จากรณีที่ในวันนี้ที่ พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง.ได้แถลงมติมติยึดทรัพย์ นางภคินี สุวรรณภักดี อดีตผู้บริหารธนาคารมหานคร จำกัดมหาชน มารดาของนายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี อดีตส.ส พรรคประชาธิปัตย์ กับพวกจำนวน22รายการประกอบด้วยที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในกรุงเทพฯและจังหวัดฉะเชิงเทรา มูลค่ากว่า300ล้านบาท ตาม พ.ร.บ.ฟอกเงิน มาตรา49วรรค3
จากกรณีการยักยอกทรัพย์ สถาบันการเงิน ส่งผลให้ธนาคารได้รับความเสียหาย ซึ่งนางภคินีมีเวลา30วันในการเข้าชี้แจงการได้มาของทรัพย์ทั้ง22รายการ ต่อ ปปง.ก่อนที่ ปปง.จะสรุปสำนวนและบัญชีทรัพย์สินส่งอัยการ เพื่อพิจารณายื่นคำร้องต่อศาลให้ตกเป็นของแผ่นดินต่อไป
สำหรับคดีนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ปี2538-2539 ซึ่งความเสียหายที่เกิดขึ้นเป็นส่วนหนึ่งของวิกฤตทางเงินใน2540
โดยพันตำรวจเอกสีหนาทยืนยันว่าคดีนี้เป็นไปตามกฎหมายไม่เกี่ยวข้องการเมืองซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทยได้สรุปบัญชีทรัพย์สินและเห็นสมควรอายัดทรัพย์ตั้งแต่ปี2555เป็นต้นมา
ล่าสุด วันนี้ (10 เม.ย.2558) นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ได้เขียนข้อความผ่านทางเฟซบุ๊ก ถึงกรณีดังกล่าวว่า
เลขา ปปง. นิสัยเดิมไล่บี้ฝ่ายตรงข้ามไม่เปลี่ยน สมัยรัฐบาลที่แล้วหลังผมอภิปรายไม่ไว้วางใจ เค้ารื้อคดีคุณแม่เป็นคดีปปง. ผมติดใจคดีปปง.มากเพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องธนาคารปล่อยกู้ แต่ลูกค้าไม่สามารถคืนได้เพราะธุรกิจเสียหายจากวิกฤตปี40 ไม่ใช่ว่าคุณแม่โกงปล่อยกู้เอาเงินมาใช้เอง ปปง.ก็รู้ว่าเงินไม่มาที่เรา แต่จะดำเนินคดีให้ได้ ซึ่งกรณีนี้อัยการก็สั่งไม่ฟ้องแล้วมาเป็นปี ตามข่าวบอกให้ผมชี้แจงทรัพย์ภายใน30วัน ผมยังไม่เห็นหนังสือแจ้งอะไรเลย ผมพร้อมสู้คดี
เลขา ปปง. พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เคยถูกไล่ออกจากราชการมาแล้วที่รอดเพราะพรบ.ล้างมลทิน สมัยทักษิณมี ปปง.ไล่ตรวจสอบสื่อมวลชน นักการเมืองตรงข้าม เช่นคุณเปลวสีเงิน นายเทพชัย หย่อง นายสุทธิชัย หยุ่น ผู้บริหารสื่อเครือเนชั่น นายวารินทร์ พูนศิริวงศ์ ผู้บริหารหนังสือพิมพ์แนวหน้า แม่ถ้วน หลีกภัยมารดาท่านนายกชวน
ล่าสุด ผมพูดเรื่องท่านเสนอแก้พรบ.ปปง.ให้ตนเองยืดอายุการดำรงตำแหน่งเลขา ปปง.เพิ่มอีก2ปี ทั้งที่ พ.ต.อ.สีหนาท เคยรักษาการเลขาธิการปปง.มาตั้งแต่ปี2551 และสมัยยิ่งลักษณ์แต่งตั้งให้เป็นเลขาธิการในปี2555 โดยจะครบ4ปีในปี2559 หากต่ออายุอีก2ปี ตามร่างพรบ.ปปง.ที่เพิ่งผ่านวาระ1ของสภาไป จะทำให้สิ้นสมัยเลขาปปง.ในปี 2561 พ.ต.อ.สีหนาทเป็นเบอร์1ในอำนาจพิเศษนี้มาเกือบ10ปี ทั้งๆที่เคยถูกไล่ออกจากราชการ ถ้าใช้อำนาจแบบนี้ผมคงต้องสู้กับท่านอีกนาน
"อรรถวิชช์" โต้ "สีหนาท" ประกาศสู้เต็มที่! แฉเคยถูกไล่ออกจากราชการ ชงต่ออายุตัวเอง
จากกรณีการยักยอกทรัพย์ สถาบันการเงิน ส่งผลให้ธนาคารได้รับความเสียหาย ซึ่งนางภคินีมีเวลา30วันในการเข้าชี้แจงการได้มาของทรัพย์ทั้ง22รายการ ต่อ ปปง.ก่อนที่ ปปง.จะสรุปสำนวนและบัญชีทรัพย์สินส่งอัยการ เพื่อพิจารณายื่นคำร้องต่อศาลให้ตกเป็นของแผ่นดินต่อไป
สำหรับคดีนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ปี2538-2539 ซึ่งความเสียหายที่เกิดขึ้นเป็นส่วนหนึ่งของวิกฤตทางเงินใน2540
โดยพันตำรวจเอกสีหนาทยืนยันว่าคดีนี้เป็นไปตามกฎหมายไม่เกี่ยวข้องการเมืองซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทยได้สรุปบัญชีทรัพย์สินและเห็นสมควรอายัดทรัพย์ตั้งแต่ปี2555เป็นต้นมา
ล่าสุด วันนี้ (10 เม.ย.2558) นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ได้เขียนข้อความผ่านทางเฟซบุ๊ก ถึงกรณีดังกล่าวว่า
เลขา ปปง. นิสัยเดิมไล่บี้ฝ่ายตรงข้ามไม่เปลี่ยน สมัยรัฐบาลที่แล้วหลังผมอภิปรายไม่ไว้วางใจ เค้ารื้อคดีคุณแม่เป็นคดีปปง. ผมติดใจคดีปปง.มากเพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องธนาคารปล่อยกู้ แต่ลูกค้าไม่สามารถคืนได้เพราะธุรกิจเสียหายจากวิกฤตปี40 ไม่ใช่ว่าคุณแม่โกงปล่อยกู้เอาเงินมาใช้เอง ปปง.ก็รู้ว่าเงินไม่มาที่เรา แต่จะดำเนินคดีให้ได้ ซึ่งกรณีนี้อัยการก็สั่งไม่ฟ้องแล้วมาเป็นปี ตามข่าวบอกให้ผมชี้แจงทรัพย์ภายใน30วัน ผมยังไม่เห็นหนังสือแจ้งอะไรเลย ผมพร้อมสู้คดี
เลขา ปปง. พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เคยถูกไล่ออกจากราชการมาแล้วที่รอดเพราะพรบ.ล้างมลทิน สมัยทักษิณมี ปปง.ไล่ตรวจสอบสื่อมวลชน นักการเมืองตรงข้าม เช่นคุณเปลวสีเงิน นายเทพชัย หย่อง นายสุทธิชัย หยุ่น ผู้บริหารสื่อเครือเนชั่น นายวารินทร์ พูนศิริวงศ์ ผู้บริหารหนังสือพิมพ์แนวหน้า แม่ถ้วน หลีกภัยมารดาท่านนายกชวน
ล่าสุด ผมพูดเรื่องท่านเสนอแก้พรบ.ปปง.ให้ตนเองยืดอายุการดำรงตำแหน่งเลขา ปปง.เพิ่มอีก2ปี ทั้งที่ พ.ต.อ.สีหนาท เคยรักษาการเลขาธิการปปง.มาตั้งแต่ปี2551 และสมัยยิ่งลักษณ์แต่งตั้งให้เป็นเลขาธิการในปี2555 โดยจะครบ4ปีในปี2559 หากต่ออายุอีก2ปี ตามร่างพรบ.ปปง.ที่เพิ่งผ่านวาระ1ของสภาไป จะทำให้สิ้นสมัยเลขาปปง.ในปี 2561 พ.ต.อ.สีหนาทเป็นเบอร์1ในอำนาจพิเศษนี้มาเกือบ10ปี ทั้งๆที่เคยถูกไล่ออกจากราชการ ถ้าใช้อำนาจแบบนี้ผมคงต้องสู้กับท่านอีกนาน