อัศจรรย์แห่งสายประคำ 4 พระสงฆ์คาทอลิก....รอดชีวิตจากระเบิดปรมาณูที่ฮิโรชิม่า

อัศจรรย์สายประคำ – รอดปลอดภัยกลางระเบิดปรมาณูที่ฮิโรชิมา !!


ลิตเติลบอย (อังกฤษ: Little Boy) เป็นชื่อรหัสของระเบิดปรมาณู ที่ถูกนำไปทิ้งเหนือเมืองฮิโรชิม่า ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม ค.ศ. 1945 โดยเครื่องบิน B-29 Superfortress (เครื่องบินลำนี้มีชื่อ Enola Gay) ผู้ทำหน้าที่นักบินคือ นายพันโทพอล ทิบเบตส์ (Paul Tibbets) แห่งกองกำลังอากาศในกองทัพบกสหรัฐอเมริกา (ภายหลังได้ยกฐานะขึ้นเป็นกองทัพอากาศ) นับเป็นระเบิดปรมาณูลูกแรก ที่ใช้ในการสงคราม ส่วนระเบิดปรมาณูลูกที่สอง ซึ่งมีชื่อว่า แฟตแมน นั้น ถูกนำไปทิ้งเหนือเมืองนางะซากิของญี่ปุ่นในอีก 3 วันต่อมา

การทิ้งระเบิดถล่มเมืองฮิโรชิม่า

เอกสารของทางการระบุว่าอานุภาพของระเบิดปรมาณูลูกนี้เทียบเท่ากับการระเบิดของระเบิดทีเอ็นที (TNT) ปริมาณราว 15 กิโลตัน นั่นคือ 6.3 × 1013 จูล = 63 TJ (เทอราจูล)  อย่างไรก็ตาม ความเสียหายและจำนวนของเหยื่อระเบิดลูกนี้มีสูงกว่ามาก เพราะเมืองฮิโรชิมะนั้นอยู่บนที่ราบ ขณะที่จุดศูนย์กลางของเมืองนางะซากิอยู่ในหุบเขาขนาดเล็ก


มีผู้คนประมาณ 70,000 คน เสียชีวิตอันเป็นผลจากการระเบิดโดยตรง และที่ได้รับบาดเจ็บอีกเป็นจำนวนใกล้เคียงกัน ขณะที่ผู้คนอีกจำนวนมากเสียชีวิตในภายหลังจากการะเบิด อันเนื่องมาจากกัมมันตรังสี และมะเร็ง   สำหรับมารดาที่กำลังตั้งครรภ์นั้นก็ต้องสูญเสียทารกในครรภ์ไป หรือมิฉะนั้นก็ให้กำเนิดทารกที่พิการ เสื้อผ้าไหม้หมดจนเหลือแต่เนื้อตัวเปล่าเปลือย

ความสำเร็จของการทิ้งระเบิดครั้งนี้ได้ถูกรายงานข่าวกระจายออกไปอย่างกว้างขวางในสหรัฐอเมริกาท่ามกลางความอยากรู้ นักวิจารณ์จำนวนมากคาดว่าน่าจะเป็นจุดสิ้นสุดของสงครามก่อนที่มันจะยืดเยื้อและมีการบุกเกาะญี่ปุ่นอย่างนองเลือด

       พระเจ้าทรงฤทธิ์ ทรงปกป้องผู้ที่ถวายตัวแด่พระองค์อย่างน่าอัศจรรย์ เป็นต้น โดยทางสายประคำ – แม้ในท่ามกลางการระเบิดนิวเคลียร์อันทรงพลัง   ด้วยความพยายามในการค้นหาข้อมูลเพื่อความถูกต้อง แม่นยำ และสามารถพิสูจน์ได้จริง – ทั้งจากแหล่งข้อมูลโดยตรง และข้อมูลแวดล้อมมากมายเท่าที่สามารถกล่าวอ้างอิงได้  

อัศจรรย์สายประคำที่ฮิโรชิม่า – 6  สิงหาคม  1945


ภาพชี้ให้เห็นว่า มีกลุ่มคน 4 คน เดินออกไปที่ถนน ที่เต็มไปด้วยซากมนุษย์และซากอาคารจำนวนมาก


       บ้านหลังหนึ่งซึ่งอยู่ห่างแปดช่วงตึก ( ประมาณ 1 กิโลเมตร ) จากจุดศูนย์กลางของระเบิดปรมาณู ที่ถูกทิ้งลงเหนือเมืองฮิโรชิม่า ประเทศญี่ปุ่น   บ้านหลังนี้เป็นบ้านพักพระสงฆ์ สร้างติดกับโบสถ์หลังหนึ่งซึ่งได้ถูกทำลายเสียหายอย่างสิ้นเชิง  แต่บ้านดังกล่าวรอดปลอดภัย รวมทั้งมิชชันนารีเยซูอิตชาวเยอรมันทั้งสี่องค์ ที่สวดสายประคำอย่างซื่อสัตย์ทุกวันในบ้านหลังนั้น  คนเหล่านี้เป็นมิสชันนารีทำงานกับคนญี่ปุ่น   พวกเขาไม่ใช่ฝ่ายทหาร  แต่ที่อยู่ในญี่ปุ่นได้ เพราะว่าประเทศเยอรมัน (ฝ่ายอักษะ) และประเทศญี่ปุ่น เป็นพันธมิตรกันระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2
พระสงฆ์เหล่านี้ได้รับอนุญาตให้อาศัยและดูแลเรื่องศาสนาภายในประเทศญี่ปุ่นได้ระหว่างสงคราม   พวกเขาไม่เพียงแต่รอดชีวิต ซึ่งมีเพียงการบาดเจ็บเล็กๆน้อยๆ  แต่ทุกคนยังดำเนินชีวิตต่อมาจากวันอันน่าขนพองสยองเกล้านั้น โดยไม่ได้รับความเจ็บป่วยหรือผลกระทบใดๆ จากรังสีของระเบิดปรมาณู  ไม่สูญเสียการได้ยิน  ไม่เกิดความบกพร่องหรือความป่วยไข้ที่ส่งผลยาวนาน   เป็นธรรมดา  พวกเขาถูกสัมภาษณ์นับครั้งไม่ถ้วน  ( คุณพ่อชิฟเฟอร์  ผู้รอดชีวิตคนหนึ่ง ว่ากันว่าถูกสัมภาษณ์มากกว่า 200 ครั้ง ) โดยนักวิทยาศาสตร์และเจ้าหน้าที่ฝ่ายดูแลสุขอนามัย  ถึงประสบการณ์ที่น่ากลัวนั้น บรรดาพระสงฆ์กล่าวว่า...

"เราเชื่อว่า เรารอดชีวิตมาได้เพราะเราดำเนินชีวิตตามสาส์นแห่งฟาติมา  เราสวดสายประคำทุกวันในบ้านหลังนั้น"  แน่นอนว่า นักวิทยาศาสตร์และชาวโลกพูดอะไรไม่ออกและไม่เชื่อในคำอธิบายนั้น – พวกเขามั่นใจว่าจะต้องมีคำอธิบาย "ที่จริงจัง" มากกว่านั้น  แต่ในอีก 55 ปีต่อมา บรรดานักวิทยาศาสตร์ยังคงรู้สึกฉงนสนเท่ห์ เมื่อภาพปรากฏที่น่าเชื่อถือได้ เพื่ออธิบายการรอดชีวิตแบบไม่มีใครเหมือน ของบรรดามิสชันนารีจากอำนาจน่าสะพรึงกลัวเยี่ยงนรกของระเบิดลูกนั้น.

ประจักษ์พยานแห่งอัศจรรย์สายประคำ 4 ผู้รอดชีวิตจากระเบิดปรมาณู ที่ ฮิโรชิม่า วันที่ 6 สิงหาคม 1945




       “ระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง  ระเบิดปรมาณูถูกทิ้งลงในญี่ปุ่นสองเมือง คือ  ฮิโรชิม่าและนางาซากิ   สิ่งผิดปกติเกิดขึ้นที่ฮิโรชิมา  ชุมชนเล็กๆของพระสงฆ์เยซูอิตอาศัยอยู่ในบ้านพักพระสงฆ์ ซึ่งอยู่ห่างจากศูนย์กลางระเบิด (ground zero) เพียงแปดช่วงตึก เมืองฮิโรชิม่าถูกทำลาย  แต่สมาชิกทั้งหมดของชุมชนเยซูอิตเล็กๆ กลับรอดพ้นอย่างปาฏิหารย์และไม่ได้รับอันตรายแต่อย่างใด  ขณะที่ ทุกคนที่อยู่ภายในรัศมีราวหนึ่ง 1 กิโลเมตรครึ่ง จากศูนย์กลางของระเบิดเสียชีวิตทั้งหมด   บ้านพักที่พระสงฆ์เยซูอิตอาศัย ยังคงยืนหยัดอยู่ที่เดิม ไม่เพียงไม่ถูกทำลาย แม้แต่กระจกก็ไม่มีร่องรอยใดใดจากไฟและคลื่นความร้อนของระเบิดปรมาณู ขณะที่โบสถ์ใกล้ๆนั้น ถูกทำลายราบทั้งหมด.  ประชาชนที่โชคดีที่อยู่รัศมีเขตศูนย์กลางจะตายอย่างมีความสุขในทันทีโดยไม่รู้สึกตัว ร่างกายจะแปรสภาพเป็นเถ้าถ่านในชั่วพริบตาเดียว ผู้คนที่อยู่ห่างออกไป จะได้รับผลกระทบจากกระแสความร้อน ทำให้บาดเจ็บทรมานอย่างมาก ผิวไหม้ เกรียม

สภาพซากอาคาร และ ศพของประชาชนที่ถูกระเบิดปรมาณูในรัศมีกว่า 1.5 กม. จากความร้อนกว่า 540 องศา



สภาพบ้านพักพระสงฆ์ภายหลังการเกิดระเบิดปรมาณู



ภายในบ้านพักพระสงฆ์ ไม่ได้รับความเสียหายใดใดจากคลื่นความร้อนของระเบิด แม้ตัวบ้านจะทำจากไม้และกระดาษก็ตาม


       คุณพ่อฮิวเบิร์ก ชิฟเฟอร์ เป็นคนหนึ่งในบรรดาพระสงฆ์เหล่านั้น   เขาอายุ 30 ปีเมื่อระเบิดปรมาณู ระเบิดที่ฮิโรชิมา และยังคงมีชีวิตอีก 33 ปีต่อมาด้วยสุขภาพดี   คุณพ่อเล่าทบทวนประสบการณ์ที่ฮิโรชิม่าระหว่างการประชุมเคารพศีลมหาสนิท ซึ่งจัดขึ้นที่ฟิลาเดลเฟีย (สหรัฐอเมริกา) ในปี  1976   ณ เวลานั้น สมาชิกชุมชนเยซูอิตทั้งหมดยังคงมีชีวิตอยู่ทุกคน.

       คุณพ่อชิฟเฟอร์ได้รับการตรวจร่างกายและถูกซักถามจากบรรดานักวิทยาศาสตร์มากกว่า 200 คน ซึ่งก็ไม่สามารถอธิบายได้ว่าคุณพ่อและเพื่อนๆของท่านรอดชีวิตท่ามกลางผู้เสียชีวิตจำนวนนับแสนได้อย่างไร  คุณพ่อได้อธิบายเรื่องนี้ว่า มาจากการปกป้องของแม่พระ  ท่านประกาศว่า "พ่ออยู่ตรงกลางการระเบิดของระเบิดปรมาณู และพ่อยังคงมีชีวิตอยู่ตรงนี้และสบายดี  พ่อมิได้ถูกทำร้ายด้วยการทำลายล้างของมัน."  ยิ่งกว่านั้น คุณพ่อชิฟเฟอร์ยังยืนยันด้วยว่าเป็นเวลาหลายปีแล้ว ที่ผู้ชำนาญการและฝ่ายสอบสวนจำนวนหลายร้อย ยังคงศึกษาและสอบสวนด้วยเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ในข้อที่ว่าทำไมบ้านพักพระสงฆ์จึงไม่ได้รับผลกระทบเลย   คุณพ่ออธิบายว่าในบ้านหลังนั้นมีเพียงสิ่งเดียวที่แตกต่างออกไป  คือ ในบ้านหลังนั้น มีการสวดสายประคำพร้อมกันทุกวันเป็นเวลานานแล้ว


บทสัมภาษณ์ คุณพ่อไซเมส พระสงฆ์คณะเยซูอิค ภายหลังการรอดชีวิตอย่างปาฏิหารย์ จากระเบิดปรมาณูที่ฮิโรชิม่า

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ


ภาพยนต์จำลองเหตุการณ์อันน่าอัศจรรย์ของพระสงฆ์ทั้ง 4 ผู้รอดชีวิตอย่างปาฏิหารย์

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ


ภาพยนต์จำลองเหตุการณ์การทำลายล้างของระเบิดปรมณูที่ฮิโรชิม่า

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ


***********************************************

"จงตระหนักเถิดว่า ด้วยสายประคำ..ลูกมีอำนาจอยู่ในมือ เพราะมือของลูกอยู่ในพระหัตถ์ทรงฤทธิ์ของพระเป็นเจ้า. หากลูกจำสายประคำของแม่ไม่ได้ , แล้วลูกจะจดจำพระบุตรของแม่ได้หรือ? เหตุใดลูกจึงยังคงเก็บสายประคำซ่อนไว้?
สายประคำนี้ คือหัวใจรักของแม่ ที่แม่มอบให้ลูก..ไข่มุกแห่งสวรรค์ที่ลูกปฏิเสธ.

วิบัติจงเกิดแก่ผู้ที่นำสายประคำนี้ออกจากมือของผู้บริสุทธิ์คนหนึ่ง พวกเขาจะต้องได้รับผลแห่งโทษทัณฑ์เหล่านั้น

เหตุใดจึงยังสงสัยในความรักของแม่กันอยู่อีก คนที่ซื่อสัตย์สวดสายประคำของแม่ ไฟจะแตะต้องเขาไม่ได้
รวมถึงทรัพย์สินของพวกเขาด้วย  ลูกรัก เวลากำลังจะมาถึงแล้ว ฉับพลันพวกเขาจะอันตรธานไป "


(แม่พระแห่งสายประคำ 6 ตุลาคม 1970)


* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *


มาสวดสายประคำทุกวันกันเถอะ


วิธีสวดสายประคำ

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ


สัญญา 15 ข้อ แก่ผู้สวดสายประคำอย่างดี

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ


สายประคำ พระธรรมล้ำลึกทั้งสี่

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ


ประวัติสายประคำ

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ


ที่มา : http://www.thaicatholicsingles.com/index.php?topic=849.0

ติดตามวิธีการสวดสายประคำ พระสัญญา และอัศจรรย์อื่นๆจากการสวดสายประคำได้ที่ http://pantip.com/topic/33489056

ติดตามชมวีดีทัศน์และบทความดีดีที่น่าสนใจ อาทิเช่น อัศจรรย์แห่งมิสซา , ชีวิตภายในพระแม่มารีย์ , วิญญาณไฟชำระ-เล่าให้ฟัง , ภาพจากนรก ,อัศจรรย์ศีลมหาสนิท และอื่นๆ ได้ที่ https://www.facebook.com/help.souls
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่