นั่งอ่านของคนอื่นมาก็เยอะ แต่ต่างกันตรงประเด็นเล็กๆ
ผมเชื่อว่าคนเราเวลารักกันจะมีเส้นหัวใจบางๆสื่อสารกัน เส้นเหล่านั้นมักจะมองไม่เห็นบอกเป็นความรู้สึกไม่ได้ เส้นนั้นนั่นเองที่ทำให้เรามีsenseว่าคนรักเรานั้นอาจจะมีใครรึเปล่า มักจะเกิดขึ้นรุนแรงกับฝั่งที่เอาใจใส่ในรายละเอียด แคร์เขา คนส่วนมากเข้าใจว่าเป็นเพศหญิง แต่สำหรับผมเพศชายหลายคนเมื่อเวลาเอาใจใส่ใครมากๆ อดทนอดกลั้น เพราะวางแผนชีวิตฝากอนาคตไว้กับคนๆหนึ่ง มักจะสัมผัสได้กับเส้นบางๆที่ว่าไม่ได้ต่างกับเพศหญิงเลยครับ
ผมอยู่กับแฟนมา เราก็มีทะเลาะกันบ้าง ต่างคนก็ต่างทำงานครับ ตอนแรกก่อนจะคบกันผมเคยไปนั่งดื่มกาแฟกัน แล้วเจอคนเก่าของแฟนผมครับ เขาเข้ามานั่งคุยว่าไปคบกันได้อย่างไรยังไงซึ่งลักษณะการคุย คุยแบบกวาดสายตาไปทั้งสามคน ผมเชื่อครับว่าเป็นใครก็รู้สึกไม่ดี แต่ผมก็พยายามนิ่งๆ ตอนนั้นแฟนผมเค้าไม่เอ่ยอะไรเลย จนจบบทสนทนา ผู้ชายคนนั้นเดินไปแล้วบีบไหล่ผมว่าดูแลเธอให้ดี เขารักเธอมาก ผมรู้สึกโมโหแบบบอกไม่ถูกเพราะผมไม่ชอบให้ใครมาจับไหล่หรือเล่นหัวครับ หลังจากน้นมาก็อดทนกับการที่เขาต้องมาคุยกันเพื่อเคลียร์ทรัพย์สินที่เคยเกี่ยวพันกัน มันไม่ได้ง่ายที่จะนั่งนิ่งๆแล้วไม่พูดอะไรเลยครับ
หลังจากนั้นมีก็มีเรื่องราวที่ผมถูกใส่ร้ายในที่ทำงานเธอ เธอก็เฉยๆไม่ได้เอ่ยอะไร ผมก็เคยมีปากเสียงกับเธอเรื่องนี้ ในยามทะเลาะกันว่าเขาไม่ปกป้องเราเลยเหรอ เพราะเมื่อมีคนมานินทาว่าร้ายผมพอเธอรับรู้เธอก็เฉยๆ ไม่ว่าอะไร
อีกเรื่องก็คือเธอซื้อบ้านให้ครอบครัวของเธอหลังหนึ่ง เธอก็ขอให้ผมไปดูความเรียบร้อยของบ้าน ผมก็ไปตินั่นตินี่ตามปกติกับผู้รับเหมา แต่ค่อนข้างละเอียดครับช่างก็เลยไม่ค่อยชอบหน้า 55 ก็สู้รบกันไปแต่เขาดันบอกว่าให้แฟนผมเป็นคนมาดีลงานเอง (คงจะรำคาญผมมากหน่ะครับ) เธอก็ไปแล้วก็ปล่อยให้จุดที่ผมเคยต่อว่าช่างให้มันผ่านไป คือเข้าใจอารมณ์นะครับ เราสู้ เราว่าเขา แต่แฟนเราบอกว่า ไม่เป็นไร เธอบอไม่อยากทะเลาะกับใคร ... แล้วสิ่งที่ผมทำไปหล่ะหยุดงาน ผิดนัด มาดูงาน แต่ท้ายสุดกลับบอกว่า "หยวนๆหน่า"
แฟนผมค่อนข้างไม่ค่อยแข็งแรงครับมักจะมีปัญหาสุขภาพบ่อยๆ ทุกครั้งที่เข้าโรงพยาบาลผมจะลางาน ยกเลิกนัดไปเฝ้าเธอตลอด ไม่ว่าจะนอนหรือตรวจ เป็นโรงบาลรัฐ คนเยอะมากก ตรวจทีต้องทั้งวันเลยหล่ะครับ ก็นั่งรอนั่งคุยกันไปเพราะรู้ว่าเวลาเราเข้าโรงพยาบาลเมื่อไม่สบายก็อยากได้ใครมานั่งข้างๆ มาดูแล ยามเธอนอนโรงพยาบาล ผมก็ไม่นอน รอเธอตื่นมากลางดึกที่จะพยูงไปห้องน้ำ เช้ามาก็รอเธอทานข้าวเสร็จผมก็จะเดินไปซื้อไอติมของโปรดมาให้เธอประจำ
ผมเป็นคนไม่ค่อยชอบเดินห้าง ผมชอบเข้าป่า แต่ตอนนี้ผมกลับลืมป่าไปแล้วหล่ะครับ55 ผมเพิ่งเข้าใจว่าการเดินดูเสื้อผ้าของผู้หญิงเป็นศาสตร์ที่เข้าใจยากกว่าการทำงบการเงินซะอีก แต่ผมก็ไปนะ
ผมเป็นคนใจร้อนชอบพูดจี้ เพราะตัวผมเองเวลาทำอะไรมักจะมองในเรื่องความรู้สึกความสัมพันธ์ระยะยาวเป็นหลักและขี้หึงมากเพราะทุกๆวันเราพยายามจะทำให้เรื่องราวของเราดีที่สุด อะไรที่มันเคยผ่านมาในอดีตก็เอามาพยายามปรับปรุงกับคนนี้ ผมคาดหวังกับชีวิตคู่มากครับเพราะพ่อแม่ผมท่านแยกทางกัน ทำทุกทางเพื่อไม่ให้คำว่าครอบครัวสั่นคลอน ตอนนี้ผมเย็นลงมากเพราะผู้หญิงคนนี้ แต่ในยามทะเลาะกันผลเสียของการที่เราเอาใจใส่ใครมากๆ คาดหวังไว้สูง มันจะกลับมาทำร้ายก็ตอนนี้แหล่ะครับ ทุกครั้งที่ทะเลาะกันภาพที่เราพยายามทำทุกอย่างอดทนอดกลั้น มันกลับมาแล้วย้อนมาในใจว่า "ทำไมเราทำให้เขามากมาย แต่เขากลับเหมือนที่จะมองข้ามสิ่งเหล่านั้นไปในยามทะเลาะ" บ่อยครั้งเข้าจนเส้นบางๆที่บอกตอนแรกมันเริ่มชัดขึ้น ผมก็เลยถามเธอว่ายังติดต่อกับแฟนเก่าอยู่ไหม (จิงๆแล้วผมมักจะถามเธอประจำครับ เพราะมันรู้สึกทะ

ๆแปลกๆ) แต่เธอก็ตอบมาว่า ไม่มี ไม่ได้ติดต่ออะไรเลย ไม่ต้องกังวล วางใจได้ รักผมคนเดียว จนมาวันนึงเหมือนมีซักอย่างดลใจให้ผมเข้าไปเช็คในระบบอินเตอร์เน็ต ผมก็ถามเธอซ้ำว่าได้ติดต่ออยู่ไหม เธอตอบคำเดิมว่า "ไม่" พอผมถ่ายรูปส่งให้เธอในวันนั้นเธอกลับบอกว่า ตอนนั้นเราทะเลาะกัน ก็เลยกลับไปถามแฟนเก่าของเธอว่าเธอผิดตรงไหน ซึ่งมันก็เป็นคำที่ผมเคยบอกเธอ แต่ผมไม่เข้าใจว่าทำไมไม่ฟังเรา แต่กลับไปถามแฟนเก่าของเธอ
ภาพความทรงจำที่เราเคยถูกคนอื่นใส่ร้ายเหยียดหยาม ภาพที่เราดูแลเขามันผุดขึ้นมาด้วยความไวแสง ผมคะยั้นคะยอเธอให้พูด เธอบอกว่าคนที่จะรู้ดีที่สุดว่าเธอเป็นอย่างไร คือ "แฟนเก่า" เพราะผมคบกับเธอไม่นานเท่าแฟนเก่าของเธอ ผมเริ่มตัวชา แล้วน้ำตาก็ไหลออกมาเอง...
แล้วเธอก็บอกว่าก็ส่งข้อความเฉยๆถามสารทุกข์สุขดิบกัน ซึ่งในลิสต์ของการส่งข้อความในอินเตอร์เน็ท มีประมาณ 10 กว่าข้อความเป็นช่วงเวลาที่เราไม่ได้อยู่ด้วยกันและเป็นช่วงเวลาที่ทะเลาะกันจริง ผมจึงเริ่มถามเธอว่าคนรักกันทำไมทำแบบนี้ คนรักกันควรจะให้เกียรติสร้างความเชื่อใจ มีปัญหาต้องมานั่งร่วมแก้ด้วยกัน เพราะเราอยู่ด้วยกัน ไม่ใช่อยู่กับอดีต
แต่เธอก็ยันคำเดิมว่าเธอไม่ได้ทำอะไรนอกลู่นอกทาง เธอคุยเพื่อต้องการทราบว่าเหตุผลที่ความรักครั้งเก่าของเธอไม่ประสบความสำเร็จเพราะอะไร แล้วก็คุยแค่ตอนเรามีปัญหากัน เธอบอกว่าจะได้เอามาแก้ไขกับเรื่องของเราได้ แล้วมันก็ไม่ได้ผิดกับความสัมพันธ์ของเรา ถามเขาเพราะไม่อยากมีปัญหากับเรา และที่สำคัญไม่ได้นอกใจ ไม่ได้ไปนอนด้วย ไม่ได้ไปไหนมาไหนด้วยกัน (ตอนนี้ใครจะเชื่อหล่ะครับ) แล้วบอกให้ผมเข้าใจในเหตุผลของเธอ .... ผมพยายามทำความเข้าใจอย่างไรก็ไม่เข้าใจเรื่องนี้เลย ตอนนี้รู้สึกโมโห โกรธ เสียใจมากครับ
คนรักกันอยู่ร่วมกันเกิดปัญหาก็ต้องมานั่งจับมือคุยไม่ใช่ไปคุยกับคนอื่น ไม่ใช่คุยกับอดีต คนที่ให้เลือกคุยมีมากมายตั้งแต่พ่อแม่พี่น้องจนไปถึงเพื่อนๆ แต่ทำไมถึงเลือกคุยกับแฟนเก่า แฟนเก่าเป็นสิ่งที่sensitiveมากๆกับคู่ของเรา เวลาทะเลาะกันเธอมักจะไม่ฟัง ไม่ยอมรับในความผิดพลาดของเธอ ผมก็ผิดที่สนเพียงความถูกต้อง ไม่ค่อยได้สนความถูกใจ หวังแค่ว่าถ้าเราทำในสิ่งที่ดี ต่อไปในอนาคตก็อยู่กันได้ยาวไม่ต้องมีปัญหากันอีก คนรักกันไม่ควรจะโกหก ไม่ควรปิดบัง ถ้าต้องการจะเดินร่วมทางกันจริงๆ ไม่ต่างอะไรกับชื่อเพลงที่ว่า "สองกายหัวใจเดียว" แต่ทำไมมันกลับกลายเป็นแบบนั้นไปซะได้
สรุปคือ ... ผมเป็นคนเห็นแก่ตัวในเรื่องความรัก หรือ ผมควรจะเข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นนี้จริงๆใช่ไหมครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้บางทีก็อยากออกไปเล่นน้ำสงกรานต์เผื่อคนจะไม่รู้ว่าเราน้ำตากำลังไหล
ควรเข้าใจใช่ไหม ถ้าคนรักเราคุยกับแฟนเก่าเฉพาะยามทะเลาะกัน
ผมเชื่อว่าคนเราเวลารักกันจะมีเส้นหัวใจบางๆสื่อสารกัน เส้นเหล่านั้นมักจะมองไม่เห็นบอกเป็นความรู้สึกไม่ได้ เส้นนั้นนั่นเองที่ทำให้เรามีsenseว่าคนรักเรานั้นอาจจะมีใครรึเปล่า มักจะเกิดขึ้นรุนแรงกับฝั่งที่เอาใจใส่ในรายละเอียด แคร์เขา คนส่วนมากเข้าใจว่าเป็นเพศหญิง แต่สำหรับผมเพศชายหลายคนเมื่อเวลาเอาใจใส่ใครมากๆ อดทนอดกลั้น เพราะวางแผนชีวิตฝากอนาคตไว้กับคนๆหนึ่ง มักจะสัมผัสได้กับเส้นบางๆที่ว่าไม่ได้ต่างกับเพศหญิงเลยครับ
ผมอยู่กับแฟนมา เราก็มีทะเลาะกันบ้าง ต่างคนก็ต่างทำงานครับ ตอนแรกก่อนจะคบกันผมเคยไปนั่งดื่มกาแฟกัน แล้วเจอคนเก่าของแฟนผมครับ เขาเข้ามานั่งคุยว่าไปคบกันได้อย่างไรยังไงซึ่งลักษณะการคุย คุยแบบกวาดสายตาไปทั้งสามคน ผมเชื่อครับว่าเป็นใครก็รู้สึกไม่ดี แต่ผมก็พยายามนิ่งๆ ตอนนั้นแฟนผมเค้าไม่เอ่ยอะไรเลย จนจบบทสนทนา ผู้ชายคนนั้นเดินไปแล้วบีบไหล่ผมว่าดูแลเธอให้ดี เขารักเธอมาก ผมรู้สึกโมโหแบบบอกไม่ถูกเพราะผมไม่ชอบให้ใครมาจับไหล่หรือเล่นหัวครับ หลังจากน้นมาก็อดทนกับการที่เขาต้องมาคุยกันเพื่อเคลียร์ทรัพย์สินที่เคยเกี่ยวพันกัน มันไม่ได้ง่ายที่จะนั่งนิ่งๆแล้วไม่พูดอะไรเลยครับ
หลังจากนั้นมีก็มีเรื่องราวที่ผมถูกใส่ร้ายในที่ทำงานเธอ เธอก็เฉยๆไม่ได้เอ่ยอะไร ผมก็เคยมีปากเสียงกับเธอเรื่องนี้ ในยามทะเลาะกันว่าเขาไม่ปกป้องเราเลยเหรอ เพราะเมื่อมีคนมานินทาว่าร้ายผมพอเธอรับรู้เธอก็เฉยๆ ไม่ว่าอะไร
อีกเรื่องก็คือเธอซื้อบ้านให้ครอบครัวของเธอหลังหนึ่ง เธอก็ขอให้ผมไปดูความเรียบร้อยของบ้าน ผมก็ไปตินั่นตินี่ตามปกติกับผู้รับเหมา แต่ค่อนข้างละเอียดครับช่างก็เลยไม่ค่อยชอบหน้า 55 ก็สู้รบกันไปแต่เขาดันบอกว่าให้แฟนผมเป็นคนมาดีลงานเอง (คงจะรำคาญผมมากหน่ะครับ) เธอก็ไปแล้วก็ปล่อยให้จุดที่ผมเคยต่อว่าช่างให้มันผ่านไป คือเข้าใจอารมณ์นะครับ เราสู้ เราว่าเขา แต่แฟนเราบอกว่า ไม่เป็นไร เธอบอไม่อยากทะเลาะกับใคร ... แล้วสิ่งที่ผมทำไปหล่ะหยุดงาน ผิดนัด มาดูงาน แต่ท้ายสุดกลับบอกว่า "หยวนๆหน่า"
แฟนผมค่อนข้างไม่ค่อยแข็งแรงครับมักจะมีปัญหาสุขภาพบ่อยๆ ทุกครั้งที่เข้าโรงพยาบาลผมจะลางาน ยกเลิกนัดไปเฝ้าเธอตลอด ไม่ว่าจะนอนหรือตรวจ เป็นโรงบาลรัฐ คนเยอะมากก ตรวจทีต้องทั้งวันเลยหล่ะครับ ก็นั่งรอนั่งคุยกันไปเพราะรู้ว่าเวลาเราเข้าโรงพยาบาลเมื่อไม่สบายก็อยากได้ใครมานั่งข้างๆ มาดูแล ยามเธอนอนโรงพยาบาล ผมก็ไม่นอน รอเธอตื่นมากลางดึกที่จะพยูงไปห้องน้ำ เช้ามาก็รอเธอทานข้าวเสร็จผมก็จะเดินไปซื้อไอติมของโปรดมาให้เธอประจำ
ผมเป็นคนไม่ค่อยชอบเดินห้าง ผมชอบเข้าป่า แต่ตอนนี้ผมกลับลืมป่าไปแล้วหล่ะครับ55 ผมเพิ่งเข้าใจว่าการเดินดูเสื้อผ้าของผู้หญิงเป็นศาสตร์ที่เข้าใจยากกว่าการทำงบการเงินซะอีก แต่ผมก็ไปนะ
ผมเป็นคนใจร้อนชอบพูดจี้ เพราะตัวผมเองเวลาทำอะไรมักจะมองในเรื่องความรู้สึกความสัมพันธ์ระยะยาวเป็นหลักและขี้หึงมากเพราะทุกๆวันเราพยายามจะทำให้เรื่องราวของเราดีที่สุด อะไรที่มันเคยผ่านมาในอดีตก็เอามาพยายามปรับปรุงกับคนนี้ ผมคาดหวังกับชีวิตคู่มากครับเพราะพ่อแม่ผมท่านแยกทางกัน ทำทุกทางเพื่อไม่ให้คำว่าครอบครัวสั่นคลอน ตอนนี้ผมเย็นลงมากเพราะผู้หญิงคนนี้ แต่ในยามทะเลาะกันผลเสียของการที่เราเอาใจใส่ใครมากๆ คาดหวังไว้สูง มันจะกลับมาทำร้ายก็ตอนนี้แหล่ะครับ ทุกครั้งที่ทะเลาะกันภาพที่เราพยายามทำทุกอย่างอดทนอดกลั้น มันกลับมาแล้วย้อนมาในใจว่า "ทำไมเราทำให้เขามากมาย แต่เขากลับเหมือนที่จะมองข้ามสิ่งเหล่านั้นไปในยามทะเลาะ" บ่อยครั้งเข้าจนเส้นบางๆที่บอกตอนแรกมันเริ่มชัดขึ้น ผมก็เลยถามเธอว่ายังติดต่อกับแฟนเก่าอยู่ไหม (จิงๆแล้วผมมักจะถามเธอประจำครับ เพราะมันรู้สึกทะ
ภาพความทรงจำที่เราเคยถูกคนอื่นใส่ร้ายเหยียดหยาม ภาพที่เราดูแลเขามันผุดขึ้นมาด้วยความไวแสง ผมคะยั้นคะยอเธอให้พูด เธอบอกว่าคนที่จะรู้ดีที่สุดว่าเธอเป็นอย่างไร คือ "แฟนเก่า" เพราะผมคบกับเธอไม่นานเท่าแฟนเก่าของเธอ ผมเริ่มตัวชา แล้วน้ำตาก็ไหลออกมาเอง...
แล้วเธอก็บอกว่าก็ส่งข้อความเฉยๆถามสารทุกข์สุขดิบกัน ซึ่งในลิสต์ของการส่งข้อความในอินเตอร์เน็ท มีประมาณ 10 กว่าข้อความเป็นช่วงเวลาที่เราไม่ได้อยู่ด้วยกันและเป็นช่วงเวลาที่ทะเลาะกันจริง ผมจึงเริ่มถามเธอว่าคนรักกันทำไมทำแบบนี้ คนรักกันควรจะให้เกียรติสร้างความเชื่อใจ มีปัญหาต้องมานั่งร่วมแก้ด้วยกัน เพราะเราอยู่ด้วยกัน ไม่ใช่อยู่กับอดีต
แต่เธอก็ยันคำเดิมว่าเธอไม่ได้ทำอะไรนอกลู่นอกทาง เธอคุยเพื่อต้องการทราบว่าเหตุผลที่ความรักครั้งเก่าของเธอไม่ประสบความสำเร็จเพราะอะไร แล้วก็คุยแค่ตอนเรามีปัญหากัน เธอบอกว่าจะได้เอามาแก้ไขกับเรื่องของเราได้ แล้วมันก็ไม่ได้ผิดกับความสัมพันธ์ของเรา ถามเขาเพราะไม่อยากมีปัญหากับเรา และที่สำคัญไม่ได้นอกใจ ไม่ได้ไปนอนด้วย ไม่ได้ไปไหนมาไหนด้วยกัน (ตอนนี้ใครจะเชื่อหล่ะครับ) แล้วบอกให้ผมเข้าใจในเหตุผลของเธอ .... ผมพยายามทำความเข้าใจอย่างไรก็ไม่เข้าใจเรื่องนี้เลย ตอนนี้รู้สึกโมโห โกรธ เสียใจมากครับ
คนรักกันอยู่ร่วมกันเกิดปัญหาก็ต้องมานั่งจับมือคุยไม่ใช่ไปคุยกับคนอื่น ไม่ใช่คุยกับอดีต คนที่ให้เลือกคุยมีมากมายตั้งแต่พ่อแม่พี่น้องจนไปถึงเพื่อนๆ แต่ทำไมถึงเลือกคุยกับแฟนเก่า แฟนเก่าเป็นสิ่งที่sensitiveมากๆกับคู่ของเรา เวลาทะเลาะกันเธอมักจะไม่ฟัง ไม่ยอมรับในความผิดพลาดของเธอ ผมก็ผิดที่สนเพียงความถูกต้อง ไม่ค่อยได้สนความถูกใจ หวังแค่ว่าถ้าเราทำในสิ่งที่ดี ต่อไปในอนาคตก็อยู่กันได้ยาวไม่ต้องมีปัญหากันอีก คนรักกันไม่ควรจะโกหก ไม่ควรปิดบัง ถ้าต้องการจะเดินร่วมทางกันจริงๆ ไม่ต่างอะไรกับชื่อเพลงที่ว่า "สองกายหัวใจเดียว" แต่ทำไมมันกลับกลายเป็นแบบนั้นไปซะได้
สรุปคือ ... ผมเป็นคนเห็นแก่ตัวในเรื่องความรัก หรือ ผมควรจะเข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นนี้จริงๆใช่ไหมครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้