน์
มันคนละสมัยกับพี่(ชื่อเรา)
เรา : อนาคต (ชื่อน้องเรา) จะเป็นยังไงต่อไปหือ
เข้าใจไปก็ไม่ได้เกิดไรขึ้น
มโนเรื่องนักร้องดาราเกาหลีพี่ยังเข้าใจนะ
แต่นี้หลายเรื่องมากแล้ว
น้องเรา : หยุดเบื่อจะอ่านหนังสือเสียเวลา
จะทำอะไรก็ทำ
บอกเลยนะเกลียดคนที่ชอบบุกรุกเรื่องส่วนตัว
หนูกับน้องเป็นพี่น้องกันแล้ว
ไม่ได้คิดอย่างอื่นแล้ว
ช่วยหัดคิดบ้าง
ถ้าไม่รู้อย่าอวดฉลาด
ตอบดิ
ข้อความมันลบได้
ไหนบอกฉลาด
เรา : ไปอ่านหนังสือเหอะทำชีวิตให้มีค่ามั้งนะ
เดี๋ยวมาต่อค่ะแบตจะหมดเล่นในโทรศัพท์ต่อ