จากที่เฝ้าแอบติดตามกระทู้ของคุณแม่ตั้งครรภ์บ่อยๆ
ก็ได้รับรู้ว่าพอตั้งครรภ์แล้วคิดมาก ขี้น้อยใจ สารพัด
เลยเฝ้าดูตัวเองตลอดว่าเป็นแบบนั้นรึเปล่า?
ตัวเราเองจะมีปัญหากับสามีหรือแม่สามีรึเปล่า?
ก็พยายามจะไม่นอยด์ ไม่คิดมาก มองโลกแบบบวกๆ
เริ่มเลยละกันค่ะ
พอทราบว่าตัวเองท้อง สามีก็ให้หยุดงานแล้วมาพักผ่อนที่ กทม.
ช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา พอไม่มีงานทำ ต้องแบมือขอเงินสามี
บอกตรงๆรู้สึกทุเรศตัวเองเหมือนกันค่ะ คือขออะไรเค้าก็ให้นะ
ตามใจทุกอย่าง ดูแลอย่างดี แต่อารมณ์เราคือ เกรงใจเค้าอะค่ะ
เวลาอยากได้อะไรที่มันสิ้นเปลืองก็ต้องอดทน ต่างกับเมื่อก่อน
ทำงานเองอยากได้ก็ซื้อเอา สบายๆ
ส่วนแม่สามีก็คุยกันปกติ มีโทรมาคุยบ้าง 2-3 วันครั้ง
(อยู่คนละบ้านค่ะ)
ก็เป็นห่วงตามประสา ให้หาอะไรกินรองท้อง ดูแลตัวเองดีๆ
เค้าก็ดีนะคะ แต่เค้าชอบบอกให้เราเอาน้องหมาของเรายกให้คนอื่น
อันตรายกับเด็ก บลาๆ เราก็รับฟัง ไม่ค่อยเถียงนะคะ แต่ในใจคือ ชั้นไม่เอา!!
คือเรามีหมาอยู่ 2 ตัว เลี้ยงมาสิบกว่าปีแล้ว
เลี้ยงอยู่ที่บ้านแม่(ในตัวบ้าน)
บางวันก็เอามานอนด้วยที่ห้องนอน(ให้นอนบนพื้นไม่ได้นอนบนเตียง)
หมาเราไม่มีเห็บ(หยอดยาและฉีดปลวกทุกเดือน)
เป็นสุนัขพันธ์เล็ก อาบน้ำอาทิตย์ละครั้ง
เราก็บอกเค้าไปนะคะว่า จะไม่เอามานอนที่ห้อง แต่ยังคงเลี้ยงในบ้าน แม้ว่าจะคลอดแล้วก็ตาม
วันนี้ไปกินข้าวด้วยกัน ก่อนเราจะกลับไปอยู่บ้านกับแม่ที่เชียงใหม่
แม่สามีบอกเรื่องให้เอาหมาไปปล่อยหรือยกให้คนอื่นอีกครั้ง
เราก็ตอบเค้าไปเหมือนเดิม สงสารหมา มันแก่แล้ว มันจะตรอมใจตาย แม่เราคงไม่ยอม บลาๆ เค้าก็ยังพูดอีก
เราก็เลยพูดขึ้นมาว่า..
งั้นแม่ก็ลองเอาไอ่ตัวนี้(ชี้ไปที่หมาของแม่สามี)ไปยกให้คนอื่นเลี้ยงบ้างสิคะ ขนาดเลี้ยงมันมาแค่ 5 ปี มันก็คงตรอมใจอยู่กับคนอื่นไม่ได้เหมือนกัน
แม่เค้าก็ตอบกลับมาว่า..จะเลี้ยงไปจนกว่าจะตายจากกัน
คือนะ หมาใคร ใครก็รักป่ะ?? เราเลยบอกว่า..
งั้นก็มีอีกทางหนึ่งนะคะ คือหนูก็ต้องย้ายออกจากบ้านแม่หนูซะเอง หมามันไม่ผิด จะไปไล่มันก็ไม่ถูก
เค้าก็เลยเงียบไป ไปไซโคเราเรื่องอื่นแทน 5555
ไม่รู้ว่าเราพูดกับเค้าแรงไปรึเปล่า?
ถามแม่เรา แม่ก็บอกว่า ปล่อยเค้าไปสักคนเถอะ
แต่ให้แม่เอาหมาไปปล่อย แม่ก็ไม่ยอมเหมือนกัน
คราวหน้าเค้าก็คงโทรมาแล้วพูดเรื่องนี้อีก เราไม่สบายใจเลยค่ะ
เพื่อนๆว่าเราควรจะบอกแม่สามียังไงดีคะ
ที่จะไม่ทำร้ายจิตใจเค้าเกินไปน่ะค่ะ
ปล. พิมในมือถือ อาจจะอ่านยากหน่อยนะคะ
เป็นคนท้องนี่....คิดมากจริงๆด้วยเนอะ
ก็ได้รับรู้ว่าพอตั้งครรภ์แล้วคิดมาก ขี้น้อยใจ สารพัด
เลยเฝ้าดูตัวเองตลอดว่าเป็นแบบนั้นรึเปล่า?
ตัวเราเองจะมีปัญหากับสามีหรือแม่สามีรึเปล่า?
ก็พยายามจะไม่นอยด์ ไม่คิดมาก มองโลกแบบบวกๆ
เริ่มเลยละกันค่ะ
พอทราบว่าตัวเองท้อง สามีก็ให้หยุดงานแล้วมาพักผ่อนที่ กทม.
ช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา พอไม่มีงานทำ ต้องแบมือขอเงินสามี
บอกตรงๆรู้สึกทุเรศตัวเองเหมือนกันค่ะ คือขออะไรเค้าก็ให้นะ
ตามใจทุกอย่าง ดูแลอย่างดี แต่อารมณ์เราคือ เกรงใจเค้าอะค่ะ
เวลาอยากได้อะไรที่มันสิ้นเปลืองก็ต้องอดทน ต่างกับเมื่อก่อน
ทำงานเองอยากได้ก็ซื้อเอา สบายๆ
ส่วนแม่สามีก็คุยกันปกติ มีโทรมาคุยบ้าง 2-3 วันครั้ง
(อยู่คนละบ้านค่ะ)
ก็เป็นห่วงตามประสา ให้หาอะไรกินรองท้อง ดูแลตัวเองดีๆ
เค้าก็ดีนะคะ แต่เค้าชอบบอกให้เราเอาน้องหมาของเรายกให้คนอื่น
อันตรายกับเด็ก บลาๆ เราก็รับฟัง ไม่ค่อยเถียงนะคะ แต่ในใจคือ ชั้นไม่เอา!!
คือเรามีหมาอยู่ 2 ตัว เลี้ยงมาสิบกว่าปีแล้ว
เลี้ยงอยู่ที่บ้านแม่(ในตัวบ้าน)
บางวันก็เอามานอนด้วยที่ห้องนอน(ให้นอนบนพื้นไม่ได้นอนบนเตียง)
หมาเราไม่มีเห็บ(หยอดยาและฉีดปลวกทุกเดือน)
เป็นสุนัขพันธ์เล็ก อาบน้ำอาทิตย์ละครั้ง
เราก็บอกเค้าไปนะคะว่า จะไม่เอามานอนที่ห้อง แต่ยังคงเลี้ยงในบ้าน แม้ว่าจะคลอดแล้วก็ตาม
วันนี้ไปกินข้าวด้วยกัน ก่อนเราจะกลับไปอยู่บ้านกับแม่ที่เชียงใหม่
แม่สามีบอกเรื่องให้เอาหมาไปปล่อยหรือยกให้คนอื่นอีกครั้ง
เราก็ตอบเค้าไปเหมือนเดิม สงสารหมา มันแก่แล้ว มันจะตรอมใจตาย แม่เราคงไม่ยอม บลาๆ เค้าก็ยังพูดอีก
เราก็เลยพูดขึ้นมาว่า..
งั้นแม่ก็ลองเอาไอ่ตัวนี้(ชี้ไปที่หมาของแม่สามี)ไปยกให้คนอื่นเลี้ยงบ้างสิคะ ขนาดเลี้ยงมันมาแค่ 5 ปี มันก็คงตรอมใจอยู่กับคนอื่นไม่ได้เหมือนกัน
แม่เค้าก็ตอบกลับมาว่า..จะเลี้ยงไปจนกว่าจะตายจากกัน
คือนะ หมาใคร ใครก็รักป่ะ?? เราเลยบอกว่า..
งั้นก็มีอีกทางหนึ่งนะคะ คือหนูก็ต้องย้ายออกจากบ้านแม่หนูซะเอง หมามันไม่ผิด จะไปไล่มันก็ไม่ถูก
เค้าก็เลยเงียบไป ไปไซโคเราเรื่องอื่นแทน 5555
ไม่รู้ว่าเราพูดกับเค้าแรงไปรึเปล่า?
ถามแม่เรา แม่ก็บอกว่า ปล่อยเค้าไปสักคนเถอะ
แต่ให้แม่เอาหมาไปปล่อย แม่ก็ไม่ยอมเหมือนกัน
คราวหน้าเค้าก็คงโทรมาแล้วพูดเรื่องนี้อีก เราไม่สบายใจเลยค่ะ
เพื่อนๆว่าเราควรจะบอกแม่สามียังไงดีคะ
ที่จะไม่ทำร้ายจิตใจเค้าเกินไปน่ะค่ะ
ปล. พิมในมือถือ อาจจะอ่านยากหน่อยนะคะ