ก่อนอื่นต้องเกริ่นกันนิดหน่อย คือว่า จะไปเที่ยวสงกรานต์ใกล้ๆ และแล้วโชคชะตาก็หันมาเจอปีนัง กำหนดเที่ยวคือ 10-13 เมษายน
วันแรก ถึงสนามบิน ก็นั่งรถ บัส ลงที่ตึกคอมต้า ขณะหลุดวงโคจรของสติ เพราะมัวมั่นหน้าอยู่กับโทรศัพท์เพื่อโทรหาโรงแรมที่จะพักและความไร้สติที่เอากระเป๋าตังค์แบบมีสายห้อย ห้อยไว้กับข้อมือ เดินโทรศัพท์ไป หาทางไปโรงแรมพร้อมกัน พอเดินถึงโรงแรม กำลังจะจ่ายเงิน สติกลับแต่สตางค์หาย กรรมแท้ๆ จากนั้นก็วิ่งถลาออกจากโรงแรม เดินไปตามทางที่เดินจากมา หน้าสุดแสนตะลึงบวกเศร้า เคล้าน้ำตา เหมือนฉากนางเอก เห็นพระเอกกอดกับนางอิจฉา แล้วเลยเดินโต๋เต๋ ท่ามกลางสายฝน จนแล้วจนรอดกระเป๋าก็หาไม่เจอ เจอแต่ขยะตามถนน แต่เคราะห์ดีบุญยังหนุนนำ passport ยังอยู่ โทรศัพท์ยังอยู่ในอีกกระเป๋านึง ทันใดนั้นก็นึกถึงอัศวิน กดโทรศัพท์หาอัศวินดำทันที พี่ชายสุดเลิฟ มีconnection ที่ปีนัง อัศวินโทรหาเพื่อน เพียง แค่ 2 ชั่วโมง อัศวินขี่ม้าขาว นำเงินมาให้ 2,000 ริงกิต ส่วนอัศวินขี่ม้าดำบอกว่า ค่อยเอาตังค์มาใช้พี่ทีหลัง ( เลยบอกอัศวินดำไปว่า ผ่อนใช้รายเดือนละกันนะ เพราะตังค์หมดแล้ว : นางก็ตอบเสียงรำคาญว่า "เออ") ซึ้งใจสุดๆ คิดว่าต้องนอนข้างถนนพร้อมกระป๋องสะแล้ว เพราะถึงโรงแรมก็ปาไปสองทุ่มแล้ว สถานที่เที่ยวที่แรกในปีนังคือ "สถานีตำรวจ" ช่างสนุก ตื่นเต้น ตื่นตาตื่นใจ เริ่ดจริงๆๆๆๆๆ
พี่ชายบอกว่า "แกโชคดีที่มีพี่อย่างช้านนนนน" 555555
เพื่อนพี่ชายเป็นคนจีนมาเลเซีย เป็นคนดีมากๆๆๆๆๆๆๆ ขอขอบคุณจากใจน้อยๆ ขอบคุณคร้าบบบบบบบ (พาไปโรงพัก พาไปเลี้ยงข้าว) เพราะนางว่า นางก็หิวเหมือนกัน ยังไม่ได้กินอะไรเลย เพราะพึ่งเลิกงานก็ตรงมาหาเดี้ยนเลย เอิ่ม!!!! ตัวเดือดร้อนได้แต่ยิ้มและกินข้าวไปอย่างเงียบๆด้วยสำนึกในบุญคุณอย่างสุดซึ้ง
จิตสำนึกผิดอันร้ายแรง คือ เอากระเป๋าตังค์ห้อยไว้กับข้อมือแล้วมัวแต่ลอยหน้าลอยตาคุยโทรศัพท์ ทุกท่านโปรดระวัง ในการเดินทางทุกครั้งนะคะ เพราะ จขกท. ไม่มั่นใจแม้แต่เสี้ยวเลยว่าโดนขโมยหรือหล่น แต่บอกไว้เลยว่า มาเลเซีย ถ้าของหายแล้วได้คืนเรียกว่า อภินิหาร เลยทีเดียว ( ปาฏิหารย์ คงใช้ไม่ได้นะจะบอกให้)
ตอนนี้ทำใจแล้วเจ้าคะ ไม่ได้คืนแน่นอน ถือสะว่าฟาดเคราะห์ (สงสัยตะบองเพชร แน่ๆคราวนี้ ที่ฟาดชั้น) ทำบุญไปก็แล้วกัน
ขอให้เป็นตัวอย่างกับนักผจญภัยทุกท่านนะคะ กระเป๋าเงินกับ passport เก็บไว้ให้มิดชิด และควรเก็บแยกกันค่ะ อย่าประมาท อย่าง จขกท. มิฉะนั้น อาจเป็นเช่นนี้
เมื่อกระเป๋าเงินหายที่ปีนัง และเงินทั้งทริปอยู่ในนั้น!!!!!!
วันแรก ถึงสนามบิน ก็นั่งรถ บัส ลงที่ตึกคอมต้า ขณะหลุดวงโคจรของสติ เพราะมัวมั่นหน้าอยู่กับโทรศัพท์เพื่อโทรหาโรงแรมที่จะพักและความไร้สติที่เอากระเป๋าตังค์แบบมีสายห้อย ห้อยไว้กับข้อมือ เดินโทรศัพท์ไป หาทางไปโรงแรมพร้อมกัน พอเดินถึงโรงแรม กำลังจะจ่ายเงิน สติกลับแต่สตางค์หาย กรรมแท้ๆ จากนั้นก็วิ่งถลาออกจากโรงแรม เดินไปตามทางที่เดินจากมา หน้าสุดแสนตะลึงบวกเศร้า เคล้าน้ำตา เหมือนฉากนางเอก เห็นพระเอกกอดกับนางอิจฉา แล้วเลยเดินโต๋เต๋ ท่ามกลางสายฝน จนแล้วจนรอดกระเป๋าก็หาไม่เจอ เจอแต่ขยะตามถนน แต่เคราะห์ดีบุญยังหนุนนำ passport ยังอยู่ โทรศัพท์ยังอยู่ในอีกกระเป๋านึง ทันใดนั้นก็นึกถึงอัศวิน กดโทรศัพท์หาอัศวินดำทันที พี่ชายสุดเลิฟ มีconnection ที่ปีนัง อัศวินโทรหาเพื่อน เพียง แค่ 2 ชั่วโมง อัศวินขี่ม้าขาว นำเงินมาให้ 2,000 ริงกิต ส่วนอัศวินขี่ม้าดำบอกว่า ค่อยเอาตังค์มาใช้พี่ทีหลัง ( เลยบอกอัศวินดำไปว่า ผ่อนใช้รายเดือนละกันนะ เพราะตังค์หมดแล้ว : นางก็ตอบเสียงรำคาญว่า "เออ") ซึ้งใจสุดๆ คิดว่าต้องนอนข้างถนนพร้อมกระป๋องสะแล้ว เพราะถึงโรงแรมก็ปาไปสองทุ่มแล้ว สถานที่เที่ยวที่แรกในปีนังคือ "สถานีตำรวจ" ช่างสนุก ตื่นเต้น ตื่นตาตื่นใจ เริ่ดจริงๆๆๆๆๆ
พี่ชายบอกว่า "แกโชคดีที่มีพี่อย่างช้านนนนน" 555555
เพื่อนพี่ชายเป็นคนจีนมาเลเซีย เป็นคนดีมากๆๆๆๆๆๆๆ ขอขอบคุณจากใจน้อยๆ ขอบคุณคร้าบบบบบบบ (พาไปโรงพัก พาไปเลี้ยงข้าว) เพราะนางว่า นางก็หิวเหมือนกัน ยังไม่ได้กินอะไรเลย เพราะพึ่งเลิกงานก็ตรงมาหาเดี้ยนเลย เอิ่ม!!!! ตัวเดือดร้อนได้แต่ยิ้มและกินข้าวไปอย่างเงียบๆด้วยสำนึกในบุญคุณอย่างสุดซึ้ง
จิตสำนึกผิดอันร้ายแรง คือ เอากระเป๋าตังค์ห้อยไว้กับข้อมือแล้วมัวแต่ลอยหน้าลอยตาคุยโทรศัพท์ ทุกท่านโปรดระวัง ในการเดินทางทุกครั้งนะคะ เพราะ จขกท. ไม่มั่นใจแม้แต่เสี้ยวเลยว่าโดนขโมยหรือหล่น แต่บอกไว้เลยว่า มาเลเซีย ถ้าของหายแล้วได้คืนเรียกว่า อภินิหาร เลยทีเดียว ( ปาฏิหารย์ คงใช้ไม่ได้นะจะบอกให้)
ตอนนี้ทำใจแล้วเจ้าคะ ไม่ได้คืนแน่นอน ถือสะว่าฟาดเคราะห์ (สงสัยตะบองเพชร แน่ๆคราวนี้ ที่ฟาดชั้น) ทำบุญไปก็แล้วกัน
ขอให้เป็นตัวอย่างกับนักผจญภัยทุกท่านนะคะ กระเป๋าเงินกับ passport เก็บไว้ให้มิดชิด และควรเก็บแยกกันค่ะ อย่าประมาท อย่าง จขกท. มิฉะนั้น อาจเป็นเช่นนี้