วัสดีครับทุกๆท่าน เรื่องราวของผมจะมาแชร์ประสบการณ์ชีวิตให้หลายๆคนได้ฟังกันนะครับ
และนี่คือละครชีวิตจริงที่ผมเคยผ่านมา
EP.1
เริ่มต้นจากเรื่องราวที่เกิดเมื่อปี 54 ปลายปี ช่วงนั้นผมรับภารกิจช่วยเหลือประชาชนใน กทม. ช่วงน้ำท่วม และก้อจบภารกิจกลับบ้าน ก้อไปเที่ยวตามประสาวัยรุ่นคนนึงแล้วก้อได้มาปิ๊งรักกะสาวสวยที่แอบชอบมานาน แล้วเราก้อลงเอยกัน ตอนนยังยังเปนแค่พลทหาร เรื่องราวความรักก้อธรรมดาก้อเหมือนคนรักอื่นๆทั่วๆไปไม่มีอะไรมาก จนผมดิ้นรนจนสอบติดนายสิบ พอจบมาก้อได้กลับมาอยู่หน่วยแถวบ้าน อยู่กันจนมีลูกสาวด้วยกันคนหนึ่ง ก้อเหมือนครอบครัวทั่วๆไปแหละคร้าบ ก้อมีทะเลาะกระทบกระทั่งกันบ้างธรรมดา ประเด็นหลักๆก้อเห็นจะเป็นเรื่องเงินแหละ เพราะผมไปกู้มา ใช้บ้างไรบ้างทำไงได้ก้อเงินเดือนมันน้อย แฟนก้อไม่ได้ทำงาน ก้อมีหางานพิเศษบ้างไปขายขนมตามตลาดนัดงี้ ประมาณนั้น จนถึงช่วงหนึ่งผมยังจดจำได้ทุกรายละเอียด เจ็บมากๆ
มันเริ่มมาจากผมต้องไปอยู่ชายแดนด้วยความสมัครใจของผมเองทำไงได้ก้อมันได้เงินมาช่วยเยอะหน่อย ตอนไปอยู่ใหม่ๆก้อไม่มีอะไรมากส่งเงินกลับบ้านอย่างเดียว กลัวว่าลูกเมียจะไม่มีกินจนตัวเองแทบจะไม่มีใช้ แต่ก้อทนครับ
พอเริ่มเข้าต้นปี 57 ผมกลับจากชายแดนกำลังจะกลับบ้าน กลับพบว่าแฟนแอบหนีไปหาแฟนเก่ามา 3 - 4 วันละโดยที่ผมไม่รุ้เรื่องเลย และที่ผมอยู่ไม่มีคลื่นโทรศัพท์เลย จะได้โทรหาทีก้อ วันละ 20 - 30 นาทีต่อวันแค่นี้แหละครับ พอผมรู้เรื่องมันเหมือนฟ้าผ่าลงกลางหน้าอกข้างผม มันเจ็บปวดร้าวเกินจะบรรยายได้ ผมได้เอาโทรศัพท์ของแฟนมาคุยกับเค้าคนนั้น มันเปนเรื่องที่แสนจะปวดร้าวมาก ผมเอาแต่นอนร้องไห้ไม่หยุด บ้าขึ้น จนเพื่อนต้องมารับตัวไปสงบสติอารมณ์ที่อื่น พอรุ่งเช้ากะว่าจะไปเคลียกับแฟน แต่พอเข้าบ้านกลับเห็นแฟนเก็บกระเป๋าเสื้อผ้า เตรียมตัวเดินทาง ผมก้อถามว่าจะไปไหน ไม่ไปได้ไหม แฟนก้อบอกว่า ขอไปนะ เพราะอยากจะไปพิสูจน์ว่าระหว่างผมกับเค้าใครรักจิงกว่ากัน ผมนี่น้ำตาไหลพรากเลยครับ แม้แต่ลูกมากอดขาเธอยังไม่มองแม้แต่หางตา แล้วผมก้อไปส่งเธอขึ้นรถเพื่อไปหาเขาคนนั้นที่ แม่สอด จว.ตาก ซึ่งเขานั้นเป็นนักร้องในผับนี่แหละครับ ผมก้อไปส่งเธอขึ้นรถ พอเธอขึ้นรถไป ผมก้อปล่อยโฮใหญ่ในรถเลย เจอแบบนี้มันเจ็บเกินกว่าคำบรรยายจริงๆ เธอบอกว่าจะไป 3 - 4 วัน แล้วจะกลับ ผมก้อใจดีเกิ๊นให้เอทีเอมไปด้วยกลัวว่าจะไม่มีใช้ เสร็จแล้วก้ออย่างว่าครับ ชีวิตพังกินแต่เหล้าเมาอย่างกับหมา จนลูกท่าจะเหนผมเมาลูกสาวเลยมากอดผมร้องไห้ ผมนี่นั่งกอดลูกร้องไห้กันสองคน สุดท้ายผมก้อเลิกเหล้าแล้วมาดูแลลูก จนเข้าวันที่ 4 ตามสัญญาแต่เธอก้อยังไม่กลับอ้างต่างๆนาๆ ผมจึงตัดสินใจ หอบลูกกะแม่ยายไปถึงแม่สอด เพื่อไปตามเธอกลับมา พอผมไปถึงที่ก้อเพราะว่า ผมตามเธอด้วย APPLE ID จนเจอแล้วก้อเห็นว่าเธอนั้นอยู่ในห้องกับเขา มันช่างเป็นภาพที่บาดใจมาก แต่ผมก้อทนไม่ทำอะไรบ้าๆ กลับเรียกมานั่งคุยกันแบบดีๆ แต่สิ่งที่ผมเห็น แฟนด่าผมว่าจะมาทำไม แต่สิ่งที่ผมเห็นคือแฟนผมไม่ยอมกลับยังไม่พอบอกว่าจะอยู่กับเขาอย่างเดียว จนคำพูดนี้หลุดออกจากปากผู้ชายคนนั้นว่า "กลับไปหย่ากันให้เรียบร้อยก่อนแล้วเดวค่อยมาคุยกัน" เป็นคำพูดที่มันช่างบาดลึกใจผมซะเหลือเกิน สุดท้ายเธอก้อกลับบ้านมากับผม แต่พอเช้าเธอก้อเรียกผมตื่นแล้วบอกว่า ไปหย่ากัน เท่านั้นแหละครับ ทะเลาะวิวาทเลย ตำรวจก้อมาช่วยเคลีย สุดท้ายก้ออย่ากันจิงๆ ผมร้องไห้หนักมาก สุดท้ายผมก้อกลับไปง้อขอคืนดีเธอเพราะคิดถึงเรื่องครอบครัว ไม่อยากให้ลูกต้องมีปัญหา ก้อดีกันในระดับหนึ่ง จนเธอขึ้นรถไปโดยไม่บอกผม หอบเงินของผมไปด้วย ไปหาเขาตอนนั้นแม้แต่เงินซื้อนมให้ลูกกินผมยังไม่มีแม้แต่บาทเดียวก้อมีแต่ แม่ยายท่ี่คอยซื้อนมให้หลานกะแพมเพิด ลำบากสุดๆตอนนั้น แต่ผมก้อทน เธอก้อไปๆมาๆ อยู่กับผมกับลูก สัก 10 วัน ไปอยู่กับเขา 20 วันงี้ประมาณนั้นครับ แต่เธอจะมาช่วงประมานเงินเดือนออกงี้ แต่ผมก้อยอมรับว่าโง่ให้เธอหลอกเอาเงินไปจนหมด แต่ผมก้อยอมเพราะเวลาอยู่กันพร้อมหน้าลูกจะมีความสุขมากเลยครับ ผมก้อทนมาๆเรื่อยๆเวลาเธอกลับมาอยู่บ้าน เธอจะตั้งข้อตกลงไว้เลยว่า เวลาเขาโทรมาผมจะต้องไม่มีตัวตน แม้แต่ตอนเขาวีดีโอกัน ผมจะต้องหายไป ประมาณนี้ ผมก้อทนมานานนะ สักเดือนกว่าๆ จนเงินในโครงการรถคันแรกของผมออก เธอก้อมาตามระเบียบคับ เธอจัดการเปนผู้ถือบัตรเอทีเอมคนเดียวเลย ซึ่งผมก้อ ยอมอีก โง่สุดๆเพราะรักมากไปถึงยอมขนาดนี้ เธอเอาเงินไปใช้ก่ะเขาจนหมดประมานสัก 60,000 กว่าบาทถ้าจำไม่ผิดนะครับ ผมนี่โง่เป็นควายจิงๆว่าไหมคับ แต่ก้อยอมทน จนวันนึงเขามาเที่ยวพะเยา เพื่อมาออดิชั่นในผับพะเยา เธอโทรบอกผมว่าอย่าโผล่ไปบ้านนะเขาอยู่นี่ แล้วอย่ามาให้เขาเห็น ตอนที่อยู่พะเยาผมเหมือนวิญญาณ ล่องลอยไปเรื่อยๆไม่มีใครเห็น ตกดึกเค้าก้อไปนอนกันโรงแรม ผมต้องรอเขาสองคนออกบ้านก่อนจึงจะเข้าบ้านได้งี้ ผมก้อทนมาเรื่อยๆ จนวันนึงเขาก้อมาทำงานที่พะเยาจิงๆ ซึ่งในตอนนั้นอย่างว่าแหละคับ ความอดทนของคนมันมีจำกัด ผมเลยทิ้ง

เลยไม่เอาอะไรสักอย่าง ซึ่งตอนนั้นผมก้อแวะเวียนมาดูลูกตลอด ซื้อของซื้อไรให้หมด เพราะผมจะไม่ยอมให้เขาได้ถือตังผมอีก ตอนนั้นเขาก้อมีความสุขกันดี แต่ผมก้อไปเรื่อยๆของผมตามประสาชายโสด จนเมื่อรู้ว่าเขาทิ้งเธอไป แล้วเธอไปคบกับนายสิบรุ่นน้องผม แบบไวมากอะไรเนี่ย ผมก้อถามเธอว่าจะกลับมาได้ไหม เธอก้อบอกไม่ ผมก้อทำใจแล้วเดินจากมา โดยไม่ไปยุ่งอะไรกับเขาสองคนอีกเลย..............................ยังไม่จบมหากาพย์นี้อีกยาว
ชีวิตจิงยิ่งกว่าละครน้ำเน่าในทีวี ของชายธรรมดาคนนึง
และนี่คือละครชีวิตจริงที่ผมเคยผ่านมา
EP.1
เริ่มต้นจากเรื่องราวที่เกิดเมื่อปี 54 ปลายปี ช่วงนั้นผมรับภารกิจช่วยเหลือประชาชนใน กทม. ช่วงน้ำท่วม และก้อจบภารกิจกลับบ้าน ก้อไปเที่ยวตามประสาวัยรุ่นคนนึงแล้วก้อได้มาปิ๊งรักกะสาวสวยที่แอบชอบมานาน แล้วเราก้อลงเอยกัน ตอนนยังยังเปนแค่พลทหาร เรื่องราวความรักก้อธรรมดาก้อเหมือนคนรักอื่นๆทั่วๆไปไม่มีอะไรมาก จนผมดิ้นรนจนสอบติดนายสิบ พอจบมาก้อได้กลับมาอยู่หน่วยแถวบ้าน อยู่กันจนมีลูกสาวด้วยกันคนหนึ่ง ก้อเหมือนครอบครัวทั่วๆไปแหละคร้าบ ก้อมีทะเลาะกระทบกระทั่งกันบ้างธรรมดา ประเด็นหลักๆก้อเห็นจะเป็นเรื่องเงินแหละ เพราะผมไปกู้มา ใช้บ้างไรบ้างทำไงได้ก้อเงินเดือนมันน้อย แฟนก้อไม่ได้ทำงาน ก้อมีหางานพิเศษบ้างไปขายขนมตามตลาดนัดงี้ ประมาณนั้น จนถึงช่วงหนึ่งผมยังจดจำได้ทุกรายละเอียด เจ็บมากๆ
มันเริ่มมาจากผมต้องไปอยู่ชายแดนด้วยความสมัครใจของผมเองทำไงได้ก้อมันได้เงินมาช่วยเยอะหน่อย ตอนไปอยู่ใหม่ๆก้อไม่มีอะไรมากส่งเงินกลับบ้านอย่างเดียว กลัวว่าลูกเมียจะไม่มีกินจนตัวเองแทบจะไม่มีใช้ แต่ก้อทนครับ
พอเริ่มเข้าต้นปี 57 ผมกลับจากชายแดนกำลังจะกลับบ้าน กลับพบว่าแฟนแอบหนีไปหาแฟนเก่ามา 3 - 4 วันละโดยที่ผมไม่รุ้เรื่องเลย และที่ผมอยู่ไม่มีคลื่นโทรศัพท์เลย จะได้โทรหาทีก้อ วันละ 20 - 30 นาทีต่อวันแค่นี้แหละครับ พอผมรู้เรื่องมันเหมือนฟ้าผ่าลงกลางหน้าอกข้างผม มันเจ็บปวดร้าวเกินจะบรรยายได้ ผมได้เอาโทรศัพท์ของแฟนมาคุยกับเค้าคนนั้น มันเปนเรื่องที่แสนจะปวดร้าวมาก ผมเอาแต่นอนร้องไห้ไม่หยุด บ้าขึ้น จนเพื่อนต้องมารับตัวไปสงบสติอารมณ์ที่อื่น พอรุ่งเช้ากะว่าจะไปเคลียกับแฟน แต่พอเข้าบ้านกลับเห็นแฟนเก็บกระเป๋าเสื้อผ้า เตรียมตัวเดินทาง ผมก้อถามว่าจะไปไหน ไม่ไปได้ไหม แฟนก้อบอกว่า ขอไปนะ เพราะอยากจะไปพิสูจน์ว่าระหว่างผมกับเค้าใครรักจิงกว่ากัน ผมนี่น้ำตาไหลพรากเลยครับ แม้แต่ลูกมากอดขาเธอยังไม่มองแม้แต่หางตา แล้วผมก้อไปส่งเธอขึ้นรถเพื่อไปหาเขาคนนั้นที่ แม่สอด จว.ตาก ซึ่งเขานั้นเป็นนักร้องในผับนี่แหละครับ ผมก้อไปส่งเธอขึ้นรถ พอเธอขึ้นรถไป ผมก้อปล่อยโฮใหญ่ในรถเลย เจอแบบนี้มันเจ็บเกินกว่าคำบรรยายจริงๆ เธอบอกว่าจะไป 3 - 4 วัน แล้วจะกลับ ผมก้อใจดีเกิ๊นให้เอทีเอมไปด้วยกลัวว่าจะไม่มีใช้ เสร็จแล้วก้ออย่างว่าครับ ชีวิตพังกินแต่เหล้าเมาอย่างกับหมา จนลูกท่าจะเหนผมเมาลูกสาวเลยมากอดผมร้องไห้ ผมนี่นั่งกอดลูกร้องไห้กันสองคน สุดท้ายผมก้อเลิกเหล้าแล้วมาดูแลลูก จนเข้าวันที่ 4 ตามสัญญาแต่เธอก้อยังไม่กลับอ้างต่างๆนาๆ ผมจึงตัดสินใจ หอบลูกกะแม่ยายไปถึงแม่สอด เพื่อไปตามเธอกลับมา พอผมไปถึงที่ก้อเพราะว่า ผมตามเธอด้วย APPLE ID จนเจอแล้วก้อเห็นว่าเธอนั้นอยู่ในห้องกับเขา มันช่างเป็นภาพที่บาดใจมาก แต่ผมก้อทนไม่ทำอะไรบ้าๆ กลับเรียกมานั่งคุยกันแบบดีๆ แต่สิ่งที่ผมเห็น แฟนด่าผมว่าจะมาทำไม แต่สิ่งที่ผมเห็นคือแฟนผมไม่ยอมกลับยังไม่พอบอกว่าจะอยู่กับเขาอย่างเดียว จนคำพูดนี้หลุดออกจากปากผู้ชายคนนั้นว่า "กลับไปหย่ากันให้เรียบร้อยก่อนแล้วเดวค่อยมาคุยกัน" เป็นคำพูดที่มันช่างบาดลึกใจผมซะเหลือเกิน สุดท้ายเธอก้อกลับบ้านมากับผม แต่พอเช้าเธอก้อเรียกผมตื่นแล้วบอกว่า ไปหย่ากัน เท่านั้นแหละครับ ทะเลาะวิวาทเลย ตำรวจก้อมาช่วยเคลีย สุดท้ายก้ออย่ากันจิงๆ ผมร้องไห้หนักมาก สุดท้ายผมก้อกลับไปง้อขอคืนดีเธอเพราะคิดถึงเรื่องครอบครัว ไม่อยากให้ลูกต้องมีปัญหา ก้อดีกันในระดับหนึ่ง จนเธอขึ้นรถไปโดยไม่บอกผม หอบเงินของผมไปด้วย ไปหาเขาตอนนั้นแม้แต่เงินซื้อนมให้ลูกกินผมยังไม่มีแม้แต่บาทเดียวก้อมีแต่ แม่ยายท่ี่คอยซื้อนมให้หลานกะแพมเพิด ลำบากสุดๆตอนนั้น แต่ผมก้อทน เธอก้อไปๆมาๆ อยู่กับผมกับลูก สัก 10 วัน ไปอยู่กับเขา 20 วันงี้ประมาณนั้นครับ แต่เธอจะมาช่วงประมานเงินเดือนออกงี้ แต่ผมก้อยอมรับว่าโง่ให้เธอหลอกเอาเงินไปจนหมด แต่ผมก้อยอมเพราะเวลาอยู่กันพร้อมหน้าลูกจะมีความสุขมากเลยครับ ผมก้อทนมาๆเรื่อยๆเวลาเธอกลับมาอยู่บ้าน เธอจะตั้งข้อตกลงไว้เลยว่า เวลาเขาโทรมาผมจะต้องไม่มีตัวตน แม้แต่ตอนเขาวีดีโอกัน ผมจะต้องหายไป ประมาณนี้ ผมก้อทนมานานนะ สักเดือนกว่าๆ จนเงินในโครงการรถคันแรกของผมออก เธอก้อมาตามระเบียบคับ เธอจัดการเปนผู้ถือบัตรเอทีเอมคนเดียวเลย ซึ่งผมก้อ ยอมอีก โง่สุดๆเพราะรักมากไปถึงยอมขนาดนี้ เธอเอาเงินไปใช้ก่ะเขาจนหมดประมานสัก 60,000 กว่าบาทถ้าจำไม่ผิดนะครับ ผมนี่โง่เป็นควายจิงๆว่าไหมคับ แต่ก้อยอมทน จนวันนึงเขามาเที่ยวพะเยา เพื่อมาออดิชั่นในผับพะเยา เธอโทรบอกผมว่าอย่าโผล่ไปบ้านนะเขาอยู่นี่ แล้วอย่ามาให้เขาเห็น ตอนที่อยู่พะเยาผมเหมือนวิญญาณ ล่องลอยไปเรื่อยๆไม่มีใครเห็น ตกดึกเค้าก้อไปนอนกันโรงแรม ผมต้องรอเขาสองคนออกบ้านก่อนจึงจะเข้าบ้านได้งี้ ผมก้อทนมาเรื่อยๆ จนวันนึงเขาก้อมาทำงานที่พะเยาจิงๆ ซึ่งในตอนนั้นอย่างว่าแหละคับ ความอดทนของคนมันมีจำกัด ผมเลยทิ้ง