คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 6
มีญาติแบบนี้ ลำบากกันพอสมควรเลยนะคะ เวลาเจอหน้าและพูดคุยกัน
ส่วนหนึ่ง เขาคิดว่าเราเป็นเด็ก เขาจะพูดจา สั่งสอน ทำนองข่มว่าลูกเขาดีอย่างไรก็ได้ แต่เวลาบอกกับใคร เขาก็จะพูดว่า
เขาหวังดีกับเรา อยากให้ได้ดีเหมือนลูกเขา ประมาณนี้ค่ะ เขาจึงคิดว่า มันไม่ผิดค่ะ
สังคมไทยเป็นสังคมที่ชอบ แข่งดี ในหมู่ญาติ ประมาณว่าลูกชั้นดี เลิศ ที่หนึ่ง ทำให้เกิดปมในใจเด็ก ว่า "เพราะเป็นเด็กจึงเจ็บปวด"
เพราะถูกกิเลส ของผู้ใหญ่ข่มเหง ญาติแบบนี้ มีแล้วก็ไม่มีใครอยากจะคุยด้วยเท่าไหร่หรอกค่ะ เพราะอีดอัดใจ
เดาว่า เขามองคุณว่า หัวอ่อน ไซโคง่าย เพราะคุณถูกฝึกมาให้ อ่อนน้อมกับผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่บางคนจับจุดนี้ได้ เลยเอามารังแกเด็ก
สิ่งที่ต้องจำ ไว้ อย่างแรก คือ อย่าไปรับทุกอย่างในความคิดของญาติผู้ใหญ่คนนั้น มาเป็นของเรา
1. ให้จำคำถามของญาติ ไว้ ประมาณ อันที่เขาใช้ประจำ ใช้บ่อยๆ จดใส่กระดาษ หรือเอาอันที่กระทบใจ ดวงน้อยๆ ของเรามา
2. เขียนความจริงที่อยู่ในใจเราออกมา เช่น ไม่ใช่นะ เราเองก็เป็นเด็กดี ตั้งใจ เราเป็นลูกที่ดีของพ่อแม่ เราภูมิใจ ไม่ได้ด้อยค่า
กว่าลูกเขา พ่อแม่เราก็รักเรา
3. เขียนความจริงที่เขามองออกมา
4. ดูว่าเราคล้อยตาม ความเห็นใครมากกว่ากัน ระหว่างความคิดตัวเอง กับความคิดของญาติผู้ใหญ่คนนั้น
การสับสนใจ หรือไม่สบายใจ เป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว เพราะเมื่อเราได้ยินเรื่องราวหรือถ้อยคำที่ไม่ตรงกับความจริง
เราจะต้องสับสน แต่อย่ากลัวที่จะพูดความจริงค่ะ
หลักการตอบ ให้ตอบตามความจริง และลงท้ายค่ะ ให้มีสัมมาคารวะ
พี่จะไกด์ให้คร่าวๆนะคะ
เช่น หนูไม่คิดอย่างนั้นนะคะ คุณอา หนูเองก็คิดอยู่เสมอว่า ลูกคุณอาเป็นคนเก่งน่ารัก ทำให้คุณอาภูมิใจ แต่พ่อแม่ หนู
ท่านก็เห็นข้อดีของหนู ภูมิใจในตัวหนูเช่นกัน ดังนั้น หนูขอร้อง คุณอา อย่าเอามาเปรียบเทียบกันให้เด็กๆ ต้องมาอึดอัดใจเลยค่ะ
หรือ แต่หนูคิดว่าเป็นแบบนี้ๆ มากกว่านะคะ สมัยนี้เด็กๆก็ ขึ้นรถเมลล์กันหมด ที่มหาลัยหนูก็เห็นฐานะทางบ้านดี ก็ยังขึ้นรถเมลล์กันเลย
อย่าง เพี่อนชื่อเอบ้านรวยมาก แต่ เขาก็ยังนั่งปอ. ไปไหนมาไหนกับเพื่อนๆ ดูเขาปกติมากเลยนะคะ บลาๆๆๆ
หนูหัดพูดหัดแสดงออกให้เป็นธรรมชาตินะคะ อาจจะซ้อมไว้ค่ะ ไม่ถือว่าก้าวร้าวผู้ใหญ่ด้วยค่ะ
ตอบตามจริงค่ะ สับสนบ้างไม่เป็นไร เพราะสิ่งที่ได้ยินขัดกับความจริงค่ะ ทุกคนต้องสับสน แต่ให้ยอมรับว่าเราสับสน ขัดใจ
และเดินหน้ากล้าพูด ความจริง อย่างอ่อนน้อมถ่อมตนไปจ๊ะ
มุมมองผู้ใหญ่ เขาก็เกิดห่างจากเราหลายสิบปี มีเรื่องวัยของเราที่เขาไม่เข้าใจอีกมากมากมาย ที่เขาเรียกว่าช่องว่างระหว่างวัยนั่นแหละ
ต่อไป หนูตอบเขาได้บ่อยๆ ตรงกับทีใจหนูคิด และฉาดฉาน เขาจะเปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่นกับหนูเอง
สุดท้าย หนูเคลียร์ใจกับทุกคำถามแล้ว ที่ญาติคนนี้ทำให้หนูสับสนในใจ ตามวิธีทีพี่บอก หนูแจ้งพ่อกับแม่จ๊ะ
เพราะสุดท้ายกรณีแย่ที่สุด หากญาติคนนี้มองว่า การที่หนูพูดความจริง มันขัดใจเขา แปลว่า หนูไม่เคารพเขา เป็นเด็กก้าวร้าว
เขาจะฟ้องพ่อแม่ หนู ดังนั้นแจ้งให้ท่านทราบก่อน ว่าหนูได้รับการเปรียบเทียบให้อึดอัดใจ ปน สร้างความน้อยเนื้อต่ำใจ อย่างไร
เพราะคำพูดของญาติคนนี้
สุดท้าย เวลาญาติคนนี้ขัดใจ เขาอาจจะพูดแบบ ข่มหนู หรือพูดจาไม่ดีใส่หนู
ขอให้หนูคิดถึงที่พี่บอก ข้อ 1 ถึง 4 ในใจ ถ้าหนูไม่ได้เป็นอย่าไปโกรธเขา นิ่งไว้
แต่ให้หาวิธีเรียนรู้ต้องตอบยังไง โดยไม่โกรธจ๊ะ
แพ้เขาสักหลายยกก็ไม่เป็นไร นะ แต่อย่าปล่อยตัวเองไว้กับความสับสน ไม่มีใครรู้จักเราดีเท่าตัวเราเองหรอกจ๊ะ
ส่วนหนึ่ง เขาคิดว่าเราเป็นเด็ก เขาจะพูดจา สั่งสอน ทำนองข่มว่าลูกเขาดีอย่างไรก็ได้ แต่เวลาบอกกับใคร เขาก็จะพูดว่า
เขาหวังดีกับเรา อยากให้ได้ดีเหมือนลูกเขา ประมาณนี้ค่ะ เขาจึงคิดว่า มันไม่ผิดค่ะ
สังคมไทยเป็นสังคมที่ชอบ แข่งดี ในหมู่ญาติ ประมาณว่าลูกชั้นดี เลิศ ที่หนึ่ง ทำให้เกิดปมในใจเด็ก ว่า "เพราะเป็นเด็กจึงเจ็บปวด"
เพราะถูกกิเลส ของผู้ใหญ่ข่มเหง ญาติแบบนี้ มีแล้วก็ไม่มีใครอยากจะคุยด้วยเท่าไหร่หรอกค่ะ เพราะอีดอัดใจ
เดาว่า เขามองคุณว่า หัวอ่อน ไซโคง่าย เพราะคุณถูกฝึกมาให้ อ่อนน้อมกับผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่บางคนจับจุดนี้ได้ เลยเอามารังแกเด็ก
สิ่งที่ต้องจำ ไว้ อย่างแรก คือ อย่าไปรับทุกอย่างในความคิดของญาติผู้ใหญ่คนนั้น มาเป็นของเรา
1. ให้จำคำถามของญาติ ไว้ ประมาณ อันที่เขาใช้ประจำ ใช้บ่อยๆ จดใส่กระดาษ หรือเอาอันที่กระทบใจ ดวงน้อยๆ ของเรามา
2. เขียนความจริงที่อยู่ในใจเราออกมา เช่น ไม่ใช่นะ เราเองก็เป็นเด็กดี ตั้งใจ เราเป็นลูกที่ดีของพ่อแม่ เราภูมิใจ ไม่ได้ด้อยค่า
กว่าลูกเขา พ่อแม่เราก็รักเรา
3. เขียนความจริงที่เขามองออกมา
4. ดูว่าเราคล้อยตาม ความเห็นใครมากกว่ากัน ระหว่างความคิดตัวเอง กับความคิดของญาติผู้ใหญ่คนนั้น
การสับสนใจ หรือไม่สบายใจ เป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว เพราะเมื่อเราได้ยินเรื่องราวหรือถ้อยคำที่ไม่ตรงกับความจริง
เราจะต้องสับสน แต่อย่ากลัวที่จะพูดความจริงค่ะ
หลักการตอบ ให้ตอบตามความจริง และลงท้ายค่ะ ให้มีสัมมาคารวะ
พี่จะไกด์ให้คร่าวๆนะคะ
เช่น หนูไม่คิดอย่างนั้นนะคะ คุณอา หนูเองก็คิดอยู่เสมอว่า ลูกคุณอาเป็นคนเก่งน่ารัก ทำให้คุณอาภูมิใจ แต่พ่อแม่ หนู
ท่านก็เห็นข้อดีของหนู ภูมิใจในตัวหนูเช่นกัน ดังนั้น หนูขอร้อง คุณอา อย่าเอามาเปรียบเทียบกันให้เด็กๆ ต้องมาอึดอัดใจเลยค่ะ
หรือ แต่หนูคิดว่าเป็นแบบนี้ๆ มากกว่านะคะ สมัยนี้เด็กๆก็ ขึ้นรถเมลล์กันหมด ที่มหาลัยหนูก็เห็นฐานะทางบ้านดี ก็ยังขึ้นรถเมลล์กันเลย
อย่าง เพี่อนชื่อเอบ้านรวยมาก แต่ เขาก็ยังนั่งปอ. ไปไหนมาไหนกับเพื่อนๆ ดูเขาปกติมากเลยนะคะ บลาๆๆๆ
หนูหัดพูดหัดแสดงออกให้เป็นธรรมชาตินะคะ อาจจะซ้อมไว้ค่ะ ไม่ถือว่าก้าวร้าวผู้ใหญ่ด้วยค่ะ
ตอบตามจริงค่ะ สับสนบ้างไม่เป็นไร เพราะสิ่งที่ได้ยินขัดกับความจริงค่ะ ทุกคนต้องสับสน แต่ให้ยอมรับว่าเราสับสน ขัดใจ
และเดินหน้ากล้าพูด ความจริง อย่างอ่อนน้อมถ่อมตนไปจ๊ะ
มุมมองผู้ใหญ่ เขาก็เกิดห่างจากเราหลายสิบปี มีเรื่องวัยของเราที่เขาไม่เข้าใจอีกมากมากมาย ที่เขาเรียกว่าช่องว่างระหว่างวัยนั่นแหละ
ต่อไป หนูตอบเขาได้บ่อยๆ ตรงกับทีใจหนูคิด และฉาดฉาน เขาจะเปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่นกับหนูเอง
สุดท้าย หนูเคลียร์ใจกับทุกคำถามแล้ว ที่ญาติคนนี้ทำให้หนูสับสนในใจ ตามวิธีทีพี่บอก หนูแจ้งพ่อกับแม่จ๊ะ
เพราะสุดท้ายกรณีแย่ที่สุด หากญาติคนนี้มองว่า การที่หนูพูดความจริง มันขัดใจเขา แปลว่า หนูไม่เคารพเขา เป็นเด็กก้าวร้าว
เขาจะฟ้องพ่อแม่ หนู ดังนั้นแจ้งให้ท่านทราบก่อน ว่าหนูได้รับการเปรียบเทียบให้อึดอัดใจ ปน สร้างความน้อยเนื้อต่ำใจ อย่างไร
เพราะคำพูดของญาติคนนี้
สุดท้าย เวลาญาติคนนี้ขัดใจ เขาอาจจะพูดแบบ ข่มหนู หรือพูดจาไม่ดีใส่หนู
ขอให้หนูคิดถึงที่พี่บอก ข้อ 1 ถึง 4 ในใจ ถ้าหนูไม่ได้เป็นอย่าไปโกรธเขา นิ่งไว้
แต่ให้หาวิธีเรียนรู้ต้องตอบยังไง โดยไม่โกรธจ๊ะ
แพ้เขาสักหลายยกก็ไม่เป็นไร นะ แต่อย่าปล่อยตัวเองไว้กับความสับสน ไม่มีใครรู้จักเราดีเท่าตัวเราเองหรอกจ๊ะ
แสดงความคิดเห็น
อยากกลับบ้านวันสงกรานต์ ไม่ได้กลับหลายปีแล้ว เกลียดญาติ ทำไงดีคะ
เราเกลียดญาติเราคนนึงมากๆ เค้าเป็นผู้ใหญ่ แก่กว่าพ่อแม่เรา
ทุกครั้งที่คุยกับเค้า เค้าชอบดูถูกเรา แล้วก็พูดประมาณว่าลูกเค้าเก่งอย่างโน้นอย่างนี้ มีอะไรไปถามลูกเค้าสิ เราไม่รู้เท่าลูกเค้าหรอก
แล้วชอบพูดเรื่องแบบนี้กับเรา ไม่พูดกับหลานคนอื่นๆ แล้วเวลาพูดก็พูดตอนพ่อแม่เราไม่ได้ยินด้วย
ลูกเค้าเก่ง เราไม่ได้คิดอะไร เราก็ยินดี เพราะเค้าเป็นลูกพี่ลูกน้องเรา ตอนเด็กๆก็เคยเล่นด้วยกัน ปกติดี
คือเราเองเป็นคนเรียนดีประมาณนึง แต่ก็ไม่ได้เก่งเว่อมาก เราก็เรื่อยๆของเรา ชอบทำกิจกรรม เรามีความสุขมากๆกับชีวิตของเรา
แต่พอเวลาเจอญาติคนนี้ทีไร เราทรมานใจมากๆ ที่ต้องฝืนพูดคุยด้วย
ขอยกตัวอย่างคำพูดเค้านะ เช่น
1 "จะไปเรียนเมืองนอกหรอ มันไม่ได้ง่ายเหมือนเรียนมหาลัยห้องแถวในไทยนะ"
2 ภาษาอังกฤษพูดได้หรอ จะไปเรียนเมืองนอก
3 ตอนเราจะสอบเข้ามหาลัยสีชมพู เค้าก็บอก "อ๋อที่อยากเรียนที่นี่เพราะเห็นลูกเค้าเรียนใช่ไหม"
ซึ่งความจริงแล้วเราไม่ได้คิดแบบนั้นเลย ใครๆในประเทศนี้ก็อยากเรียนที่นั่นปะ?
4 ตอนเรามาเรียน กทม ใหม่ๆ ช่วงแรกเราต้องไปอยู่กับลูกเค้าเพราะเรายังหาหอไม่ได้ เค้าก็โทรมาหาเรา บอกว่า ขัดห้องน้ำ กับกวาดผมในห้องลูกเค้าให้ด้วยนะ ลูกเค้าไม่ค่อยมีเวลา ผมร่วงลงพื้นเยอะ(ลูกเค้าไว้ผมยาว)
อันนี้เป็นแบบที่พูดแล้วเข้าใจชัดๆ แต่ส่วนใหญ่เค้าจะพูดมาในรูปแบบ เช่น
ลูกชั้นดีขนาดนั้นยังนั่งรถเมล์เลย (คนปกติใครๆก็นั่งปะ เราก็นั่ง) ลูกชั้นสอบได้โน่นนี่นั่น ลูกชั้นซื้อนั่นนี่ให้ บลาๆๆๆๆๆ
ที่เราตั้งกระทู้วันนี้เป็นเพราะ เราอึดอัดใจมาก เวลาเจอญาติคนนี้ เค้ามาบ้านเราที่ ตจว ทุกวันหยุดยาว เพื่อมาหายายเรา
ตอนนี้เราอยู่ กทม เรียนที่ กทม สงกรานต์สองปีแล้วที่เราไม่กลับบ้านเพราะ เราไม่อยากเจอญาติคนนี้
เราเคยบอกพ่อกับแม่เรา แต่เค้าก็ไม่เคยช่วยไรเลยทำเป็นไม่สนใจ เค้ามีแต่จะให้เราหัวอ่อนทำตัวน่ารัก กับญาติคนนี้ และไม่ชอบมากๆถ้าเราทำฟึดฟัด หน้าบึ้งกับญาติคนนี้
พ่อก็บอกเค้าเป็นผู้ใหญ่ ยังไงเค้าก็หวังดีกับเรา เมื่อก่อนเราก็พยายามเชื่อ แต่เท่าที่เราสัมผัสกับเค้ามาตั้งแต่เด็กจนโต มันก็รู้สึกแปลกๆขัดๆอยู่ตลอด ว่าเค้าไม่เห็นเป็นอย่างที่พ่อพูดเลย
เราจะทำยังไงดี เราไม่ได้อยากเกลียดใครนะ เราก็มีความสุขในชีวิตเราดี แต่พอกลับบ้านไปเจอมันก็อึดอัด ขนาดแม่เรายังบอกว่าคุยกับเค้าแล้วอึดอัด
เราก็คิดถึงยายเรา ยายเราก็ทำไรไม่ได้ เค้าก็รู้ว่าเราไม่ชอบญาติคนนี้
เราควรจัดการกับความรู้สึกนี้ยังไงดีคะ เราเกลียดเค้ามาก หน้ายังไม่อยากมองเลย
ขอบคุณล่วงหน้านะคะ ถ้าใครจะกรุณาแนะนำ