สวัสดีค่ะ วันนี้ขออนุญาตใช้พื้นที่นี้ในการแบ่งปันประสบการณ์ที่หลายๆ คนอาจจะเจอกันได้ค่ะ ก่อนอื่นต้องบอกก่อนนะคะว่าเหตุการณ์นี้เพิ่งเกิดมาได้ไม่นาน เรียกว่าสดๆ ร้อนๆ เลยล่ะค่ะ
เรื่องมีอยู่ว่า พวกเรา “แก๊งค์ 6 สาวล้วน” วางแผนว่าจะไปเที่ยวประเทศสิงคโปร์ในวันหยุดที่ผ่านมา แต่เนื่องจากระยะเวลาที่เราต้องอยู่ที่สิงคโปร์มันยาวนานตั้ง 6 วัน เพื่อนสาวคนนึงเลยลองดูรีวิวการท่องเที่ยวในประเทศใกล้เคียงกับสิงคโปร์ นั่นก็คือประเทศมาเลเซีย แล้วพวกเราก็เลือกที่จะไปเที่ยวมะละกา เป็นเวลารวมการเดินทางทั้งหมด 3 วัน คือ
วันที่ 1 เดินทางจากสิงคโปร์-มะละกา โดยการนั่งรถบัสโดยสาร
ขาออก จากสิงคโปร์ ผ่านง่ายๆ อยู่แล้ว ไม่ต้องเอาสัมภาระลง
ขาเข้า มาเลเซีย ไม่ต้องกรอกใบผ่านเข้าเมือง แต่ต้องเอาสัมภาระลงทุกชิ้นนะคะ ส่วนการผ่าน ตม. ก็มีการสัมภาษณ์นิดหน่อยค่ะ ไม่ยุ่งยากมาก ผ่านด่านแล้วเอากระเป๋าสแกนด้วยนะคะ เสร็จแล้วก็นำสัมภาระทั้งหมดกลับไปที่รถ ตรงนี้สำคัญนะคะ สังเกตลักษณะของรถและป้ายทะเบียนรถให้ดี รวมถึงแอบตามๆ เพื่อนพี่น้องที่นั่งรถคันเดียวกับเราไว้ด้วยนะคะ เพื่อจะได้กลับขึ้นรถถูกและเดินทางต่อกันค่ะ
สิ้นสุดการเดินทางใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมงค่ะ
เย็นๆ เราไปเดินเล่น walking street ที่ Chinatown และสำรวจเส้นทางต่างๆ ไว้เบื้องต้นค่ะ
วันที่ 2 เดินเท้าเที่ยวทั่ว แบบมั่วๆ ทั้งมะละกา
ในวันนี้เราใช้วิธีการเดินเท้าเที่ยวอย่างเดียวเลยค่ะ สนุกสนานมากค่ะ เดินไปถ่ายรูปไป และเจอผู้คนที่น่ารักและใจดีมากๆ พูดแล้วยังประทับใจไม่หายค่ะ ผู้คนที่นี่ทำให้เมืองที่สงบดูมีเสน่ห์และสีสันขึ้นมาเลยล่ะค่ะ
ในส่วนที่ไปเที่ยวที่ไหน ไปยังไงกัน นอนที่ไหน กินอะไรกัน ใครสนใจก็คอมเม้นหรือหลังไมค์มาได้นะคะ จะพยายามช่วยเหลืออย่างเต็มที่ค่ะ
วันที่ 3 เดินทางกลับจากมะละกา-สิงคโปร์ โดยการนั่งรถบัสโดยสารเช่นเดิม
แล้ววันที่เราตื่นเต้นก็มาถึง เพราะก่อนนอนนั้นเราก็ต่างคิดกันว่า เราจะกรอกที่อยู่ที่สิงคโปร์ในช่องของ Address ในใบผ่านเข้าเมืองของสิงคโปร์ยังไงดี แล้วเราก็ได้รับคำแนะนำจากเจ้าของที่พักของเราว่าให้กรอกที่อยู่ที่เราเคยพักที่สิงคโปร์
ขาออก จากมาเลเซีย ต้องเอาสัมภาระลง ตึก ตม. ของมาเลเซียขาออกนี้ ต้องบอกเลยแตกต่างจากขาเข้ามาก เดินไม่ดีระวังหลงจากหมู่คณะได้นะคะ แต่ก็ไม่ยากอย่างที่คิดค่ะ (ขออภัยนะคะ ไม่มีรูปประกอบ) ด่านนี้ก็ผ่านมาได้เหมือนเดิมค่ะ
ขาเข้าสิงคโปร์ เตรียมกรอกใบผ่านเข้าเมือง และสัมภาระทุกชิ้นให้พร้อมนะคะ พวกเราเดินเข้าไปที่ ตม. พร้อมแอบสวดภาวนาให้เราผ่านไปได้ ไม่อยากให้เกิดปัญหาใดๆ เพราะกลัวตกเครื่อง แต่แล้วปัญหาก็เกิดจริงๆ ค่ะ เพื่อนสาวคนแรกเข้าไปพร้อมๆ กับเพื่อนสาวอีกคนหนึ่ง เวลาเริ่มเดินช้าลงค่ะคุณผู้ชม ที่เห็นคนอื่นเค้าผ่านไปโดยใช้เวลาตรวจเอกสารมากสุดก็ 1 นาที แต่ของพวกเรา 2 นาทีก็ยังไม่เรียบร้อย เลยคิดว่าโด้นนน ...โดนแล้วหล่ะ แล้วก็โดนจริงๆ ค่ะ ทั้งมวลแก๊งค์เลย
พวกเราโดนนำตัวขึ้นไปยังห้องสอบสวนค่ะ แล้วเจ้าหน้าที่ก็เรียกเราเข้าไปกันทีละคน เริ่มจากถามชื่อ-นามสุกล และขอบัตรประชาชนของพวกเราไปดูค่ะ แต่ที่มันน่าตกใจ คือ เจ้าหน้าที่สิงคโปร์พูดว่า “บัตรประชาชนคับ” งงเลยค่ะ ตกใจเลยว่าพูดได้ด้วย เจ้าหน้าที่เค้าขอบัตรเราไปกรอกชื่อ-นามสกุล วันเดือนปีเกิด และสัญชาติค่ะ เราแอบชำเลืองดูในสมุดที่เจ้าหน้าที่ใช้บันทึก เลยทำให้ความงงของเรากระจ่างเลยค่ะ ในช่องสัญชาติของทั้งหน้ากระดาษนั้น คือ “Thai” ค่ะ เลยไม่แปลกใจละว่าทำไมเจ้าหน้าที่สิงคโปร์พูดว่า “นั่งๆ” “บัตรประชาชนคับ” “เสร็จแล้ว”ได้คล่องเลย
นอกจากนี้เจ้าหน้าที่เค้าก็ขอสแกนลายนิ้วมือของเรา และสอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับอาชีพ การทำงาน ความสัมพันธ์กับเพื่อนๆ ในหมู่คณะ เพื่อนคนนึง (นางแอบโกรธ ตม.) ถามเจ้าหน้าที่กลับไปว่ามีปัญหาอะไร ทำไมต้องกักตัวพวกเราออกมาด้วย (นางลากเข้าดราม่าค่ะ) เจ้าหน้าที่ก็บอกว่าก็แค่เครื่องมันเรียกให้เช็ค เลยต้องเรียกมาสัมภาษณ์แบบนี้ เพื่อนสาวก็เลยจัดหน้าเพลียให้ 1 เซ็ทใหญ่ พร้อมคำบ่นเป็นคอมโบเซ็ทเลยค่ะ จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็ลงมาส่งเราที่ทางออก และโบกมือลา พร้อมคำหวาน “see you soon” เพื่อนสาวคนเดิมเลยตอบกลับไปว่า “ไม่มาแล้วโว้ยยย” พร้อมค้อนไปอีกวงใหญ่
เราเสียเวลาที่นี่เป็นชั่วโมงเลยค่ะ แน่นอน!!! รถทัวร์ที่เรานั่งมาก็โบกมือลาเราไปแน่แล้ว เพราะคนรอในรถก็ยังมีอีกมาก รวมถึงที่ด้านหลังตั๋วรถก็บอกไว้ว่า รถจะรอเราแค่ 20 นาทีเท่านั้น ตายยย ค่ะ อินเทอร์เน็ตเราก็ใช้ไม่ได้ ติดต่อเจ้าแม่พันทิพย์ไม่ได้ก็ไปไม่เป็นสิทีนี้
เดินตามคนอื่นมาเรื่อยๆ ลงมาที่จอดรถบัสเรียงราย ยืนเอ๋อกันประมาณ 5 นาที แล้วก็ตัดสินใจไปถามผู้คนแถวนั้น คุณพี่คนสวยเลยแนะนำว่าให้เรานั่งรถบัส SMRT ที่จะรับส่งผู้โดยสารบริเวณรถไฟฟ้า เรารู้แค่ว่าต้องไป Woodland MRT Station และต่อไปเรื่อยๆ จนถึง Changi Airport ให้ได้ เลยไปตามหาอ่านตามป้ายต่างๆ และพบว่าเราต้องไปสาย 950 ว่าแล้วเราก็ขึ้นไปแบบงงๆ อีกว่าจะลงป้ายไหน
เอาวะ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ดีกว่าตกเครื่อง ตัดสินใจสะกิดพี่สุดหล่อข้างๆ ว่าเราควรจะลงป้ายไหน คุณพี่บอกว่าสุดสายเลยน้องสาวววว แล้วเราก็ตั้งเป้ากันเลยว่าสุดสายแน่นอน แต่นั่งไปประมาณ 15 นาที พี่สุดหล่อคนเดิมก็บอกว่า ลงป้ายนี้ก็ได้นะ ก็เป็น MRT เหมือนกัน เราก็เลยลงกันที่ป้าย Marsiling MRT Station เพื่อนั่งรถไฟฟ้าสายสีแดง และต่อสายอื่นๆ ไปเรื่อยๆ จนถึง Changi Airport ค่ะ โดยเริ่มต้นที่
- ขึ้นสถานี Marsiling (มุ่งหน้าไป Marina Bay) ลงที่สถานี Marsiling (สายสีแดง North South Line)
- ขึ้นสถานี Bishan (มุ่งหน้าไป Dhoby Ghaut) ลงที่สถานี Paya Lebar (สายสีส้ม Circle Line)
- ขึ้นสถานี Paya Lebar (มุ่งหน้าไป Pasir Ris) ลงที่สถานี Tanah Merah (สายสีเขียว East West Line)
- ขึ้นสถานี Tanah Merah ลงที่สถานี Changi Airport
เหนื่อยขาลากกันเลยอ่ะค่ะ เฉพาะต่อรถไฟฟ้านี้ใช้เวลาไปประมาณชั่วโมงครึ่งเลยค่ะ รวมเวลาทั้งหมดที่เราใช้เวลาเกือบ 3 ชั่วโมง ที่มาแบ่งปันนี้เผื่อใครอาจจะเจอเหตุการณ์เหมือนเรานะคะ จะได้มีวิธีให้ศึกษาไว้อุ่นใจกันก่อนไป หรือท่านใดมีวิธีการอื่นๆ ก็ร่วมแบ่งปันกับเราได้นะคะ
สาธุ….นะคะ ขอให้อย่าเจอเหตุการณ์เหมือนพวกเราเลยนะคะ
เที่ยวให้สนุกค่ะ ... Have Fun !!!!!
ทำอย่างไร?? เมื่อโดนกักตัวที่ ตม.ขาเข้า สิงคโปร์ (มาจากมาเลเซีย)
เรื่องมีอยู่ว่า พวกเรา “แก๊งค์ 6 สาวล้วน” วางแผนว่าจะไปเที่ยวประเทศสิงคโปร์ในวันหยุดที่ผ่านมา แต่เนื่องจากระยะเวลาที่เราต้องอยู่ที่สิงคโปร์มันยาวนานตั้ง 6 วัน เพื่อนสาวคนนึงเลยลองดูรีวิวการท่องเที่ยวในประเทศใกล้เคียงกับสิงคโปร์ นั่นก็คือประเทศมาเลเซีย แล้วพวกเราก็เลือกที่จะไปเที่ยวมะละกา เป็นเวลารวมการเดินทางทั้งหมด 3 วัน คือ
วันที่ 1 เดินทางจากสิงคโปร์-มะละกา โดยการนั่งรถบัสโดยสาร
ขาออก จากสิงคโปร์ ผ่านง่ายๆ อยู่แล้ว ไม่ต้องเอาสัมภาระลง
ขาเข้า มาเลเซีย ไม่ต้องกรอกใบผ่านเข้าเมือง แต่ต้องเอาสัมภาระลงทุกชิ้นนะคะ ส่วนการผ่าน ตม. ก็มีการสัมภาษณ์นิดหน่อยค่ะ ไม่ยุ่งยากมาก ผ่านด่านแล้วเอากระเป๋าสแกนด้วยนะคะ เสร็จแล้วก็นำสัมภาระทั้งหมดกลับไปที่รถ ตรงนี้สำคัญนะคะ สังเกตลักษณะของรถและป้ายทะเบียนรถให้ดี รวมถึงแอบตามๆ เพื่อนพี่น้องที่นั่งรถคันเดียวกับเราไว้ด้วยนะคะ เพื่อจะได้กลับขึ้นรถถูกและเดินทางต่อกันค่ะ
สิ้นสุดการเดินทางใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมงค่ะ
เย็นๆ เราไปเดินเล่น walking street ที่ Chinatown และสำรวจเส้นทางต่างๆ ไว้เบื้องต้นค่ะ
วันที่ 2 เดินเท้าเที่ยวทั่ว แบบมั่วๆ ทั้งมะละกา
ในวันนี้เราใช้วิธีการเดินเท้าเที่ยวอย่างเดียวเลยค่ะ สนุกสนานมากค่ะ เดินไปถ่ายรูปไป และเจอผู้คนที่น่ารักและใจดีมากๆ พูดแล้วยังประทับใจไม่หายค่ะ ผู้คนที่นี่ทำให้เมืองที่สงบดูมีเสน่ห์และสีสันขึ้นมาเลยล่ะค่ะ
ในส่วนที่ไปเที่ยวที่ไหน ไปยังไงกัน นอนที่ไหน กินอะไรกัน ใครสนใจก็คอมเม้นหรือหลังไมค์มาได้นะคะ จะพยายามช่วยเหลืออย่างเต็มที่ค่ะ
วันที่ 3 เดินทางกลับจากมะละกา-สิงคโปร์ โดยการนั่งรถบัสโดยสารเช่นเดิม
แล้ววันที่เราตื่นเต้นก็มาถึง เพราะก่อนนอนนั้นเราก็ต่างคิดกันว่า เราจะกรอกที่อยู่ที่สิงคโปร์ในช่องของ Address ในใบผ่านเข้าเมืองของสิงคโปร์ยังไงดี แล้วเราก็ได้รับคำแนะนำจากเจ้าของที่พักของเราว่าให้กรอกที่อยู่ที่เราเคยพักที่สิงคโปร์
ขาออก จากมาเลเซีย ต้องเอาสัมภาระลง ตึก ตม. ของมาเลเซียขาออกนี้ ต้องบอกเลยแตกต่างจากขาเข้ามาก เดินไม่ดีระวังหลงจากหมู่คณะได้นะคะ แต่ก็ไม่ยากอย่างที่คิดค่ะ (ขออภัยนะคะ ไม่มีรูปประกอบ) ด่านนี้ก็ผ่านมาได้เหมือนเดิมค่ะ
ขาเข้าสิงคโปร์ เตรียมกรอกใบผ่านเข้าเมือง และสัมภาระทุกชิ้นให้พร้อมนะคะ พวกเราเดินเข้าไปที่ ตม. พร้อมแอบสวดภาวนาให้เราผ่านไปได้ ไม่อยากให้เกิดปัญหาใดๆ เพราะกลัวตกเครื่อง แต่แล้วปัญหาก็เกิดจริงๆ ค่ะ เพื่อนสาวคนแรกเข้าไปพร้อมๆ กับเพื่อนสาวอีกคนหนึ่ง เวลาเริ่มเดินช้าลงค่ะคุณผู้ชม ที่เห็นคนอื่นเค้าผ่านไปโดยใช้เวลาตรวจเอกสารมากสุดก็ 1 นาที แต่ของพวกเรา 2 นาทีก็ยังไม่เรียบร้อย เลยคิดว่าโด้นนน ...โดนแล้วหล่ะ แล้วก็โดนจริงๆ ค่ะ ทั้งมวลแก๊งค์เลย
พวกเราโดนนำตัวขึ้นไปยังห้องสอบสวนค่ะ แล้วเจ้าหน้าที่ก็เรียกเราเข้าไปกันทีละคน เริ่มจากถามชื่อ-นามสุกล และขอบัตรประชาชนของพวกเราไปดูค่ะ แต่ที่มันน่าตกใจ คือ เจ้าหน้าที่สิงคโปร์พูดว่า “บัตรประชาชนคับ” งงเลยค่ะ ตกใจเลยว่าพูดได้ด้วย เจ้าหน้าที่เค้าขอบัตรเราไปกรอกชื่อ-นามสกุล วันเดือนปีเกิด และสัญชาติค่ะ เราแอบชำเลืองดูในสมุดที่เจ้าหน้าที่ใช้บันทึก เลยทำให้ความงงของเรากระจ่างเลยค่ะ ในช่องสัญชาติของทั้งหน้ากระดาษนั้น คือ “Thai” ค่ะ เลยไม่แปลกใจละว่าทำไมเจ้าหน้าที่สิงคโปร์พูดว่า “นั่งๆ” “บัตรประชาชนคับ” “เสร็จแล้ว”ได้คล่องเลย
นอกจากนี้เจ้าหน้าที่เค้าก็ขอสแกนลายนิ้วมือของเรา และสอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับอาชีพ การทำงาน ความสัมพันธ์กับเพื่อนๆ ในหมู่คณะ เพื่อนคนนึง (นางแอบโกรธ ตม.) ถามเจ้าหน้าที่กลับไปว่ามีปัญหาอะไร ทำไมต้องกักตัวพวกเราออกมาด้วย (นางลากเข้าดราม่าค่ะ) เจ้าหน้าที่ก็บอกว่าก็แค่เครื่องมันเรียกให้เช็ค เลยต้องเรียกมาสัมภาษณ์แบบนี้ เพื่อนสาวก็เลยจัดหน้าเพลียให้ 1 เซ็ทใหญ่ พร้อมคำบ่นเป็นคอมโบเซ็ทเลยค่ะ จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็ลงมาส่งเราที่ทางออก และโบกมือลา พร้อมคำหวาน “see you soon” เพื่อนสาวคนเดิมเลยตอบกลับไปว่า “ไม่มาแล้วโว้ยยย” พร้อมค้อนไปอีกวงใหญ่
เราเสียเวลาที่นี่เป็นชั่วโมงเลยค่ะ แน่นอน!!! รถทัวร์ที่เรานั่งมาก็โบกมือลาเราไปแน่แล้ว เพราะคนรอในรถก็ยังมีอีกมาก รวมถึงที่ด้านหลังตั๋วรถก็บอกไว้ว่า รถจะรอเราแค่ 20 นาทีเท่านั้น ตายยย ค่ะ อินเทอร์เน็ตเราก็ใช้ไม่ได้ ติดต่อเจ้าแม่พันทิพย์ไม่ได้ก็ไปไม่เป็นสิทีนี้
เดินตามคนอื่นมาเรื่อยๆ ลงมาที่จอดรถบัสเรียงราย ยืนเอ๋อกันประมาณ 5 นาที แล้วก็ตัดสินใจไปถามผู้คนแถวนั้น คุณพี่คนสวยเลยแนะนำว่าให้เรานั่งรถบัส SMRT ที่จะรับส่งผู้โดยสารบริเวณรถไฟฟ้า เรารู้แค่ว่าต้องไป Woodland MRT Station และต่อไปเรื่อยๆ จนถึง Changi Airport ให้ได้ เลยไปตามหาอ่านตามป้ายต่างๆ และพบว่าเราต้องไปสาย 950 ว่าแล้วเราก็ขึ้นไปแบบงงๆ อีกว่าจะลงป้ายไหน
เอาวะ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ดีกว่าตกเครื่อง ตัดสินใจสะกิดพี่สุดหล่อข้างๆ ว่าเราควรจะลงป้ายไหน คุณพี่บอกว่าสุดสายเลยน้องสาวววว แล้วเราก็ตั้งเป้ากันเลยว่าสุดสายแน่นอน แต่นั่งไปประมาณ 15 นาที พี่สุดหล่อคนเดิมก็บอกว่า ลงป้ายนี้ก็ได้นะ ก็เป็น MRT เหมือนกัน เราก็เลยลงกันที่ป้าย Marsiling MRT Station เพื่อนั่งรถไฟฟ้าสายสีแดง และต่อสายอื่นๆ ไปเรื่อยๆ จนถึง Changi Airport ค่ะ โดยเริ่มต้นที่
- ขึ้นสถานี Marsiling (มุ่งหน้าไป Marina Bay) ลงที่สถานี Marsiling (สายสีแดง North South Line)
- ขึ้นสถานี Bishan (มุ่งหน้าไป Dhoby Ghaut) ลงที่สถานี Paya Lebar (สายสีส้ม Circle Line)
- ขึ้นสถานี Paya Lebar (มุ่งหน้าไป Pasir Ris) ลงที่สถานี Tanah Merah (สายสีเขียว East West Line)
- ขึ้นสถานี Tanah Merah ลงที่สถานี Changi Airport
เหนื่อยขาลากกันเลยอ่ะค่ะ เฉพาะต่อรถไฟฟ้านี้ใช้เวลาไปประมาณชั่วโมงครึ่งเลยค่ะ รวมเวลาทั้งหมดที่เราใช้เวลาเกือบ 3 ชั่วโมง ที่มาแบ่งปันนี้เผื่อใครอาจจะเจอเหตุการณ์เหมือนเรานะคะ จะได้มีวิธีให้ศึกษาไว้อุ่นใจกันก่อนไป หรือท่านใดมีวิธีการอื่นๆ ก็ร่วมแบ่งปันกับเราได้นะคะ
สาธุ….นะคะ ขอให้อย่าเจอเหตุการณ์เหมือนพวกเราเลยนะคะ
เที่ยวให้สนุกค่ะ ... Have Fun !!!!!