ตัวผมเอง ถ้ามองภายนอก ก็คงจะไม่มีอะไรมากมาย
แต่ใครจะเชื่อ ว่าคนอย่างผม เคยโดนกลั่นแกล้งสารพัดมาตั้งแต่เด็ก
ผมจบมาจากโรงเรียนแห่งหนึ่ง สมมติว่าชื่อ "สาธิตเกษตร" แล้วกัน
ตั้งแต่ประถม ผมก็โดนแกล้งแล้ว แต่ไม่หนักหนาสาหัสอะไรมาก
แต่พอมาช่วงมัธยมนี่สิครับ เป็นความทรงจำที่ผมอยากจะลบ
แต่ก็ไม่เคยทำได้เสียที ทุกวันนี้ถ้าจำได้ว่าเป็นเพื่อนร่วมรุ่นนี่
แทบจะเดินหนีกันเลยทีเดียว
ผมโดนมาหมดครับ ไม่ว่าจะเป็นตบหัว โดนดึงกางเกง
โดนบังคับให้กราบเท้าอันธพาลของรุ่นทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรผิด
รวมไปถึงโดนรุมแบบหมาหมู่ ในแบบที่ไม่มีทางสู้กลับได้
(ซึ่งผมไม่สู้คนอยู่แล้ว)
นอกนั้นยังไม่พอ ยังโดนด่าว่าเสียชาติเกิดที่ไม่ได้เรียน ร.ด. อีกต่างหาก
ซึ่งเหตุผลที่ผมเรียน ร.ด. ไม่ได้
เพราะช่วงนั้นผมเป็นเด็กออทิสติกครับ แต่ตอนนี้เป็นปกติดีแล้ว
แทบจะมองไม่เห็นอาการเลย ทำงานได้ปกติ แถมอาจจะเก่งกว่าคนอื่นด้วยซ้ำ
ด้วยความที่ผมเคียดแค้นมาก ผมก็เลยอาจจะมีอารมณ์ชั่ววูบเล็กน้อย
แต่โดยส่วนใหญ่ผมจะควบคุมตัวเองได้ดี เพราะแม่สอนมาดี
ให้รู้จักเอาธรรมะเข้าข่ม จะได้ไม่ต้องมีบาปกรรมติดตัว
ซึ่งความเป็นคนขี้ระแวง ไว้ใจคนยาก และเพื่อนน้อย
ก็ยังคงเป็นอยู่มาจนถึงทุกวันนี้
(เวลามีคนมาพูดว่า "เพื่อนไม่คบ" นี่ ผมแทบจะไม่คบคนนั้นอีกเลย)
แต่ด้วยความที่ผมจดจำทุกอย่างได้ดี ผมเลยบอกกับตัวเองว่า
จะไม่มีวันไปคบหาสมาคมกับพวกลูกคนรวย หรือลูกอาจารย์เฮงซวยพวกนี้อีก
หลังจากนั้นไม่นาน ก็เข้าสู่ช่วงของการเป็นเด็กมหา'ลัย
ผมก็เริ่มลืมเรื่องเหล่านี้ได้แล้ว และเริ่มมีเพื่อนสนิท เป็นผู้หญิง 2 คน
ผมดีใจมากที่ในที่สุดก็ได้มีเพื่อนที่ไว้ใจได้เสียที และก็เริ่มมีความสัมพันธ์กับคนอื่นมากขึ้น
มีคนยอมรับเรา ในสิ่งที่เราเป็นมากขึ้น และก็อยู่กับเรามาโดยตลอด
มีหยอกล้อใน Facebook บ้าง แต่ผมถือว่า นี่คือมิตรภาพที่แท้จริง
จนแทบจะเป็นครอบครัวเดียวกันไปเรียบร้อยแล้ว
ณ จุดนี้ ผมคงบอกได้เต็มปากว่า...
"กูไม่มีเพื่อนว่ะ กูมีแต่ครอบครัว"
สำหรับใครที่หมดหวังกำลังใจ หากเอาเรื่องราวของผมเป็นแรงบันดาลใจก็ไม่ว่ากันครับ
เพราะตัวผมนั้น โดยธรรมชาตินั้น มีแต่จะให้อยู่แล้ว แม้กระทั่งผู้หญิงยืนร้องไห้
ผมยังเต็มใจที่จะยื่นผ้าเช็ดหน้าให้เขาเช็ดน้ำตาที่อาบแก้มเลย...
ปล.
1. ผมเคยโดนลูกข้าราชการคนนึงในเกษตรจีบหญิงตัดหน้าไป
และผมก็เคยโดนผู้หญิงคนนึงหลอกให้รักด้วยนะ
ทุกวันนี้ การจีบหญิง จึงเป็นสิ่งที่ผม ไม่เคยทำได้เสียที
แต่ผมก็ยังคงไม่ลดละความพยายาม ที่จะค้นหาสาวในฝันคนนั้นให้เจอ
2. ทุกวันนี้ผมยังใช้ธรรมะเป็นเครื่องขัดเกลาจิตใจเหมือนเดิม
ถึงแม้ว่าผมจะไม่ได้ทำบุญตักบาตรแบบคนอื่น
แต่ผมเน้นการทำดีกับบุพการีเป็นหลัก (มีทะเลาะกับท่านบ้าง ผมยอมรับนะ)
รู้สึกแย่ที่โดนกลั่นแกล้งมาตั้งแต่เด็ก
แต่ใครจะเชื่อ ว่าคนอย่างผม เคยโดนกลั่นแกล้งสารพัดมาตั้งแต่เด็ก
ผมจบมาจากโรงเรียนแห่งหนึ่ง สมมติว่าชื่อ "สาธิตเกษตร" แล้วกัน
ตั้งแต่ประถม ผมก็โดนแกล้งแล้ว แต่ไม่หนักหนาสาหัสอะไรมาก
แต่พอมาช่วงมัธยมนี่สิครับ เป็นความทรงจำที่ผมอยากจะลบ
แต่ก็ไม่เคยทำได้เสียที ทุกวันนี้ถ้าจำได้ว่าเป็นเพื่อนร่วมรุ่นนี่
แทบจะเดินหนีกันเลยทีเดียว
ผมโดนมาหมดครับ ไม่ว่าจะเป็นตบหัว โดนดึงกางเกง
โดนบังคับให้กราบเท้าอันธพาลของรุ่นทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรผิด
รวมไปถึงโดนรุมแบบหมาหมู่ ในแบบที่ไม่มีทางสู้กลับได้
(ซึ่งผมไม่สู้คนอยู่แล้ว)
นอกนั้นยังไม่พอ ยังโดนด่าว่าเสียชาติเกิดที่ไม่ได้เรียน ร.ด. อีกต่างหาก
ซึ่งเหตุผลที่ผมเรียน ร.ด. ไม่ได้
เพราะช่วงนั้นผมเป็นเด็กออทิสติกครับ แต่ตอนนี้เป็นปกติดีแล้ว
แทบจะมองไม่เห็นอาการเลย ทำงานได้ปกติ แถมอาจจะเก่งกว่าคนอื่นด้วยซ้ำ
ด้วยความที่ผมเคียดแค้นมาก ผมก็เลยอาจจะมีอารมณ์ชั่ววูบเล็กน้อย
แต่โดยส่วนใหญ่ผมจะควบคุมตัวเองได้ดี เพราะแม่สอนมาดี
ให้รู้จักเอาธรรมะเข้าข่ม จะได้ไม่ต้องมีบาปกรรมติดตัว
ซึ่งความเป็นคนขี้ระแวง ไว้ใจคนยาก และเพื่อนน้อย
ก็ยังคงเป็นอยู่มาจนถึงทุกวันนี้
(เวลามีคนมาพูดว่า "เพื่อนไม่คบ" นี่ ผมแทบจะไม่คบคนนั้นอีกเลย)
แต่ด้วยความที่ผมจดจำทุกอย่างได้ดี ผมเลยบอกกับตัวเองว่า
จะไม่มีวันไปคบหาสมาคมกับพวกลูกคนรวย หรือลูกอาจารย์เฮงซวยพวกนี้อีก
หลังจากนั้นไม่นาน ก็เข้าสู่ช่วงของการเป็นเด็กมหา'ลัย
ผมก็เริ่มลืมเรื่องเหล่านี้ได้แล้ว และเริ่มมีเพื่อนสนิท เป็นผู้หญิง 2 คน
ผมดีใจมากที่ในที่สุดก็ได้มีเพื่อนที่ไว้ใจได้เสียที และก็เริ่มมีความสัมพันธ์กับคนอื่นมากขึ้น
มีคนยอมรับเรา ในสิ่งที่เราเป็นมากขึ้น และก็อยู่กับเรามาโดยตลอด
มีหยอกล้อใน Facebook บ้าง แต่ผมถือว่า นี่คือมิตรภาพที่แท้จริง
จนแทบจะเป็นครอบครัวเดียวกันไปเรียบร้อยแล้ว
ณ จุดนี้ ผมคงบอกได้เต็มปากว่า...
"กูไม่มีเพื่อนว่ะ กูมีแต่ครอบครัว"
สำหรับใครที่หมดหวังกำลังใจ หากเอาเรื่องราวของผมเป็นแรงบันดาลใจก็ไม่ว่ากันครับ
เพราะตัวผมนั้น โดยธรรมชาตินั้น มีแต่จะให้อยู่แล้ว แม้กระทั่งผู้หญิงยืนร้องไห้
ผมยังเต็มใจที่จะยื่นผ้าเช็ดหน้าให้เขาเช็ดน้ำตาที่อาบแก้มเลย...
ปล.
1. ผมเคยโดนลูกข้าราชการคนนึงในเกษตรจีบหญิงตัดหน้าไป
และผมก็เคยโดนผู้หญิงคนนึงหลอกให้รักด้วยนะ
ทุกวันนี้ การจีบหญิง จึงเป็นสิ่งที่ผม ไม่เคยทำได้เสียที
แต่ผมก็ยังคงไม่ลดละความพยายาม ที่จะค้นหาสาวในฝันคนนั้นให้เจอ
2. ทุกวันนี้ผมยังใช้ธรรมะเป็นเครื่องขัดเกลาจิตใจเหมือนเดิม
ถึงแม้ว่าผมจะไม่ได้ทำบุญตักบาตรแบบคนอื่น
แต่ผมเน้นการทำดีกับบุพการีเป็นหลัก (มีทะเลาะกับท่านบ้าง ผมยอมรับนะ)